เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..

บทกลอนไพเราะ => บทประพันธ์อันน่าประทับใจ => ข้อความที่เริ่มโดย: สิริวตี ที่ 26 มกราคม, 2559, 09:08:02 AM



หัวข้อ: อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 26 มกราคม, 2559, 09:08:02 AM

(http://upic.me/i/h0/ui79..png) (http://upic.me/show/57737534)

พอดีทำPresentation เรื่องนี้เลยถือโอกาสนำมาลงด้วยเลยค่ะ ^^


หัวข้อ: Re: อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 26 มกราคม, 2559, 09:17:58 AM
พยายามนำภาพที่เคยถ่ายท่านเอาไว้มาลงแต่ไฟล์ใหญ่เกินไป คราวหน้าจะนำบทกลอนที่น่าประทับใจมาลงไว้เรื่อยๆนะคะ
 :14: :14:


หัวข้อ: Re: อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เริ่มหัวข้อโดย: ศิลาสีรุ้ง ที่ 30 มกราคม, 2559, 03:56:09 AM
(http://upic.me/i/ru/553000016925401.jpg) (http://upic.me/show/57761697)
ท่านเนาวรัตน์ พงไพบูลย์ กวีรัตนโกสินทร์
komchadluek.net/.คลื่นคนวรรณกรรม: - 16 มิ.ย. 2556


แม่ศรี

แม่ศรีเอย แม่ศรีสวยสะ ยกมือไหว้พระ นะแม่ศรีสม
ฃนคิ้วเจ้าต่อ ทั้งคอเจ้ากลม ชักผ้าขึ้นชม ชมแม่ศรีเอย

เชิญเจ้ามาล้อมวงทรงแม่ศรี
แม่อย่ามีหม่นหมองเลยน้องเอ่ย
พี่จะร้องรับขวัญอัญเชิญเชย
ให้เหมือนเคยแต่ครั้งเจ้ายังเยาว์

ช่อแฉล้มแย้มผลิมะลิซ้อน
พี่จะช้อนเชยไว้มิให้เฉา
มาจะแซมผมพิมพ์ให้พริ้มเพรา
เฉิดเฉลาโฉมฉะนี้พี่จะชม

กระหวัดเกล้ารับพักตร์แล้วปักปิ่น
อบประทิ่นจันทน์จรวยมุ่นมวยผม
คิ้วรูปเคียวเรียวขับรับตาคม
คอเจ้ากลมเกลาอ่อนประอรเอียง

โอ้แม่ศรีสวยสะเจ้าประแป้ง
ห่มสีแดงด้วยไหมสไบเฉียง
นุ่งผ้ายกเชิงทองค่อยมองเมียง
ค่าเจ้าเพียงเทพีแม่ศรีไทย

เจ้าโฉมเอยโฉมฉายสายสวาท
เชิญแม่ยาตรเยื้องมาช้าไฉน
เพลงเขาร้องเชิญรำอย่าร่ำไร
โอ้ว่าใครหนอลืมเลือนเพื่อนเพลงทรง


หมายเหตุ.. จากหนังสือกวีนิพนธ์ ..คำหยาด..หน้าที่ ๑๕๔
พิมพ์ครั้งที่ ๑๐ โดย..ท่านเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์


ขอบคุณครับ
(http://upic.me/i/tq/141021054206.jpg) (http://upic.me/show/53381185)
๓๐ มกราคม ๒๕๕๙


ขอบคุณภาพจาก  Internet ครับ



หัวข้อ: Re: อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 30 มกราคม, 2559, 06:03:24 AM
ขับไม้มโหรี

๑.
วับวาวราวเพชรผกายฉาย
พราวพรายอยู่ในสายแดดส่อง
ร่วงรุ้งโรยรายที่ชายคลอง
ใยยองระยับไหวในสายลม

๒.
ซู่ซู่ลู่เริงกระเชิงหญ้า
ไผ่ผวาว่อนส่ายพรายผสม
พลิ้วพลิกริกเรียวกรูเกลียวกลม
พรูพรมบทเพลงบรรเลงรับ

