เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..

บทกลอนไพเราะ => กลอนเศร้า => ข้อความที่เริ่มโดย: พันคม ที่ 24 พฤศจิกายน, 2559, 09:12:24 PM



หัวข้อ: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 24 พฤศจิกายน, 2559, 09:12:24 PM
(http://www.uppic.org/image-4399_555C7B4E.jpg)

.๐..กากชานหัวใจ..๐.
.
รอยสลักอักษรบทกลอนหวาน
อดีตกาลก่อนเก่าเราร่วมฝัน
ลิขิตร้อยถ้อยคำสร้างสัมพันธ์
สุขดั่งล่องท่องสวรรค์วิมานแมน
.
ในบทกลอนเราสองตระกองกอด
เจ้าอ้อนออดพรอดพร่ำยังจำแน่น
ใจเคลิบเคลิ้มคลับคล้ายฟังขลุ่ยแคน
ร่วมบรรเลงจากแดนดาวดึงส์
.
เพราะเหตุผลกลใดจึงไกลจาก
มิเหลือซากความสุขเคยส่งถึง
ทิ้งแต่เศร้าเคล้าคละน่าสะพรึง
ใจติดตรึงกับตรมจนกลมกลืน
.
จำทุกข์ทนท้อแท้เพราะแพ้ยับ
เจ้าสับปลับกลับกลายรักชายอื่น
ทิ้งให้พี่อกพังล้มทั้งยืน
ต้องหน้าชื่นอกช้ำจนเกินชง
.
คำออดอ้อนออเซาะไพเราะลิ้น
ห้วงแห่งจินต์สิ้นแล้วเคยลุ่มหลง
เหมือนนกน้อยโผจรออกจากกรง
ไปหลงดงพงอื่นใช้แอบอิง
.
เมื่อความรักเคยให้ไร้ค่าแล้ว
สิ้นวี่แววปรารถนาในตาหญิง
ขว้างทิ้งใจเคยแนบอกแอบพิง
มิเหลือสิ่งอื่นใดต้องใคร่ครวญ
.
หากทรามวัยไร้สิ้นจากความสัตย์
เช่นแก้วแตกกระจัดกระจ่ายส่วน
ดั่งสายชลไหลเชี่ยวฤาเลี้ยวทวน
ยากจะชวนหวนกลับเมื่อลับลา
.
โปรดส่งคืนหัวใจเมื่อไร้รัก
ลบสลักอักษรเคยอ้อนว่า
เจ้าสุดแหนสุดหวงดั่งดวงตา
จะขอรับกลับมาเยียวยามาน
.
ไม่เห็นค่าควรคู่สู้อย่าเก็บ
คืนใจเจ็บเพื่อหายาประสาน
คุกเข่าขอรอรับก้มกราบกราน
ขอกากชานหัวใจที่ให้คืน
.
.*..พันคม..*.
.
ภาพ..จากอินเตอร์เนท



หัวข้อ: Re: .๐..กากชานหัวใจ..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 24 พฤศจิกายน, 2559, 09:17:59 PM
 :29:


หัวข้อ: Re: .๐..กากชานหัวใจ..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 24 พฤศจิกายน, 2559, 11:04:27 PM
c5gcu_MRAic

หากหัวใจจากฉันให้ท่านแล้ว
จะมิแคล้วคลาดไกลไปเป็นอื่น
แม้วันวารเปลี่ยนมากจากวานซืน
หลับตาตื่นชื่นจิตคิดแค่เธอ

ฝากคำหอมถนอมไว้ในรอยรัก
ฝากวาทีที่ถักสลักเสมอ
ฝากบรรเลงเพลงล้ำฉ่ำละเมอ
ฝากเมื่อยามไม่เจอต้องห่างกัน

เป็นเพียงภาพอดีตที่หวานสุข
ลบความทุกข์ด้วยถ้อยเเล้วร้อยฝัน
ถนอมกลิ่นหอมหวานสานสัมพันธ์
จวบจนวันสุดท้ายที่หายใจ

มิอาจมีสิ่งรัดมัดรักษา
มีศรัทธาคงมั่นมิหวั่นไหว
ผูกสนิทวิญญาณ์มิลาไกล
อยู่แห่งใดมิหม่นหมองครองภักดี

อันหัวใจยิ่งใหญ่ใช่ค้ำฟ้า
ถึงเวลาต้องตายห่างหายหนี
คำว่าชั่วนิรันดร์นั้นไม่มี
แต่ตราบนี้ขอรักเคียงเพียงพี่เดียว

สิริวตี








หัวข้อ: Re: .๐..ใครฤาจะรู้..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 25 พฤศจิกายน, 2559, 11:05:37 PM

.๐..ใครฤาจะรู้..๐.
.
ทีละหยดหยดใสลงใส่หล้า
ลมพัดพาพรมพื้นในคืนเปลี่ยว
หยดน้ำค้างค้างหล่นบนใบเรียว
ดังกรูเกรียวกับใบหญ้าเป็นอาจินต์
.
ไก่กระชั้นขันถี่เร่งสีแสง
เคยจำแลงหายลับกับโขดหิน
วิหคซุกหลบซ่อนร่อนหากิน
รับแสงสูรย์เคยสิ้นด้วยยินดี
.
ทานตะวันสะพรั่งดั่งวันก่อน
ก็กลับย้อนแย้มบานตระการสี
ดอกเคยตูมแตกบานในทันที
เพื่อสู้แสงแห่งสุรีย์ต่างคลี่บาน
.
น้ำค้างที่รินร่ำยามค่ำคล้อย
บ้างหยดแตกเป็นฝอยกระเซ็นซ่าน
ชุ่มฉ่ำดินไม้หญ้าจวบบาดาล
พลันต้องสูญอันตรธานมิอาจทน
.
เฉกรักที่ผ่านคำว่าดำมืด
ฤาจะยืดยาวดีได้กี่หน
ไม่เหมือนยามรักมีเต็มกมล
แล้วแสงรักส่องจนใจสกาว
.
น้ำค้างจะต้องพรากจากเวหาส
สุรีย์สาดไล่สลัวไปทั่วหาว
ดวงจันทราแวววับอยู่กับดาว
ทุกสิ่งราวเกิดดับกับชะตา
.
ลมเจ้าเอยพัดไปแล้วไม่กลับ
เมื่อเลยลับไร้หวนกลับคืนหา
แล้วลมใหม่พัดใหม่ก็ไหลพา
คล้ายดั่งว่าพัดมาแล้วหมุนวน
.
โอ้ความรักนั้นหรือคือไฉน
เมื่อมอดแล้วเกิดใหม่ได้กี่หน
ซาบซึ้งถึงรักแท้แค่กี่คน
ถามตัวตนมีไหมใครจะรู้
.
.๐..พันคม..๐.



หัวข้อ: Re: .๐..ใครฤาจะรู้..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 26 พฤศจิกายน, 2559, 12:15:59 PM


ด้วยความรัก เกิดใน ฤทัยหว่าง
ย้อนถามพลาง หากใช่ แค่ใคร่ชู้
ฤาเป็นเพียง หลงรูป จูบตราตรู
โหยหาคู่ คลายเหงาทม เท่านั้น

วายวุ่นวน หม่นเวียน เฝ้าเพียรถาม
ว่างดงาม แห่งรัก พิทักษ์ฝัน
มีอยู่จริง หรือแสร้ง ดุจแสงจันทร์
คู่ตะวัน ย้ำตอก บอกความนัย

หากสองสิ่ง งดงาม นิยามโลก
ยังทุกข์โศก ดุจรัก ถูกผลักไส
ความรักจริง มิ่งแท้ สุดแต่ใจ
อาจมิได้ ต้องอยู่ คู่เคียงกัน

หากสวยสด งดงาม ของความรัก
แจ้งประจักษ์ เจิดจ้า มิหาหัน
ขอยังคง มั่นรัก จักนิรันดร์
แม้เป็นเพียง ความฝัน ฉันจะรอ...

Soul Searcher
Inspired to write 26/11/2016

XeBHRMtN7nQ




หัวข้อ: Re: .๐..ใครฤาจะรู้..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 26 พฤศจิกายน, 2559, 03:29:08 PM

.๐..ใครฤาจะรู้..๐.
.
ทีละหยดหยดใสลงใส่หล้า
ลมพัดพาพรมพื้นในคืนเปลี่ยว
หยดน้ำค้างค้างหล่นบนใบเรียว
ดังกรูเกรียวกับใบหญ้าเป็นอาจินต์
.
ไก่กระชั้นขันถี่เร่งสีแสง
เคยจำแลงหายลับกับโขดหิน
วิหคซุกหลบซ่อนร่อนหากิน
รับแสงสูรย์เคยสิ้นด้วยยินดี
.
ทานตะวันสะพรั่งดั่งวันก่อน
ก็กลับย้อนแย้มบานตระการสี
ดอกเคยตูมแตกบานในทันที
เพื่อสู้แสงแห่งสุรีย์ต่างคลี่บาน
.
น้ำค้างที่รินร่ำยามค่ำคล้อย
บ้างหยดแตกเป็นฝอยกระเซ็นซ่าน
ชุ่มฉ่ำดินไม้หญ้าจวบบาดาล
พลันต้องสูญอันตรธานมิอาจทน
.
เฉกรักที่ผ่านคำว่าดำมืด
ฤาจะยืดยาวดีได้กี่หน
ไม่เหมือนยามรักมีเต็มกมล
แล้วแสงรักส่องจนใจสกาว
.
น้ำค้างจะต้องพรากจากเวหาส
สุรีย์สาดไล่สลัวไปทั่วหาว
ดวงจันทราแวววับอยู่กับดาว
ทุกสิ่งราวเกิดดับกับชะตา
.
ลมเจ้าเอยพัดไปแล้วไม่กลับ
เมื่อเลยลับไร้หวนกลับคืนหา
แล้วลมใหม่พัดใหม่ก็ไหลพา
คล้ายดั่งว่าพัดมาแล้วหมุนวน
.
โอ้ความรักนั้นหรือคือไฉน
เมื่อมอดแล้วเกิดใหม่ได้กี่หน
ซาบซึ้งถึงรักแท้แค่กี่คน
ถามตัวตนมีไหมใครจะรู้
.
.๐..พันคม..๐.



