Username:
Password:
หน้าแรก
ห้องสนทนา
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..
>>
บทกลอนไพเราะ
>>
กลอนรัก
>>
คนนอกความฝัน
หน้า:
1
2
3
[
4
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: คนนอกความฝัน (อ่าน 4999 ครั้ง)
0 สมาชิก
และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้เฒ่า..โง่งม
เด่นงานโรงเรียน
ออฟไลน์
กระทู้: 45
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#45 เมื่อ:
03 มิถุนายน, 2565, 06:52:45 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
บันทึกการเข้า
ผู้เฒ่า..โง่งม
เด่นงานโรงเรียน
ออฟไลน์
กระทู้: 45
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#46 เมื่อ:
08 มิถุนายน, 2565, 12:14:31 AM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
**มิดะ จีดะ**
จากปากคำสาวบนดอย 5 ท่าน ที่ขายบริการอยู่ที่ อ.สุไหงโกลก..
ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง..เป็นประเพณีของชาวเขาเผ่าอีก้อ..มาแต่นาน
เธอทั้งห้าคนมาขายตัว..เพื่อต้องการชีวิตที่ดีกว่าบนดอยสูง..เธอไม่มีที่ไปและไปไหนไม่ได้..
ไม่มีบัตรประชาชน..คำตอบของเธอ..ในคำถามหนึ่ง…ซึ่งไม่เคยลืมจากการรับรู้..ที่สลดใจ..
ขายตัวได้เงินเอาไปทำอะไร..
ฝากธนาคารไม่ได้..จ่ายค่าคุ้มครองบ้าง..และยังชีพ..
ส่วนหนึ่งนำไปฝากหลวงพ่อที่วัดไว้..เวลาตายจะได้เอาไว้ซื้อโลงใส่ศพ..และเป็นการทำบุญด้วย..
พวกเธอบอกว่า..ชีวิตสาวอีก้อ..สำหรับคนพื้นราบ..มีค่าต่ำกว่าแม่หมูเพียงตัวเดียวซะอีก..
อาจจะมีคนเคยว่าเธอ..หลายปีที่ผ่านไป..ในความรู้สึก..วันนั้นที่เคยบอกและวันนี้ยังอยากจะบอก…
เธอเป็นคนที่มีค่า...มีค่าในความเป็นคน วันนี้ไม่ว่าพวกเธอจะอยู่ภพไหน...ยังมีค่าในความรู้สึกนี้เสมอ..
ปัจจุบันชาวอีก้อ..พัฒนามากแล้ว..ถ้าพูดถึงประเพณี..จีดะ-มิดะ..จะกลายเป็นเรื่องลึกลับประจำเผ่า…
ซึ่งถือเป็นเรื่องบัดสีในปัจจุบัน เราเพียงอยากจะบอกว่า…
ประเพณีของชาวเผ่าเขา..ใช่เรื่องเลวร้าย..เพราะทำด้วยความเปิดเผย…
ต่างจากยุคนี้ ของคนพื้นราบ..มีบ้านเล็ก-บ้านใหญ่..มีหญิงขายบริการ และมีชายขายบริการ..มีชู้รัก มีกิ้ก…
เป็นเพราะโลกเปลี่ยนไป หรือใจคนเปลี่ยน..…
ถ้าว่าประเพณีนั้นบัดสี..แล้วสภาพสังคมในปัจจุบัน..เราจะเรียกว่าอะไร…
