เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..

บทกลอนไพเราะ => กลอนคิดถึง => ข้อความที่เริ่มโดย: มนต์คำ ที่ 25 พฤษภาคม, 2561, 10:46:05 AM



หัวข้อ: "เจ้าจันทร์"
เริ่มหัวข้อโดย: มนต์คำ ที่ 25 พฤษภาคม, 2561, 10:46:05 AM
"เจ้าจันทร์"

ยังละเมอเพ้อพร่ำลำนำเพรียก
เป็นเสียงเรียกมารั้งคืนฝั่งฝัน
ที่โพ้นภพซบเซาใต้เงาจันทร์
เพียงรำพันรำพึงคะนึงครวญ

อยากจะถามความในหัวใจเจ้า
จักหมองเศร้าโศกซ้ำแต่กำสรวล
ฤาปล่อยพราก จาก จบ มิทบทวน
จึงเรรวนลืมวันเคยสัญญา

ไหนบอกแม้ห่างไกลมิได้เห็น
ทุกเช้าเย็นเฝ้าคอยละห้อยหา
มิทันไรเหินห่างหลบร้างรา
ทิ้งร่องรอยเสน่หาค้างคาใจ

ปลายคิมหันต์ผันผ่านพรากหวานชื่น
ฟ้าสะอื้นครืนครั่นภพสั่นไหว
พิรุณร่ำคร่ำครวญหวนอาลัย
ต่างฤาในทรวงอกวิตกตรม

หากว่าฟ้าฟากโน้นอีกโพ้นภพ
ได้บรรสบเสียงสะอื้นอันขื่นขม
โปรดรับรู้ปรารถนาในอารมณ์
ที่เกินข่มหรือขับให้ดับลง

ผ่านลมร้อนผ่อนแล้งทุกแห่งที่
แต่อกพี่ร้อนรุมแต่ลุ่มหลง
หรือถึงคราวชีวิตต้องปลิดปลง
เกินดำรงตนอยู่สู้ชะตา

โอ้ต้นรักไยเจ้ายังเฉาอยู่
แม้ฝนหลั่งพรั่งพรูลงสู่หล้า
ก็ยังคงแห้งโหยเหี่ยวโรยรา
เหมือนหนึ่งว่าเตรียมพร้อมจักยอมตาย

คงรอคอยหยาดพจน์สักหยดหนึ่ง
ซึมซ่านซึ้งแทรกโศกวิโยคหาย
ก่อนอกที่แล้งร้างจักวางวาย
ยังคงหมายมาดสมรจักย้อนมอง

ม่านเมฆครึ้มทึมเทาช่างเศร้าสร้อย
ศศิลอยเร้นหนแสนหม่นหมอง
ฤาสิ้นแล้วแสงฝันทอดครรลอง
จึงลอยล่องหลีกฟ้าให้อาวรณ์

เจ้าเอยรู้หรือไม่ดวงใจพี่
เผยวาทีร้อยลักษณ์ทุกอักษร
ประจุด้วยความรักทุกวรรคตอน
เพื่อลดทอนแรงเค้นมิเว้นวัน

เจ้าเอยรู้หรือไม่ดวงใจพี่
มิหมายมีเดือนเพ็ญเด่นสวรรค์
แต่หมายมีเพียงเจ้า นะ "เจ้าจันทร์"
ที่จะเคียงข้างกันจวบวันตาย


มนต์คำ (ไพร..)


หัวข้อ: Re: "เจ้าจันทร์"
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 25 พฤษภาคม, 2561, 08:15:19 PM


แย้มปลาบปลื้มมนต์เสียงจำเรียงสาน
เคลิ้มขับขานพิเราะเสนาะร่าย
พร่างพิรุณหยาดล้ำชื่นฉ่ำกาย
ดับกระหาย ระโหยร่วงโรยแรง

สัพยอกหยอกล้อคลอคำมั่น
ใต้เงาจันทร์ อุ่นอวลรัญจวนแสง
ส่งวาบหวามศรรักปักทิ่มแทง
จนเลือดแดงท่วมท้นล้นหทัย

กิ่งโศกพลิ้ว ริ้วจันทร์รานบั่นเสี้ยว
เยื้อนเปล่าเปลี่ยวเอกาฟากฟ้าไหน
ทุกคืนร่ำครวญโคลงจรรโลงใจ
หมดอาลัย วิโยคโชคชะตา

หยาดน้ำค้างเมื่อสาย ก็ผายผัน
เหมือนสุขฝันพลันฟื้น ตื่นผวา
ไร้แว่วหวานสารรัก ปักตรึงตรา
แห้งเหือดแม้วาจาเอื้อพาที

ครั้นสดับเรืองสรรค์จำนรรจ์พจน์
ให้รื่นรส อาทรอักษรศรี
เหมือนต้นไม้ตายซากรากยังมี
ชุบชีวีพลิกฟื้นคืนชีพชนม์

