เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..

บทกลอนไพเราะ => กลอนรัก => ข้อความที่เริ่มโดย: วลีลักษณา ที่ 13 มกราคม, 2561, 09:53:02 PM



หัวข้อ: ~*~ อารมณ์กลอน ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 13 มกราคม, 2561, 09:53:02 PM
~*~ ลมเหมันต์ ~*~

๐ เย็นสายลมเหมันต์เริ่มผันล่อง
ผันคำของคนไกลพลิ้วไหวสู่
หว่านชื่นเย็นโรยริน..สิ้นฤดู-
วสันต์ลา..ได้รู้..ฤดูลม-

๐ โลมรสร่ำฉ่ำหวานผ่านผืนฟ้า
ล่องลอยพาคำหอมเข้าห้อมห่ม
ปนเสียงคลื่นกลืนหายคลายระทม
พร้อมลาญล่มขมทรวงจนล่วงเลย

๐ ทะเลคร่ำครวญคลื่นพรากคืนโศก
ท่ามกลางโลกงดงามเมื่อความเผย
ทะเลฟ้าลมร่ำ...ราวย้ำเปรย
ทุกคำเคยฝากไว้ยังไม่เลือน

๐ ว่าทุกครั้งลำคลื่นซบพื้นหาด
คือแรงปรารถนาจากผาเถื่อน
คือถวิลโลมไล้ฝากไว้เตือน
แม้วันเดือนเวียนผันยังมั่นคง

๐ ผ่านคะนึงหนึ่งทรวงให้ล่วงล้ำ
พาถ้อยคำตอบผ่านพาหวานส่ง
สู่อกคนห่างไกลกลางไพรพง
จะดำรงรักมั่นนิรันดร

วลีลักษณา
ที่มา
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=02-2013&date=01&group=26&gblog=84


หัวข้อ: Re: ~*~ ลมเหมันต์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: พิณจันทร์ ที่ 14 มกราคม, 2561, 11:30:23 AM
:23:

ยินเสียงคลื่นกล่อมเห่ทะเลหวาน
ยินขับขานถ้อยถักเป็นอักษร
จะรักมั่นสัญญาพฤกษาจร
จะเคียงหมอนคนไกลกลางไพรพง

สายลมมาเหมัต์วสันต์จาก
ถ้อยคำฝากยังปลื้มมิลืมหลง
ยินถ้อยคำไพเราะเขาเจาะจง
เป็นแรงส่งไออุ่นมาจุนเจือ

ขอแต่เพียงคนไกลอย่าไหวหวั่น
ความสัมพันธ์ใหม่ปนมากล้นเหลือ
สิ่งใหม่ใหม่หวานคำดั่งลำเรือ
อ้อยตาลเบือยาใจสั่นไหวตาม

คำสัญญามั่นคงมิหลงอื่น
ทรวงหยัดยืนมั่นใจหากใครถาม
ยังคงรอเคียงผาม่านฟ้างาม
คืนเรือนรามป่าไพรจึงใคร่รอ

 :28:
เขียนๆไปวนเวียนอยู่ที่เดิมค่ะพี่วลี ฮ่าๆวันนี้เป็นไรหว่า?
จินตนาการไม่ออกเลย ฮ่าๆ
พิณจันทร์จ้า... :jub jub:


หัวข้อ: Re: ~*~ ลมเหมันต์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 14 มกราคม, 2561, 06:28:43 PM
สิ้นเสียงสั่งสุดท้ายก่อนกลายคาบ
แม้แปรภาพเปลี่ยนผ่านยังสานต่อ
เย็นสายลมคลอเคล้าพะเน้าพะนอ
เย้าหยอกช่อพุดตาลสะท้านสะเทือน

หอมอ่อนอ่อนโชยมาจากป่าไหน
อวลกลิ่นกรุ่นละมุนใจหาใดเหมือน
โพ้นฟ้าแสงทาบทาค่อยพร่าเลือน
พระลบเลื่อนคล้อยดวงสิ้นช่วงวัน