๏ ถิ่นธุรกันดารตำนานเก่า
มีเรื่องเล่าร่ำลืออันอื้อฉาว
บนดอยสูงซ่อนเร้นเป็นเรื่องราว
ผู้หญิงสาวพรหมจรรย์ผ่านพิธี
๏ วัยกำดัดรุ่นสาวถึงคราวหวั่น
ต้องฝ่าฟันสัมผัสเรื่องบัดสี
เพราะเป็นกฎอุปเท่ห์ประเพณี
ให้นางพลีความสาวต้องคาวชาย
๏ เป็นบทเรียน.จีดะ.คอยสั่งสอน
กามารมณ์มีขั้นตอนไม่เสียหาย
ตำนานผาพรหมจรรย์สละกาย
คือจุดหมายสถานที่นางพลีตน
๏ กลางม่านหมอกแมกไม้ในไพรพฤกษ์
ความสำนึกต่อเนื่องประเทืองผล
เป็นเรื่องแปลกคนนอกบอกพิกล
สร้างวังวนเพื่อพร่าคุณค่าสตรี
๏ ใช่เรียนรู้สั่งสอนขั้นตอนหญิง
ตำนานจริงก็สอนชายให้สุขี
เชิงสวาทเสน่หาประดามี
ก็บ่งชี้สอนพบประสบการณ์
๏ เป็นตำแหน่ง.มิดะ.งามสดสวย
สาวเก็บส่วยพรหมจรรย์หนุ่มฝันหวาน
พอเสียงเปลี่ยน ฟังแปลกนมแตกพาน
บรรลุกาลเรียนเล่ห์เสน่ห์นาง
๏ จีดะหนุ่ม.มิดะสาวที่กล่าวถึง
เป็นผู้ซึ่งใจจรดหมดขนาง
ทั้งชีวิตร่วมฉลองเป็นของกลาง
เพียงหยิบวางคลอเคล้าไม่เข้าใคร
๏ ผ่านพิธีพลีกายทั้งชายหญิง
รอวันจริงเลือกคู่ดูสดใส
จารีตลาน..สาวกอดร่วมสอดใจ
พิสมัยเป็นคู่ผัวและตัวเมีย
๏ เล่าตำนานบัดสีเผ่าอีก้อ
เป็นหัวข้อประเพณีดีหรือเสีย
สมัยใหม่เรื่องคู่ยิ่งดูเพลีย
มิรู้เมียเสียตัวหรือผัวใคร
๏ บนความต่างของปากจากสมอง
ในมุมมองพิศวงน่าสงสัย
เรื่องตำนานรู้เห็นที่เป็นใจ
ต่างอะไรกับสมัย..ปัจจุบัน..๚ะ๛ 19-7-47
บันทึกการเข้า
ผู้เฒ่า..โง่งม
เด่นงานโรงเรียน
ออฟไลน์
กระทู้: 45
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#47 เมื่อ:
11 มิถุนายน, 2565, 03:53:59 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
**นางงามตู้กระจก**
๏ จากถิ่นฐานบ้านป่าเคยอาศัย
สู่เมืองใหญ่ดิ้นรนเพื่อค้นหา
หลีกหนีความลำเข็ญที่เป็นมา
เพื่อเงินตราทางใหม่จึงใคร่ลอง
๏ เจ้านกไพรโผ.ลงจากดงดอย
คิดตามรอยความฝันพลันสนอง
สู่เมืองกรุงศิวิไลซ์ดั่งใจปอง
มาขุดทองลองเขื่องเมืองอมร
๏ เดินถนนเห็นรถแล้วหดหู่
จอดกันอยู่เป็นแพแลสลอน
ค่อยค่อยคืบดุจทากที่ยากจร
ร้อนก็ร้อนคิดจะไปหนใดกัน
๏ นกไพรจากพฤกษ์พนาราคาต่ำ
สองเท้าย่ำติดตามหาความฝัน
ผ่านเพลาเหนื่อยกายมาหลายวัน
สู้บากบั่นสมัครงานที่ผ่านตา
๏ สังคมเมืองอลวนต่างคนอยู่
มิเคยรู้น้ำใจยากใฝ่หา
ต่างดิ้นรนปนเล่ห์ทุกเวลา
เรื่องคุณค่าน้ำใจมิใคร่มี