๓.
หนาว
นานราวฤดูกาลจะผันกลับ
ตาประสานตากันกระชั้นกระชับ
โสตสดับขับไม้มโหรี

๔.
สายหนึ่งขึงเทียบพระธรรมธาตุ
ธรรมชาติบูชิตศักดิ์สิทธิ์ศรี
สรรเสกเอกภพจบธาตรี
ความพอดีดำรงนิรันดร

๕.
สายสองเทียบเสียงเคียงสูงต่ำ
รู้นำรู้ตามความผันผ่อน
กลมกลืนปรากฏทุกบทตอน
ส่องสะท้อนทีทัศน์สัจธรรม

๖.
สายสามเทียบสายอบายบาป
ชั่วโฉดโหดหยาบคราบเขรอะคร่ำ
แหลกเหลวเลวร้ายไพเราะล้ำ
เนื้อน้ำทำนองประลองเพลง

๗.
โอ้ว่าเวลาจะสายัณห์
คืนวันเวลามาเร้าเร่ง
ชีวิตเจ้าเอยเคยครื้นเครง
วังเวงอ้างว้างอลวน

๘.
ละปีละปีล่วงไป
เปล่าไร้เคว้งคว้างหว่างเวหน
หมายดาวพราวเกลื่อนเป็นเพื่อนยล
บัดดลดวงดาวก็ดับวับ

๙.
ดังหวังครั้งแล้วครั้งเล่า
ไม่เคยเลยเจ้าจะคืนกลับ
ยิ่งไขว่ยิ่งคว้ายิ่งลาลับ
ยิ่งทุกข์ยิ่งทับเทวศครวญ

๑๐.
สามสายสามโศกสะอื้นสั่ง
นิ้วเน้นเค้นคลั่งคะนึงหวน
ผันช้าย่างช้าอยู่เจียนจวน
ทอดกระบวนเบี่ยงสายเสน่ห์ซอ

"ขับไม้มโหรี" ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ :อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
บทที่ ๑-๑๐




หัวข้อ: Re: อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 25 กุมภาพันธ์, 2559, 01:51:51 PM
๑๑.
หอมเอยพิกุลละมุนหอม
กระจิดริดนิดน้อมกระนี้หนอ
จะร่วงทิ้งมิ่งไม้พิไรรอ
ใครพะนอพะเน้าเจ้าเอาใจ

๑๒.
ดิ่งด่ำล้ำลึกระทึกถี่
โทนทับรับรี่ระรัวไหว
ร้อยดอกไม้ร่วงพวงมาลัย
สดชื่นในสำนึกลึกซึ้ง

๑๓.
ปลิดปลิวลิ่วลงเป็นวงไหว
เจ้าคือใบไม้ใบหนึ่ง
แผ่วแผ่วพึมพำเพียงรำพึง
เพ้อความถามถึงทุกผู้คน

๑๔.
สามารถรู้ได้ในสรรพสิ่ง
รู้จริงรู้เท็จรู้เหตุผล
รู้ซับรู้ซ้อนรู้ซ่อนกล
อับจนรู้ใจไม่เคยรู้

๑๕.
วิ่งวนวุ่นวายไม่หยุดนิ่ง
ยิ่งวิ่งยิ่งไกลไปสุดกู่
ยิ่งใจยิ่งไวยิ่งไฟวู
เดี๋ยวฟู่เดี๋ยวแฟบแว่บไวนัก

๑๖.
ยามรักราวตะวันอันเฉิดฉาย
โรยรายข่ายทองค่อยคล้องถัก
แดดหนาวหมอกหนามาทายทัก
ความรักสีชมพูตรูตรา

๑๗.
ยามโกรธเกี้ยวกราดดังฟาดไฟ
ราวตะวันเดือดประลัยในแหล่งหล้า
ระยิบเต้นเป็นตัวมัวมายา
บิ่นบ้าคลั่งบ้าระเบิดใจ

๑๘.
ยามหลงคือตะวันอันหลั่นลด
มัวมนเหมือนจะหมดประจุสมัย
เย็นย่ำคล้ำฟ้ามาไรไร
มืดไปทุกทิศทุกทางจร

๑๙.
ทอดช้าคันชักมาเฉื่อยฉ่ำ
ลำนำน้ำไหลไม่หยุดหย่อน
พลิกผันครั่นสายพิไรวอน
ออดฉะอ้อ โอ้ว่า อาลัย