ต่อแต่นี้ จันทร์เสี้ยวไร้เปลี่ยวเหงา
ลบทึมเทาหม่นฟ้าริดห่าฝน
คืนกระจ่าง จันทร์นวลยวนสกล
กอบบันดลแรงฝัน ประพันธ์เพียร

Soul Searcher
Inspired to write 25/5/2018


MEuB6Myvn6k



หัวข้อ: Re: "เจ้าจันทร์"
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 27 พฤษภาคม, 2561, 11:01:27 AM
"เจ้าจันทร์"

ยังละเมอเพ้อพร่ำลำนำเพรียก
เป็นเสียงเรียกมารั้งคืนฝั่งฝัน
ที่โพ้นภพซบเซาใต้เงาจันทร์
เพียงรำพันรำพึงคะนึงครวญ

อยากจะถามความในหัวใจเจ้า
จักหมองเศร้าโศกซ้ำแต่กำสรวล
ฤาปล่อยพราก จาก จบ มิทบทวน
จึงเรรวนลืมวันเคยสัญญา

ไหนบอกแม้ห่างไกลมิได้เห็น
ทุกเช้าเย็นเฝ้าคอยละห้อยหา
มิทันไรเหินห่างหลบร้างรา
ทิ้งร่องรอยเสน่หาค้างคาใจ

ปลายคิมหันต์ผันผ่านพรากหวานชื่น
ฟ้าสะอื้นครืนครั่นภพสั่นไหว
พิรุณร่ำคร่ำครวญหวนอาลัย
ต่างฤาในทรวงอกวิตกตรม

หากว่าฟ้าฟากโน้นอีกโพ้นภพ
ได้บรรสบเสียงสะอื้นอันขื่นขม
โปรดรับรู้ปรารถนาในอารมณ์
ที่เกินข่มหรือขับให้ดับลง

ผ่านลมร้อนผ่อนแล้งทุกแห่งที่
แต่อกพี่ร้อนรุมแต่ลุ่มหลง
หรือถึงคราวชีวิตต้องปลิดปลง
เกินดำรงตนอยู่สู้ชะตา

โอ้ต้นรักไยเจ้ายังเฉาอยู่
แม้ฝนหลั่งพรั่งพรูลงสู่หล้า
ก็ยังคงแห้งโหยเหี่ยวโรยรา
เหมือนหนึ่งว่าเตรียมพร้อมจักยอมตาย

คงรอคอยหยาดพจน์สักหยดหนึ่ง
ซึมซ่านซึ้งแทรกโศกวิโยคหาย
ก่อนอกที่แล้งร้างจักวางวาย
ยังคงหมายมาดสมรจักย้อนมอง

ม่านเมฆครึ้มทึมเทาช่างเศร้าสร้อย
ศศิลอยเร้นหนแสนหม่นหมอง
ฤาสิ้นแล้วแสงฝันทอดครรลอง
จึงลอยล่องหลีกฟ้าให้อาวรณ์

เจ้าเอยรู้หรือไม่ดวงใจพี่
เผยวาทีร้อยลักษณ์ทุกอักษร
ประจุด้วยความรักทุกวรรคตอน
เพื่อลดทอนแรงเค้นมิเว้นวัน

เจ้าเอยรู้หรือไม่ดวงใจพี่
มิหมายมีเดือนเพ็ญเด่นสวรรค์
แต่หมายมีเพียงเจ้า นะ "เจ้าจันทร์"
ที่จะเคียงข้างกันจวบวันตาย


มนต์คำ (ไพร..)

เหม่อมองฟ้ามิเห็นฟ้าหรือข้าฝัน?
เหม่อมองจันทร์มิเห็นจันทร์​หรือนั่นหาย?
เหม่อมองดาวดาวเกลื่อนก็เคลื่อนคลาย
เหม่อมองชายไร้ใจให้คืนคำ

เพราะไม่รู้หรือไม่เลยไม่รู้
จริงที่เห็นที่อยู่ซึมแสร้งขำ
ครา​สิ้นแสงแห่งรักเคยชักนำ
ท้องฟ้าครึ้มทึมดำอนธการ

หวังรอคอยหยาดพจน์สักหยดหนึ่ง
การรอคอยนั้นซึ่งล้วนแสบซ่าน
ดำรงอยู่สู้ชะตามาช้านาน
ซบกำสรดหลังม่านแห่งหัวใจ

มิร้องขอความรักเลยสักนิด
สิ่งใดผิดเป็น-อยู่มิรู้ได้
คราความรักคืนกลายสลายไป
ยังมิเหลือเยื่อใยในรอยจำ​?