๏ โฉมไม่งามความรู้ก็ดูต่ำ
ตัดใจจำสัมผัสความบัดสี
เลือกไม่ได้โผ.ลงดงโลกีย์
เอาร่างพลีสนองค่าเงินตราชาย
๏ เป็นหมอนวดอวดร่างในอ่างน้ำ
เขาขย้ำโหมขยี้ศักดิ์ศรีหาย
ร่างอาภัพชอกช้ำสิ้นคำอาย
เอาเรือนกายเป็นเป้าให้เล้าโลม
๏ น้ำตาร่วงเอ่อนองริมสองแก้ม
ยามแต่งแต้มเพิ่มสินประทินโฉม
ต้องแต่งล่อต่อเขาเข้าตะโบม
ถ้าทรุดโทรมเห็นเบื่อคงเหลือทน
๏ คล้ายดั่งผักดั่งปลาเขามาเลือก
เงินดั่งเชือกผูกมัดเพราะขัดสน
ใครจะเห็นคุณค่ารู้ว่าคน
สู้ดิ้นรนเพื่อท้องที่ต้องกิน
๏ เป็นสมันในอ่างสิ้นทางเปลี่ยน
ชายวนเวียนผลัดพบมิจบสิ้น
เปลี่ยนสามีตีตราเป็นอาจินต์
รอยมลทินคราบชั่วติดตัวตาย
๏ เพลาผ่านนานมาหมดค่าสาว
เปรอะคราบคาวทรุดโทรมเพราะโหมขาย
ณ.ที่นี้ความสดหมดทั้งกาย
ต้องโยกย้ายเปลี่ยนตู้ดูลำเข็ญ
๏ วัฏจักรนางงามตู้กระจก
ในหัวอกหม่นหมองใครมองเห็น
หวังลืมตาอ้าปากคงยากเย็น
ความจำเป็นมีทั่วครอบครัวตน
๏ พ่อและแม่แก่ชราต้องหาเลี้ยง
มิอาจเลี่ยงหลบผลัดแม้ขัดสน
น้องเล็กเล็กเรียงรายอีกหลายคน
น้ำตาหล่นทุกครายามหากิน
๏ ใครใครชมเอ็นดูเหมือนชู้ผ่าน
ลิ้มความหวานดั่งหมายคลายถวิล
หมุนเวียนผลัดผ่านมาเป็นอาจินต์
ค่าเพียงดินผ่านชายเพียงหมายเงิน
๏ นั่งมองผ่านกระจกหัวอกเศร้า
บางครั้งเหงาคิดรักก็จักเขิน
จะมีใครหมายปองมิมองเมิน
ช้ำเหลือเกินเรื่องคู่กับผู้คน
๏ เปรียบดอกไม้ริมวิถียังดีกว่า
ยังมีค่าใช้ประดับกับถนน
ชีวิตหญิงรันทดเฝ้าอดทน
ค่าของตนกับดอกไม้ยังไกลกัน
๏ บริการปลดเปลื้องเรื่องความใคร่
พลั้งเผลอไปติดโรคต้องโศกศัลย์
ติดเชื้อร้ายประทุษหยุดชีวัน
ชีวิตสั้นนับถอยคอยเวลา
๏ เจ้านกไพรหมดท่าน้ำตาล่วง
สำนึกห่วงคนบนดอยจะคอยหา
มิอาจอยู่ดูแลพ่อแม่ชรา
อนิจจาใครลิขิตชีวิตเรา
๏ นี่น่ะหรือชีวิตคนอยู่บนโลก
ทางสายโศกมิสดใสดั่งใครเขา
หมายความชื่นสุขสันต์มาบรรเทา
เหมือนหาเงาเข็มร่วงในห้วงชล
๏ จิตมนุษย์สุดลึกเกินนึกนัก
มันยอกยักแยกยอนย้อนฉงน
เหมือนรากไม้งอกรกดูวกวน
เปรียบใจคนสัปดนวกวนเวียน
๏ ชีวิตของนางงามตู้กระจก
สกปรกคนเดียดกระเบียดกระเสียร
คราบโลกีย์คลุ้งฉาวคาวจนเอียน
มิอาจเปลี่ยนคำประณามนางงามคาว
๏ ใครจะรู้จะเป็นผู้เห็นค่า
ผู้หญิงหากินกามขายความสาว
ชีพมลายปลดเปลื้องจบเรื่องราว
แม้ถึงคราวจบสิ้นก็ยินดี
๏ รับจดหมายคำฝากมาจากแม่