ความรักอาจไร้ทางไร้วางแผน
ไร้พรมแดนไร้เห็นความเป็นอยู่
ความรักคือคุณค่าคือตราตรู
ที่ดนูซึ้งสนิทจิตวิญญาณ์

คืนวันผ่านลมมาเยือนเหมือนน้ำไหล
ยากจะไขว่สุดแขนแหนรักษา
อดีตส่งปัจจุบันนั่นกรรมา
คือชะตาเกิดดับกับชีวิต

อย่าอาลัยความหลังนั่งเศร้าสร้อย
แล้วค่อยค่อยหลับตาอย่ายึดติด
จะเห็นความรู้สึกส่งทุกทิศ
กระทบความมืดมิดแล้วกอดพลาง

รักมิอาจอยู่ยงดำรงขวัญ
เมื่อถึงวันมีใหม่ก็ให้ห่าง
แสงตะวันส่องทั่วแค่ชั่วทาง
จันทร์กระจ่างแค่สวยสดจรดค่ำคืน

เฉกลุ่มหลงมัวเมาเงาหมองหม่น
ลืมกังวลเพราะหลับใหลยังไม่ตื่น
แม้ฝนซัดสาดใส่ใจชุ่มชื้น
ยังยิ้มรื่นเริงร่าท้าฝนโปรย

วันเวลาโลกนี้ที่มีรัก
มิอาจหักอาลัยฤทัยโหย
จะอยู่หม่นอนธกาลที่กาลโกย
แล้วลับโรยร่วงแท้แปรสู่ธรรมฯ

สิริวตี

จะแต่งกลอนรักกลายเป็นกลอนธรรมะได้ไงไม่รู้เนี่ย ต่อกลอนพี่พันฯ ทีไร วตีลงจบธรรมทุ้กกทีเลย
 :15:

(http://upic.me/i/hz/wjji3.jpg) (http://upic.me/show/58667686)


หัวข้อ: Re: .๐..ใครฤาจะรู้..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 28 พฤศจิกายน, 2559, 10:39:13 AM

ด้วยความรัก เกิดใน ฤทัยหว่าง
ย้อนถามพลาง หากใช่ แค่ใคร่ชู้
ฤาเป็นเพียง หลงรูป จูบตราตรู
โหยหาคู่ คลายเหงาทม เท่านั้น

วายวุ่นวน หม่นเวียน เฝ้าเพียรถาม
ว่างดงาม แห่งรัก พิทักษ์ฝัน
มีอยู่จริง หรือแสร้ง ดุจแสงจันทร์
คู่ตะวัน ย้ำตอก บอกความนัย

หากสองสิ่ง งดงาม นิยามโลก
ยังทุกข์โศก ดุจรัก ถูกผลักไส
ความรักจริง มิ่งแท้ สุดแต่ใจ
อาจมิได้ ต้องอยู่ คู่เคียงกัน

หากสวยสด งดงาม ของความรัก
แจ้งประจักษ์ เจิดจ้า มิหาหัน
ขอยังคง มั่นรัก จักนิรันดร์
แม้เป็นเพียง ความฝัน ฉันจะรอ...

Soul Searcher
Inspired to write 26/11/2016

ฟ้าอุ่นดอกไม้บานสะคราญหล้า
กิ่งไม้หนายามฝนหล่นลงช่อ
จันทรางามยามเพ็ญเด่นลออ
แข็งระย่อต่ออ่อนซ้อนรูปนาม
.
สายลมพลิ้วพัดวนกิ่งไม้ไหว
พายุยามโหมใกล้น่าเกรงขาม
ประกายแดดแผดใสใช่คุกคาม
ดาวระยับวัววามมิวายวาง

ดอกกุหลาบบานแล้วยังโรยรา
สุริยาจันทรเคยซ่อนร่าง
โลหิตมีสีแดงทุกนายนาง
เหือดแห้งไปไยสร้างเป็นสีดำ
.
อีกสายลมมีแรงและอ่อนล้า
แม้นพฤกษา..มีสูงและมีต่ำ
ความคิดหรือ..มีลืมยังมีจำ
เรามีรัก..มีช้ำ..ธรรมดา
.
..พันคม..


หัวข้อ: Re: .๐..ใครฤาจะรู้..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 28 พฤศจิกายน, 2559, 11:05:58 AM

ความรักอาจไร้ทางไร้วางแผน
ไร้พรมแดนไร้เห็นความเป็นอยู่
ความรักคือคุณค่าคือตราตรู
ที่ดนูซึ้งสนิทจิตวิญญาณ์

คืนวันผ่านลมมาเยือนเหมือนน้ำไหล
ยากจะไขว่สุดแขนแหนรักษา
อดีตส่งปัจจุบันนั่นกรรมา
คือชะตาเกิดดับกับชีวิต

อย่าอาลัยความหลังนั่งเศร้าสร้อย
แล้วค่อยค่อยหลับตาอย่ายึดติด
จะเห็นความรู้สึกส่งทุกทิศ
กระทบความมืดมิดแล้วกอดพลาง

รักมิอาจอยู่ยงดำรงขวัญ
เมื่อถึงวันมีใหม่ก็ให้ห่าง
แสงตะวันส่องทั่วแค่ชั่วทาง
จันทร์กระจ่างแค่สวยสดจรดค่ำคืน

เฉกลุ่มหลงมัวเมาเงาหมองหม่น
ลืมกังวลเพราะหลับใหลยังไม่ตื่น
แม้ฝนซัดสาดใส่ใจชุ่มชื้น
ยังยิ้มรื่นเริงร่าท้าฝนโปรย

วันเวลาโลกนี้ที่มีรัก
มิอาจหักอาลัยฤทัยโหย
จะอยู่หม่นอนธกาลที่กาลโกย
แล้วลับโรยร่วงแท้แปรสู่ธรรมฯ

สิริวตี

จะแต่งกลอนรักกลายเป็นกลอนธรรมะได้ไงไม่รู้เนี่ย ต่อกลอนพี่พันฯ ทีไร วตีลงจบธรรมทุ้กกทีเลย
 :15:
ไม่มีต้น จะมีปลาย..ไฉนฤา
ไม่มีฝน จะมีหรือ ความชุ่มฉ่ำ
ไม่มีตาย..ไยจะเกิด..ให้มีกรรม
ไม่มีนำ ไม่ต้องตาม คือความนัย
.
ว่าอีกฝั่งฟากคลองของความคิด
สายนทีถูกผิดนั้นล่องไหล
คนละฝากฝั่งคิดของจิตใจ
เคยหามันพบไหมในตัวตน
.
หรือสุขแล้วกับรักโลภโกรธหลง
จนงวยงงกับเหล่าอกุศล
ให้หลงอยู่อย่างอยากลากกมล
จนเคล้าปนบาปเปื้อนเป็นเหมือนเงา
.
ได้กลิ่นไหมน้ำครำที่ร่ำอาบ
มองเห็นไหมรอบคราบกลิ่นสาบเน่า
ของโสมมดำหมองสมองเรา
ที่มันเร้าเย้ายวนคอยกวนตัว
.
สายนทีถูกผิดเราคิดแต่ง
มันจำแลงโลดแล่นอยู่ในรั้ว
ของดวงใจผู้กล้ากับผู้กลัว
เกิดเป็นชั่วเป็นดี..ฉะนี้เนอ
.
เมื่อมีรักแล้วมักมีทุกข์ซ่อน
แล้วกลับซ้อนด้วยสุขอยู่เสมอ
ถ้าสุขเป็น..ทุกข์ไม่เป็น..ที่เห็นเจอ
ทุกข์จะเผลอท่วมสุข..ทุกข์จนตาย
.
..พันคม..


หัวข้อ: Re: .๐..ใครฤาจะรู้..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 28 พฤศจิกายน, 2559, 01:09:45 PM

ด้วยความรัก เกิดใน ฤทัยหว่าง
ย้อนถามพลาง หากใช่ แค่ใคร่ชู้
ฤาเป็นเพียง หลงรูป จูบตราตรู
โหยหาคู่ คลายเหงาทม เท่านั้น

วายวุ่นวน หม่นเวียน เฝ้าเพียรถาม
ว่างดงาม แห่งรัก พิทักษ์ฝัน
มีอยู่จริง หรือแสร้ง ดุจแสงจันทร์
คู่ตะวัน ย้ำตอก บอกความนัย

หากสองสิ่ง งดงาม นิยามโลก
ยังทุกข์โศก ดุจรัก ถูกผลักไส
ความรักจริง มิ่งแท้ สุดแต่ใจ
อาจมิได้ ต้องอยู่ คู่เคียงกัน

หากสวยสด งดงาม ของความรัก
แจ้งประจักษ์ เจิดจ้า มิหาหัน
ขอยังคง มั่นรัก จักนิรันดร์
แม้เป็นเพียง ความฝัน ฉันจะรอ...

