51
เมื่อ: 25 เมษายน, 2568, 07:27:51 PM
|
||
เริ่มโดย share - กระทู้ล่าสุด โดย share | ||
ความหวัง ....ความหวังหวังวาดไว้............วิไล "ธรรมสถิต"แนบเนื้อใน............สนิทแล้ ปรากฏดั่งสุริยะไข..................ขับมืด แสงสู่ถิ่นทั่วแท้.....................ทุกผู้รับผล ....ดลประโยชน์สรรพสิ่งรู้..........บูชา "หน้าที่"ประจักษ์ตรึงตา............อ่าแฉล้ม สีสันแต่งแปลงนภา.................หล้าจรัส รังสฤษดิ์ชีวิตแย้ม...................แจ่มแจ้งธรรมไข ....ไฉนตอกติดแต่ร้าย.............เลวพาล ปลูกอยู่คู่สันดาน....................เด่นไซร้ ปัญญาเร่งรอนราญ..................รุกไล่ มุ่งมั่นยืนหยัดไว้....................วับสิ้นสูญสลาย ....มิมีสายดอกเจ้า..................เศร้าไย ลุกใหม่เพียรกระทำไป...............ใช่ช้า ปฏิบัติหลั่งจากใจ.....................ไสวแน่ อย่าหยุดแม้แรงล้า.................."ค่า"นี้ไป่สูญ ....เพิ่มพูนส่งสู่เจ้า...................จิตธรรม์ ผุดผ่องทุกวารวัน.....................วุ่นเว้น สันติสุขทุกสถานพลัน................แผ่ทั่ว กันนา สกลโลกลุกโลดเต้น................แต่งแต้มโลกสวรรค์ ....คนพลันเกิดใหม่แล้ว.............แผ้วทาง "หวัง"สว่างมิเลือนราง................ห่างพ้น นิพพานใช่เปล่าจาง...................ร้างจิต ธรรมสถิตสุขสงบล้น..................หม่นแพ้หฤหรรษ์ |
52
คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน / หมวดศิลปกรรม / Re: ประวัติโรงแรมดาราเทวี ขึ้นชื่อ สถาปัตยกรรมล้านนาโบราณ
เมื่อ: 25 เมษายน, 2568, 02:12:03 PM
|
||
เริ่มโดย พิกุลแก้ว - กระทู้ล่าสุด โดย พิกุลแก้ว | ||
![]() ![]() ![]() "กาดดาราเทวี" ถือกำเนิด ชื่อโรงแรมหรูหรามากระดับ ระยิบยับด้วยชื่อเสียงอันเก่งกล้า ประติมากรรมภายในสะดุดตา ล้วนมากซึ่งคุณค่าวัฒนธรรม คนพื้นที่ต่างรู้ถึงความเฉียบ บริการสุดเนี้ยบมิเกินก้ำ กิจการหยุดลงแต่ทรงจำ ยังคงย้ำเรื่องเล่าราวตำนาน 21 กุมภาพันธ์ ปี 68 จึงได้แอดแลนด์มาร์กใหม่ให้กล่าวขาน "กาดดาราเทวี" ก่อกำเนิดเป็นโครงการ วัฒนธรรมผสมผสานสู่ผองชน เป็นพื้นที่..