เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..

คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน => คุยได้ทุกเรื่อง => ข้อความที่เริ่มโดย: ประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 04 สิงหาคม, 2556, 01:29:11 PM



หัวข้อ: การอยู่ร่วมของชาวเขา-อีสาน
เริ่มหัวข้อโดย: ประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 04 สิงหาคม, 2556, 01:29:11 PM

การอยู่ร่วมของชาวเขา-ชาวอีสาน
 http://www.naturedharma.com/data-1430.html
   

  เรื่องของคนเหนือ-คนทุ่ง-คนทะเลได้นำข้อเท็จจริงมาบอกกล่าวไปแล้ว เป็นเรื่องการอยู่ร่วมของคนทางถิ่นใต้เมื่อ 40 ปีก่อน มีลักษณะเด่นในเรื่องการพึ่งพาซึ่งกันและกัน สำหรับของชาวเขาทางภาคเหนือ และชาวอีสานมีจุดเด่นในเรื่องการอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

      สมัยเมื่อ 30 ปีก่อนคนทางภาคอีสานยังอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ อย่างเหนียวแน่น ปัจจุบันเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ส่วนชาวดอย ชาวเขาทางภาคเหนือยังตั้งถิ่นฐานเป็นกลุ่ม เป็นหมู่บ้านอย่างเห็นได้ชัด

      การอยู่ในลักษณะเช่นนี้การเป็นอยู่ยังใช้ระบบพึ่งพาอาศัยกันส่วนใหญ่ เมื่อเป็นเช่นนี้ค่าครองชีพจึงต่ำ เพราะต่างก็ยังช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ยังใช้ระบบแลกเปลี่ยนสิ่งของต่อกันบ้าง ซึ่งผิดกันราวหน้ามือเป็นหลังมือกับเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต ที่มีค่าครองชีพสูง คนดอยอาจ
จะนำของป่าของพื้นบ้านมาจำหน่ายให้กับพวกเดินทางนักท่องเที่ยวตามริมถนนบ้างเพื่อนำเงินเหล่านั้นใช้จ่ายในของจำเป็นที่ทำไม่ได้เองบางส่วน ซึ่งเริ่มหาความสะดวกสบายขึ้นบ้าง

       ชาวดอยจะตั้งถิ่นฐานที่อยู่เป็นกลุ่มเป็นหมู่บ้าน พื้นที่รอบนอกจะทำเป็นพื้นที่เพาะปลูก ลักษณะการเป็นอยู่เช่นนี้ที่ "ธรรมชาติธรรม"
เห็นว่าควรยึดไว้ เพียงแต่ให้การพัฒนาด้านสาธารณสุข การกำหนดพื้นที่ทำกินอย่างเหมาะสมเพียงพอ การกำหนดจำนวนครัวเรือน ระยะห่างของแต่ละกลุ่ม หมู่บ้าน การคมนาคมควรใช้วิธีใด ซึ่งเรื่องนี้มีการวิจัยหาข้อมูลกันต่อไป

       แนวทางอยู่อย่างสันติสุขไม่ใช่เรื่องยาก การจะหวนกลับมาแบบเก่าเป็นเรื่องง่าย เมื่อเราเข้าใจ เห็นดีเห็นงาม บรรดาพวกกลุ่มนายทุนทั้งหลายให้การสนับสนุน เห็นความสุขแท้จริงของการอยู่รวมพอกิน พอใช้ ไม่ต้องสะสม ไม่ต้องกักตุน ไม่มีเจ้าของ แบ่งหน้าที่ทำงานร่วมกัน เหมือนตัวอย่างสัตว์สังคมอื่น ๆ

       มนุษย์เป็นสัตว์สังคม คือต้องอยู่ร่วมกันพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ตอนนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เราไม่ได้อยู่อย่างสัตว์สังคมที่ถูกต้อง คือไม่อยู่อย่างธรรมดา ไม่อยู่อย่างธรรมชาติ ด้วยผลประโยชน์ด้านธุรกิจเข้าเกี่ยวข้อง ทำให้เห็นแก่ตัว เอารัดเอาเปรียบ ความวุ่นวายต่าง ๆ ก็ตามมาไม่รู้จักจบสิ้น เนื่องจากธุรกิจยิ่งเพิ่มใหม่ขึ้น เติบโตขึ้น ล้วนส่งผลต่อการคุกคามธรรมชาติอย่างไม่มีวันจบ เพิ่มมลพิษไปทุกด้าน

        สัตว์สังคมยังอยู่กันได้อย่างดีมีความสุขเพราะสัตว์พวกนั้นดำรงชีพตามวิถีชีวิตตามธรรมดา ตามธรรมชาติ เช่น ปลวก ผึ้ง ตัวต่อ ยังแบ่งหน้าที่กันเช่นเดิม ไม่เอาผลประโยชน์ธุรกิจเข้ามาเกี่ยวข้อง การเอารัดเอาเปรียบจึงไม่มี การเป็นอยู่ก็อยู่อย่างปกติธรรมดา ความวุ่นวายจึงไม่เกิดขึ้น พวกสัตว์เหล่านี้จึงอยู่อย่างมีสุข ถ้าไม่มีสุขก็คงสืบสาเหตุจากมนุษย์เรานั้นเอง

        การค้นหาหลักสัจธรรมเพื่อนำมาใช้ในการอยู่ร่วม โดยศึกษาระบบธรรมชาติให้เข้าใจถึงแก่นแท้ ความต้องการของมนุษย์ที่พึ่งมีตามขอบเขต โดยอาศัยหลักความเป็นธรรมดา ธรรมชาติเข้าเกี่ยวข้อง รวมทั้งนำหลักธรรมของศาสนาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวแทนกฎหมาย การอยู่ร่วมกันคงมีความสันติสุขแท้จริง และยั่งยืน