Soul Searcher
Inspired to write 26/11/2016

ฟ้าอุ่นดอกไม้บานสะคราญหล้า
กิ่งไม้หนายามฝนหล่นลงช่อ
จันทรางามยามเพ็ญเด่นลออ
แข็งระย่อต่ออ่อนซ้อนรูปนาม
.
สายลมพลิ้วพัดวนกิ่งไม้ไหว
พายุยามโหมใกล้น่าเกรงขาม
ประกายแดดแผดใสใช่คุกคาม
ดาวระยับวัววามมิวายวาง

ดอกกุหลาบบานแล้วยังโรยรา
สุริยาจันทรเคยซ่อนร่าง
โลหิตมีสีแดงทุกนายนาง
เหือดแห้งไปไยสร้างเป็นสีดำ
.
อีกสายลมมีแรงและอ่อนล้า
แม้นพฤกษา..มีสูงและมีต่ำ
ความคิดหรือ..มีลืมยังมีจำ
เรามีรัก..มีช้ำ..ธรรมดา
.
..พันคม..



ธรรมชาติ วาดวาง สร้างสรรพ์สิ่ง
โลกความจริง วิโยค โศกนักหนา
ทุกสิ่งล้วน เกิดดับ แล้วลับลา
สุริยัน จันทรา ชะตาคน

ต่างอยู่ใต้ บริบท กฎเกณฑ์รู้
หากเรื่องดู เหมือนง่าย กลายสับสน
ด้วยมิรับ คับข้อง หมองกมล
จึ่งทุกข์ท้น หม่นไหม้ ในฤดี

หากปล่อยวาง ยึดมั่น กระนั้นไซร้
มิห่างไกล งดงาม ตามวิถี
หากแต่โลภ โกรธหลง ยังคงมี
มิอาจที่  กำจัด ตัดจากรัก

คงได้เพียง เผื่อใจ ในขื่นขม
ยามระทม ทุกข์หมาง หลุมพรางดัก
ก่อนชีวี  วางวาย มิคลายภักดิ์
ขอรู้จัก รักแท้ แม้สักครา...

Soul Searcher
Inspired to write 28/11/2016



หัวข้อ: Re: .๐..ใครฤาจะรู้..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 28 พฤศจิกายน, 2559, 04:40:49 PM
ไม่มีต้น จะมีปลาย..ไฉนฤา
ไม่มีฝน จะมีหรือ ความชุ่มฉ่ำ
ไม่มีตาย..ไยจะเกิด..ให้มีกรรม
ไม่มีนำ ไม่ต้องตาม คือความนัย
.
ว่าอีกฝั่งฟากคลองของความคิด
สายนทีถูกผิดนั้นล่องไหล
คนละฝากฝั่งคิดของจิตใจ
เคยหามันพบไหมในตัวตน
.
หรือสุขแล้วกับรักโลภโกรธหลง
จนงวยงงกับเหล่าอกุศล
ให้หลงอยู่อย่างอยากลากกมล
จนเคล้าปนบาปเปื้อนเป็นเหมือนเงา
.
ได้กลิ่นไหมน้ำครำที่ร่ำอาบ
มองเห็นไหมรอบคราบกลิ่นสาบเน่า
ของโสมมดำหมองสมองเรา
ที่มันเร้าเย้ายวนคอยกวนตัว
.
สายนทีถูกผิดเราคิดแต่ง
มันจำแลงโลดแล่นอยู่ในรั้ว
ของดวงใจผู้กล้ากับผู้กลัว
เกิดเป็นชั่วเป็นดี..ฉะนี้เนอ
.
เมื่อมีรักแล้วมักมีทุกข์ซ่อน
แล้วกลับซ้อนด้วยสุขอยู่เสมอ
ถ้าสุขเป็น..ทุกข์ไม่เป็น..ที่เห็นเจอ
ทุกข์จะเผลอท่วมสุข..ทุกข์จนตาย
.
..พันคม..

จะยอมรับลำเข็ญเช่นความทุกข์
มิรับสุขอารมณ์ตรมตรอมหน่าย
เพราะมิอาจลืมลงตรงหนึ่งชาย
แม้เวียนว่ายตามกรรมพรหมนำมา

จะลืมตรงชั่วดีที่รู้บ้าง
เป็นเงาจางเสริมชีวิตจิตหรรษา
สิ่งโสมมและสมองตรองปัญญา
จะขอฝ่าก้าวข้ามมิคร้ามกลัว

แม้มิอาจได้พบประสบหน้า
มองในตาทุกวันให้ถ้วนทั่ว
ยังถนอมรักพอเพียงเอาเลี้ยงตัว
จิตที่ชั่วจงรักและภักดี

หากว่าคือกิเลสเหตุแห่งทุกข์
แต่ซ่อนสุขเอาไว้ไม่ห่างหนี
อัประมาณดวงแก้วแววมณี
ช่วยเก็บทีเอาไว้ในทรงจำ

สิริวตี

 :15:

เอ้อ!... กว่าจะออกกลอนรักได้ ไม่งั้นธรรมะอีกแน่ๆ ...พอดีวันนี้หลานอารมณ์ดีน่ะปู่



หัวข้อ: Re: .๐..ใครฤาจะรู้..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 30 พฤศจิกายน, 2559, 03:44:58 PM

ด้วยความรัก เกิดใน ฤทัยหว่าง
ย้อนถามพลาง หากใช่ แค่ใคร่ชู้
ฤาเป็นเพียง หลงรูป จูบตราตรู
โหยหาคู่ คลายเหงาทม เท่านั้น

วายวุ่นวน หม่นเวียน เฝ้าเพียรถาม
ว่างดงาม แห่งรัก พิทักษ์ฝัน
มีอยู่จริง หรือแสร้ง ดุจแสงจันทร์
คู่ตะวัน ย้ำตอก บอกความนัย

หากสองสิ่ง งดงาม นิยามโลก
ยังทุกข์โศก ดุจรัก ถูกผลักไส
ความรักจริง มิ่งแท้ สุดแต่ใจ
อาจมิได้ ต้องอยู่ คู่เคียงกัน

หากสวยสด งดงาม ของความรัก
แจ้งประจักษ์ เจิดจ้า มิหาหัน
ขอยังคง มั่นรัก จักนิรันดร์
แม้เป็นเพียง ความฝัน ฉันจะรอ...

Soul Searcher
Inspired to write 26/11/2016

ฟ้าอุ่นดอกไม้บานสะคราญหล้า
กิ่งไม้หนายามฝนหล่นลงช่อ
จันทรางามยามเพ็ญเด่นลออ
แข็งระย่อต่ออ่อนซ้อนรูปนาม
.
สายลมพลิ้วพัดวนกิ่งไม้ไหว
พายุยามโหมใกล้น่าเกรงขาม
ประกายแดดแผดใสใช่คุกคาม
ดาวระยับวัววามมิวายวาง

ดอกกุหลาบบานแล้วยังโรยรา
สุริยาจันทรเคยซ่อนร่าง
โลหิตมีสีแดงทุกนายนาง
เหือดแห้งไปไยสร้างเป็นสีดำ
.
อีกสายลมมีแรงและอ่อนล้า
แม้นพฤกษา..มีสูงและมีต่ำ
ความคิดหรือ..มีลืมยังมีจำ
เรามีรัก..มีช้ำ..ธรรมดา
.
..พันคม..


ธรรมชาติ วาดวาง สร้างสรรพ์สิ่ง
โลกความจริง วิโยค โศกนักหนา
ทุกสิ่งล้วน เกิดดับ แล้วลับลา
สุริยัน จันทรา ชะตาคน

ต่างอยู่ใต้ บริบท กฎเกณฑ์รู้
หากเรื่องดู เหมือนง่าย กลายสับสน
ด้วยมิรับ คับข้อง หมองกมล
จึ่งทุกข์ท้น หม่นไหม้ ในฤดี

หากปล่อยวาง ยึดมั่น กระนั้นไซร้
มิห่างไกล งดงาม ตามวิถี
หากแต่โลภ โกรธหลง ยังคงมี
มิอาจที่  กำจัด ตัดจากรัก

คงได้เพียง เผื่อใจ ในขื่นขม
ยามระทม ทุกข์หมาง หลุมพรางดัก
ก่อนชีวี  วางวาย มิคลายภักดิ์
ขอรู้จัก รักแท้ แม้สักครา...

Soul Searcher
Inspired to write 28/11/2016

.๐..ขอสิทธ์รัก..๐.
.
ขอใช้สิทธิ์คนซึ่งเคยโศกศัลย์
อยู่ในโลกอย่างหวั่นหวาดผวา
อย่าอึดอัดขัดข้องเมื่อมองมา
หรือสมเพทเวทนาเลยนารี
.
ขอใช้สิทธิ์ทักสาวทุกคราวสบ
อย่าคิดลบทุกเรื่องให้เคืองศรี
ไม่รุ่มร่ามลามล้ออย่างชอกี
ทักด้วยคำสวัสดีเท่านี้พอ
.
ขอใช้สิทธิ์ซักถามยามสงสัย
คงมิผิดใช่ไหมหากชายขอ
ตอบแค่คำสองคำในลำคอ
ว่าอออออืออือไม่ถือกัน
.
ขอใช้สิทธิ์สงสารจากคนสวย
เป็นตัวช่วยให้ชอบเพื่อปลอบขวัญ
ขอรอยยิ้มยามพบสบตาพลัน
ทุกทุกวันมิเว้นโปรดเห็นใจ
.
ขอใช้สิทธิ์คิดถึงคะนึงหา
ตามมุ่งมาตรปรารถนาจะว่าไหม
เพราะทุกคิดที่ครองห้องหทัย
มีแต่ใบหน้านางมิสร่างเลย
.
ขอใช้สิทธิ์ต่อสายโทรศัพท์
คืนละครั้งนะครับแม่คุณเอ๋ย
ทุกสามทุ่มประจำด้วยคำเปรย
บอกฝันดีทรามเชยถึงรุ่งเช้า
.
ขอใช้สิทธิ์ชิดใกล้ตามใจปรารถน์
ร่วมภพชาติเชยชมภิรมย์เจ้า
จะติดตามเนื้อเย็นดั่งเช่นเงา
ที่คอยเคล้าเคียงข้างมิห่างกาย
.
ขอใช้สิทธิ์สู่ขอจากพ่อแม่
อย่าตอบคำว่าแต่ให้แพ้พ่าย
จะใช่สิทธิ์ให้สมอย่างคมคาย
ยกสิทธิ์นั้นให้ชายเถิดยอดชู้
.
.๐..พันคม..๐.


