เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..

คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน => คุยได้ทุกเรื่อง => ข้อความที่เริ่มโดย: นักเลงเพลงยาว ที่ 31 มีนาคม, 2563, 01:49:15 PM



หัวข้อ: การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
เริ่มหัวข้อโดย: นักเลงเพลงยาว ที่ 31 มีนาคม, 2563, 01:49:15 PM

ต้นน้ำกับปลายน้ำ


วันนี้จะขอพูดสักครั้ง แม้รู้ัว่าพูดไปแล้วอาจขัดใจกับอีกหลายๆคน
อันเนื่องมาจากสถานการณ์โรคระบาด โควิด-19
ก็อย่างที่ทราบว่า แพร่ระบาดจากประชาชนสู่ประประชาชน>เมื่อประชาชนป่วย,ติดโรค>ไปหาหมอ
เพราะฉะนั้น สถานการณ์ในเวลานี้  จึงแบ่งได้เป็นสอง คือ
๑. ต้นน้ำ  ซึ่งหมายถึง ประชาชนทั่วไป
๒. ปลายน้ำ  ซึ่งก็หมายถึง โรงพยาบาล  แพทย์ พยาบาล

สาเหตุที่โรคระบาดติดต่อกันเพราะ  ประชาชนไม่มีเครื่องมือป้องกันโรค(หน้ากากอนามัยขาดตลาด หาซื้อไม่ได้้)
    เมื่อประชาชนไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัว ประชาชนจึงติดโรค>ป่วย>ไปโรงพยาบาล
    เมื่อประชาชนต้องไปโรงพยาบาล>หมอต้องมาดูแลรักษา>ต้องใช้อุปกรณืป้องกันตัว>ทำให้อุปกรณ์ขาดขาดแคลน

ตรงกันข้าม  ถ้ารัฐ มีอุปกรณ์ป้องกันโรคให้กับประชาชน(มีหน้ากากอนามัยให้กับทุกคนอย่างเพียงพอ)
เมื่อประชาชนมีอุปกรณ์ป้องกันตัว>ประชาชนไม่ติดโรค>เมื่อไม่ติดโรคก็ไม่ต้องไปโรงพยาบาล>เมื่อไม่ต้องไป
โรงพยาบาลหมอก็ไม่ต้องทำงานหนัก>เมื่อหมอไม่ต้องทำงานหนักก็ไม่ต้องใช้หน้ากากป้องกันเชื่อมาก>หน้ากาก
อนามัยไม่ขาดแคลน


จะเห็นได้ว่า ทุกวันนี้รัฐบาลทำงานแบบแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ  คือ มีแต่ออกข่าง แถลงข่าว หาอุปกรณ์
ป้องกัยโลก ใหเกับหมอ พย่าบาล
แตาไม่เคยได้ยินสักคำว่า ทำยังไงถึงจะทำให้หน้ากากอนามัยที่มันขาดตลาดอยู่นี่ ได้มีขายอย่างเพียงพอ
เพื่อให้ประชาชนได้ซื้อหามาสวมใส่ป้องกันโรคร้าย จะได้ไม่ล้มป่วยให้ไปเป็นภาระหนักของหมอ
มีแต่จะออกมาตรการมาบังคับให้คนอดตายอยู่กับบ้าน  มันบ้าบอสิ้นดี
อุปกรณ์ป้องกันตัวก็ไม่มีให้ แต่กลับบอกว่า ประชนเป็นภาระเป็นต้นตอให้โรคระบาด แล้วบังคับให้คนอยู่กับบ้าน

ถ้าจะสนใขแต่บุคคลกรทางการแพทย์  แต่ไม่สนใจแก้ปัญหาให้ประชาชนเลย
ผมว่า อันนั้นคือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุนะ
คุณป้องกันแต่หมอ แต่พยาบาล ซึ่งเป็นปลายน้ำ   แต่ไม่หาอุปกร์ป้องกันให้กับประชาชน ซึ่งเปรียบเสมือนต้นน้ำ
มีแต่จะบังคับเขาให้อยุ่กับบ้าน
มันเหมือนการกั้นเขื่อนที่ปลายน้ำ มันไม่สามารถจะหยดกระแสน้ำก้อนใหญ่ได้
การห้ามประชาชนออกจากบ้าน ถ้าไม่ตายเพราะโควิด ก็ต้องตายเพราะอดข้าวตาย



หัวข้อ: Re: การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
เริ่มหัวข้อโดย: นักเลงเพลงยาว ที่ 31 มีนาคม, 2563, 02:12:56 PM



กลัวว่าจะมีการประกาศเคอร์ฟิวส์ 24 ชม.

ถ้าเคอร์ฟิวส์ 24 ชม. เกิน 7 วัน ก็ตายแน่  อดข้าวตาย
   :13:





หัวข้อ: Re: การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
เริ่มหัวข้อโดย: Mr.music ที่ 01 เมษายน, 2563, 06:31:13 AM



กลัวว่าจะมีการประกาศเคอร์ฟิวส์ 24 ชม.

