หัวข้อ: ตำนานมโนราห์ เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 29 พฤศจิกายน, 2557, 12:06:04 PM กำเนิดมโนราห์นำมาเล่า สืบสานศิลป์ถิ่นใต้ให้นานเนา คงเป็นเค้าหนึ่งในหลายตำนาน ๏ องค์กษัตริย์ผู้ครองนครราช นาม “พระยาสายฟ้าฟาด”ศักดิ์ ไพศาล ราชินี “ศรีมาลา”ยุพาพาล บุญบันดาลได้เอกองค์ราชธิดา ๏ นาม “นวลทองสำลี” ศรีสมร องค์เอมอรเลิศวิไลหนึ่งในหล้า ราชันรักห่วงใยดั่งนัยนา อยู่วังหลังห่างตาชายใดชม ๏ พี่เลี่ยงสามสิบนางต่างห้อมล้อม อย่างพรักพร้อมไร้ทุกข์อยู่สุขสม ในวันหนึ่งพระธิดาตื่นบรรทม มีอารมณ์คำนึงถึงสุบิน ๏ จะชำระพระพักตร์ชะงักค้าง ดวงจิตนางยังครวญหวนถวิล เมื่อพี่เลี้ยงทั้งหลายได้ยลยิน จึงเล่าสิ้นทุกการณ์ที่ฝันไป ๏ “เหล่าอัปสรสำอางล้ำรำโนราห์ สิบสองท่าแสนงามยังจำได้ เครื่องดนตรีประกอบชวนชอบใจ หกชิ้นไซร้ไพเราะนักสลักทรวง ๏ มีกลอง ทับ โหม่ง ฉิ่ง แตระกรับ ปี่ เข้าจังหวะงามดีเชิงชั้นช่วง ตั้งแต่วันนั้นมาสุดาดวง จึงเตรียมการทั้งปวงเครื่องดนตรี ๏ แล้วร้องรำตามฝันกระชั้นเสียง เหล่าพี่เลี้ยงแสนสนุกเป็นสุขี ค่จนดึกำร่วมฝึกหัดดัดกายี มโหรีก้องดังทั้งวังใน ๏ จนวันหนึ่งพระธิดาเกิดอาการ อยากเสวยอาหารที่แปลกใหม่ “เกสรบัว” บึงหน้าพาราไกล มินานวันทรามวัยได้ตั้งครรภ์ ๏ การฟ้อนรำยามราตรีมิหยุดยั้ง เหล่าชาววังปรีดิ์เปรมเกษมสันต์ ยลยินไกลไปยังวังราชัน คืนหนึ่งนั้นราชามาเยี่ยมยล ๏ พิศดูครรภ์ธิดาน่าสงสัย เห็นโตใหญ่แปลกตาน่าฉงน พระยิ่งคิดจิตข้องหมองกมล แล้วทรงพลจึงถามความเป็นมา ๏ ทั้งเรื่องการร่ำเรียนท่าร่ายรำ ครูไหนนำมาสอนสั่งให้ดังว่า ชายใดได้เนื้อเย็นเป็นชายา ตอบวาจาให้ชัดตามสัจจริง ๏ ธิดาเล่าเค้าความตามนิมิต จากดวงจิตแสนซื่อสิ้นทุกสิ่ง เรื่องทรงครรภ์นั้นไร้ใครแอบอิง สงสัยยิ่งจากเสวยเกสรบัว ๏ ราชาฟังดังนั้นพลันโกรธขึ้ง "ไยเจ้าจึงมิบอกข้าว่ามีผัว เสื่อมเกียรติญาติพงศ์ต้องพลอยหมองมัว ชาวเมืองทั่วไปจะว่าน่าอับอาย ๏ ตั้งท้องไม่มีพ่อเช่นชาวบ้าน อันสามานย์เขานินทาว่ามากหลาย ตามกฎจะต้องมล้างให้วางวาย