สาธารณประโยชน์ เข้าสู่โหมดเผยแผ่ด้วยหวังผล การท่องเที่ยวและสัมผัสชีวิตคน วัฒนธรรมทั่วแห่งหนบนล้านนา มีร้านค้าผลิตภัณฑ์อันเก่าแก่ ตามพื้นแพดั้งเดิมเพิ่มคุณค่า ทั้งอาหารพื้นถิ่นดาษดา ให้ผู้คนก้าวเข้ามาเพื่อเยี่ยมเยือน สนามหญ้าลานพักเพื่อนั่งเล่น เพลงล้านนายามเย็นพาขับเคลื่อน เสียงดนตรีเก่าก่อนเคยลืมเลือน กลับสะเทือน ณ กาดดาราเทวี. ![]() |
53
เมื่อ: 25 เมษายน, 2568, 01:22:03 PM
|
||
เริ่มโดย พิกุลแก้ว - กระทู้ล่าสุด โดย พิกุลแก้ว | ||
![]() ![]() ![]() ท้องฟ้าบนยอดเขา สายลมพัดแผ้วผ่านลานยอดหญ้า พลิ้วระริกระรื่นหาพาสดใส ยิ่งอยู่สูงเสียดฟ้า...ทว่าใจ กลับหม่นไหม้บนแผ่นดินอันโรยรา แหงนหน้ามองท้องฟ้าบนยอดเขา ไฉนเลย...ตัวเรา...ยิ่งไขว่คว้า จับได้เพียงเสียงลมยามพัดพา จับผืนฟ้าได้มาเพียง...ปฐพี นกบินหราถลาร่อนก่อนลงต่ำ ภูชี้ฟ้า...ทุกเช้าค่ำ ณ ที่นี่ สิทธิ์ได้เพียงปรารถนาทุกราตรี ความหนาวเหน็บจึงล้นปรี่ทุกเวลา ยิ่งสูงหรือยิ่งหนาวราวเคียงคู่ เสียงสะท้อนร้องกู่ทั่วแผ่นผา แต่ไม่อาจดังไปถึงซึ่งแนวฟ้า ด้วยต่างกันเกินกว่าจะถือครอง แต่เป้าหมายใช่แผ่นฟ้าในครานี้ เพียงเพราะมีทะเลหมอกละลอยล่อง ท่ามอาทิตย์พ้นขอบฟ้าผกากรอง แสงสว่างเรืองรองผ่องอำไพ เราขึ้นสู่สูงสุด...เพื่อหยุดจ้อง แล้วเหม่อมองลงต่ำ....สิ้นสงสัย เมื่ออยู่สูง...ความสวยงามกระจ่างไกล แล้วกลับสู่...ผืนดินไปในสักวัน. ![]() |
54
เมื่อ: 24 เมษายน, 2568, 10:27:48 PM
|
||
เริ่มโดย ผู้เฒ่า..โง่งม - กระทู้ล่าสุด โดย ผู้เฒ่า..โง่งม | ||
ต้องใช้เวลาลืม
๏เมื่อคิดจะมูฟออนถึงตอนจาก คงลำบากทำใจมิไปต่อ คิดปล่อยวางขว้างงูให้พ้นคอ ถ้ารีรอเจ็บช้ำยิ่งซ้ำรอย ๏จะลับลาหน้าก็ไม่ให้เห็น ขอซ่อนเร้นแผลรักอีกสักหน่อย คิดจะลืมเลยยากใจอยากคอย ต้องค่อยค่อยทุ่มเทใช้เวลา ๏สักวันคงลืมเธอได้สนิท ไม่ต้องคิดผูกพันหยุดฝันหา ความรู้สึกดีดีเคยมีมา คงต้องเปลืองน้ำตาล้างอีกนาน ๏นาฬิกาเดินไม่มีวันหยุด แต่รักสุดหยุดลงน่าสงสาร กอดรูปเก่าเราสองทรมาน อยากจบความร้าวรานที่ผ่านมา ๏ต้องใช้เวลาลืมอย่างดื่มด่ำ ให้สมกับความชอกช้ำที่ร่ำหา รักแล้วเจ็บเก็บไว้รกลูกตา ถึงเวลาเปลื้องบ่วงทั้งปวงเอย๚ะ๛ 29/4/67 ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
55