๒๐.
อาลัยความหลังครั้งเคยรัก
เคยห่วงหน่วงหนักความรักใคร่
อ่อนหวานปานทิพย์กลีบดอกไม้
แผ่วไล้โลมเล้าแต่เบามือ


"ขับไม้มโหรี" ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ :อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
บทที่ ๑๑-๒๐



หัวข้อ: Re: อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 09 มีนาคม, 2559, 08:45:15 AM
๒๑.
คืนวันผ่านเยือนเหมือนน้ำไหล
สุดไขว่สุดคว้ามายึดถือ
อดีตปัจจุบันนั้นคือ
ใจรื้อใจปรุงเป็นประจำ

๒๒.
ปรุงเป็นปีเก่าเป็นปีใหม่
มาลัยมะลิลามาร้อยฉ่ำ
ปรุงเป็นมธุรสลำนำ
พรมพรำคำพรสุวาที

๒๓.
ปีเอ๋ยปีใหม่ได้มาแล้ว
จงแผ้วจงผ่องอย่าหมองศรี
จงสุขสมหวังไปทั้งปี
ความดีความงามและความรัก

๒๔.
คุณพระคุ้มครองจงผ่องใส
หวังในศักดิ์สูงจงสูงศักดิ์
หวังในสิ่งศรีศรีพิทักษ์
แน่นหนักในก้าวทุกก้าวไป

๒๕.
จังหวะจะโคนค่อยโยนรับ
โทนทับถี่ห่างระวังไหว
ว่าเป็นห่วงห่วงเอ๋ยห่วงอาลัย
ดอกไม้ใบหญ้าระย้ายับ

๒๖.
ดอกเอ๋ยดอกหว้าเป็นตาติ่ง
ดอกน้อยก้อยกิ่งแก้วประดับ
ชูก้านมรกตระชดรับ
แดดซับหมอกสายเผยพรายแพรว

๒๗.
ใบไม้คลี่ใบมาให้ร่ม
ทอพรมห่มนอนให้หนอนแก้ว
เพชรชีพชัดฉายผกายแวว
จะเกิดแล้วเกิดในนาทีนี้

๒๘.
ลมระบายไกวเปลเห่ช้า
ถนอมรักหนักหนาอย่าเพิ่งคลี่
แดดจะแรงแทงทับเจ้ายับยี
อย่ารีบรี่เร็วไวไปนักเลย

๒๙.
ดื่มด่ำน้ำเลี้ยงเสบียงใบ
พักในรังนอนคอนเขนย
แดดร้อนลมร่ำน้ำค้างเชย
ชีวิตเจ้าเอยจะเติบโต

๓๐.
ดอกหว้าอ่อนอ่อนเกสรหว้า
ตุ่มตาติ่งต้อยค่อยผลิโผล่
ดักแด้น้อยน้อยค่อยเงโง
คลี่ปีกพร้อมจะโผล่กระพือบิน

"ขับไม้มโหรี" ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ :อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
บทที่ ๒๑-๓๐



หัวข้อ: Re: อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 09 มีนาคม, 2559, 09:10:07 AM
๓๑.
ว่อนวับวับไหวแล้วไล่ล้อ
เคล้าคลอเคียงคู่อยู่ไม่สิ้น
ใบไม้ไหวช้าเหมือนชาชิน
แย้มยินดีด้วยโบกอวยชัย

๓๒.
เขียวแก่เขียวอ่อนก็ซ้อนซับ
ใบแห้งหักทับขยับไหว
นิดเดียวเจียวเจียนจะขาดใจ
เจ้าจะลาแม่ไม้ลงปรายโปรย

๓๓.
ยอดเอ๋ยยอดอ่อนยังอ้อนแอ้น
ลมแล่นแดดร้อนช่วยผ่อนโผย
ผีเสื้อแสนสวยช่วยโบกโบย
อย่าโรยร้าวรอนลงก่อนกาล

๓๔.
ถนอมหน่อน้อยด้วยทุกหน่วยหน่อ
ก้านต่อกิ่งแตกจะแจกก้าน
ใบไม้น้อยน้อยค่อยคลี่บาน
สีใสประสานสะพรั่งพราว