หัวข้อ: Re: .๐..ใครฤาจะรู้..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 30 พฤศจิกายน, 2559, 04:20:13 PM
ไม่มีต้น จะมีปลาย..ไฉนฤา
ไม่มีฝน จะมีหรือ ความชุ่มฉ่ำ
ไม่มีตาย..ไยจะเกิด..ให้มีกรรม
ไม่มีนำ ไม่ต้องตาม คือความนัย
.
ว่าอีกฝั่งฟากคลองของความคิด
สายนทีถูกผิดนั้นล่องไหล
คนละฝากฝั่งคิดของจิตใจ
เคยหามันพบไหมในตัวตน
.
หรือสุขแล้วกับรักโลภโกรธหลง
จนงวยงงกับเหล่าอกุศล
ให้หลงอยู่อย่างอยากลากกมล
จนเคล้าปนบาปเปื้อนเป็นเหมือนเงา
.
ได้กลิ่นไหมน้ำครำที่ร่ำอาบ
มองเห็นไหมรอบคราบกลิ่นสาบเน่า
ของโสมมดำหมองสมองเรา
ที่มันเร้าเย้ายวนคอยกวนตัว
.
สายนทีถูกผิดเราคิดแต่ง
มันจำแลงโลดแล่นอยู่ในรั้ว
ของดวงใจผู้กล้ากับผู้กลัว
เกิดเป็นชั่วเป็นดี..ฉะนี้เนอ
.
เมื่อมีรักแล้วมักมีทุกข์ซ่อน
แล้วกลับซ้อนด้วยสุขอยู่เสมอ
ถ้าสุขเป็น..ทุกข์ไม่เป็น..ที่เห็นเจอ
ทุกข์จะเผลอท่วมสุข..ทุกข์จนตาย
.
..พันคม..

จะยอมรับลำเข็ญเช่นความทุกข์
มิรับสุขอารมณ์ตรมตรอมหน่าย
เพราะมิอาจลืมลงตรงหนึ่งชาย
แม้เวียนว่ายตามกรรมพรหมนำมา

จะลืมตรงชั่วดีที่รู้บ้าง
เป็นเงาจางเสริมชีวิตจิตหรรษา
สิ่งโสมมและสมองตรองปัญญา
จะขอฝ่าก้าวข้ามมิคร้ามกลัว

แม้มิอาจได้พบประสบหน้า
มองในตาทุกวันให้ถ้วนทั่ว
ยังถนอมรักพอเพียงเอาเลี้ยงตัว
จิตที่ชั่วจงรักและภักดี

หากว่าคือกิเลสเหตุแห่งทุกข์
แต่ซ่อนสุขเอาไว้ไม่ห่างหนี
อัประมาณดวงแก้วแววมณี
ช่วยเก็บทีเอาไว้ในทรงจำ

สิริวตี

 :15:
เอ้อ!... กว่าจะออกกลอนรักได้ ไม่งั้นธรรมะอีกแน่ๆ ...พอดีวันนี้หลานอารมณ์ดีน่ะปู่
.
พสุธาชุ่มโชกด้วยโศก-สุข
มันคอยเข้าเคล้าคลุกทั้งคืนค่ำ
เฉกสมุทรคลื่นม้วนจนคะมำ
กระแทกซัดสายน้ำดั่งครางครวญ
.
คลื่นถาโถมสาดซบกระทบฝั่ง
กึกก้องดั่งเสียงเฮทะเลสรวล
ฟากฟ้าคล้ายเมฆบ่นลมฝนชวน
แสร้งยียวนเย้ยแค่นแดนโลกีย์
.
ความมีชัยพ่ายแพ้สุดแต่ฟ้า
ปานภูผายังพังสุดหยั่งหนี
มรสุม...รุมป่วนมวลเมฆี
ทั่วปฐพีเช้าค่ำคล้ำแล้วจาง
.
อยากสลัดรบกวนเรื่องยวนยั่ว
ไร้พันพัวทั่วหล้าใต้ฟ้ากว้าง
ธรรมชาติรายล้อมกระท่อมฟาง
ทั่วสรรพางค์เป็นหนึ่งด้วยพึงใจ
.
กับสันโดษโลดแล่นทั่วแดนโลก
วิปโยค...โศกหรือ...คือไฉน
มิติดกับพยับกลิ่นอจินไตย
ทุกข์ทำไมในชีวิต...อนิจจา
.
..พันคม..


หัวข้อ: Re: .๐..ใครฤาจะรู้..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 30 พฤศจิกายน, 2559, 11:03:02 PM


.๐..ขอสิทธ์รัก..๐.
.
ขอใช้สิทธิ์คนซึ่งเคยโศกศัลย์
อยู่ในโลกอย่างหวั่นหวาดผวา
อย่าอึดอัดขัดข้องเมื่อมองมา
หรือสมเพทเวทนาเลยนารี
.
ขอใช้สิทธิ์ทักสาวทุกคราวสบ
อย่าคิดลบทุกเรื่องให้เคืองศรี
ไม่รุ่มร่ามลามล้ออย่างชอกี
ทักด้วยคำสวัสดีเท่านี้พอ
.
ขอใช้สิทธิ์ซักถามยามสงสัย
คงมิผิดใช่ไหมหากชายขอ
ตอบแค่คำสองคำในลำคอ
ว่าอออออืออือไม่ถือกัน
.
ขอใช้สิทธิ์สงสารจากคนสวย
เป็นตัวช่วยให้ชอบเพื่อปลอบขวัญ
ขอรอยยิ้มยามพบสบตาพลัน
ทุกทุกวันมิเว้นโปรดเห็นใจ
.
ขอใช้สิทธิ์คิดถึงคะนึงหา
ตามมุ่งมาตรปรารถนาจะว่าไหม
เพราะทุกคิดที่ครองห้องหทัย
มีแต่ใบหน้านางมิสร่างเลย
.
ขอใช้สิทธิ์ต่อสายโทรศัพท์
คืนละครั้งนะครับแม่คุณเอ๋ย
ทุกสามทุ่มประจำด้วยคำเปรย
บอกฝันดีทรามเชยถึงรุ่งเช้า
.
ขอใช้สิทธิ์ชิดใกล้ตามใจปรารถน์
ร่วมภพชาติเชยชมภิรมย์เจ้า
จะติดตามเนื้อเย็นดั่งเช่นเงา
ที่คอยเคล้าเคียงข้างมิห่างกาย
.
ขอใช้สิทธิ์สู่ขอจากพ่อแม่
อย่าตอบคำว่าแต่ให้แพ้พ่าย
จะใช่สิทธิ์ให้สมอย่างคมคาย
ยกสิทธิ์นั้นให้ชายเถิดยอดชู้
.
.๐..พันคม..๐.



อยากใช้สิทธิ์ อย่างท่าน พันคมบ้าง
ยามอ้างว้าง เป่าพรม ลมข้างหู
แผ่วคำหวาน พลอดพร่ำ ฉ่ำวธู
เชยชิดชู้ บอกรัก อักษรา

อยากใช้สิทธิ์ หว่านชม คมคายหญิง
อย่าท้วงติง ตำหนิ ติเลยหนา
แม้อาจเผลอ หัวงู อยู่บางครา
เอาเป็นว่า หยอกล้อ พอขำครัน

อยากใช้สิทธิ์ วาดหวาน ปานน้ำอ้อย
ให้เคลิ้มคล้อย คลอเคียง ระเบียงฝัน
ขอเพียงอย่า หวามไหว ไกลจำนรรจ์
อาจต้องบั่น ทอนถด ลดดีกรี

อยากใช้สิทธิ์ เสกศิลป์ จินต์เจื้อยแจ้ว
อาจออกแนว ไล้ลูบ จูบนวลศรี
หากเป็นเพียง อารมณ์ ห่มวจี
ขอเนื้อที่ เปลี่ยวชาย ร่ายบรรเลง

อยากใช้สิทธิ์ กลอนเพี้ยน เกรียนคลายกลุ้ม
ระบายรุ่ม หนักเร้า ให้เบาเหวง
อยากออกลิง ออกค่าง อย่างกันเอง
มิต้องเกรง โดนเขม่น ว่าเป็นกุ๊ย

อยากใช้สิทธิ์ แซวเพื่อน เหมือนพี่น้อง
โดยมิต้อง โดนถล่ม ถ่มถากถุย
หรือถูกหา หน้าหล่อ พ่อ"ชัปปุยส์"
แถมขี้คุย ขี้หยอด ออดอ้อนนัก

อยากใช้สิทธิ์ ทั้งหมด ตามบทนี้
ด้วยฤดี ชื่นกลอน สุนทรถัก
จึงเข้าฝึก วิชา ภาษารัก
ร่วมพิทักษ์ สืบสาน ตำนานกวี

