หัวข้อ: O นิราศรอยอดีต .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 27 กรกฎาคม, 2556, 10:10:45 PM (http://upic.me/i/hk/1347803207.jpg) (http://upic.me/show/46177017)
๔. ๑. อยุธยาร่วงจากฟ้า - - - สู่ดิน นานเนอ เหลือซากปูนอิฐหิน - - - หักกลิ้ง ม่านล่มชีพ, เลือดริน - - - รดหลั่ง ปล่อยรกร้างทอดทิ้ง - - - ระหว่างยิ้มชาวสยาม ฯ ๒. ยอดปรางค์เคยปลาบเรื้อง - - - สุริยัน ทองผุดผ่อง, เฉิดฉัน - - - ช่อฟ้า หอไตร, โบสถ์, เรื้องพรร- - - - โณภาส ธรรมจักรหมุนเหวี่ยงหล้า - - - เลื่อนคล้อยมิจฉะสมัย ฯ ๑๔. ๓. เพ่งพิศนิมิตะก็สะท้อน ยุคะก่อนสิยาวไกล เพ่งภาพก็ภาพบุพะสมัย ประลุในคะนึงหา ๔. โน่น .. วัง ณ ครั้งบุพะกษัตริย์ ดละรัฐะสีมา รวมไทยและใจสหะสถา- ปนะราชะธานี ๕. เวียงวังประดังดุริยะศัพท์ พิเราะรับมโหรี เริงร่ายสยายวระสรี- ระสตรี สิ งามตา ๖. อาวาสพระศาสนะสถาน สิริปานจะปันปรา- กฎธรรมะย้ำปฏิปทา ทะนุภาวะอารมณ์ ๗. เกริกกิตติอิสริยะยศ พิเราะพจน์ก็พร่างพรม เพียบเตชะเมตต์คุณะผสม ธรรมะบ่ม หทัยไทย ๘. ไพร่ฟ้าประชาอุระเขษม ผัสะเขมะถ้วนใคร ก้องนามสยามสุขะไผท ปุระไกลก็กล่าวขาน ๙. แดดทอดตลอดตละผนัง ชะภวังคะล่วงวาน อิฐก้อนสะท้อนอัคระสถาน พิสดารก็บันดล ๑๐. โน่น .. แถวทะแกล้วพระจักรพรรดิ ทะนุรัฐะมณฑล ช้างม้าพลาสมรรถะพล ระดะหนสิห้าวหาญ ๑๑. ปลิวปัดสะบัดธวัชะผืน กละคลื่นอุทกธาร แห่ห้อมตะล่อมคชะแสะสาร อนุบาละคู่เมือง ๑๒. โอ่อ่าพระบารมิและคัม- ภิรภาพะรุ่งเรือง เผ่าพิษะริษยะก็เคือง มุหะเนื่องและอุดหนุน ๑๓. กลองศึกผนึกทุษะจริต ก็ประชิดจะชมกุญ- ชร .. เพศเศวตสถิตะสุน- ทริยะบุญะราชันย์ ๑๔. แสนยาก็บ่าลุชนบท ทุรพจน์ก็รำพัน ไมตรี บ่ มีก็จะผจัญ รณะมั่นจะเอาเมือง ๑๕. มวลม่านทะยานลุนคเรศ ระอุเลศะขุ่นเคือง สิบทิศประสิทธิ์ยศะเมลือง พละเขื่องประโคมขาน ๑๖. ครั้งนั้นตะวันนิระระรอง ดุจะหมองเพราะผองมาร ดั่งรอระย่อหัตะปหาร รณะการ ณ แดนดิน ๑๗. แล้ว ! .. ง้าวสกาวสุริยะแสง ประลุแล่งก็เลือดริน ซบร่างเพราะขวาง คชะอรินทร์ ธรณินก็กันแสง ๑๘. ศรีศรี .. พระศรี พระสุริโย- ทยะโผก็เพียบแพง โปรยโปรย .. ประโปรยลุหิตะแดง ฤ จะแห้งจะเหือดหาย ๑๙. ครวญคร่ำระส่ำทุขะเทวษ ขณะเกศะกำจาย