๓๕.
หมุนเวียนเปลี่ยนฉะนี้หนอชีวิต
กระจิดริดนิดน้อยค่อยค่อยก้าว
เติบกล้าแกร่งฉกรรจ์ไม่นานยาว
ค่อยท่าวค่อยทบค่อยลบเลือน

๓๖.
ผีเสื้อน้อยน้อยพร้อยกระพริบ
วิบวิบวับหายเป็นลายเลื่อม
ชีวิตชีวามาเยี่ยมเยือน
เป็นเพื่อนดอกไม้ใบไม้แย้ม


๓๗.
พยับหมอกคลับคล้ายจะสายสาง
น้ำค้างยังค้างกับกลีบแก้ม
ริมริมจะร่วงจะราแรม
วาวแวมแต้มแตะประกายพราย

๓๘.
ช้อยใบรายเรียงเพียงจะเผย
ช่อเอยช่อมะม่วงชูช่วงฉาย
นิ้วน้อยก้อยกิ่งเจ้ากรีดกราย
เรียงรายร่ายดอกระดะดวง

๓๙.
นวลเนื้อเรื่อเรืองแล้วเหลืองอ่อน
ชมพูชูช้อนประชันม่วง
จัดกลีบแจกกลุ่มกระพุ่มพวง
รับช่วงจังหวะประจงวง

๔๐.
วงช่อช้อยพุ่มพนมฉัตร
ชูหยัดดอกนิดพิศวง
ชีวิตน้อยน้อยจะลอยลง
ณ เบื้องบุษบงบัลลังก์ไม้

"ขับไม้มโหรี" ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ :อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
บทที่ ๓๑-๔๐




หัวข้อ: Re: อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 09 มีนาคม, 2559, 03:01:28 PM
๔๑.
หมอกหนาเจ้าอย่ามาเย้าหยอก
ถนอมดอกน้อยน้อยหน่อยได้ไหม
หนอนเพลี้ยแมลงผู้แกร่งไกร
อย่าจับคราบไคลมาไชชอน

๔๒.
แดดเอ๋ยแดดจัดอย่าจัดจ้า
ลมจ๋าอย่าย้ำย่ำเกสร
ฝนเอยฝนมาประพรมพร
ช่วยชะช่ออ่อนชะอวบงาม

๔๓
กาเหว่าเว้าว่ามาหวานแว่ว
เจื้อยแจ้วจับใจคอยไถ่ถาม
เรื่อยเรื่อยเฉื่อยฉ่ำประจำยาม
กู่เว้าเฝ้าตามให้ย้ำยิน

๔๔.
ตำลึงตรึงรากฝากเถาเลื้อย
ป่ายเปื่อยไปตามลำกระถิน
เครือวัลย์พันย้อยระย้าดิน
ราวม่านมารินระบายลง

๔๕.
เบิกใบซ้อนใบค่อยร่ายรับ 
เหยียดยอดทอดทับระทวยหลง
พุ่งประชันพันเกี่ยวเป็นเกลียววง
นวลผจงจับใบละใบบาง

๔๖.
ลูกอ่อนอ้อนออกซุกซอกอก
ใบแม่แผ่ปกประคองข้าง
ร่มใบบ่มผิวเป็นริ้วจาง
กำดัดหยาดระยางระย้าย้อย

๔๗.
ลูกแก่แดงก่ำดังฉ่ำชาด
ปานปัทมราชกระหวัดสร้อย
จะหยาดจะหยดระชดช้อย
เพียงลมต้องน้อยจะคล้อยแคล้ว

๔๘.
กังวานขานเพรียกเรียกคู่เคล้า
กู่เว้ากู่เว้าดุเหว่าแว่ว
ชวนลิ้มทิพยรสอันเลิศแล้ว
คือแก้วส่งแก้วให้แก่กัน

๔๙.
ลูกนกปีกอ่อนเพิ่งสอนบิน
ตกดินผวากลัวจนตัวสั่น
อุ้มวางรางหญ้าคาคบนั้น
พ่อแม่แจจันจำนรรจา