พ่อที่แก่ป่วยมากน่าจากหนี
คงไม่นานยากอยู่มาดูที
โอกาสมีชั่วครู่มาดูใจ
๏ เคราะห์กระหน่ำกรรมซ้อนถึงตอนเศร้า
โรครบเร้ารุมจับเกินรับไหว
ทางบ้านมีเรื่องร้อนต้องจรไป
และคงไม่กลับมาขายค่าคน
๏ เก็บสมบัติพัสถานออกขานขาย
คนใกล้ตายลำบากยุ่งยากขน
ขอเหลือเพียงคราบชั่วติดตัวตน
กลับขึ้นบนดอยสงบหลบจากกรุง
๏ เตรียมข้าวของหยูกยาเสื้อผ้าฝาก
หมากแห้งตากปลาเค็มใส่เต็มถุง
ของกำนัลฝากน้าพี่ป้าลุง
ทั้งน้องนุ่งแม่พ่อรอกลับคืน
๏ ต้องลาแล้วเมืองกรุงมุ่งสู่ป่า
หลั่งน้ำตาคลาไคลใจสะอื้น
ขายศักดิ์ศรีเจ็บจำต้องกล้ำกลืน
และขมขื่นชีวิตต้องปลิดปลง
๏ นั่งรถไฟยาวนานกลับบ้านเก่า
เบื้องหลังเศร้าเบื้องหน้ายิ่งพาหลง
จะอยู่ได้นานไหมใจพะวง
อาการทรงกับทรุดมิหยุดรอ
๏ ตามผิวกายแผลพุปะทุหนอง
นัยน์ตาหมองแววซ่อนวิงวอนขอ
เป็นโรคเอดส์ระกำก็ช้ำพอ
อย่าได้ล้อท้ออายเพราะสายตา
๏ สุดปลายทางรถไฟยังไกลบ้าน
ต้องโดยสารรถไปเข้าในป่า
ละจากรถซมซานผ่านพนา
ใช้เวลาจึ่งคล้อยลุดอยบน..// ภาคแรก //
บันทึกการเข้า
ผู้เฒ่า..โง่งม
เด่นงานโรงเรียน
ออฟไลน์
กระทู้: 45
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#48 เมื่อ:
16 มิถุนายน, 2565, 09:07:36 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
๏ คะนึงครวญชวนสลดทุกบทบาท
ลิ้มรสชาติรันทดสลดผล
สิ่งสุดท้ายได้รับสำหรับตน
คือทุกข์ทนยลแค่กระแสกรรม
๏ จะโทษดินโทษฟ้าก็หาไม่
โทษหัวใจไม่รักดีที่ถลำ
เข้าบ่วงทุกข์เคล้าคละเป็นประจำ
จนต้อยต่ำหมดค่ามิว่าใคร
๏ รถยังวิ่งเดินหน้าน้ำตาเปื้อน
มันวิ่งเคลื่อนตามรางที่วางให้
แต่ชีวิตสิ้นรางสิ้นทางไป
จะมีใครเวทนาหันมามอง
๏ ถึงจุดหมายสถานีที่สุดท้าย
ต้องตะกายแรงหญิงยกสิ่งของ
มิมีใครคอยขยับเข้ารับรอง
ชายตามองทำแสดงแล้วแกล้งเมิน
๏ กะเล่อกะล่าแถวหน้าสถานี
มองไม่มีรถเข้าสู่เขาเขิน
ละล้าละลังชีวิตคิดจะเดิน
ก็เหลือเกินเดินย่ำจะลำเค็ญ
๏ หารถเหมาตัดใจรีบไปก่อน
ต้องคอยซ่อนแผลไว้มิให้เห็น
กว่าจะถึงตีนดอยคงคล้อยเย็น
จะทันเห็นหน้าพ่อไหมหนอเรา
๏ จากไปนานบ้านเมืองประเทืองผล
ทุกแห่งหนถนนสร้างเชื่อมทางเขา
ป่ารกชัฏเคยเคียงกลับเกลี้ยงเกลา
ผู้ใดเผาพลิกป่าเป็นนคร
๏ คนชั่วตัดทำลายแอบขายป่า
ยังเชิดหน้าคร่อมตอ คอสลอน
ฯพณฯท่านหน้าหนามิอาทร
ใครจะค่อนฉ้อฉลมิสนใจ