สิริวตี


หัวข้อ: Re: "เจ้าจันทร์"
เริ่มหัวข้อโดย: มนตรี ประทุม(2) ที่ 27 พฤษภาคม, 2561, 08:05:00 PM


คืนฟ้าหมนเดือนมืดดูฝืดหมด
เดือนมิจดดาวจางต่างเลื่อนหลำ
หันมองฟ้าหดหู่ดูระกำ
ต้องชอกช้ำดวงจิตความคิดเบลอ

คอยนวลน้องจ้องจันทร์ทำหน้าหลอก
เดินทางออกตามนวลชวนหน้าเหลอ
มองซ้ายขวาตามหามิพาเจอ
แม้เงาเธอมิเห็นคงเร้นกาย

เคยร่วมชมดวงจันทร์คืนนั้นหนอ
พี่เฝ้ารอคนึงคิดแล้วจิตหาย
สัญญานั้นเจ้าลืมลาจะบ้าตาย
นั่งตาลายมองจันทร์ฝันคนเดียว

มนตรี  ประทุม
“มันแกว”
๒๗ พ.ค.๖๑


หัวข้อ: บุหลันแดนดิน
เริ่มหัวข้อโดย: มนต์คำ ที่ 28 พฤษภาคม, 2561, 03:06:39 PM
บุหลันแดนดิน

ไกลสุดฟากฝั่งโพ้น........โพยมพราย
พบแต่ความเดียวดาย.....เปลี่ยวร้าง
เดือนลอยเด่นดาวราย.....ดารดาษ
หากแต่อกอ้างว้าง..........ห่างเจ้าจันทร์ฉาย

จึงมืดมนหม่นแม้............คืนเพ็ญ
สุดข่มร้อนให้เย็น............ฉ่ำได้
คอยโสมส่องเรืองเป็น.........ดวงก่ำ
ประดับกลางทรวงให้........สว่างล้ำค้ำขวัญ

เพื่อดับเพลิงคุไหม้............ในทรวง
แสงเยือกเย็นแห่งดวง........ศศิล้อม
หากยลพจน์ร่ายทวง.........ความสู่
วานอย่าลอยดวงอ้อม.......แอบเร้นหลืบสวรรค์

ข้าฯกรองคำประพันธ์กำนัลฝาก
กลั่นมาจากแรงฤทธิ์ความคิดถึง
รวมด้วยความเสน่หาอันตราตรึง
แห่งก้นบึ้งดวงใจสื่อให้รู้

ว่าแม้ทั่วแผ่นดินทุกถิ่นที่
พบนารีมากนามก็งามอยู่
แต่มิหมายใครอื่นมาชื่นชู
สองตานี้พิศดูเจ้าผู้เดียว

จึงสำทับขับขานบรรสานสร้อย
ส่งมาร้อยรวบดึงคล้องขึงเหนี่ยว
ภพนี้มิได้หมายจะคลายเกลียว
หรือแลเหลียวผู้ใดครองใจเลย

ข้าฯฟั่นสายใยสวาทบ่วงบาศนี้
เป็นไมตรีถักทอ ออเจ้าเอ๋ย
ด้วยความรักงดงามต่อทรามเชย
ขอจงอย่าเมินเฉย ช่วยเผยนัย

จักตอบถ้อยร้อยต่อ ฤาขอตัด
ก็จงชัดเจนจิตคิดไฉน
อย่าเก็บงำวาจาค้างคาใจ
จนพะวงสงสัยเช่นไรกัน

ด้วยว่าพร้อมยอมพลีแล้วชีวิต
แม้มิคิดหลอมรวมร้อยร่วมฝัน
ก็ให้อกแตกตายวอดวายพลัน
ดีกว่าต้องไหวหวั่นทุกวันคืน

คล้อยค่ำแล้วดาวดับเดือนอับแสง
ลอยแอบแฝงนภางค์ไปทางอื่น
อกใจเอยหม่นช้ำทนกล้ำกลืน
แม้ดึกดื่นตื่นตาผวาคอย

เจ้าเอยหลงดงใจของใครเล่า
ทิ้งพี่ให้ใฝ่เฝ้าอย่างเหงาหงอย
ความคิดถึงฟุ้งฟ่องจนล่องลอย
ห่วงละห้อยคอยหาพะว้าพะวง

หมายร่วมเรียงเคียงใจกระไรหนอ
เฝ้าสานทอวจนะแจงประสงค์
มิได้เคยแฝงเลศเจตจำนง
เปิดเผยอย่างซื่อตรงด้วยปลงใจ

สาวบ้านสวนทวนความเถิดยามนี้
มิหมายมีจันทราที่ฟ้าไหน
เพียงบุหลันแดนดินในถิ่นไพร
ที่หมายใจผูกพันนิรันดร

มนต์คำ (ไพร..)
ที่มา
http://pagysunthon.blogspot.com/


หัวข้อ: Re: "เจ้าจันทร์"
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 30 พฤษภาคม, 2561, 02:58:51 PM