๕๐.
แม่โอบปีกป้องประคองให้
ปากลูกซุกไซ้ไร้เดียงสา
แม่จ๋าลูกไปไม่ถึงฟ้า
กว้างกว่าไกลกว่าที่ลูกคิด

๕๑.
อย่างันงกตกใจไปเลยเจ้า
ฟ้าเป็นของเราเรามีสิทธิ์
ขอเพียงพรายแสงแรงสักนิด
ขอเพียงรู้ทิศรู้ทางลม

๕๒.
แม่จะดักแสงแดดแผดสาย
ทอลายลงมาเป็นผ้าห่ม
แม่จะกรองน้ำค้างพร่างพรม
น้ำนมท้องฟ้ามาเป็นแรง

๕๓.
ฟ้าใหญ่ยังรอรอวันนั้น
รอวันเจ้าได้ไปอาบแสง
สวนเมฆจัดเมฆมาแสดง
อย่าระแวงหวาดฟ้าเจ้ายาใจ

๕๔.
หนอนน้อยค่อยกระดืบละคืบข้อ
นกพ่อโผผกฉวยฉกใส่
ร่มไม้พิมานบัลลังก์ใบ
ชีวิตให้ชีวิตนิดน้อย

๕๕.
ฟ้าครึ้มครึมครางเริ่มกางม่าน
แดดเคยจัดจ้านก็ซานถอย
ม่านเมฆมัวมนหม่นทยอย
คลับคล้อยคลับคลามากดทับ

๕๖.
รอนรอนร้อนรุ่มระอุร้าว
กระไออ้าวอากาศก็อบอับ
แม่ไก่เกลือกปีกอยู่พึ่บพับ
ฟอนฝุ่นฟุ้งจับกระจายฟาย

๕๗.
ฟ้าตวาดสั่งลมคระห่มโหม
รันโรมไม้ลู่ระกะก่าย
กิ่งก้านรานร่วงลงเกลื่อนกราย
ไหวส่ายสะท้านสะทกสะเทือน

๕๘.
สงสารดอกหว้าเป็นตาติ่ง
ถูกกิ่งแก่ตีก็ตกเกลื่อน
นิ้วก้านมรกตสลดเลือน
พรากเบือนพลัดใบในพริบตา

๕๙.
สงสารหนอนแก้วเกาะกิ่งแน่น
ลมแล่นร้ายลิ่วมากริ้วกล้า
หักรานก้านร่วงกับควงคา
เพลงเปลเห่ช้ามาเปลี่ยนไป

๖๐.
ฝนซัดสาดใส่ไม่ยับยั้ง
ฝุ่นกรังคราบเกรอะก็เปรอะไหล
ชีพชื่นคืนวันไม่ทันไร
ไม้ไล่หลั่งเลือดลงเดือดดิน

"ขับไม้มโหรี" ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ :อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
บทที่ ๔๑-๖๐



หัวข้อ: Re: อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 12 เมษายน, 2559, 11:34:59 PM
๖๑.
เขียวพุ่มซุ้มเซิงกระเจิงว่อน
ใบบ่อนแบ่นแห้งก็แหว่งวิ่น
ฉีกกิ่งกระชากก้านด้วยชาญชิน
นางไม้ร่ายพิณผสานเพลง

๖๒.
เชิญเถิดมหาเมฆผู้เสกฝน
เป่ามนต์วายุกล้ามาข่มเหง
เพชฌฆาตสายฝนหล่นบรรเลง
มาเร่งมารานมาผลาญเรา

๖๓.
ท่วมเถิดท่วมไปในแหล่งหล้า
น้ำตกน้ำตามาบ่าเบ้า
ฉีกถิ่นดินดีที่นานเนา
ฉีกป่าฉีกเขาฉีกเหย้าเรือน

๖๔.
ไปเถิดลูกรักไปจากอก
ไปตกไปตายในดงเถื่อน
ปีศาจสารทิศรุมบิดเบือน
มีเหมือนไม่มีแล้วชีวิต

๖๕.
บอบบางอย่างแก้วผจงกลีบ
ลมถีบโถมลิ่วก็ปลิวปลิด
ควะคว้างขว้างไปไม่เป็นทิศ
จมมิดวับหายในว้างเวิ้ง