๏ เป็นเพียงคนธรรมดาใกล้ลาโลก
สิ้นทุกข์โศกหมดลงอสงไขย
มิเคยคิดวกเวียนเบียดเบียนใคร
แต่ยังไกลคำว่าข้าก็คน
๏ มองผู้สาวละอ่อนตอนกำดัด
จิตประหวัดห่วงหาน่าฉงน
อธิษฐานอย่าคอยย้อนรอยตน
หลีกให้พ้นถนนบาปตราบนิรันดร์
๏ ถึงเชิงดอยสิ้นถนนรถยนต์วิ่ง
รถจอดนิ่งคนสลดหมดความฝัน
ผีกลับหลุมแพ้แสงแห่งตะวัน
เราเช่นกันกลับดอยมาคอยตาย
๏ สังขารกร่อนอ่อนเพลียละเหี่ยโหม
ร่างทรุดโทรมโรครั้งกำลังหาย
พะรุงพะรังเดินอ่วมเหงื่อท่วมกาย
มองจุดหมายขาสั่นประหวั่นใจ
๏ ตะวันรอนอ่อนมัวสลัวแสง
คนสิ้นแรงก้าวขาน้ำตาไหล
หนทางชันลำบากยังยากไกล
ต้องเดินไปใจมั่นกลั้นน้ำตา
๏ เจ้านกไพรขมขื่นคิดคืนคอน
จะหวนย้อนรังเก่าบินเข้าหา
ปีกพิการกระพือยื้อเวลา
สุดอ่อนล้ายังฝืนจะคืนรัง
๏ กระเซอะกระเซิงเดินย่ำจนค่ำมืด
เดินจนหืดขึ้นคอรอความหวัง
มีสักคนผ่านด้วยช่วยประทัง
พาไปยังกระท่อมน้อยที่จากมา
๏ แสงกระจ่างจันทร์ส่องลงต้องร่าง
สิ้นแรงย่างเยื้องกรายจะไปหา
ทรุดลงนั่งร้องไห้ในพนา
หมดปัญญาเหนื่อยเกินจะเดินไป
๏ พื้นสะเทือนเสียงสะท้อนย้อนเข้าหู
ยินเสียงรู้เหมือนม้าวิ่งมาใกล้
ตะโกนก้องร้องลั่นสนั่นไพร
กระโจนไปไม้มือกระพือวน
๏ ชะงักงันพระนั่งบนหลังม้า
มองสีกาด้วยจิตคิดฉงน
ร้องถามว่าเจ้านี้ผีหรือคน
ใยพิกลป่าเปลี่ยวอยู่เดียวดาย
๏ จะไปไหนเส้นทางระหว่างป่า
หรือค้นหาอะไรสิ่งใดหาย
เดินในป่าทุกข์ยากลำบากกาย
จงขยายบอกเล่าเรื่องเจ้ามา
๏ ยกสองมือขึ้นพนมแล้วก้มกราบ
ลำดับภาพเล่าหวนกลับครวญหา
ถึงพ่อเฒ่าเจ็บไข้วัยชรา
ขอเห็นหน้าครั้งสุดท้ายก่อนสายไป
๏ พระคุณเจ้ากล่าวว่าสีกาเอ๋ย
กรรมแล้วเอยเราจะแจ้งแถลงไข
พ่อของเจ้าทิ้งถิ่นเพิ่งสิ้นใจ
เมื่อยามใกล้พลบค่ำย่ำระฆัง
๏ สิ้นเสียงสุดดุจสิ้นทั้งวิญญาณ์
หลั่งน้ำตาโศกสลดเพราะหมดหวัง
พ่อสิ้นลมลงแล้วละล้าละลัง
ทิ้งคนหลังดูใจไปไม่ทัน
๏ พระคุณเจ้าร้องสั่งให้รั้งอยู่
จะหาผู้ช่วยไปจากไพรสัณฑ์
สั่งสิ้นเสียงขยับม้าลับตาพลัน
เสียงสนั่นม้าวิ่งดั่งทิ้งนาง
๏ เย็นยะเยือกเจ็บแปลบลมแนบหนาว
กายร้อนผ่าวไข้รุมเข้าสุมร่าง
นัยน์ตาจ้องเพ่งพิศหลงทิศทาง
สรรพางค์ปวดร้าวเกินกล่าวคำ
๏ ระลึกภาพนางงามนั่งตามตู้
ลำดับผู้คนผ่านเคยขานขำ
ลำดับชายเคยค้าขาประจำ
บ่นพึมพำพร่ำเปรอะถ้อยเลอะเลือน
๏ น้ำตาหลั่งไหลย้อยอุ่นรอยแก้ม
รอยยิ้มแกมแซมสลดประชดเหมือน