เหม่อมองฟ้ามิเห็นฟ้าหรือข้าฝัน?
เหม่อมองจันทร์มิเห็นจันทร์ หรือนั่นหาย?
เหม่อมองดาวดาวเกลื่อนก็เคลื่อนคลาย
เหม่อมองชายไร้ใจให้คืนคำ

เพราะไม่รู้หรือไม่เลยไม่รู้
จริงที่เห็นที่อยู่ซึมแสร้งขำ
ครา สิ้นแสงแห่งรักเคยชักนำ
ท้องฟ้าครึ้มทึมดำอนธการ

หวังรอคอยหยาดพจน์สักหยดหนึ่ง
การรอคอยนั้นซึ่งล้วนแสบซ่าน
ดำรงอยู่สู้ชะตามาช้านาน
ซบกำสรดหลังม่านแห่งหัวใจ

มิร้องขอความรักเลยสักนิด
สิ่งใดผิดเป็น-อยู่มิรู้ได้
คราความรักคืนกลายสลายไป
ยังมิเหลือเยื่อใยในรอยจำ ?

สิริวตี


เหม่อมองฟ้า มิเห็นเป็นสีฟ้า
ผินเคลื่อนคล้อยจันทรา เพลาค่ำ
กลับมืดมิดไร้นวล ชวนระกำ
แว่วลำนำขับขาน  มิหวานเคย

สรรพสิ่งล้วนแล้ แต่เกิดดับ
เหมือนพยับแดดพร่า พรางตาเผย
เหมือนสายลมเปลี่ยนทิศ ห่างชิดเชย
สะดุดเปรย ตกค้างในหว่างคำ

Soul Searcher
Inspired to write 30/5/2018


คืนฟ้าหม่นเดือนมืดดูฝืดหมด
เดือนมิจดดาวจางต่างเลื่อนหลำ
หันมองฟ้าหดหู่ดูระกำ
ต้องชอกช้ำดวงจิตความคิดเบลอ

คอยนวลน้องจ้องจันทร์ทำหน้าหลอก
เดินทางออกตามนวลชวนหน้าเหลอ
มองซ้ายขวาตามหามิพาเจอ
แม้เงาเธอมิเห็นคงเร้นกาย

เคยร่วมชมดวงจันทร์คืนนั้นหนอ
พี่เฝ้ารอคนึงคิดแล้วจิตหาย
สัญญานั้นเจ้าลืมลาจะบ้าตาย
นั่งตาลายมองจันทร์ฝันคนเดียว

มนตรี  ประทุม


คืนฟ้าหม่นป่นเศร้าใต้เงาโศก
เผชิญโลกเวิ้งว้างโดดเดี่ยว
เก็บอดีตภาพฝันอันโรยเรียว
เศษซีดเซียวงดงามของความรัก

นั่งตาปรอยคอยจันทร์รำพันเพ้อ
ยิ่งชะเง้อมิ่งแท้แน่ประจักษ์
จันทร์เจ้าร้างห่างหายมิทายทัก
เกินเชื่อมวรรคอักษร กลอนคะนึง

Soul Searcher
Inspired to write 30/5/2018


บุหลันแดนดิน

ไกลสุดฟากฝั่งโพ้น........โพยมพราย
พบแต่ความเดียวดาย.....เปลี่ยวร้าง
เดือนลอยเด่นดาวราย.....ดารดาษ
หากแต่อกอ้างว้าง..........ห่างเจ้าจันทร์ฉาย

จึงมืดมนหม่นแม้............คืนเพ็ญ
สุดข่มร้อนให้เย็น............ฉ่ำได้
คอยโสมส่องเรืองเป็น.....ดวงก่ำ
ประดับกลางทรวงให้........สว่างล้ำค้ำขวัญ

เพื่อดับเพลิงคุไหม้............ในทรวง
แสงเยือกเย็นแห่งดวง........ศศิล้อม
หากยลพจน์ร่ายทวง.........ความสู่
วานอย่าลอยดวงอ้อม.......แอบเร้นหลืบสวรรค์


หมั่นโพยมพากย์พริ้ง........ภาวนา
ศศิโสมสุดา.....................เด่นอ้าง
ประโลมหลากภาษา..........รักแต่ง
ประหนึ่งพรหมเสกสร้าง.....สื่อร้อยรังสรรค์

บุหลันลอยเลื่อนฟ้า..........ราตรี
เร้นหลีกม่านเมฆี..............ขื่นข้อง
จำพรากจากลามี..............ควรเหตุ
รักหนึ่งจึงจักต้อง..............หลบร้างจางหาย

ประกายเพลิงคุคลุ้ง..........กลางทรวง
ร้อนกว่าใดทั้งปวง............แผดไหม้
ใช่คำรักหลอกลวง............ร้อยเล่ห์
พิสุทธิ์ผุดผ่องไล้................รุ่มร้อนลาญสลาย