๖๖.
กรูเกรี้ยวเกรียวกราดตวาดฟ้า
แผดผ่าเพลิงโกรธโลดเถลิง
สนซู่ลู่ม้วนก็ป่วนเปิง
กระเจิดกระเจิงกระจายลม

๖๗.
คำสั่งฆ่าฆ่าจากฟ้าฟาด
เพชฌฆาตชุดขาวเข้าถล่ม
โลกนี้ต้องเกลี้ยงต้องเกลียวกลม
จ่อมจมอยู่ในอนธกาล

๖๘.
จงดูหมู่ดาวในหาวห้วง
ล้วนล่วงลอยสู่แหล่งสุสาน
ทุกระบบสุริยจักรวาล
อันตรธานเป็นเถ้าธุลีลอย

๖๙.
ในท้องทุ่งฟ้ามหาศาล
จักรวาลนั้นดูกระจ้อยร่อย
โลกนี้คือเม็ดธุลีน้อย
ค่อยคล้อยเคลื่อนช้าทุกนาที

๗๐.
ชีวิตเกิดดับเพียงวับเดียว
ฟั่นเกลียวจักรวาลอันคล้อยคลี่
เรียงไล่ไปตามความพอดี
มีความไม่มีเป็นนิรันดร์

"ขับไม้มโหรี" ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ :อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
บทที่ ๖๑-๗๐


หัวข้อ: Re: อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 30 เมษายน, 2559, 11:25:16 PM
๗๑.
แล้วฝนจากฟ้าก็ซาสร่าง
เพชฌฆาตคืนร่างค่อยห่างหัน
โชยชื่นเย็นฉ่ำมากำนัล
แพรวรุ้งเฉิดฉันพรรณราย

๗๒.
สงครามธรรมชาติประกาศผล
สงครามผู้คนทุรนร่าย
ความเป็นอยู่ท่ามกลางความตาย
ความหมายล้วนไร้จะหมายรู้

๗๓.
ใบตองแตกฉีกเป็นชิ้นชิ้น
แหว่งวิ่นว่อนลมระดมลู่
แห้งหักห้อยห่มประพรมพรู
ป่ายเปะปะอยู่พะเยิบยับ

๗๔.
ทอดช้าคันชักค่อยฉ่ำเฉื่อย
เรื่อยเรื่อยราวจะเปลี่ยนจังหวะปรับ
ถั่งถอนอ่อนโยนทั้งโทนทับ
ฉิ่งฉับกระชับทอดทยอยตาม

๗๕.
แว่วแว่ววิเวกเสกขลุ่ยผิว
ลิ่วลิ่วปลิวฟ้ามาไถ่ถาม
กังหันหันคล้อยคอยตอบความ
เยี่ยมยามอยู่เหย้าในเรือนเย็น

๗๖.
ลมแล้งค่อยล่องผ่านท้องทุ่ง
วาบพุ่งผะผ่าวราวแล้งเห็น
ทุ่งหญ้าป่าเยิงกระเจิงเป็น
ระบำรำเต้นอยู่ริกริก

๗๗.
แมงปอเข็มน้อยค่อยคอนก้าน
ลมผ่านกิ่งไผ่ไหวกระดิก
โยนโยกยักย้ายใบพล่านพลิก
แมงปอเข็มจิกเกาะกิ่งแจ

๗๘.
มดตะนอยตัวน้อยละนิดนิด
ไต่ตามติดกลุ่มพุ่มไทรแจ้
เร่งรุดงุดไปเป็นพรวนแพ
หยุดแค่ชนชะงักเหมือนทักทาย

๗๙.
ใบน้อยค่อยโอบประคองป้อง
บังแสงแดดส่องเมื่อยามสาย
บังลมร้ายรอนให้ผ่อนคลาย
ค่อยย้ายค่อยโยกให้โบกเบือน

๘๐.
ที่โคนใบประคบลบแดด
ใบล้อมใบแวดระวังเหมือน
แก้วตายาใจในร่มเรือน
จะคลี่จะเคลื่อนจะไคลคลา


"ขับไม้มโหรี" ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ :อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
บทที่ ๗๑-๘๐

บทอื่นจะนำมาวางไว้เร็วๆนี้นะคะ