Soul Searcher
Inspired to write 30/11/2016

ป.ล. อยากใช้สิทธิ์นี้ชวนเพื่อนสมาชิกมาวาง
กลอนกันให้เยอะๆนะครับ ไม่ต้องอายหรือกลัว
ว่าแต่งยังไม่คล่อง ใช้วิชาหน้าด้าน หน้ามึน
เข้าไว้  ไม่ต้องกังวล เพราะคนอื่นก็ไม่รู้
ว่าเราเป็นใคร...หุหุ
และการแต่งกลอนนั้นต้องเขียนบ่อยๆเท่านั้น
จึงจะชำนาญขึ้นได้ อยากต่อกลอนใครก็ต่อได้เลยครับ
เพราะเป็นการฝึกฝน และเพื่อนๆที่นี่ใจดีครับ
มีปัญหาอะไรสอบถามกันได้...ยกเว้นยืมตัง..แหะแหะ

 :12:







หัวข้อ: Re: .๐..ขอสิทธ์รัก..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: Wirin ที่ 02 ธันวาคม, 2559, 10:35:19 AM
 :30:

อยากทำไรทำเลยอย่าเฉยอยู่
เดี๋ยวตายหมู่ขึ้นมาพาหมองศรี
อันชายหญิงคู่กันมาพันปี
ชายหนึ่งมีหญิงมากจากนิยาย

วรรณคดีเหมือนกันใครกำหนด
วางบาทบทพระเอกเลขยันต์หมาย
ลงอาคมเป่ากระหม่อมกล่อมผู้ชาย
และสุดท้ายเสร็จสรรพลงยับเยิน

ขอใช้สิทธิ์ดูบ้างเพื่อสร้างฝัน
เรื่องเชิงชั้นไม่ดีมีขวยเขิน
อยากเตะต่อยสอยคางบ้างเหลือเกิน
จึงชวนเชิญชายชาญทหารมา

ซ้อมไว้ก่อนอ่อนแอกลัวแพ้พ่าย
ใครแอบเรียกคุณยายหมายเข่นฆ่า
จับทุบไข่ให้แตกแหลกกายา
ทิงเจอร์ทาราดรดเอ้าหมดกัน

วิริน
๒/๑๒/๕๙

โอ้ยเข้าป่าเข้าดงไปมะลำมะลอยแล้ว
ขอโทษเจ้าของกระทู้นะค่ะ
กลอนเขามาหวานๆ พาเพี้ยนไปหมด

 :34:


หัวข้อ: Re: .๐..ขอสิทธ์รัก..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 02 ธันวาคม, 2559, 02:21:44 PM


อันชายหญิง คู่กัน พันปีแล้ว
คงมิแคล้ว เรื่องเดิม เติมใจฝัน
ชายหนึงมี หญิงหลาย เปลี่ยนรายวัน
ปัจจุบัน หมุนเวียน โลกเปลี่ยนไป

กลับเป็นหญิง หนึ่งกลาย มีชายมาก
เรื่องเคยยาก กลับง่าย คล้ายวูบไหว
อินเตอร์เนท เฟสบุ๊ค ปลุกทันใจ
ดุจฟืนไฟ ลุกลาม ห้ามมิทัน

นี่ก็ใช่ เวปกลอน อ้อนออดเอื้อน
จากเย้าเยื้อน ใยโยง โคลงกลอนฉันท์
แล้วหยอดนิด หยอดหน่อย คล้อยจำนรรจ์
ผูกสัมพันธ์ ปันรัก สลักกลอน

เฉกเช่นคำ หวามหวาน สำราญพจน์
มิกำหนด เลื่อนไหล ในอักษร
จักหลงศิลป์ จินต์ถลำ ด่ำสุนทร
ก่อนเข้านอน วอนเว้า มาเข้าเว็ป

Soul ไอ้อาการไม่หลับไม่นอน
มาแต่งกลอนตอนดึกดื่นนี่
มันคุ้นมากจริงๆ...หึหึ
(แต่งไว้เตือนสติ ตนเองครับ)

 :24:





หัวข้อ: Re: .๐..ใครฤาจะรู้..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 02 ธันวาคม, 2559, 07:04:08 PM
.๐..ขอสิทธ์รัก..๐.
.
ขอใช้สิทธิ์คนซึ่งเคยโศกศัลย์
อยู่ในโลกอย่างหวั่นหวาดผวา
อย่าอึดอัดขัดข้องเมื่อมองมา
หรือสมเพทเวทนาเลยนารี
.
ขอใช้สิทธิ์ทักสาวทุกคราวสบ
อย่าคิดลบทุกเรื่องให้เคืองศรี
ไม่รุ่มร่ามลามล้ออย่างชอกี
ทักด้วยคำสวัสดีเท่านี้พอ
.
ขอใช้สิทธิ์ซักถามยามสงสัย
คงมิผิดใช่ไหมหากชายขอ
ตอบแค่คำสองคำในลำคอ
ว่าอออออืออือไม่ถือกัน
.
ขอใช้สิทธิ์สงสารจากคนสวย
เป็นตัวช่วยให้ชอบเพื่อปลอบขวัญ
ขอรอยยิ้มยามพบสบตาพลัน
ทุกทุกวันมิเว้นโปรดเห็นใจ
.
ขอใช้สิทธิ์คิดถึงคะนึงหา
ตามมุ่งมาตรปรารถนาจะว่าไหม
เพราะทุกคิดที่ครองห้องหทัย
มีแต่ใบหน้านางมิสร่างเลย
.
ขอใช้สิทธิ์ต่อสายโทรศัพท์
คืนละครั้งนะครับแม่คุณเอ๋ย
ทุกสามทุ่มประจำด้วยคำเปรย
บอกฝันดีทรามเชยถึงรุ่งเช้า
.
ขอใช้สิทธิ์ชิดใกล้ตามใจปรารถน์
ร่วมภพชาติเชยชมภิรมย์เจ้า
จะติดตามเนื้อเย็นดั่งเช่นเงา
ที่คอยเคล้าเคียงข้างมิห่างกาย
.
ขอใช้สิทธิ์สู่ขอจากพ่อแม่
อย่าตอบคำว่าแต่ให้แพ้พ่าย
จะใช่สิทธิ์ให้สมอย่างคมคาย
ยกสิทธิ์นั้นให้ชายเถิดยอดชู้
.
.๐..พันคม..๐.
[/font][/size][/color]

TfGPoSqqYoE

...แค่ในใจ...

ขอมอบสิทธิ์ข้างในใจเท่านั้น
ชีวาวันตรงนี้ที่มีอยู่
ส่งซาบซึ้งเสียงหวานมานรับรู้
ทุกเช้าตรู่ทุกคืนค่ำที่ย้ำเตือน

หากซบอกตรงนี้แล้วพี่ปลอบ
พี่หมายมอบหัวใจให้เป็นเพื่อน
มิเคยลามิเคยร้างมิลางเลือน
ยามเยี่ยมเยือนแต่ละทีนี้สุขใจ

แต่รู้เพียงมีสิทธิ์คิดห่วงหา
ดวงวิญญาณ์ดวงนี้ก็อยู่ได้
เป็นฝันต่อฝันตามแม้ยามไกล
ขอหทัยแนบสนิทนิจนิรันดร์

สิริวตี






หัวข้อ: Re: .๐..ขอสิทธ์รัก..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 04 ธันวาคม, 2559, 01:01:53 PM

สองเราเพียงนั้นมีที่ให้พบ
ทรวงคิดถึงคงสบสรวงสวรรค์
โลกจะขาวจะดำไม่สำคัญ
สองเราเพียงผูกพันเท่านั้นพอ
.
สิ่งเหล่านี้คือวจีที่จะบอก
เทียบกุหลาบผลิดอกออกชูช่อ
จะแย้มบานนานเนิ่นไม่เกินรอ
หากเมื่อเจ้าเออออนะคนดี
.
เพราะมั่นในใจนักกับรักแท้
หมายให้เจ้าดูแลดวงใจพี่
เป็นเพียงหนึ่งเท่านั้นในธรณี
สามแดนโลกธาตุนี้เป็นพยาน
.


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 04 ธันวาคม, 2559, 02:19:16 PM



อยากทำไรทำเลยอย่าเฉยอยู่
เดี๋ยวตายหมู่ขึ้นมาพาหมองศรี
อันชายหญิงคู่กันมาพันปี
ชายหนึ่งมีหญิงมากจากนิยาย

วรรณคดีเหมือนกันใครกำหนด
วางบาทบทพระเอกเลขยันต์หมาย
ลงอาคมเป่ากระหม่อมกล่อมผู้ชาย
และสุดท้ายเสร็จสรรพลงยับเยิน

ขอใช้สิทธิ์ดูบ้างเพื่อสร้างฝัน
เรื่องเชิงชั้นไม่ดีมีขวยเขิน
อยากเตะต่อยสอยคางบ้างเหลือเกิน
จึงชวนเชิญชายชาญทหารมา

ซ้อมไว้ก่อนอ่อนแอกลัวแพ้พ่าย
ใครแอบเรียกคุณยายหมายเข่นฆ่า
จับทุบไข่ให้แตกแหลกกายา
ทิงเจอร์ทาราดรดเอ้าหมดกัน
(วิริน)
.........................................
อันชายหญิง คู่กัน พันปีแล้ว
คงมิแคล้ว เรื่องเดิม เติมใจฝัน
ชายหนึงมี หญิงหลาย เปลี่ยนรายวัน
ปัจจุบัน หมุนเวียน โลกเปลี่ยนไป

กลับเป็นหญิง หนึ่งกลาย มีชายมาก
เรื่องเคยยาก กลับง่าย คล้ายวูบไหว
อินเตอร์เนท เฟสบุ๊ค ปลุกทันใจ
ดุจฟืนไฟ ลุกลาม ห้ามมิทัน