Soul Searcher
Inspired to write 30/5/2018


ข้าฯกรองคำประพันธ์กำนัลฝาก
กลั่นมาจากแรงฤทธิ์ความคิดถึง
รวมด้วยความเสน่หาอันตราตรึง
แห่งก้นบึ้งดวงใจสื่อให้รู้

ว่าแม้ทั่วแผ่นดินทุกถิ่นที่
พบนารีมากนามก็งามอยู่
แต่มิหมายใครอื่นมาชื่นชู
สองตานี้พิศดูเจ้าผู้เดียว

จึงสำทับขับขานบรรสานสร้อย
ส่งมาร้อยรวบดึงคล้องขึงเหนี่ยว
ภพนี้มิได้หมายจะคลายเกลียว
หรือแลเหลียวผู้ใดครองใจเลย

ข้าฯฟั่นสายใยสวาทบ่วงบาศนี้
เป็นไมตรีถักทอ ออเจ้าเอ๋ย
ด้วยความรักงดงามต่อทรามเชย
ขอจงอย่าเมินเฉย ช่วยเผยนัย

จักตอบถ้อยร้อยต่อ ฤาขอตัด
ก็จงชัดเจนจิตคิดไฉน
อย่าเก็บงำวาจาค้างคาใจ
จนพะวงสงสัยเช่นไรกัน

ด้วยว่าพร้อมยอมพลีแล้วชีวิต
แม้มิคิดหลอมรวมร้อยร่วมฝัน
ก็ให้อกแตกตายวอดวายพลัน
ดีกว่าต้องไหวหวั่นทุกวันคืน

คล้อยค่ำแล้วดาวดับเดือนอับแสง
ลอยแอบแฝงนภางค์ไปทางอื่น
อกใจเอยหม่นช้ำทนกล้ำกลืน
แม้ดึกดื่นตื่นตาผวาคอย

เจ้าเอยหลงดงใจของใครเล่า
ทิ้งพี่ให้ใฝ่เฝ้าอย่างเหงาหงอย
ความคิดถึงฟุ้งฟ่องจนล่องลอย
ห่วงละห้อยคอยหาพะว้าพะวง

หมายร่วมเรียงเคียงใจกระไรหนอ
เฝ้าสานทอวจนะแจงประสงค์
มิได้เคยแฝงเลศเจตจำนง
เปิดเผยอย่างซื่อตรงด้วยปลงใจ

สาวบ้านสวนทวนความเถิดยามนี้
มิหมายมีจันทราที่ฟ้าไหน
เพียงบุหลันแดนดินในถิ่นไพร
ที่หมายใจผูกพันนิรันดร

มนต์คำ (ไพร..)


ผจงร่ำจำนรรจ์ประพันธ์พจน์
จิตจรดจดจาร สานอักษร
รายระลอกฉ่ำเย็นเช่นสาคร
กระจะกลอน พร่างพลิ้วรับริ้วธาร

แม้นประสบทั่วหล้าดารดาษ
บุปผชาติชดช้อยปรอยโปรยหวาน
ก็มิอาจเทียมเท่าเยาวมาลย์
ชื่นสราญแย้มยิ้มพิมพ์ใจนัก

หากบ่วงวาศน์พาดรัดกระหวัดขึง
ครั้นดื้อดึงโหยไห้ใจตระหนัก
เหมือนติดหล่มต้องห้ามของความรัก
ยากฉุดชักยักย้ายให้คลายจาง

แม้จักรู้ความนัย ใจระงับ
ผูกกระชับจำนง คงหมองหมาง
ได้แต่ฝากรอยฝันอันเลือนราง
สื่อรูปพรางแห่งรักสลักริน

Soul Searcher
Inspired to write 30/5/2018



หัวข้อ: Re: "เจ้าจันทร์"
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 30 พฤษภาคม, 2561, 06:10:21 PM
โอ้อกเอ๋ยเคยหรือไม่ใครเล่ารู้?
เขาว่าคนเคยคู่จะคืนถิ่น
โอ้ใจเอ๋ยน้ำตาคราหยาดริน
หยาดจนสิ้นจริงหรือไม่ไม่ข้าไม่เคย

รักไกลสุดฟากโน้นอีกโพ้นฝั่ง​?
รักยังหยั่งรากไหมใครช่วยเอ่ย​?
อันสร้อยรักถักร้อยหรือปล่อยเลย​?
ความรักนั้นชื่นเชยหรือเฉยชา?