หม่นมัวรอบทิศทางระหว่างพลบ
ล้อมตลบแดนดินถิ่นสวรรค์
รอเดือนลอยเยี่ยมฟ้า ก็ล้าครัน
คืนแรมจันทร์เรียวบางลอยคว้างฟ้า

ความเย็นเยียบเงียบงามของยามค่ำ
สายลมร่ำระกอ ช่อบุบผา
รวยรินรื่นสุคันธ์กรรณิการ์
ฝากลมพาพัดถึงอีกหนึ่งทรวง

วลีลักษณา
๑๔ มกราคม ๒๕๖๑
มันก็จะต่อวนๆนะน้องต่าย


หัวข้อ: Re: ~*~ อารมณ์กลอน ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 14 มกราคม, 2561, 08:16:41 PM
หลายอารมณ์

ความเศร้า..

เป็นรำพึงจากใจวางให้อ่าน
แสนเนิ่นนานกาลล่วงหลายช่วงฝัน
เหมือนไล่คว้าอากาศแล้ววาดมัน
เป็นรูปนั้นรูปนี้ที่ใจนึก

แล้วหลงเชื่อรูปปั้นอันว่างเปล่า
ไร้แม้เงาลอยอยู่ให้รู้สึก
ยังวนเวียนล่วงล้ำถลำลึก
โดยไม่ตรึกตรองทั่วที่ตัวคิด

ท่ามกลางความหม่นเศร้าที่เฝ้าข่ม
เมื่ออารมณ์ขมไหม้นั้นไล่จิต
บี้ด้วยเล่ห์มายามาเนืองนิตย์
เผลอพลั้งผิดติดบ่วงที่ลวงนั้น

ความรัก..

คือความหวานอาบใจที่ใฝ่หา
ต่างไขว่คว้ามาครองมาคล้องขวัญ
ธรรมชาติสร้างให้ไว้ผูกพัน
เพื่อเสริมแรงฝ่าฟันผ่านวันคืน

ย่อมอบอุ่นละมุนอยู่ในรู้สึก
และล่วงลึกอุราเกินกว่าฝืน
ด้วยสายใยล้อมรัดช่วยหยัดยืน
สุขใดอื่นฤาเทียบเปรียบยามรัก

ต่างหวังให้ใจคงดำรงมั่น
ตราบคืนวันผันผ่านไม่รานหัก
จวบเมื่อชีพวอดวายจึงคลายภักดิ์
แรกประจักษ์ทรวงสองร่วมครองกัน

ความหวัง..

เพื่อเป้าหมายปลายทางที่ข้างหน้า
แม้อ่อนล้าเพียงใดไม่เคยหวั่น
จะป่ายปีนบันได สูง-ไกลนั้น
เพื่อถึงวันสมหวังดังจินตนา

สิบ ร้อย ล้ม ก็จะลุกขึ้นทุกหน
แม้ไร้คนเคียงใกล้ให้ห่วงหา
เพียงหัวใจไม่แพ้แม้บางครา
ต้องปวดปร่าขมขื่นจะฝืนทน

ตราบที่ลมหายใจยังไม่หยุด
ไม่สิ้นสุดความหวังแม้ห่างหน
จะไขว่คว้ามาวางข้างกายตน
กว่าชีพป่นจึงหยุดเพราะสุดคว้า

ความฝัน..