นี่ก็ใช่ เวปกลอน อ้อนออดเอื้อน
จากเย้าเยื้อน ใยโยง โคลงกลอนฉันท์
แล้วหยอดนิด หยอดหน่อย คล้อยจำนรรจ์
ผูกสัมพันธ์ ปันรัก สลักกลอน

เฉกเช่นคำ หวามหวาน สำราญพจน์
มิกำหนด เลื่อนไหล ในอักษร
จักหลงศิลป์ จินต์ถลำ ด่ำสุนทร
ก่อนเข้านอน วอนเว้า มาเข้าเว็ป
(soul searcher)
.............................................
.*..รักพันปี..*.
.
แสงสว่างลางเลือนเดือนลอยเด่น
รำลึกเร้นความหลังเคยฝังเก็บ
อตีตาคราก่อนซ่อนแล้วเย็บ
เหน็บไว้ในมโนโผล่มาแซง
.
บอกรอใครในฝันอันลึกลับ
ระยิบระยับกับดาวที่พราวแสง
รับน้ำค้างคราสางสว่างแดง
ใจเต้นแรงรับลมพัดพรมมา
.
ว่าโอบกอดเธอไว้ในอ้อมอก
มองดาวตกร่วงหล่นสู้พื้นหล้า
ใจสองดวงเต้นตามยามสบตา
เป็นสัญญาหัวใจต่างให้กัน
.
ผ่านวันชื่นคืนเจ็บที่เหน็บหนาว
มองเดือนดาวดวงเดิมช่วยเติมฝัน
ไม่อาจพบสบตาอย่างตื้นตัน
นอกจากฝันเท่านั้นที่บันดล
.
ผ่านระทมขมขื่นกี่หมื่นครั้ง
เป็นความหลังลึกลับดูสับสน
คงนานเนาแน่วแน่แก่กมล
ว่าตัวเราสองคนคงเคยครอง
.
แม้นถูกกั้นอยู่กลางระหว่างภพ
มิอาจลบรอยขีดอดีตผอง
จึงผุดพรายสายตาเวลามอง
ว่าหมายปองนานปีมีเปลี่ยนแปลน
.
อดีตชาติมิกล้าบอกว่ารัก
เฝ้าเก็บกักกับใจไว้แนบแน่น
สิบร้อยพันผ่านพ้นกันชนแดน
อาจหมื่นแสนล้านครั้งที่ฝังใจ
.
อยากบอกคำทุกคำในสำนึก
มิตรองตรึกลึกลับว่าหลับใหล
จะบอกจำแม้กาลหมุนผ่านไกล
ว่ารักเธอย้อนไปนับพันปี
.
.*..พันคม..*.


UzBozhrOtzU




หัวข้อ: Re: .๐..ขอสิทธ์รัก..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 04 ธันวาคม, 2559, 03:16:09 PM

สองเราเพียงนั้นมีที่ให้พบ
ทรวงคิดถึงคงสบสรวงสวรรค์
โลกจะขาวจะดำไม่สำคัญ
สองเราเพียงผูกพันเท่านั้นพอ
.
สิ่งเหล่านี้คือวจีที่จะบอก
เทียบกุหลาบผลิดอกออกชูช่อ
จะแย้มบานนานเนิ่นไม่เกินรอ
หากเมื่อเจ้าเออออนะคนดี
.
เพราะมั่นในใจนักกับรักแท้
หมายให้เจ้าดูแลดวงใจพี่
เป็นเพียงหนึ่งเท่านั้นในธรณี
สามแดนโลกธาตุนี้เป็นพยาน
.


ทั้งห้วงน้ำแดนมนุษย์สิ้นสุดฟ้า
ตรีโลกาส่งใจให้ประสาน
อันความรักใช่สนองความต้องการ
ใช่แค่พานพบกันแล้วพร่ำรัก

เพราะมีพรากจากลามาสวมซ่อน
มีอาวรณ์ยามห่างต่างตระหนัก
มีโกรธขึ้งหึงหวงดวงใจนัก
หวังผ่อนพักสุขล้ำกระทำใด

โปรดจงกลั่นวจีที่จะบอก
ความรักที่ต้องบอกสำคัญไหม
หรือแค่เปรยเป็นลมพรมพัดไป
พฤติกรรมอย่างไหนใคร่ครวญทำ

สิริวตี

 :20:



หัวข้อ: Re: .๐..ใครฤาจะรู้..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 04 ธันวาคม, 2559, 04:02:13 PM
...แค่ในใจ...

ขอมอบสิทธิ์ข้างในใจเท่านั้น
ชีวาวันตรงนี้ที่มีอยู่
ส่งซาบซึ้งเสียงหวานมานรับรู้
ทุกเช้าตรู่ทุกคืนค่ำที่ย้ำเตือน

หากซบอกตรงนี้แล้วพี่ปลอบ
พี่หมายมอบหัวใจให้เป็นเพื่อน
มิเคยลามิเคยร้างมิลางเลือน
ยามเยี่ยมเยือนแต่ละทีนี้สุขใจ

แต่รู้เพียงมีสิทธิ์คิดห่วงหา
ดวงวิญญาณ์ดวงนี้ก็อยู่ได้
เป็นฝันต่อฝันตามแม้ยามไกล
ขอหทัยแนบสนิทนิจนิรันดร์



ขอใช้สิทธิ์ นักกลอน ผู้นอนดึก
จดบันทึก ร้อยเรียง ระเบียงฝัน
ระบิลพจน์ พรรณนา สารพัน
ข้างตัวฉัน ขอรับ ขับบรรเลง

สวาสดิ์ศิลป์ กวินสาน ตระการนึก
กลั่นรู้สึก กระหวัด มิขัดเขลง
ตามแต่จินตนาการ ชาญเชวง
ร่ายเลบง บทบรรณ วรรณกวี

หวังพรายพรม สมใน ฤทัยรัก
แม้เป็นเพียง ทอถัก อักษรศรี
ขอแบ่งปัน ความฝัน ที่ฉันมี
โปรยวลี ลอยลม ห่มฝากไป

รักของฉัน ไหววาบ อาบพิสุทธิ์
เปรียบประดุจ สายลม ห่มพลิ้วไหว
หากมิต้อง ครอบครอง ให้หมองใจ
เพียงฝันใฝ่ เพ้อถึง คะนึงครวญ

ในความฝัน ฉันเธอ ต่างเพ้อหา
เปี่ยมอุรา รักล้น ท้นสงวน
อกไออุ่น คุ้นเคย เชยชิดชวน
ต่างรัญจวน ตื้นตัน เกินบรรยาย

สองแขนโอบ เอวบาง หว่างกายชิด
พลางจุมพิต อุ่นอิ่ม ริมปากผาย
แผ่วสัมผัส นิ่มนวล ยวนใจชาย
หลอมละลาย แน่นแนบ แทบกลืนกิน

หอมกายนาง ยั่วเย้า เร้ากระตุ้น
ให้ว้าวุ่น สรรพางค์ มิสร่างผิน
ลูบไล้โฉม โนมพรรณ สั่นยุพิน
ทั่วทั้งสิ้น ถิ่นแหน แดนสนธยา

แม้นว่าหนาว โชยชาย พระพายพัด
เพลิงกำหนัด โชกชุ่ม ร้อนรุ่มกว่า
เหงื่อกายกลั่น หยาดหยด รดหลั่งมา
นัยนา ประสาน ดุจมานเดียว...
(มิกล้าแต่งต่อ...แหะแหะ)

...ขอพื้นที่ฝึก จินตพรรณนานะครับ...

Soul Searcher
Inspired to write 4/12/2016

 :12:





หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 04 ธันวาคม, 2559, 05:31:14 PM
ออกอารมณ์จินต์จิตตามคิดนึก
ใส่รู้สึกหวามวาบซาบซ่านเสียว
กระบองยักษ์สักหน่อยคอยยาเยียว
ฟาดซักเดี๋ยวชักแด่วแด่วอย่าแจ้วโวย

สิริวตี

 :27:


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 04 ธันวาคม, 2559, 05:33:23 PM


.*..รักพันปี..*.
.
แสงสว่างลางเลือนเดือนลอยเด่น
รำลึกเร้นความหลังเคยฝังเก็บ
อตีตาคราก่อนซ่อนแล้วเย็บ
เหน็บไว้ในมโนโผล่มาแซง
.
บอกรอใครในฝันอันลึกลับ
ระยิบระยับกับดาวที่พราวแสง
รับน้ำค้างคราสางสว่างแดง
ใจเต้นแรงรับลมพัดพรมมา
.
ว่าโอบกอดเธอไว้ในอ้อมอก
มองดาวตกร่วงหล่นสู้พื้นหล้า
ใจสองดวงเต้นตามยามสบตา
เป็นสัญญาหัวใจต่างให้กัน
.
ผ่านวันชื่นคืนเจ็บที่เหน็บหนาว
มองเดือนดาวดวงเดิมช่วยเติมฝัน
ไม่อาจพบสบตาอย่างตื้นตัน
นอกจากฝันเท่านั้นที่บันดล
.
ผ่านระทมขมขื่นกี่หมื่นครั้ง
เป็นความหลังลึกลับดูสับสน
คงนานเนาแน่วแน่แก่กมล
ว่าตัวเราสองคนคงเคยครอง
.
แม้นถูกกั้นอยู่กลางระหว่างภพ
มิอาจลบรอยขีดอดีตผอง
จึงผุดพรายสายตาเวลามอง
ว่าหมายปองนานปีมีเปลี่ยนแปลน
.
อดีตชาติมิกล้าบอกว่ารัก
เฝ้าเก็บกักกับใจไว้แนบแน่น
สิบร้อยพันผ่านพ้นกันชนแดน
อาจหมื่นแสนล้านครั้งที่ฝังใจ
.
อยากบอกคำทุกคำในสำนึก
มิตรองตรึกลึกลับว่าหลับใหล
จะบอกจำแม้กาลหมุนผ่านไกล
ว่ารักเธอย้อนไปนับพันปี
.
.*..พันคม..*.