ถ้าเคอร์ฟิวส์ 24 ชม. เกิน 7 วัน ก็ตายแน่  อดข้าวตาย
   :13:





อดข้าวกินมาม่าครับ  :28:


หัวข้อ: Re: การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
เริ่มหัวข้อโดย: นักเลงเพลงยาว ที่ 01 เมษายน, 2563, 04:07:35 PM


เมื่อสองวันก่อน ผมไปดูคลิปย้อนหลัง รายการที่เขามานั่งถกกันเรื่องก่รแก้ปัญหาโควิด
เท่าที่จำได้ มีคุณสุทธิชัย หยุ่น แล้วก็ อ.วีระ ฯลฯ
ในรายการ มีการพูดถึงการใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด คือประกาศ เคอร์ฟิวส์ ซึ่งหลายๆประเทศเขาทำกันแล้ว
รอง วิษณุ กล่าวว่า ถ้าจะเคอร์ฟิวส์  ต้อง เคอร์ฟิวส์ 24 ชม. เพราะเชื่อโรคไม่ใช่คน จึงไม่มีการเลือกเวลา
ซึ่งผมฟังแล้วก็ตกใจ(จริงๆ) เพราะถ้าเคอร์ฟิวส์จริงๆ จะมีหลายคนที่ลำบาก เพราะบางคนกต้องซืเออาหาร
กินนอกบ้าน  ไม่ใช่ทุกคนที่จะกักตุนอาหารสดไว้ทำกินเองได้
ฝ่ายหนึ่งอยากให้เคอร์  แต่อีกฝ่ายหนึ่งยังไม่อยากให้เคอร์ฟิวส์
ถ้ามาถามผมๆก็จะตอบว่า ถ้าเคอร์ฟิวส์เฉพาะบางช่วงเวลา ผมเห็นด้วย
แต่ถ้าจะเคอร์ฟิวส์กัน 24 ชม. ผมว่ามันจะอดตายกันนาพี่น้อง
ก็อย่างที่ผมบอกว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะกักตุนอาหารไว้ทำกินเองที่บ้่านได้
คนประเภทนี้ อย่างมากก็ซื้ออาหารกระป๋อง กับพวกมาม่าไว้กินแค่ชั่วคราว

หลังจากดูรายการนี้เสร็จ วันรุ่งขึน ผมก็จัดแจงออกไปซื้อหา พวกปลากระป๋อง  นมกล่องมาไว้นิดหน่อย
วันต่อมาก็ออกไปซื้อมาเพิ่มอีก  ผมซื้อมากไม่ได้ เพราะรายไดเวันต่อวันไม่กี่ร้อยเอง จะซือมากๆก็ไม่มีเงิน

สิ่งที่ผมคิดจะทะยอยๆซื้อไว้ก๋คือ

๑.ปลากระป่อง (ตั้งใจว่าจะซื้อไว้ให้ได้ประมาณ สองโหล)

๒.นมกล่อง(จำพวกนมถั่วเหลือง ตอนนี้ซื้อไว้แล้วสามแพค)

๓.มาม่า (ยังไม่ได้ เพราะเงินไม่พอ)  :13:

๔.วิตามินรวม  ตอนนี้ซื้อไว้แล้ว ๑ กระปุก  ไว้กินเสริม หากว่าต้องกินอาหารที่มีอย่างประหยัด

แต่ตอนนี้ ร้านอาหารต่างๆ ยังเปิดขายอยู่  ก็ยังซื้ออาหารกินไปตามปกติไปก่อน

มีเงินก็ไปหาซื้ออาหารกระป๋อง มาเพิ่ม  ส่วนข้าวสารมีอยู่แล้ว น้ำดื่มก็คงใช้น้ำประปาเอา


ผมคิดว่า  สถานการณ์ตอนนี้ ท่านนายก ก็คงรอดูสถานการณ์ไปก่อนมั้ง

หากมาตรการที่ออกมาใช้ไดผล จำนวนผู้ติดเชื่อลดลง ถึงกลางเดือนเมษานี้ ก็คงไม่ต้องประกาศเคอร์ฟิวส์

แต่ถ้าหากว่า สถานการณ์ไม่ดีขึ้น ยอดผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ผมว่า มันมาแน่(เคอรฟิวส์)

แล้วเมื่อถึงเวลานั้น ใครที่ยังมัวประมาืทอยู่  ก็จะต้องลำบากแน่ เว้นไว้เสียแต่ว่า

เขาจะมีข้อผ่อนผัน เช่น คนที่ออกไปซื้อหาอาหารมาเก็บไว้สำหรับบริโภค  แต่....เมื่อถึงเวลานั้น

ใครจะรับรองได้ว่า ของที่ต้องการซื้อจะไม่ขาดตลาด......

คิดถึงเคอร์ฟิวส์แล้ว  สงสัยว่า คงต้องไปขอหยิบยืมเงินใครเพื่อไปซื้ออาหารมากักตุนไว้ก่อน

อย่างน้อยก็ให้พอกินได้สักสามสัปดาห์




ต่อวัน

๑.ข้าว  ๑
๒.ปลากระป๋อง  ๑  กระป๋อง
๓. นมกล่อง(ถั่วเหลือง) ๒ กล่อง
๔. วิตามินรวม เพื่อเป็นอาหารเสริม  ๑ เม็ด

กินแค่นี้ ๒๑ วันน่าจะยังมีชีวิตรอดอยู่ได้(กรณีสมมุติว่า ออกจากบ้านไปไหนไม่ได้เลย)

แต่ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็แล้วไปเนาะ(ภาวนาขออย่าให้มันเกิดขึ้น)