มีมุมหนึ่งของใจเอาไว้ฝัน
ยามไหวหวั่นปั่นป่วนคร่ำครวญหา
จะแอบพบนิมิตในนิทรา
กล่อมอุราคลายทุกข์ที่รุกใจ

รู้ว่าภาพกลางจินต์ถวิลนั้น
ไม่มีวันเคลื่อนคล้อยจนลอยใกล้
รู้ว่าวันยิ่งห่างยิ่งร้างไกล
แต่ขอเก็บเอาไว้ข้างในทรวง

โอ้..สายรุ้งหลากสีที่ปลายฟ้า
จะหยิบมาผูกเล่นให้เป็นบ่วง
เข้าคล้องรัดฤทัยใครอีกดวง
ล่ามพัน-พ่วง กับขวัญมั่นไม่คลาย

วลีลักษณา
ที่มา
https://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=10743.0


หัวข้อ: Re: ~*~ ลมเหมันต์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: พิณจันทร์ ที่ 14 มกราคม, 2561, 08:52:57 PM
โอ้..สายรุ้งหลากสีที่ปลายฟ้า
จะหยิบมาผูกเล่นให้เป็นบ่วง
เข้าคล้องรัดฤทัยใครอีกดวง
ล่ามพัน-พ่วง กับขวัญมั่นไม่คลาย

วลีลักษณา
 :23:

อ่านจนจบครบความสุดหวามไหว
กอดหัวใจให้สั่นสะบั้นหมาย
หากแม้นเปรียบความจริงรักหญิงชาย
รักสุดท้ายครองเรือนมิเลือนลา

คงแต่เพียงชีพดับจนลับหาย
อาจวางวายลับสิ้นกลบดินผา
แต่หากแม้นมัดจำคู่กรรมมา
ภพชาติหน้าหมายชมก็สมปอง

หากแม้นมีดั่งกลอนอักษรเขียน
ขอเป็นเทียนเรือนรังในทั้งผอง
แม้นเกิดซอกภูผาลับตามอง
ขอทั้งสองพบกันสุขสันต์เอย
 :jub jub:

ไพเราะมากๆค่ะพี่วลี อ่านไปก็เกิดอารมณ์คล้อยตามประมาณนั้นค่ะ
มีความสุขมากๆค่ะพี่
รักเคารพพี่ค่ะ
ต่ายจ้า




หัวข้อ: Re: ~*~ อารมณ์กลอน ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 14 มกราคม, 2561, 09:29:41 PM
เพราะบุญทำกรรมสร้างปูทางไว้
แม้สุดแคว้นแดนใดหนอใจเอ๋ย
หากเป็นคู่ภิรมย์ได้ชมเชย
จะร้างเลยจากกันได้ฉันใด

แต่หากว่าบุญกรรมทำมาต่าง
ย่อมเหมือนห่างไกลจนเกินด้นไหว
แม้ว่าได้พบพานก็ผ่านไป
สิ้นเยื่อใยผูกพันสะบั้นรอน

แม้เป็นคู่กันแล้วไม่แคล้วคลาด
ย่อมผูกวาสน์พาดพันจากบรรพ์ก่อน
หากทำบุญร่วมชาติแม้วาตม์มรณ์
ความอาวรณ์อาลัยย่อมไม่เลือน

วลีลักษณา
ฝันดีค่ะน้องต่าย


หัวข้อ: Re: ~*~ ลมเหมันต์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: จั่นเจา ที่ 14 มกราคม, 2561, 10:07:16 PM
อันถ้อยรักอักษราคราเปิดอ่าน
เปรียบลมผ่านพัดนำคำเฉลย
ดังทิวเขาลำเนาไพรกว้างใหญ่เคย
คุณค่าเผย...กว่านั้น  สุดบันดาล

รักก่อเสริมเริ่มสร้างอย่างใจนึก
หากตรองตรึก..สิ่งแทรก...อันแรกผ่าน
คือ คิดถึง..ตรึงใจ..ในดวงมาน
ฟ้าประทาน...ชีวิตช่วง..คู่ควงครอง

เปรียบดั่งพรหมประสมนำ..ขีดคำร่าง
คู่เติมวาง..เขียนตาม..เนื้อความสอง
ร่วมต่อเพิ่มเติมใจตามใฝ่ปอง
หล่อหลอมห้อง..รวมบ้านเบิกบานทรวง