ห่วงละห้อยคอยคว้าพะว้าหวั่น
ปั้นโลมลวงหรือฝันท่านเจ้าขา
ตื่นเถิดตื่นความนึกคิดจิตวิญญาณ์
จบสิ้นจินตนาเจอะความจริง

อันความรักของพี่มีหรือไม่
หรือลวงหลอกหัวใจอันใหญ่ยิ่ง
หลอกจากน้อยเป็นอนันต์ปั้นแต่งอิง
ความรักที่พราวพริ้งกระนั้นฤๅ

กลอนบทนี้วุ่นวายไร้สาระ
ฉันมาเขียนเปะปะอย่าได้ถือ
ประลองปากยากไร้ในฝีมือ
ฉันแค่เกรียนฝึกปรือเท่านั้นเอง

สิริวตี

แบบว่าอยากป่วนเห็นลุง​soul เพ้อคริๆๆ


หัวข้อ: ศศินกลางทรวง
เริ่มหัวข้อโดย: มนต์คำ ที่ 31 พฤษภาคม, 2561, 01:41:39 PM


ร้าวราน

ในวรรษาฟ้าฉ่ำหยาดน้ำฝน
หลั่งรินปนลมโบกกรรโชกสาย
หอบไอชื้นลอยล่องมาต้องกาย
หนาวก็คล้ายแทรกซ่านถึงดานทรวง

เยียบเย็นในยามพลบพระลบหม่น
รอจะหล่นลับหล้าอำลาสรวง
หลบม่านเมฆหลีกเร้นไม่เห็นดวง
เห็นแต่หยาดฝนร่วงโลมห้วงดิน

ก่อนแสงวันเลือนลับโลกหลับไหล
ปรับเปลี่ยนทัศน์ผลัดไปจากในถิ่น
ดอกไม้กลางสายฝนราดหล่นริน
ชะดอกช่อขาดวิ่นเสียสิ้นดี

โอ้ดอกเอ๋ยดอกรักจะหักแล้ว
คงไม่แคล้วซบดินหมดกลิ่นสี
เจ้าบานเช้าบานชื่นดาษดื่นมี
ก็เห็นทีจักช้ำเกินค้ำชู

สิ้นสุด ทัศน์สุดท้ายของปลายพลบ
พลันเส้นสายลายลบ กลืนกลบอยู่
ในช่วงค่ำ ฉ่ำฝนร่วงหล่นพรู
เหลียวแลดูทิศใดหม่นใจนัก

อาบละอองน้ำห่มด้วยลมฝน
เหน็บหนาวซ่านทรวงจนเจียนป่นปรัก
โอ้ใจเอยลอยหลงในดงรัก
ที่ช่อดอกแห้งหักเกินจักบาน

รอจันทร์พรายฟ้าถึงลุหนึ่งค่ำ
ยังคงงำดวงแฝงสิ้นแสงผ่าน
เมฆหนาทึบท่วมหนอนธการ
ประดุจม่านบดบังเดือนฝังดวง

คาบกาลเปลี่ยนเวียนผันสักวันหนึ่ง
บุหลันซึ่งลอยหลีกต่างซีกสรวง
คงเยือนหาวพราวพร่าง แต่กลางทรวง
จะโชนช่วงแจ่มจ้าเพลาใด

จักต้องคอยเยี่ยงนี้อีกกี่ภพ
กว่าบรรสบบรรสานอีกนานไหม
หรือต้องรอเสียจนอกป่นไป
อย่างสิ้นไร้ร้าวร้างจวบวางปราณ

มนต์คำ (ไพร..):letter:


หัวข้อ: Re: "เจ้าจันทร์"
เริ่มหัวข้อโดย: มนตรี ประทุม(2) ที่ 31 พฤษภาคม, 2561, 03:47:16 PM

สุริยาลาลับต้องกลับแน่
อย่ายอมแพ้เฝ้าไปอย่าได้หวง
จันทร์จะมืดเหตุพาเพราะฟ้าลวง
ยามฟ้าทวงเมฆคืนจันทร์ฟื้นมา

หมดเมฆฝนพายุห่างต่างก็หาย
เมฆละลายลมพัดจันทร์จัดหา
ก็จะพบความงามตระการตา
สุขอุราหลังฟ้าหม่นจนเมฆจาง

ที่ฝนชุ่มก็ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำฝน
แม้นน้ำล้นทนไปอย่าได้ขวาง
น้ำที่ล้นก็ไหลไปตามทาง
ดอกไม้งานเพราะน้ำชุ่มฉ่ำไป

เริ่มวันใหม่แสงทองส่องมาบอก
อย่าต้องชอกช้ำจิตคิดไถล
ธรรมชาติตามทางมิห่างไกล
ร้อยดวงใจร่วมจิตสนิทกัน

มนตรี  ประทุม
“มันแกว”
๓๑ พ.ค.๖๑


หัวข้อ: Re: "เจ้าจันทร์"
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 03 มิถุนายน, 2561, 02:17:54 PM


โอ้อกเอ๋ยเคยหรือไม่ใครเล่ารู้?
เขาว่าคนเคยคู่จะคืนถิ่น
โอ้ใจเอ๋ยน้ำตาคราหยาดริน
หยาดจนสิ้นจริงหรือไม่ข้าไม่เคย

รักไกลสุดฟากโน้นอีกโพ้นฝั่ง ?
รักยังหยั่งรากไหมใครช่วยเอ่ย ?
อันสร้อยรักถักร้อยหรือปล่อยเลย ?
ความรักนั้นชื่นเชยหรือเฉยชา?