เมื่อ: 24 เมษายน, 2568, 07:56:25 AM
|
||
เริ่มโดย พิกุลแก้ว - กระทู้ล่าสุด โดย พิกุลแก้ว | ||
![]() ![]() ภูชี้ฟ้า..ลาแล้วไม่หวนคืน เมื่อหน้าหนาวก้าวย่างทางภาคเหนือ ก็ม้วนเสื่อติดรถหมายออกเที่ยว ทั้งเยี่ยมญาติพี่น้องร้องกลมเกลียว ลัดเลาะเลี้ยวไปเรื่อยแบบเฉื่อยชา อยากขับรถรับลมชมความหนาว อากาศราวเย็นเยียบสิบองศา เห็นป้ายปักข้างทาง"ภูชี้ฟ้า" ลองไปดูดีกว่าเป็นอย่างไร สามีหนึ่งลูกสองก็ร้องรับ ก็นั่งนับเวลาพาสดใส เมื่อเดินทางไปถึงซึ่งเส้นชัย ต้องเดินเท้าขึ้นไปพิชิตภู แค่เพียงเห็นความชันแทบหันกลับ แต่ลูกจับมือจูงบอกให้สู้ 1 กิโลเท่านั้นโปรดคิดดู ไม่ลองหรือจะรู้...ซึ่งความจริง กว่าจะผ่านร้อยเมตรลมแทบจับ คอยสลับอุ้มลูกแบบรุ่งริ่ง เสื้อกันหนาวกลายเป็นร้อนยามพักพิง อยากถอดทิ้งไปเสีย..ละเหี่ยใจ กว่าจะถึงแทบสิ้นแรงทั้งหมดแล้ว แลไม่แคล้วครั้งหน้าคงมีไม่ แม้นจะสูง วิวสวย สักเพียงใด ไม่กลับไปอีกแล้ว...ขอทูลลา. อาจจะไม่เหมาะกับ ผู้สูงวัยและเด็ก ^_^ ![]() |
56
คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน / หมวดศิลปกรรม / ประวัติโรงแรมดาราเทวี ขึ้นชื่อ สถาปัตยกรรมล้านนาโบราณ
เมื่อ: 24 เมษายน, 2568, 04:23:52 AM
|
||
เริ่มโดย พิกุลแก้ว - กระทู้ล่าสุด โดย พิกุลแก้ว | ||
![]() ![]() ประวัติโรงแรมดาราเทวี ขึ้นชื่อ สถาปัตยกรรมล้านนาโบราณ กล่าวถึงชื่อโรงแรมอันหรูหรา แนวโบราณล้านนาต่างเรียกขาน "ดาราเทวี"เด่นประดับเป็นตำนาน แม้จะปิดกิจการมานานเนา ที่มาของชื่อนั้นมากความหมาย เปล่งประกายอายกลิ่นถิ่นเมืองเก่า ระยิบยับดั่งแสงเดือนเยือนใจเรา สะท้อนถึงรากเหง้าวัฒนธรรม "ดารา"นั้นมั่นหมายเพื่อเป็นเกียรติ ด้วยท่านอยู่สูงเสียดแม้นพลบค่ำ พระมเหสีใน ร.๕ พาน้อมนำ ต่างจดจำนาม"เจ้าดารารัศมี" อีกประการ...เชื่อมโยงการออกแบบ ด้วยการแนบตามหลักจักรราศี นัยยะแฝงความสูงส่งรุ่งรุจี ณ ล้านนา แห่งนี้ไม่ลบเลือน แลหมายถึง ดวงดาวจากฟากฟ้า รวมมาเป็น "ดารา" พาขับเคลื่อน ความรุ่งโรจน์โชติช่วงมาแย้มเยือน อยู่คู่เดือนไม่เคยดับลับลาไกล ส่วน"เทวี"คือเสียงสะท้อนภาพ แลวางทาบหญิงสูงศักดิ์อันยิ่งใหญ่ ผู้เปี่ยมด้วยความงดงามในจิตใจ ผ่องอำไพด้วยรูปโฉมสคราญตา. ![]() |