รักเพียงพอต่อมา คือ การให้
คำอภัย..หนักแน่น..ถึงแดนสรวง
ลิ้นกับฟันพลาดพลั้งได้ทั้งปวง
รักกับห่วงฝังฝาก...มิพรากกัน

เหตุและผลดลใส่เกิดในเรื่อง
ความขุ่นเคืองแฉลบทำแอบหวั่น
สรรพสิ่งจริงนำคือสำคัญ
ครอบครัวนั้น...สัมพันธ์แรก..อื่นแปลกปลอม

 
Jannjao



หัวข้อ: Re: ~*~ อารมณ์กลอน ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 15 มกราคม, 2561, 06:49:15 PM
ยามได้อยู่ใกล้ชิด มิคิดถึง
บางคราวจึงลืมไปไม่ถนอม-
น้ำใจกัน ปันจิต ผิด-ประนอม
ต่างยินยอมพร้อมอภัยให้แก่กัน

เพราะนานวันผันผ่านความหวานชื่น
ย่อมคลายคืนกลืนตามช่วงยามผัน
แปรเปลี่ยนรสหมดงามไปตามวัน
เริ่ม แบ่ง แยก เธอ-ฉัน แล้วคั่นแดน

เกิดช่องว่างแปลกแยกความแตกต่าง
นับวันห่างคลายห่วง-แต่หวงแหน
เหมือนครอบครองวัตถุธาตุกลัวขาดแคลน
ลืมว่าแสนรักใคร่เมื่อไม่นาน

บางคู่สบสุขทุกข์ต่างปลุกปลอบ
รับผิดชอบแก้ไขให้พ้นผ่าน
มีความรักชื่นล้ำสร้างตำนาน
อยู่เป็นสุขสำราญทุกวารวัน

วลีลักษณา
๑๕ มกราคม ๒๕๖๑


หัวข้อ: Re: ~*~ ลมเหมันต์ ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: กิติราช ทับทิม ที่ 15 มกราคม, 2561, 08:26:08 PM
(https://xn--12ca3dqai9ccd4lfe7ff5r1a7d.com/wp-content/uploads/2018/01/52b9fb8ca5f7b16251a08285c1aa33f2-326x579.jpg)

ไพเราะทุกๆสำนวนเลยครับ ขอร่วมสักสำนวนนะครับ  :32:

๐ ปรารถนาพาใจอิงใกล้ชิด
ร่วมชีวิตหวังสร้างทุกทางฝัน
อุปสรรครักคู่เรียนรู้กัน
สองจิตนั้นแน่นเหนียว...ทุกเสี้ยวยาม

๐ พิสูจน์ใช้ใจกายเครื่องหมายรัก
พร้อมตั้งหลักหลอมกล้าแม้ฟ้าห้าม
ทุกข์สุขแสร้งแกล้งเราอย่าเฉาตาม
จูงเดินข้ามเครียดชัง..สู่หวังปอง

๐ กอดเกี่ยวไว้ให้นานยามต้านท้อ
พลังก่อกลางเหตุอาเพศต้อง-
อย่าผันแปรแลสู้เรียนรู้มอง
ต่างประคองความรัก...ความภักดี

๐ เสมือนพรสอนสั่งเราทั้งคู่
ให้ได้อยู่อย่างสุขในทุกที่
ร่วมกันร่างสร้างก่อมิรอรี
รักแท้นี้นานเนา..จนเราตาย ฯะ

กิติราช ทับทิม(แมนยู)  :letter:
๑๕ มกราคม ๒๕๖๑


หัวข้อ: Re: ~*~ อารมณ์กลอน ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 16 มกราคม, 2561, 09:26:10 AM
ชีวิตคู่ ควรต้องประคองรัก
เนิ่นนานมักเลือนค่าจนพาหน่าย
ผุดตัวตนหลุดลอกแล้วออกลาย
จนสุดท้ายต่างคนสุดทนกัน

