หัวข้อ: ไม่ว่างเขียนกลอน... เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 กุมภาพันธ์, 2558, 12:29:11 PM ไม่ได้ว่างเขียนกลอนมาอ้อนมิตร แต่มิคิดหลีกลี้หนีไปไหน แม้มิว่างแต่มิร้างลากันไกล เวียนว่ายในอักษรแห่งกลอนกานท์ ห่างขึ้นข้อต่อคำนำเสนอ มิใช่เผลอเล่นเฟซจนฟุ้งซ่าน แต่งเรื่องยาวเป็นคนเล่ากลอนนิทาน ต้องใช้จิตวิญญาณลงทุ่มเท ธนุ เสนสิงห์ (เรื่องต่อไป "พระสุธน มโนราห์ คำกลอน") หัวข้อ: Re: ไม่ว่างเขียนกลอน... เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 กุมภาพันธ์, 2558, 02:59:27 PM ตัวอย่างตอนพระสุธนใด้นางมโนราห์
๏ ถึงเวียงวังกลางสวนขวัญพลันไปหา ปรารถนาปลอบประโลมแม่โฉมศรี พบเห็นนางเศร้าโศกวิโยคฤดี พระจึงมีจำนรรจาปลอบยาใจ ๏ “แม้วิโยคอย่าโศกใจให้มากนัก ขอจงพักผ่อนกายให้สดใส ห่วงบิดรมารดาที่มาไกล กาลต่อไปต้องได้พบประสบกัน ๏ อันความรักญาติกาจำลาจาก รู้ว่ามากยิ่งนักหนักมหันต์ ขอเอารักจากอกพี่เทียมชีวัน มากำนัลทั้งหมดเพื่อทดแทน ๏ ต้องเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต สองชีวิตเราเกิดกายอยู่ไกลแสน บุญนำพาน้องมาถิ่นถึงดินแดน เชื่อมั่นแม่นเราคู่กันแต่บรรพกาล” ๏ มโนราห์ฟังปรารภนั่งซบหน้า ชลนารินลงน่าสงสาร ส่งผ้าซับชลนัยให้ดวงมาลย์ มิกล้าจักหักหาญจำรับไว้ ๏ พระมองเห็นหัตถาทั้งขวาซ้าย เป็นแผลลายด้วยรอยหนามผิวช้ำไหม้ หยิบโอสถมาจะทาให้อรทัย นางเบี่ยงเลี่ยงกายไปตกใจกลัว ๏ พระสุธนย้ำว่า “อย่าหน่ายหนี เพราะไม่มีพระพี่เลี้ยงแล้วทูนหัว พี่เองจะดูแลน้องมิหมองมัว” เสียงระรัวมโนราห์ว่า “อย่าเลย ๏ น้องดูแลตนเองได้มิใช่เด็ก ตัวเล็กเล็กที่ไหน” ฝืนใจเอ่ย พระสุธนมิยั้งฟังคำเปรย มิเชือนเฉยคว้ามากุมทั้งสองกร ๏ มโนราห์ทรวงสั่นสะท้านสะเทิ้น สุดขัดเขินมิต้องกายชายมาก่อน ร้องห้ามไว้แต่พระไม่ฟังคำวอน จำโอนอ่อนนั่งขดระทดระทวย ๏ ทรงชโลมลูบไล้ใส่โอสถ จนครบหมดกรซ้ายขวาบาทาด้วย มโนราห์อนงค์ยังงงงวย ยอมให้ช่วยพึ่งพาพยาบาล ๏ ตั้งแต่วันนั้นมาหาขาดไม่ พระดูแลเอาใจยอดสงสาร มโนราห์คลายขมขื่นชื่นดวงมาน เมื่ออาการเจ็บไข้กลับหายดี ๏ ในครานั้นพระสุธนรักล้นอก แต่วิตกอยู่ภายในใจเหลือที่ ด้วยมิเคยเลยก่อนมาเรื่องนารี จักพลอดรักสัตรีวิธีใด ๏ พระกุมกรเหมือนก่อนมาทาโอสถ เหลือจะอดหักจิตพิสมัย จึงจุมพิตหัตถาอรทัย เผยความนัยขอความรักมโนราห์ ๏ มโนราห์บ่ายเบี่ยงเลี่ยงองค์หนี จึงอ้อนวอนวจีว่า “พี่จ๋า มองน้องเป็นเชลยหรือไรนา เห็นกำพร้าจึงลวนลามตามอารมณ์” ๏ คนวนาจากป่าชัฏพลัดเคหา ขัดจำนงลงอาญาให้สาสม” พระว่า “ทำด้วยความรักอยากชื่นชม มิหมายข่มเหงกันทั้งใจกาย ๏ ทรงตระกองกอดก่ายมิให้ห่าง โนราห์นางอกสั่นพระขวัญหาย ยังวอนว่า “ พระองค์คงเป็นนาย น้องพรานป่ามาถวายเป็นทาสพระองค์ ๏ มิควรคู่ผู้เป็นราชบุตร เสมือนฉุดรั้งศักดิ์ศรีมิเสริมส่ง ยากยิ่งนักรักครองคู่อยู่ดำรง” พระจุมพิตสนิทอนงค์พร้อมพลอดพลาง ๏ “พี่มิเคยรักใครในโลกนี้ ทุกคนล้วนรู้ดีที่เอ่ยอ้าง พี่สวาทปรารถนาพระน้องนาง มิมีใครไหนขัดขวางอย่ากังวล” ๏ “น้องเสมือนลูกไก่ในกำมือ พี่ปล่อยไปได้ชื่อสร้างกุศล” พระมิฟังวาจานฤมล สวาทล้นอุระแล้วแม่แก้วตา ๏ พระชมชิดพิสมัยไม่เหหัน ทรวงสนิทติดพันไซ้นาสา พระโอฐแอบแนบชมดมพักตรา หัตถ์เคล้าคลึงปทุมมาเป็นเนานาน ๏ การโลกีย์มีกฎรสสวาท มนุษยชาติทั่วถึงย่อมซึ้งซ่าน สุขกระสันปานท่องแมนแดนพิมาน อันรสชาติสวาทหวานนับอนันต์ ๏ จนอนงค์ปลงจิตสนิทมนัส ปฏิพัทธ์เริงรุดสุดสวรรค์ ทรงเปรมปรีดิ์ราตรีกาลทั้งวารวัน พร่ำรำพันแต่คำรักปักฤดี |