57
เมื่อ: 23 เมษายน, 2568, 03:23:17 PM
|
||
เริ่มโดย กระต่ายสีเทา - กระทู้ล่าสุด โดย •แก่นไม้๛• | ||
เมื่อหมดสิ้นสัมพันธ์เคยพันผูก
สถานะ พ่อ แม่ ลูก เพียงบังหน้า รักที่เคยหอมหวานเพียงผ่านมา แล้วจากลาไปกับเขามิกลับคืน พรหมลิขิตขีดเขียนเวียนมาพบ แต่หากลบเลือนไปให้เป็นอื่น หากอดทนเหนี่ยวรั้งอย่างกล้ำกลืน ก็มิอาจทนฝืนโชคชะตา มิเข้าใจในเหตุแห่งเรื่องนี้ หรือว่าเรานั้นไม่มีวาสนา หรือเป็นเพียงคู่กรรมจึงนำพา รักที่ได้กลับมาเพียงคำลวง หรือเราคงมิใช่เป็นคู่แท้ จึงผันแปรเปลี่ยนไปไม่แหนหวง หากหัวใจมั่นคงเพียงหนึ่งดวง แม้นร้อยบ่วงมารยาไม่อาจคลอน. •แก่นไม้๛• ทักทายค่ะคุณกระต่ายสีเทา ![]() |
58
เมื่อ: 23 เมษายน, 2568, 08:41:48 AM
|
||
เริ่มโดย share - กระทู้ล่าสุด โดย share | ||
สมาน(ะ)ฉันท์ ๔ @ จะร่วงจะรุ่ง.....มุมุ่งลุฝัน ตระหนัก"ขยัน"..."ระทม"สบาย @ จะทุกข์จะสุข......จะรุกมิหาย พระธรรมขยาย.......ไสวนิรันดร์ @ พระธรรมตระหนัก...มุ"รัก"ผลิสรรค์ มิเพียง "จำ"กัน...........ฤ ร่ำ คำมนต์ @ จะมั่นจะปัน...........จะสรรสิผล "ระทม" ลุหน.............ประสบสบาย |
59
เมื่อ: 23 เมษายน, 2568, 07:03:59 AM
|
||
เริ่มโดย share - กระทู้ล่าสุด โดย share | ||
สมาน(ะ)ฉันท์ ๔ vs ปมาณิกฉันท์ ๘ ฉันท์ทั้งสอง จะเห็น "ต่าง" ที่ การ ส่ง-รับสัมผัส ระหว่างบท ครับ สมาน(ะ)ฉันท์ ๔ @ จะร่วงจะรุ่ง.....มุมุ่งลุฝัน ตระหนัก"ขยัน"..."ระทม"สบาย @ จะทุกข์จะสุข......จะรุกมิหาย พระธรรมขยาย.......ไสวนิรันดร์ @ พระธรรมตระหนัก...มุ"รัก"ผลิสรรค์ มิเพียง "จำ"กัน...........ฤ ร่ำ คำมนต์ @ จะมั่นจะปัน...........จะสรรสิผล "ระทม" ลุหน.............ประสบสบาย ปมาณิกฉันท์ ๘ @ จะร่วงจะรุ่ง.....มุมุ่งลุฝัน ตระหนัก"ขยัน"..."ระทม"สบาย จะทุกข์จะสุข......จะรุกมิหาย พระธรรมขยาย....ไสวนิรันดร์ @ พระธรรมตระหนัก...มิพัก "กระทำ" มิเพียง "จำ"คำ..........มุ"รัก"ผลิครัน ประโยชน์จะมุ่ง.........พยุงประกัน "ระทม" ลุพลัน..........สิสุขสบาย * ซักถาม ติติง พูดคุยกันได้นะครับ ขอบคุณครับ |
60
เมื่อ: 22 เมษายน, 2568, 08:20:01 PM
|
|||
เริ่มโดย โซ...เซอะเซอ - กระทู้ล่าสุด โดย โซ...เซอะเซอ | |||
|