แต่ส่วนใหญ่สุขสมภิรมย์รื่น
ครองหวานชื่นตลอดช่วงผูกดวงขวัญ
ฝ่าปัญหาถาโถมเข้าโรมรัน
เคียงข้างผ่านคืนวันอย่างมั่นคง

แตกต่างจากคนโสดแสนโดดเดี่ยว
ท่องทางเปลี่ยวเดียวดายมิวายหลง
บางครั้งเหมือนชีวิตแทบปลิดปลง
พลาดพลั้งลงลานขวากวิบากกรรม

อุปสรรคตรงหน้าเหมือนท้าสู้
ด้นผ่านลู่ลาดเลียบให้เหยียบย่ำ
สุขทุกข์ย่อมรับรสให้จดจำ
ถึงร้องร่ำพร่ำบ่นก็คนเดียว

วลีลักษณา
๑๖ มกราคม ๒๕๖๑


หัวข้อ: Re: ~*~ อารมณ์กลอน ~*~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 17 มกราคม, 2561, 08:16:13 PM
หลายอารมณ์

ความเศร้า..

เป็นรำพึงจากใจวางให้อ่าน
แสนเนิ่นนานกาลล่วงหลายช่วงฝัน
เหมือนไล่คว้าอากาศแล้ววาดมัน
เป็นรูปนั้นรูปนี้ที่ใจนึก

แล้วหลงเชื่อรูปปั้นอันว่างเปล่า
ไร้แม้เงาลอยอยู่ให้รู้สึก
ยังวนเวียนล่วงล้ำถลำลึก
โดยไม่ตรึกตรองทั่วที่ตัวคิด

ท่ามกลางความหม่นเศร้าที่เฝ้าข่ม
เมื่ออารมณ์ขมไหม้นั้นไล่จิต
บี้ด้วยเล่ห์มายามาเนืองนิตย์
เผลอพลั้งผิดติดบ่วงที่ลวงนั้น

ความรัก..

คือความหวานอาบใจที่ใฝ่หา
ต่างไขว่คว้ามาครองมาคล้องขวัญ
ธรรมชาติสร้างให้ไว้ผูกพัน
เพื่อเสริมแรงฝ่าฟันผ่านวันคืน

ย่อมอบอุ่นละมุนอยู่ในรู้สึก
และล่วงลึกอุราเกินกว่าฝืน
ด้วยสายใยล้อมรัดช่วยหยัดยืน
สุขใดอื่นฤาเทียบเปรียบยามรัก

ต่างหวังให้ใจคงดำรงมั่น
ตราบคืนวันผันผ่านไม่รานหัก
จวบเมื่อชีพวอดวายจึงคลายภักดิ์
แรกประจักษ์ทรวงสองร่วมครองกัน

ความหวัง..

เพื่อเป้าหมายปลายทางที่ข้างหน้า
แม้อ่อนล้าเพียงใดไม่เคยหวั่น
จะป่ายปีนบันได สูง-ไกลนั้น
เพื่อถึงวันสมหวังดังจินตนา

สิบ ร้อย ล้ม ก็จะลุกขึ้นทุกหน
แม้ไร้คนเคียงใกล้ให้ห่วงหา
เพียงหัวใจไม่แพ้แม้บางครา
ต้องปวดปร่าขมขื่นจะฝืนทน

ตราบที่ลมหายใจยังไม่หยุด
ไม่สิ้นสุดความหวังแม้ห่างหน
จะไขว่คว้ามาวางข้างกายตน
กว่าชีพป่นจึงหยุดเพราะสุดคว้า

ความฝัน..