รู้สัญญาความตายใกล้มาเยือน
สัญญาณเตือนว่าชีวิตจะปลิดปลง
๏ คิดถึงพ่อรอลูกจะไปหา
ถึงเวลาตามไปคงไม่หลง
คิดถึงญาติพี่น้องร่วมเผ่าพงศ์
แล้วล้มลงสิ้นสายลมหายใจ
๏ อนิจจาใครลิขิตชีวิตเศร้า
ใครจะเอาเหตุผลมาแก้ไข
ทุกเรื่องราวลำเข็ญที่เป็นไป
พรหมหรือใครเนรมิตขีดให้เดิน
๏ หนึ่งชีวิตจบสิ้นโอบดินสอน
อุทาหรณ์สอนเราจากเขาเขิน
ดำรงชีพดีชั่วอย่ามัวเพลิน
ค่อยค่อยเดินมั่นคงอย่าหลงทาง
๏ บทสุดท้ายนางงามตู้กระจก
มิใช่ยกคนยากมาถากถาง
หยิบประเด็นเห็นค่าจับมาวาง
เพียงจะสร้างแนวให้สอนใจกัน..๚ะ๛ //จบ//
บันทึกการเข้า
ผู้เฒ่า..โง่งม
เด่นงานโรงเรียน
ออฟไลน์
กระทู้: 45
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#49 เมื่อ:
21 มิถุนายน, 2565, 07:34:14 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
บันทึกการเข้า
ผู้เฒ่า..โง่งม
เด่นงานโรงเรียน
ออฟไลน์
กระทู้: 45
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#50 เมื่อ:
26 มิถุนายน, 2565, 10:24:14 AM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
วันนั้น วันนี้ และวันพรุ่งนี้ จะมีได้เพราะ..เธอ..
** นิยายรักขาดตอน **
๏ ยังจดจำคำเคย เอ่ยรักฉัน
สารพันวิงวอนจนอ่อนไหว
ผ่านเวลาคนดีก็หนีไป
ทิ้งฉันไว้โดดเดี่ยวเพียงลำพัง
๏ เสียงกระซิบข้างหูเคยแว่วหวาน
อดีตกาลผ่านพ้นเรื่องหนหลัง
คำรักที่เคยแผ่วมิแว่วดัง
เธอทำลายความหวัง เหมือนดั่งนิยาย
๏ จงพินิจคิดดูให้รู้รัก
แรกรู้จักสืบสานแล้วผ่านหาย
น่าสงสารเริ่มรักตะเกียกตะกาย
บทสรุปส่งท้าย ทางใครทางมัน
๏ ถ้าขอได้วิงวอนขอพรพระ
ดลหัวใจทุกขณะ จงหยุดฝัน
ขอเวลาแห่งรักหยุดสักวัน
สิ้นสุดสายสัมพันธ์ ที่ทรมาน
๏ นิยายรักขาดตอนต่อไม่ติด
หัวใจเธออำมหิตสิ้นสงสาร
ขอบคุณเสี้ยวหนึ่งใจเคยให้ทาน
รสรักผ่านรู้ฤทธิ์จำติดใจ
๏ จบนิยายรักขาดตอนวิงวอนว่า
จงศรัทธาความรักอย่าผลักไส
ค่าของรักสูงยิ่งเหนือสิ่งใด
และมิใช่ ความต้องการ แค่ผ่านเอย..๚ะ๛
บันทึกการเข้า
ผู้เฒ่า..โง่งม
เด่นงานโรงเรียน
ออฟไลน์
กระทู้: 45
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#51 เมื่อ:
30 มิถุนายน, 2565, 09:48:39 AM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
ศิลปะในการใช้ชีวิตคู่ ต้องใช้เหตุ ใช้ผล ว่าได้ เถียงได้..