แต่ยังหมายลดโทษทัณฑ์ถึงบรรลัย” ธนุ เสนสิงห์ หัวข้อ: Re: ตำนานมโนราห์ เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 30 พฤศจิกายน, 2557, 08:54:29 AM ๏ แต่จำต้องเนรเทศพ้นเขตขัณฑ์ องค์ราชันจึงสั่งสร้างแพใหญ่ ให้พระราชธิดาจากวังใน ลงแพไปพร้อมสามสิบสาวพี่เลี้ยง ๏ แพลอยล่องออกท้องทะเลหลวง ลมพัดล่วงลอยไกลไม่อาจเลี่ยง ด้วยบุญญาเด็กในครรภนั้นพอเพียง มิทันหมดเสบียงถึงเกาะกะชัง ๏ ปลูกฟักแฟงแตงกวาทำนาไร่ เลี้ยงชีพไม่อดตายอยู่ชายฝั่ง การร้องรำมโนราหาหยุดยั้ง จนกระทั่งประสูติองค์บุตรา ๏ แต่เยววัยร่วมร่ายรำชำนาญล้น เมื่อพระชนมายุได้สิบชันษา รู้ถึงอดีตกาลที่ผ่านมา อยากจะพบพระเจ้าตาเป็นกำลัง ๏ พระมารดาว่า “เจ้าไปก็ไม่ห้าม แต่แม่ตามสู่พาราเจ้าอย่าหวัง เมื่อโดนไล่ให้ออกมานอกวัง ขออยู่ยั้งเกาะน้อยคอยตาย ๏ ราชบุตรตัดสินใจได้แน่นหนัก ผูกผ้าชักธงสัญญาณเหมือนมั่นหมาย แล้วมีเรือผ่านมาพาเจ้าชาย จนถึงปลายทางดังที่หวังไว้ ๏เจ้าชายน้อยค่อยท่องไปในเขตขัณฑ์ เลี้ยงชีวันโดยร่ายรำนำสมัย ด้วยประชาราษฎรแต่ก่อนไร มิมีใครเคยพบปะมโนราห์ ๏ แห่แหนตามยามแสดงทุกแห่งหน เพราะผู้คนอยากรู้จักมากนักหนา แม้แต่องค์สายฟ้าฟาดจอมราชา ยังยินยอมปลอมกายาออกมาดู ๏ ครั้นเห็นหน้าเชื่อแน่แท้คือหลาน จึงซักถามความก่อนกาลให้เล่าสู่ เมื่อเจ้าชายได้เล่าความตามที่รู้ แล้วทั้งคู่เผยฐานะหลาน-อัยกา ๏ รับหลานชายสู่ยังเวียงวังราช สั่งอำมาตย์แล่นเรือไฟออกไปหา เพื่อทูลเชิญองค์ราชธิดา คืนพาราเหมือนดังที่ตั้งใจ ๏ พระนางนวลทองสำลีมิยอมกลับ ย้อนครั้งสองกองทัพจับนางได้ พระบิดากล่าววาจาขออภัย พระหทัยอ่อนน้อมยอมเชื่อฟัง ๏ ราชามอบเครื่องทรงวงศ์กษัตริย์ สารพัดแต่งโนราห์งามสะพรั่ง ประทานยศหลานชายให้เรืองรังค์ “ขุนศรีศรัทธา” ตั้งขึ้นเป็นครู ๏ สอนศิลปะมโนราห์ล้ำค่านัก ชนร่วมรักษ์ดำรงให้คงอยู่ ประโลมโลกโศกระงับกลับชื่นชู จึงมีผู้สืบสานผ่านเวลา ๏ จบเรื่องเก่าเค้าความตามตำนาน ที่เล่าขานปากต่อปากนานนักหนา คงมีแปลกแยกความหมายหลายตำรา ละโทษาถ้าผิดพลั้งไปบ้างเอย ธนุ เสนสิงห์ |