ห่วงละห้อยคอยคว้าพะว้าหวั่น
ปั้นโลมลวงหรือฝันท่านเจ้าขา
ตื่นเถิดตื่นความนึกคิดจิตวิญญาณ์
จบสิ้นจินตนาเจอะความจริง

อันความรักของพี่มีหรือไม่
หรือลวงหลอกหัวใจอันใหญ่ยิ่ง
หลอกจากน้อยเป็นอนันต์ปั้นแต่งอิง
ความรักที่พราวพริ้งกระนั้นฤๅ

กลอนบทนี้วุ่นวายไร้สาระ
ฉันมาเขียนเปะปะอย่าได้ถือ
ประลองปากยากไร้ในฝีมือ
ฉันแค่เกรียนฝึกปรือเท่านั้นเอง

สิริวตี


โอ้อกเอ๋ย เคยหรือไม่ใจดวงนี้?
ถูกย่ำยี บีฑา พร่า ข่มเหง?
เคยเจ็บช้ำระกำหนัก รักวังเวง?
ฤามิเกรงอกหัก อยากรักลอง?

ไกลสุดฟากโพ้นฟ้าเวหาหาว
วะวับดาวดวงหนึ่งตรึงตาจ้อง
คิดจะไขว่คว้าแนบอิงแอบครอง
เป็นเจ้าของแต่เพียงเดียวเกี่ยวเก็บไว้

หากทว่าดาวเดือน คลาเคลื่อนคล้อย
ทิ้งละห้อยโหยหา ห่างปราศรัย
ได้แต่ฝากแว่วหวานผ่านลมไป
ห่มอาลัยซาบซึ้งคะนึงครวญ

อันความรัก มีไหม?ใครช่างเอ่ย?
ยั้งเปิดเผยความนัยใจทั่วถ้วน
กลัวเจ็บช้ำน้ำตาบ่าไหลทวน
เมื่อเรรวนเร่าร้อน รักคลอนคลาย

Soul Searcher
Inspired to write 3/6/2018


ร้าวราน

ในวรรษาฟ้าฉ่ำหยาดน้ำฝน
หลั่งรินปนลมโบกกรรโชกสาย
หอบไอชื้นลอยล่องมาต้องกาย
หนาวก็คล้ายแทรกซ่านถึงดานทรวง

เยียบเย็นในยามพลบพระลบหม่น
รอจะหล่นลับหล้าอำลาสรวง
หลบม่านเมฆหลีกเร้นไม่เห็นดวง
เห็นแต่หยาดฝนร่วงโลมห้วงดิน

ก่อนแสงวันเลือนลับโลกหลับไหล
ปรับเปลี่ยนทัศน์ผลัดไปจากในถิ่น
ดอกไม้กลางสายฝนราดหล่นริน
ชะดอกช่อขาดวิ่นเสียสิ้นดี

โอ้ดอกเอ๋ยดอกรักจะหักแล้ว
คงไม่แคล้วซบดินหมดกลิ่นสี
เจ้าบานเช้าบานชื่นดาษดื่นมี
ก็เห็นทีจักช้ำเกินค้ำชู

สิ้นสุด ทัศน์สุดท้ายของปลายพลบ
พลันเส้นสายลายลบ กลืนกลบอยู่
ในช่วงค่ำ ฉ่ำฝนร่วงหล่นพรู
เหลียวแลดูทิศใดหม่นใจนัก

อาบละอองน้ำห่มด้วยลมฝน
เหน็บหนาวซ่านทรวงจนเจียนป่นปรัก
โอ้ใจเอยลอยหลงในดงรัก
ที่ช่อดอกแห้งหักเกินจักบาน

รอจันทร์พรายฟ้าถึงลุหนึ่งค่ำ
ยังคงงำดวงแฝงสิ้นแสงผ่าน
เมฆหนาทึบท่วมหนอนธการ
ประดุจม่านบดบังเดือนฝังดวง

คาบกาลเปลี่ยนเวียนผันสักวันหนึ่ง
บุหลันซึ่งลอยหลีกต่างซีกสรวง
คงเยือนหาวพราวพร่าง แต่กลางทรวง
จะโชนช่วงแจ่มจ้าเพลาใด

จักต้องคอยเยี่ยงนี้อีกกี่ภพ
กว่าบรรสบบรรสานอีกนานไหม
หรือต้องรอเสียจนอกป่นไป
อย่างสิ้นไร้ร้าวร้างจวบวางปราณ

มนต์คำ (ไพร..)