หากว่าคำ รักมั่น มิผันกลับ
ดังขานขับ ข้ามกาล ผ่านดีถี
ข้ามอดีต กัลป์กัป ทับทวี
จนวจี กระจ่างแจ้ง แห่งห้วงใจ

ฤาอาจเพียง นิวรณ์ ที่นอนปลัก
มิตระหนัก สัมผัส กระหวัดไหว
ฤาสัญญา อดีตแผลง สำแดงใด
จึ่งทำให้ มิคาน ต้านทานรัก

ฤาอาจเพียง ไออุ่น ที่คุ้นเหมือน
คอยย้ำเตือน เคยสอง ครองประจักษ์
ฤาอาจเพียง ใกล้ชิด จริตภักดิ์
ชื่นชอบชัก ละม้าย สิ่งคล้ายกัน

ฤาอาจมี ดาษดื่น หมื่นเหตุผล
บันดาลดล สองใคร หัวใจฝัน
ให้มาพบ สบสาน หว่านสัมพันธ์
ดุจคืนวัน หวนกลับ นับพันปี

Soul Searcher
Inspired to write 4/12/2016




หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 04 ธันวาคม, 2559, 08:11:10 PM
จะผ่านภพผ่านชาติคลาคลาดแคล้ว
นวลน้องแก้วจะตามไปไม่ถอยหนี
จวบเวลาผันผ่านถึงกาลนี้
จะขอตามเพียงพี่ฤดีรัก

ขอติดตามข้ามกัปกัลป์หรือชั้นฟ้า
ความรักข้าตรงนี้ที่ประจักษ์
แทนคำมั่นสัญญาสามิภักดิ์
แนบสลักในจิตมิคิดคลาย

แม้มิอาจอยู่ใกล้กายแนบสอง
จะขอครองชีวิตนิมิตหมาย
เก็บดวงจิตวิญญาณ์และร่างกาย
ให้แด่ชายคนนี้ฤดีเดียว

สิริวตี


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 04 ธันวาคม, 2559, 09:31:27 PM
ออกอารมณ์จินต์จิตตามคิดนึก
ใส่รู้สึกหวามวาบซาบซ่านเสียว
กระบองยักษ์สักหน่อยคอยยาเยียว
ฟาดซักเดี๋ยวชักแด่วแด่วอย่าแจ้วโวย

สิริวตี

 :27:

อาจเกินกลอน อ่อนไหว ใส่สีศิลป์
บรรเลงจินต์ อักษร นิวรณ์โหย
กวินกลั่น พรรณนา อุราโปรย
พร่างพรายโชย โฉมฉม อารมณ์ชาย

Soul Searcher
Inspired to write 4/12/2016
ป.ล. ช่วงนี้กินแต่มาม่า สงสัยผงชูรสขึ้นสมอง..หึหึ

 :20:



หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 05 ธันวาคม, 2559, 05:28:37 AM
เชิญรับยาช่องสองจองให้ละ
กินยาซะอาการมานจะหาย
อยากให้ลุงอยู่รอดไม่วอดวาย
สุขสบายอารมณ์แค่สมควร

สิริวตี
 :27:


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 05 ธันวาคม, 2559, 12:58:30 PM

คนยวนกวนไต่เส้น            เกรียนกวี
บางขณะมิโชคดี                ผิดถ้า (ท่า)
เลยเถิดละเมิดวลี               โดนเล่น ซวยเฮย
โปรดอย่าถือคนบ้า             แค่เพี้ยนมิอันตราย

Soul สงสัยคงต้องเปลี่ยนยา อาการชักกำเริบ หึหึ

ป.ล. อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเพี้ยน

 :27:



หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 05 ธันวาคม, 2559, 01:15:41 PM
เรียงรายโลมและไล้           ลูบนาง
อยากบอกเพราะหน้าบาง    เกิดได้
จินตนาอย่าเลือนลาง          สร้างเถิด
อาจเตลิดตอนลืมไซร้         ต่อตั้งมิทัน

สิริวตี

แหมๆ แค่แกล้งขวางจินตนาทำมาบ่น  แบร้ๆๆ
 :27:


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 05 ธันวาคม, 2559, 02:27:46 PM


จินตวรรณเคลิบเคลิ้ม            คลายอารมณ์
โปรยเปลี่ยวเหลียวเชยชม      ชื่นชี้
ภมรร่อนผสม                        ผกามาศ
ไหววาดวาทะนี้                      สื่อซ้องทำนองศิลป์

Soul บางครั้งก็อาจเป็นเพียงเส้นบางๆ
ระหว่าง ศิลปะกับอนาจาร ขึ้นอยู่กับ
มุมมองของแต่ละคน...

 :21:



หัวข้อ: Re: .๐..ขอสิทธ์รัก..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 07 ธันวาคม, 2559, 06:54:30 AM

สองเราเพียงนั้นมีที่ให้พบ
ทรวงคิดถึงคงสบสรวงสวรรค์
โลกจะขาวจะดำไม่สำคัญ
สองเราเพียงผูกพันเท่านั้นพอ
.
สิ่งเหล่านี้คือวจีที่จะบอก
เทียบกุหลาบผลิดอกออกชูช่อ
จะแย้มบานนานเนิ่นไม่เกินรอ
หากเมื่อเจ้าเออออนะคนดี
.
เพราะมั่นในใจนักกับรักแท้
หมายให้เจ้าดูแลดวงใจพี่
เป็นเพียงหนึ่งเท่านั้นในธรณี
สามแดนโลกธาตุนี้เป็นพยาน
.


น้องเป็นแค่ดอกหญ้าที่ถูกย่ำ
จนเจ็บช้ำกมลคนมองผ่าน
ใช่กุหลาบผลิดอกออกแย้มบาน
พี่จะมั่นรักนานเท่าไรกัน

สิริวตี

แก้ตัวใหม่ๆ
 :21:


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 07 ธันวาคม, 2559, 06:58:09 AM


จินตวรรณเคลิบเคลิ้ม            คลายอารมณ์
โปรยเปลี่ยวเหลียวเชยชม      ชื่นชี้
ภมรร่อนผสม                        ผกามาศ
ไหววาดวาทะนี้                      สื่อซ้องทำนองศิลป์

Soul บางครั้งก็อาจเป็นเพียงเส้นบางๆ
ระหว่าง ศิลปะกับอนาจาร ขึ้นอยู่กับ
มุมมองของแต่ละคน...

 :21:


งามจินต์จินต์ช่างล้วน  งดงาม
เติมต่อต้องติดตาม      แต่งใกล้
โปรยชิดอุระหวาม       มีหวั่น ไหวนา
ระหว่างทางกลางไว้    สืบซร้องสรวลศิลป์

สิริวตี


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 07 ธันวาคม, 2559, 10:53:41 AM

จะรินหลอมร่วมร้อย.......บทสราญ
เรียงอักษรกลอนกานท์...สนั่นก้อง
คลุกสรรพสุคนธ์มาลย์.....กับมะนะ
ผิวขลุ่ยประสานซ้อง......ปี่ฆ้องกังสดาล



หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 07 ธันวาคม, 2559, 05:13:49 PM
หอมธรรมะกลิ่นเพี้ยง          อุปมา
หอมกว่าหอมบุปผา              สะอาดแพร้ว
สัปบุรุษยากหา                    เชลงกล่าว
ชมชื่นหอมมิแคล้ว               พี่นี้วางสอน

สิริวตี


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 07 ธันวาคม, 2559, 05:24:12 PM


ขานขับกานท์กล่อมด้วย      ไมตรี
กลองปี่พาทย์มโหรี             เสนาะซ้อง
ชวนผองเพื่อนชาวกวี          ทุกฝ่าย
รำร่ายรายเรียงร้อง             ฉกาจก้องเชลงกลอน

Soul Searcher...โดนตัดหน้า..หึหึ
Inspired to write 7/12/2016



หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 07 ธันวาคม, 2559, 05:34:26 PM
อักษรคนแก่ช้า       ฉันใด
คงต่างหฤทัย          นุชนี้
คำวางคล่องแคล่วไว    โดยว่อง
เรียงต่อโคลงเมื่อกี้        เพราะได้กินยา

สิริวตี

กินยาเพิ่มความเร็วมาคร้าาาา
 :27:


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 07 ธันวาคม, 2559, 05:45:21 PM


มาหัวเราะเยาะเย้ย      วาที
ขำแม่สิริวตี                  งึดเง้า
ทำรีบเร่งเร็วจี๋               ไววิ่ง
ล้มคว่ำก้นจ้ำเบ้า            แตกหน้า นวลอนงค์

Soul อยู่ดีหาเรื่องมากระตุกหนวดเสือ..หึหึ

 :27:



หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 10 ธันวาคม, 2559, 11:08:26 PM

คงยังมิแก่ห้าว........เกินวัย
แปดสิบพอดีขัย......ปู่นี้
แต่สิบแปดเป็นใจ....ขอบอก
วัยกับใจยากชี้.......แก่แล้วหรือยัง

 :22:


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 11 ธันวาคม, 2559, 07:06:34 AM
ฟังฟังคนแก่เข้า        คุยกัน
อายุวัยขำขัน           มากแท้
กระชากสู่วัยมันส์    มาบอก
ชอบหลอกลิงเรียมแม้  เชื่อนั้นหรือไฉน