โอ แก้ว .. ละแล้วชิวะสลาย เฉพาะหมายจะป้องเมือง ๒๐. ร่วงหล่น ณ บนอุระสยาม ยศะนามะรองเรือง โลมกาละปานสุริยะเรื้อง เลาะประเทืองหทัยไท ๒๑. ศรีศรี .. สตรีศิระประเทศ ระบุเพศะเกริกไกร งามล้วนเหมาะควร - นคระไกล ปุระใกล้ชุลีกร ๑๙. ๒๒. โอ้ชายชาญ .. หัตะผู้ ฤ รู้ชิวะสมร อดสูบ่รู้รอน - - - อรินทร์ ๑๑ ๒๓. ฟ้าส่องประกายเศร้า ชละเล่าบ่ไหลริน ฝูงนกบ่ผกผิน วัลย์ถิ่นบ่ทอดเถา ๒๔. ลำลมบ่โลมพัด คณะสัตว์ก็เร้นเงา ตฤณสรรพะอับเฉา ดุจะเศร้าบ่สร่างซา ๑๔ ๒๕. โอ .. งามสง่ารัฐะประเทศ พระนเรศกษัตรา องอาจพระราชะจริยา ดุจะฟ้านะฝากฝัง ๒๖. ห้าวหาญ ณ กาลรณะประยุทธ ขณะรุด ณ ลำพัง เด็ดขาดก็อาชญะประนัง ตละครั้งก็ควรขาน ๒๗. กร้าวแกร่งผิว์แรงรัศมิรัง- สิมะปลั่งประโลมกาล ดังเหยี่ยวเลาะเลี้ยวหัตะปหาร ทวิลาญ ณ ยามเหิน ๒๘. แว่วเพียงแสะเสียงพยุหยาตร อริชาติก็ยับเยิน ปราบสิ้นอรินทร์ผิวะเผชิญ สรเสริญก็ไพศาล ๒๙. หวั่นไหวกระไรพระอุปราช เพราะขยาดสินับนาน กริ่งเกรงเตลงอุระสะท้าน ทรมานและหม่นหมอง ๓๐. ถ้อยยกชนกก็เยาะและเย้ย ตละเผยก็แผดพอง ชายชาติขยาดรณะ .. สยอง เหมาะจะครองกำไลแขน ๓๑. อดสูบ่รู้จะละจะล้าง จิตะคว้างและคลอนแคลน หน่วงหนักก็ศักยะจะแหงน ประลุแกนวิบากกรรม ๓๒. ครั้งนั้นสวรรคะนิรมิต ขณะนิทระองค์ดำ สัตว์ร้ายสิคล้ายจะเหยาะขย้ำ พระก็ห้ำปหัตวาย ๓๓. โหราพยากรณะสอบ ศิระนอบและทำนาย ไพรินทร์จะสิ้นชิวะสลาย รณะพ่ายพระภูบาล ๓๔. จึ่งแถวทะแกล้วคณะก็เคลื่อน ทะลุเถื่อนและถิ่นธาร ล่วงลำสุพรรณทกะละหาน รณะการณ์ ก็จำนง ๓๕. ธงม่านสะท้านวตะสะบัด ปะทะฉัตระหักลง ลางร้าย ฤ หมายชิวะจะปลง เพราะประสงคะจากสรวง ? ๓๖. ครั้งนั้นประจัน อนุชะ-เชษฐ์ นิระเลศะเร้นลวง กลางแกล้วคชาอัศวะปวง พระก็ทวงกระทบ .. ท้า ๓๗. ห้าวหาญประการะพจนารถ อุปราชก็มองมา แว่วหยันก็พลัน อัตะสภา- วะพลาก็เพียบพาน ๓๘. เถิด .. รุดประยุทธหัตถี บทะนี้จะลือนาน ชนช้างมล้างยศะสะท้าน ฤ จะผ่านจะพบเห็น ๓๙. แล้ว !.. ง้าวสกาวรัศมิแสง ประลุแล่งก็ลำเค็ญ แดงโร่ ก็โลหิตะกระเซ็น ระกะเส้น บ่ เร้นสาย ๔๐. แก้วเอย .. จะเลยจะละจะลา ก็เพราะวาระวอดวาย ขวัญพี่ .. ฤดี ผิวะจะหมาย นิระคลายถวิลถึง ๔๑. สิ้นชาติจะมาดอธิษฐาน ผิวะพานจะตราตรึง