ครั้นเวียนวรรษ พัดฝนปนลอยล่อง
ปรายแตะต้องดวงเนตร เทวษผ่าน
ทิ้งคราบความขื่นขม ระทมนาน
ซึมแทรกรานลึกหยั่งลงฝังใจ

ยามพระลบหลบลี้เบือนหนีหน้า
เกินช้ำชอกอุราพาหวั่นไหว
เหมือนถูกทอดทิ้งร้างอยู่กลางไพร
ติดบ่วงในวังวน หมองหม่นท้อ

โอ้ดอกเอ๋ยดอกรักสลักจิต
ฉากชีวิตวุ่นวายหลายตอนต่อ
มีทั้งรักทั้งโศกวิโยคคลอ
ล้วนต่างรอสุขสันต์นิรันดร์เนา

จะมีจริงหรือไม่ฉันไม่รู้
หากตราตรูเพียงฆ่าเวลาเหงา
ร้อยสลักอักษรฉาบกลอนเงา
ดอกรักคงเหี่ยวเฉาเศร้าโรยรา

หากว่าแม้นจริงใจใส่เพียงนิด
สำเริงฤทธิ์ผ่านทัศน์ กี่วรรษา
กี่ล้มลุก ปลุกฝันพรรณนา
ทรงคุณค่างดงามนิยามรัก

สุริยันจันทรา พลัดราร้าง
คงมิต่างสองใจนัยประจักษ์
มิเพียงแม้ พานพบประสบพักตร์
ผสานวรรค ผูกคล้องใจสองดวง

Soul Searcher
Inspired to write 3/6/2018


สุริยาลาลับต้องกลับแน่
อย่ายอมแพ้เฝ้าไปอย่าได้หวง
จันทร์จะมืดเหตุพาเพราะฟ้าลวง
ยามฟ้าทวงเมฆคืนจันทร์ฟื้นมา

หมดเมฆฝนพายุห่างต่างก็หาย
เมฆละลายลมพัดจันทร์จัดหา
ก็จะพบความงามตระการตา
สุขอุราหลังฟ้าหม่นจนเมฆจาง

ที่ฝนชุ่มก็ชุ่มฉ่ำด้วยน้ำฝน
แม้นน้ำล้นทนไปอย่าได้ขวาง
น้ำที่ล้นก็ไหลไปตามทาง
ดอกไม้งานเพราะน้ำชุ่มฉ่ำไป

เริ่มวันใหม่แสงทองส่องมาบอก
อย่าต้องชอกช้ำจิตคิดไถล
ธรรมชาติตามทางมิห่างไกล
ร้อยดวงใจร่วมจิตสนิทกัน

มนตรี  ประทุม
“มันแกว”
๓๑ พ.ค.๖๑


ยึดเหนี่ยวรั้งยั้งฉุด มนุษย์เอ๋ย
หวังกอดเกย เกลือกกายชิดหมายมั่น
ใดเที่ยงแท้ แม้แสงแห่งตาวัน
พระลบพลัน ผินพรากจากนภา

ชีวิตบนหนทาง เยื้องย่างเหยียบ
ใช่ราบเรียบ ทุกข์ยากลำบากหนา
สู้อดรนทนไปไม่นานช้า
มืดครึ้มฟ้าเปลี่ยนสี คลี่คลายแคลง

ริ้วขลิบทองทั่วหล้าจ้ากระจ่าง
ระยิบพร่างเพรางายกำจายแสง
รับอรุณช่วงเชิดเจิดแจรง
ลบเหือดแห้งแล้งใจ วันใหม่เยือน

Soul Searcher
Inspired to write 3/6/2018




หัวข้อ: Re: "เจ้าจันทร์"
เริ่มหัวข้อโดย: Wirin ที่ 05 มิถุนายน, 2561, 03:15:17 PM
:30:

จินตนาตามติดคิดหวาดหวั่น
เมื่อตะวันแจ่มฟ้าคราคล้อยเคลื่อน
โผล่พ้นห้วงหุบเขาเช้ามาเยือน
ไก่ขันเตือนเอ๊กอีเอ๊กวิเวิกวน

ยินนกกากู่ก้องต้องการเหยื่อ
โผผินเหนือยอดไม้ในไพรสนธ์
กางปีกว่อนร่อนถลาท้าลมบน
แล้วบินวนโฉบเฉี่ยวเมื่อเหลียวมอง

เหล่าภู่ผึ้งอึงมี่รี่ห้อมล้อม
เฝ้าดมดอมบุปผาพาสมสอง
ดื่มด่ำรสสดชื่นกลืนสมปอง
เกษรต้องเต่งตึงคลึงเคล้าไป

เมื่อแดดจ้ากานกวิหคเหิน
ชีวิตเกินเยียวยาอุราไหว
สิ้นแสงฉานรานร้าวหนาวเพียงใด
สิ้นแสงใจจรจากจำพรากกัน

วิริน

๕/๖/๖๑