วิ่งไวก้นบ่เบ้า          เลยลุง
สวยสดจรดปรุง      ต่อได้
เห็นคนแก่จรุง         ล้อหยอก
ฟันหลุดแล้วขำไซร้   เหงือกแท้ฉันแลเห็น

สิริวตี

5555..ลุงๆ ฟันปลอมหลุดแล้ว


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: Wirin ที่ 11 ธันวาคม, 2559, 09:29:41 AM
 :30:

เป็นจริงดังกล่าวอ้าง     อิงมา
คนแก่วัยชรา            จึ่งรู้
สาวสวยสะอางตา      เขาบ่น
ฟันจะหลุดรีบกู้        เก็บขึ้นเลยลุง

มาตอกย้ำอีกแรง

วิริน
๑๑/๑๒/๕๙
 :30:


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 11 ธันวาคม, 2559, 04:01:34 PM


บำรุงดีแก่กล้า          สมวัย
แปดสิบมิเกินไป        แน่แท้
สบสาวรุ่นสดใส        วัยลูก
กระชุ่มกระชวยแล้      แต่งแต้มสีสัน

ฉับพลันฉันคิดได้       ทันที
มีรึอิสตรี                    แน่งน้อย
หลงคนแก่หมายมี       ประโยชน์ ใดนา
สติมิเลือนคล้อย          หยอกเย้ามายา

Soul ...เพียงภาพมายาของลายอักษร...

 :24:



หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 13 ธันวาคม, 2559, 10:14:37 PM

ชายชราอาบน้ำอุ่น.......มานาน
เหนือออกกลางอีสาน...ตกใต้
สารทิศผ่านเหตุการณ์...เกือบหมด
หากคิดดูถูกไซร้..........สุดท้ายอาจเจอ
.
เผลอชราแค่นี้.............ทำเนียน
ถางถากเราจนเจียน......เล็กจ้อย
แปดสิบจิตยังเพียร.......สะพรั่ง
อาจเตะปี๊บถึงร้อย.........อย่าให้คุยเลย


vXhnmZxm3Co


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 14 ธันวาคม, 2559, 03:23:23 PM


เคยกรำศึกมามิน้อย         จัดเจน
ออกตกเหนือตระเวน        จรดใต้
สาวรุ่นลูกหลานเหลน       หลงเสน่ห์ ปู่นา
มิเชื่อลองรับไว้                 ปู่นี้เป็นเฟรนด์

เห็นโงนเงนเตะเปรี้ยง       ปี๊บปลิว
แปดสิบยังชิวชิว               แอบเม้าท์
สามยกต่อไหวหวิว           เหลือเชื่อ
ลมจับกลับฟื้นเช้า             เยี่ยงไว้ลายเสือ

Soul Searcher อ่านโคลงแล้วอดไม่ได้
ที่จะหยอกด้วยความเคารพนะครับ

 :12:

Tsoqw8r1r48



หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 14 ธันวาคม, 2559, 03:31:36 PM
เจืออาหารเก็บไว้             นะลุง
หนูกล่อมเกลาปรับปรุง     เครื่องร้อน
อายุอย่าคิดจุง              จับเจ่า
เท่าไหร่เราก็ป้อน           อิ่มแปร้รักหวาน

สิริวตี
 :21:


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 15 ธันวาคม, 2559, 03:45:36 PM

ชายชราอาบน้ำอุ่น.......มานาน
เหนือออกกลางอีสาน...ตกใต้
สารทิศผ่านเหตุการณ์...เกือบหมด
หากคิดดูถูกไซร้..........สุดท้ายอาจเจอ
.
เผลอชราแค่นี้.............ทำเนียน
ถางถากเราจนเจียน......เล็กจ้อย
แปดสิบจิตยังเพียร.......สะพรั่ง
อาจเตะปี๊บถึงร้อย.........อย่าให้คุยเลย


vXhnmZxm3Co

หลานมิเฉยจึ่งได้       โยนรับ
พวกคี่คุยสำทับ         แบบโม้
แปดสิบนั่งสดับ         คุยสนุก
ชวนปลุกหาเพื่อนโก้   กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงเฮ

สิริวตี

แหม... สอนกันโม้นี่ตามอ่านแล้วข้ำขำนะคนอายุ 80 เนี่ย กร๊ากกกกกก อิอิ
 :27:


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 15 ธันวาคม, 2559, 10:08:59 PM

โซเซโซซัดสู้...........สามยก
หอบแฮกแฮกหัวหก....ขวิดก้น
ก้นขวิดผิดผันผก........ซะแหล่ว
แปดสิบขาดกับล้น.......เรื่องนี้ธรรมดา



หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 16 ธันวาคม, 2559, 12:09:41 PM



คงอายุท่านไซร้           กลางคน
สานสื่อมิสับสน            สตินี้
กลางแก่กลางอ่อนดล   เดาสุ่ม ดูเฮย
มิกว่าหกสิบลี้               เหลื่อมล้ำมิมากมาย

Soul แอบใบ้หวยไปในตัว หึหึ


 :24:



หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 16 ธันวาคม, 2559, 12:15:48 PM
ทำทายอายุให้        พันคม
บอกบ่งลุงนิยม       เท่านั้น
สำนวนร่ายอารมณ์ เหมือนเท่า กันนา
ลุงต่อกลอนกระชั้น แก่นแก้วแก่เทียม

สิริวตี
 :27:

โถๆๆ......จับไต๋ได้แล้ว  เพราะลุงSoul มาทายอายุพวกคนอายุ 50 กว่าๆ ...พวกเดียวกันเอง 5555555


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 16 ธันวาคม, 2559, 12:59:04 PM


เหนียมอายอายุนั้น     เกยไกล
หากแต่อายุใจ            หนุ่มแท้
เทียบเท่าปฐมวัย        โจ๋รุ่น
กลอนจัดชะงัดแล้         แก่เพี้ยนเด็กอาย

Soul ต่อกลอนได้กับทุกวัยครับผม

 :27:



หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 18 ธันวาคม, 2559, 10:10:27 PM

แสงแดดฉายสู่พื้น....พอเพลา
วิหคโผจากเงา.........ง่ามไม้
ราตรีที่ทึมเทา..........ทอทาบ
มนุษย์ชาติถูกกาลไล้..ผ่านแล้วชานชรา

 :18:


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 19 ธันวาคม, 2559, 10:19:55 PM


คลาคล่ำดาดด่ำด้วย         ดลใด
สานสื่อถือหัวใจ                เจตแจ้ง
ชราภาพฉาบไฉน              ไหวหวั่น
ธรรมชาติมิอาจแย้ง           หนุ่มไซร้หทัยเสมือน

Soul Searcher
Inspired to write 19/12/2016

 :18:





หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 29 ธันวาคม, 2559, 08:22:36 PM
หลงพันคมพี่แล้ว    คมบาด
ทุกกลั่นรจน์ปานปราชญ์  ส่งซ้อน
ขอเพียงพี่ที่มาด     เหมือนหนึ่ง เดียวเฮย
รักแด่น้องมิย้อน      หยอกให้ขื่นขม

สิริวตี


หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 30 ธันวาคม, 2559, 12:55:57 PM


คลาคล่ำดาดด่ำด้วย         ดลใด
สานสื่อถือหัวใจ                เจตแจ้ง
ชราภาพฉาบไฉน              ไหวหวั่น
ธรรมชาติมิอาจแย้ง           หนุ่มไซร้หทัยเสมือน

Soul Searcher
Inspired to write 19/12/2016

 :18:

.

เรือนขัยขับเคลื่อนคล้อย..คลาไคล
พาพรากลากออกไกล....ร่างโพ้น
สารทิศเพ่งพิศภัย........เห็นหมด
กายร่างตนนอนโข้น....บ่ก้มมองเห็น



หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: พันคม ที่ 30 ธันวาคม, 2559, 12:57:58 PM
หลงพันคมพี่แล้ว    คมบาด
ทุกกลั่นรจน์ปานปราชญ์  ส่งซ้อน
ขอเพียงพี่ที่มาด     เหมือนหนึ่ง เดียวเฮย
รักแด่น้องมิย้อน      หยอกให้ขื่นขม

สิริวตี


มีดคมคมเพราะไร้.......สันหนา
หาวจ่างหากเมฆา.......เหือดให้
เขลาปลาตเมื่อปัญญา..เกิดก่อ
บัณฑิตพิศสรรพไซร้....ย่อมไร้เลวปน



หัวข้อ: Re: .๐..รักพันปี..๐.
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 30 ธันวาคม, 2559, 01:42:30 PM


คลาคล่ำดาดด่ำด้วย         ดลใด
สานสื่อถือหัวใจ                เจตแจ้ง
ชราภาพฉาบไฉน              ไหวหวั่น
ธรรมชาติมิอาจแย้ง           หนุ่มไซร้หทัยเสมือน

Soul Searcher
Inspired to write 19/12/2016

 :18:

.

เรือนขัยขับเคลื่อนคล้อย..คลาไคล
พาพรากลากออกไกล....ร่างโพ้น
สารทิศเพ่งพิศภัย........เห็นหมด
กายร่างตนนอนโข้น....บ่ก้มมองเห็น



เข็นเรือนขัยหว่างวุ้ง           วัฏฏ์นที
ทุกข์สุขมากมายมี              บ่อยบ้าง
หากหลักทฤษฎี                 ปฏิบัติ ต่างเฮย
สิถี่ลอดตาช้าง                   ห่างแคล้วตาเล็น

Soul Searcher
Inspired to write 30/12/2016