เพียงพบประจบ พิษะคะนึง จะระรึง ณ ดวงมาน ๔๒. โอ้ .. ภาวะอาดุระดรง- คะก็ส่งลุซมซาน ห่างแล้ว .. เพราะแนวภพะขนาน อวสานและเลือนสูญ ๔๓. ชาติใดหทัยก็จะกระหวัด ปฏิพัทธะเพียบพูน เห็นพลันถวัลย์รติพิบูลย์ อนุกูละเกื้อกัน ๑๑. ๔๔. เจื้อยปี่ชวาแจ้ว เสนาะแว่ว ณ ไพรวัลย์ กล่อมผู้บ่รู้ผัน จะจรัลจรดรอย ๔๕. สิ้นอาชญาการณ์ อวสาน ณ ดงดอย โศกถ้วนก็นวลน้อย จะละห้อยระโหยเห็น ๔๖. สิ้นรัศมีสู- ริยะผู้ประภาพเพ็ญ สิ้นดับสำหรับเข็ญ จะละเล่นระเริงล้อ ๒๐. ๔๗. ผึ้ง-พบูคละเคล้าพะเน้าพะนอ ณรงคะที่สุรียะทอ ลออไข ๔๘. ต่างฤเกียรติศักดิ์ฉลักฤทัย ประยุทธะการณ์สะท้านไผท สมัยนั้น ๑๔ ๔๙. ก้องนามะท่ามอริวิเทศ อนุ-เชษฐะโรมรัน อำนาจและอาชญะถวัลย์ ระบุวันทนากร ๕๐. กลางเถื่อนเสมือนมยุระยาตร อธิราช ณ นาคร กลางฟ้าสถานะรวิวรณ์ ศศิธร ณ ค่ำคืน ๕๑. รอบด้าน บ่ ทานยุคละบาท ยุรยาตระเหยียบยืน เขตใดจะใคร่ ขบถะ .. ขืน พละฝืนบ่อาจฝัน ๕๒. เยี่ยงสูรย์พิบูลยะจรัส ระอุรัดระรุมวัน ย่อมแม้นกะแสนยะพละนั้น ระบุมั่น ณ ใจเมือง ๕๓. นั่น .. ปรางค์ระหว่างธรรมะสถาน ดุจะคาน กะขุ่นเคือง ปลาบปนพระมณฑิระเมลือง รุจะเยื้องระยับสี ๕๔. เพียบภาวะอารยะประเทศ ประลุเวทย์และวาที เพียบศักดิอักขระกวี เสนาะมีระเมียรหมาย ๕๕. โคลงกานท์ประสารบทะประดิษฐ์ นิรมิตะมากมาย เพียบภาษะปราชญะสยาย อภิปรายะเปรมปรีดิ์ ๕๖. งามคำเพราะคัมภิระประพจน์ มธุรสะวาที หญิงชายละลายศักยะลี- ละประนีประนอมนัย ๕๗. ศรีศรี .. กวีลิขิตะภาษ นยะปราชญะเกริกไกร พากย์กล่อมตะล่อมยุคะสมัย พิเราะให้คระโหยหา ๕๘. ศรีศรี .. วจีเสนาะสนอง อุระต้องก็ตรึงตรา ซ่านซึ้งระรึงสุขะสถา- ปนะภาวะอาวรณ์ ๕๙. บรรโลมกะโสมนัสภาค อภิวากยาทร บรรสมภิรมยะประอร ก็สะท้อน ณ ท่วงที ๖๐. สมดังพลังอรรถะแถลง ระบุแจ้ง ณ ธาตรี ถ้วนเมืองกระเดื่องสุภะพจี ระบุชี้ระบัดชม .. ๔. .. อยุทธยายศยิ่งด้าว - - - ใดปูน เปรียบฤๅ เทียมเทพสฤษดิไอสูรย์ - - - เศกสร้าง ไตรรัตน์รุ่งเรืองจรูญ - - - เจรอญสาส นานา เกรอกพระเกียรติราชอ้าง - - - หน่อเนื้อพุทธภูมิ ฯ .. ปราสาทสูงเทริดฟ้า - - - ฟูโพยม จรูญรัตน์จำรัสโสม - - - สุกแพร้ว พ่างไพชยนต์ประโลม - - - จิตรโลกย์ เล็งเฮย สิงหาสน์มาศกอบแก้ว - - - ก่องหล้าเลอสวรรค์ ฯ .. สมบูรณ์สมบัติอ้าง - - - ไอศวรรย์ อินทร์เอย ร้อยโอษฐฤๅรำพรรณ - - - พร่ำถ้วน สิบสองพระคลังอนันต์ - - - อเนกราช ทรัพย์แฮ สรรพสิ่งศฤงฆารล้วน - - - เลอศพื้นแผ่นภู ฯ .. ๑๔. ๖๑. ภิญโญสโมสระกวินทร์ ธรณินก็ร่ำรมย์ พริ้งพรายสยายทิฐิวิกรม เสนาะพรมฤทัยผอง ๖๒. รื่นเริงเถลิงยุคะสมัย ปุระไกลก็เกี่ยวดอง ร่วมภาวะพานิชะสนอง ธนะ-ทองก็ไพศาล ๖๓. การยุทธประดุจจะละจะเลือน และเสมือนจะหย่อนยาน พากย์พร่ำก็คำเสนาะสนาน รณะการณ์ก็เกรงกลัว ๖๔. นารีวจีปะเหลาะฉะอ้อน ดนุร้อนอุรารัว เนตรฉายละม้ายจะเยาะจะยั่ว ระอุทั่ว ณ ถิ่นฐาน ๑๑. .. ตอบรสพจน์วาที ตัวเจ้านี้อหังการ ไม่เกรงพระภูบาล ทั้งภัยพาลในอบาย ถึงเป็นชายชาญสกา ไม่เจตนาอย่าพักหมาย ฝ่ายเจ้าก็เลิศชาย สายสุริยวงศ์พงศ์เทวัญ เสวยทิพยพิมานทอง ฝูงนางน้องล้วนสาวสวรรค์ ไม่ควรมาผูกพัน จะพากันตกนรกกานต์... ๑๔. ๖๕. รำพันกระสันรสะสวาดิ ระอุพาดหทัยพาล วาบหวามเพราะกามรชะสะท้าน ประลุผ่านและแผดเผา ๖๖. ลิ่วคว้างระหว่างรตินิวรณ์ ฤจะถอนจะบรรเทา ร่วงร่าง ณ กลางรสะเฉลา ระอุเร้าฤดีหลง ๑๙. ๖๗. บัดดลเสียงเสนาะศัพทะรับชละดรงค์ พร้องพายจะคล้ายลง - - - วลี ๒๐. ๖๘. ครั้งเสด็จประพาสพระราชพิธี ณ เรือประทับวะวับรวี - - - รุจีสาย ๖๙. โก่งกนกะงอนจะอ้อนพระพาย อุทัยะทอละออสยาย - - - ผกายแสง ๗๐. เรือขนัดนะแน่นลุแล่นจะแซง และรูปะสัตว์ก็ผลัดก็แผลง - - - แสดงแสนย์ ๗๑. แถวธวัชะพลิ้วระริ้วณแดน อุทกะโหมกระโจมเหาะแหน - - - ละแล่นฟอง ๗๒. เรือสุบรรณะชาติปราดคะนอง พลังพลาถลาผยอง - - - ละล่องสินธุ์ ๗๓. ร้องและโห่และเห่ระเร่สิยิน กระหึ่มกระหายมลายอรินทร์ - - - ณ ถิ่นฐาน ๗๔. แต่งประดับประยุกตะมุขประธาน ประจงวิจิตรผิว์พิศจะขาน - - - พิมานผาย ๗๕. ม่านระลมสะบัดขจัดขจาย ระยับเพราะทองระรองประกาย - - - ระร่ายหา ๗๖. บังสุรียะโชติวิโรจนา สะท้อนระยับประดับทิวา - - - ประภาวัน ๗๗. นามสมรรถะชัยะไคลจรัล กระหึ่มเพราะร้องสิก้องสวรรค์ - - - สนั่นไหว ๗๘. เรือสุพรรณหงสะรงค์พิไล ระย้าก็ย้อยณรอยคระไล - - - ไสวชล ๗๙. หงสะงอนผงาดจะยาตรสกล ขยับจะโผจะโล้เลาะหน - - - สถลฟ้า ๘๐. ปีกก็กางขยับจะลับจะลา ขยับจะเหินดำเนินถลา - - - นภาสรวง ๘๑. เรือพิชัยประเปรียวก็เฉี่ยวทะลวง ละลิ่วผิว่าชลาจะล่วง - - - ทะลวงสาย ๘๒. คชสีหะผาดผงาดจะกราย อุราสิยกจะผกจะผาย - - - ละม้ายเหิน ๘๓. ราชสีหะเกร็งเขย่งเผชิญ ประชันริปูบ่รู้ดำเนิน - - - สิเนิ่นนาน ๘๔. อัศวาก็ผกอุทกสะท้าน ระลอกชลาถลาทะยาน - - - ละลานฟอง ๘๕. สิงหชาติโผนก็โจนคะนอง ทะลวงสุชละข้นคระลอง - - - ละอองขาว ๘๖. นาคราชะพักตระศักดิพราว เขม้นและมองละอองสกาว - - - อะคร้าวสาย ๘๗. แล่นละลิ่วและรุดประดุจพระพาย ทะลวงถลาชลากระจาย - - - ขยายแถว ๘๘. จ้าววิหคะโผเพราะโล้เพราะแจว ทะยานเขยื้อนก็เคลื่อนลุแนว - - - บ่แผ่วพาย ๘๙. คีตะซ้องก็อึงคะนึงกระจาย ทะแกล้วก็ร้องผยองผิว์หมาย - - - มลายอรินทร์ ๙๐. เรือกระบวนละล่องคะนอง ณ สินธุ์ เพาะเกียรติยศะจดธรณินทร์ - - - ลุสิ้นกาล ๑๔. ๙๑. ฟ้าไชยเชษฐ์สุริยะวงศ์ ธ ประสงคะสำราญ สูงศักดิอัครสถาน ตละคราญก็รอคอย ๙๒. เชิงเล่ห์เสน่หะอุปราช พิเราะภาษะพราวพลอย เชิงชู้พธูบ่ละบ่ถอย นยะถ้อยก็ทอดถึง ๙๓. ใจงามก็หวาม บรรณะขบวน กละตรวนนะล่ามตรึง ลมชายสยายนยะระรึง ขณะหนึ่งก็หนักหนา ๙๔. ตราบชนมะป่นจุติพินาศ เพราะพระราชะอาชญา สิ้นบุญสกุล ยศะสถา- วระภาวะเทพินทร์ ๙๕. สังวาลย์สะคราญอุตมะศักดิ์ ก็ประจักษะแก่จินต์ ย่อมรักฉลักบ่ละถวิล ชิวะสิ้นก็ยอมสูญ ๙๖. เจ้าฟ้ามหาธรรมะธิเบศ ยุติเดชะเพียบพูน พลีร่าง ณ กลางวรรณะประยูร ก็อดูระทั่วแดน ๙๗. แซ่ศัพท์ ! .. เพราะทัพอริวิเทศ ทะลุเขตะหมิ่นแคลน ล่วงล้ำกระหน่ำศักยะแหน รณะแคว้นไผทไทย ๙๘. อึงเอิกเกริกพละสมร อุระร้อนประหวั่นใจ อ่อนเอียงเพราะเสียงนุชะไฉน ปะเหลาะให้ละห้าวหาญ ๙๙. เพียงอึกทึกศักยะอา- วุธะกล้าก็กรมการณ์ ร่ำขอชะลอรณะสะท้าน กระแสะซ่านกระเส่าเสียง ๑๐๐. เสี้ยนศึกผนึกรหัสะกรรม ระบุนำกะสำเนียง สับพลระคนมุสะเผดียง พละเกรียงก็กร่อนหาย ๑๐๑. เกินการณ์จะทานวิบัติหา- ยนะวาระวอดวาย ศักดิ์ชาติพินาศยศะสลาย ทุขะสายก็บรรสาร ๑๐๒. เร้ารุมผชุมอัคนิเชื้อ ระอุเหลือจะทนทาน ท่ามทัณฑ์กระชั้นหัตะปหาร ชิวะลาญลุบรรลัย ๑๐๓. กำแพง บ่ แกร่งปะทะทะแกล้ว หัตะแล้ว ณ กลางไฟ พลม่านก็ผ่านอุระไผท ขณะไห้น่ะโหยหวน ๑๐๔. ผ่านเห็นก็เข่นประทุษะทา- รุณะคร่าลุคร่ำครวญ ขมขื่นผิว์คืนอสุระผวน ทุษะนวลและย่ำยี ๑๐๕. เพลิงป่นพระมณฑิระทลาย เพราะพระพายนะพัดวี โหมไหม้ฤทัยทุขะทวี นัยน์นีระนองเนือง ๑๐๖. ทอดร่างระหว่างกิติวิบัติ เพราะสมรรถะหมดเมือง สิ้นบุญและสุนทริยะจะเรื้อง และกระเบื้องก็ฟูลอย ๑๐๗. เขตคามสยามสิริพิสุทธิ์ ก็ประดุจะสุดรอย ธรรมอรรถพระรัตนะผละถอย ก็ละห้อยระโหยเห็น ๑๐๘. นัยน์ตาก็พร่าชละสลด ตละหยดสิเยียบเย็น ห้วงอกวิตกอดุระเข็ญ บ่จะเว้นประหวั่นไหว ๑๑. ๑๐๙. พล่านเพลิงพะพวยพลุ่ง ขณะรุ่งระรำไร ควันม้วนและป่วนไป ระดะไหวเพราะลมวน ๑๑๐. ปลายดาบวะวาบแวว สะบัดแล้วมลายชนม์ ร่วงร่างระหว่างหน และร่วงป่นก็ศักดิ์ไท ๑๑๑. เสียงกรีดวะหวีดก้อง ปะทุพ้องกะบรรลัย อึงอวลกำสรวลไห้ กละไว้จะให้ยิน ๑๑๒. สูรย์เลื่อนเสมือนเศร้า ทวิเล่าบ่โผบิน ธารยั้งบ่หลั่งริน ดุจะสิ้นสมัยกาล ๑๑๓. ครืนครืนสิคลื่นแค้น ระอุแน่นให้ทนทาน ศักดิ์สิ้นกะดินดาน ทรมานและอดสู ๑๑๔. สิ้นแล้วบัลลังก์รัตน์ เพราะประหัตะศัตรู สิ้นราชะชาติหรู บ่ อาจชูให้ชื่นชม ๑๑๕. สิ้นปรัชญาการ อวสานและล่มจม สิ้นยุคะสุขสม สละห่มอยู่บนแดน ๑๑๖. สรรพธรรมระส่ำโทษ บ่อุโฆษแต่คลอนแคลน สัตว์ส่ำระกำแสน ทุขะแม้นจะม้วยลง ๑๑๗. ทวยแกล้วสิแผ่วพล อริป่นก็ปลิดปลง ทวยไทก็ไว้วงศ์ บ่ประสงค์จะร่วมใจ ๑๔. ๑๑๘. นั่น ! .. ล้วนขบวนบุพะประภพ อพยพ ลุแดนไกล คร่ำครวญจะหวนปุระไผท สุตะไห้คระโหยหา ๑๑๙. โอ ! .. โสตอุโฆษสรรพะสำเนียง ระบุเพียงจะพึ่งพา เว้าวอนจะย้อนอยุธยา บ่จะว่าจะสิ้นหวัง ๑๒๐. โอ ! .. ศัพท์สดับนยะวะแว่ว ปุระแก้วและบัลลังก์ สิ้นแล้วเพราะแผ่วพละพลัง ฤจะยั้งนะยับเยิน ๑๒๑. เผาแผดเพราะแพศยะอธรรม ทุระกรรมะก้ำเกิน สิ้นชาติและวาสนะเผชิญ สรเสริญก็สิ้นตาม ๔. ๑๒๒. โยธยายศหมดสิ้น - - - ตามกาล เหลือซากเป็นตำนาน - - - นับอ้าง ยศยิ่งใหญ่ไพศาล - - - สิ้นสุด เหลืออิฐหักรกร้าง - - - ท่วมพื้นดินสยาม ๑๒๓. โยธยาสิ้นจากสิ้น - - - สามัคคี ตระบัดสัตย์ป้ายสี - - - ใส่ไคล้ ขายชาติร่วมไพรี - - - รุมกร่อน พวกเวย การยุทธ์อ่อนจึ่งได้ - - - ดับสิ้นอวสาน ๑๔. ๑๒๔. เจ้า-ราษฎร์อำมาตยะสมรรถ อภิวัฒน์เขตคาม อำนาจและอาชญะสยาม ก็จะคร้ามมิว่าใคร. จบ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=09-2012&date=16&group=2&gblog=74 |