มีมุมหนึ่งของใจเอาไว้ฝัน
ยามไหวหวั่นปั่นป่วนคร่ำครวญหา
จะแอบพบนิมิตในนิทรา
กล่อมอุราคลายทุกข์ที่รุกใจ

รู้ว่าภาพกลางจินต์ถวิลนั้น
ไม่มีวันเคลื่อนคล้อยจนลอยใกล้
รู้ว่าวันยิ่งห่างยิ่งร้างไกล
แต่ขอเก็บเอาไว้ข้างในทรวง

โอ้..สายรุ้งหลากสีที่ปลายฟ้า
จะหยิบมาผูกเล่นให้เป็นบ่วง
เข้าคล้องรัดฤทัยใครอีกดวง
ล่ามพัน-พ่วง กับขวัญมั่นไม่คลาย

วลีลักษณา
ที่มา
https://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=10743.0


หลากอารมณ์ (บ้าง)

...ความเหงา...


ในอารมณ์ซึมเซาเงียบเหงาเดี่ยว
หดหู่เปลี่ยวเอกามิราหาย
แม้มีคนแวดล้อมห้อมเรียงราย
แต่โสตคล้ายยินเพี้ยงเสียงใจตน

เหมือนรันทด หมดอา-ลัยตายอยาก
คะนึงวากเกิดดับนับร้อยหน
หว่างเวิ้งจิตวุ่นวายที่ว่ายวน
แซมสับสนกลางทรวงเข้าพ่วงพัน

เปรียบยืนอยู่ภูเสียดสูงเฉียดฟ้า
แล้วมองต่ำพสุธาลงมานั่น
วาบหวิวโหวงอ่อนไหวในเงียบงัน
ดุจใจนั้นรานรอน...เหงาอ่อนแอ...

...ความใคร่...

เร่าร้อนรุ่ม คลุ้มอกนรกไหม้
ถูกความใคร่ถาโถมโหมกระแส
หน่วงกำหนัดโชกชุ่มสุมดวงแด
สุดยากแท้หักห้ามกามคุณ

อาบรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส
มิคานขัดอารมณ์ห่มเกื้อหนุน
ไฟราคะเผาผลาญลาญเป็นจุณ
เลอะเลือนบุญ บาปพร่าชีวาวาย

ลุ่มหลงไล้โลมลูบจูบโนมเนื้อ
มิเบือนเบื่อตรึงตราภักษาหมาย
แม้เย็นร้อนอ่อนแข็งรู้แพร่งพราย
หนังหุ้มกายสุดรอบยังชอบใจ...

...ความท้อแท้...

อกระทมขมขื่นทุกคืนค่ำ
คอยเหยียบย่ำย้ำคิดติดนิสัย
เก็บความทุกข์คลุกเคล้าเศร้าอาลัย
ย้อนถมใส่มิปล่อยให้คล้อยเลือน

พาจิตตกหมกมุ่นวุ่นวายหนอ
โยงปะติดปะต่อพ้อเปรอะเปื้อน
ครั้งอดีต อนาคตยศอย่างเยือน
เย้าติดเตือนท้อแท้เพราะแง่คิด

หมดแรงใจแรงกายเคยหมายมุ่ง
โดนกระทุ้งจนร่วงทั้งดวงจิต
สหายเอยจงเร่งเพ่งพินิจ
ฤาชีวิตน้อยค่ากว่าริลอง...

...ความเพ้อ....

เฝ้าละเมอเพ้อพกโอ้อกเอ๋ย
คลายเปิดเผยความนัยฤทัยหมอง
ที่ซุกซ้อนซ่อนเงื่อนเหมือนกรับกลอง
เบาหนักพ้องตามเต้นเร้นจิตพราง

อยากจะเพ้อใฝ่ฝันบัลลังก์เมฆ
รุจิเรขอลังการวิมานสร้าง
ได้เคียงกอดเคล้าคลอพะนอนาง
ผู้อยู่หว่างกลางในใจดวงนี้

จึงฝึกร่ำคำกลอนอักษรร้อย
ยามเคลื่อนคล้อยอารมณ์ชื่นชมศรี
เพ้อขานขับหวานรสพจน์พจี
เสพวิถีคนกลอนสุนทรเทียม*...

(* เทียม ใช้ในความหมาย เท่ากัน เสมอกัน)

Soul Searcher
Inspired to write 17/1/2018