แต่พยายาม อย่าให้มีเสียง ลอดไรฟันออกมา..
** แม่ศรีเรือน **
๏ เสียงเขาสั่งดังมาก้มหน้ารับ
เร่งขยับเก็บของแล้วร้อง จ๋า
ถูบ้านเสร็จพับผ้าแล้วนะแก้วตา
จะรีบมาทำกับข้าวให้เจ้ากิน
๏ ใช่เกรงขามความรักรู้จักผ่อน
จะกินนอนใช้ศาสตร์อย่าขาดศิลป์
อยู่ร่วมกันหรรษาเป็นอาจินต์
เสียงสั่งสิ้นเสแสร้งแสดงตาม
๏ สั่งเพียงคำทำแกงเขียวหวานไก่
พี่เกรงใจวาจามิกล้าถาม
ไข้หวัดนกระบาดยังตะกลาม
แม้ครั่นคร้ามแย้งพธูกลัวหูยาน
๏ ไปตลาดจับจ้องซื้อของสด
ผักทั้งหมดสดตลอดต้องปลอดสาร
เลือกเนื้อไก่เจ้าประจำอย่างชำนาญ
แล้วซมซานรีบขยับกลับเรือนเรา
๏ ทั้งมะพร้าวเครื่องปรุงพะรุงพะรัง
ก็แค่หวังถูกใจงามเฉลา
ถึงเรือนย่องใช้เสียงเพียงเบาเบา
รบกวนเขาหวาดเสียวประเดี๋ยวซวย
๏ โถแม่คุณนอนสบายน้ำลายยืด
เสียงกรนครืด โฉมตรูยังดูสวย
ย่องเข้าครัวยิ้มขำท่าสำรวย
เขามิช่วยก็ไม่ลุ้นจะจุนเจือ
๏ คั้นกะทิแยกแยะหัวและหาง
เอาไก่ล้างเลาะกระดูกอย่าให้เหลือ
ค่อยค่อยแล่แช่น้ำส้มผสมเกลือ
แกงแล้วเนื้อนุ่มขาวสิ้นคาวคลอ
๏ หยิบครกวาง คว้าสากลำบากแล้ว
เสียงจะแว่วกวนใจเจ้าไหมหนอ
เอาผ้ารองครกตั้งมิรั้งรอ
ตอนตำขอเบาเบาก่อนอันตราย
๏ ลูกผักชีคั่วไฟอ่อนตำก่อนหน้า
ลูกยี่หราตะไคร้ตำละเอียดหาย
ผิวมะกรูดกะปิ-ข่าตำเกือบตาย
ส่วนแม่คุณนอนสบายกรนอย่างเดียว
๏ หอมห้าหัวกระเทียมสองเคยทำรู้
พริกขี้หนูไม่ค่อยเผ็ดเม็ดสีเขียว
รากผักชีสองช้อนโต๊ะอย่าลืมเชียว
อ้อ ประเดี๋ยวพริกไทยลืมไปเรา
๏ สักสิบเม็ดเสร็จผสมงมกระหน่ำ
ตำตำตำนึกแต่ใบหน้าเขา
เสียงออกดังเนื้อเย็นไม่เห็นเงา
ถ้าโดนเผาจะฟื้นตื่นไหมเธอ
๏ คงเพราะกรรมทำไว้แต่ปางก่อน
เอาแต่นอนบังอรนอนเสมอ
บุญหรือกรรมบรรจบให้พบเจอ
แต่ก็เผลอรักและยอมถนอมใจ
๏ ตำน้ำพริกได้ที่พอดีแล้ว
นึกถึงแนวปรุงแกงแสดงไหว
หัวกะทิแบ่งกึ่งเอาตั้งไฟ
แล้วเคี่ยวให้แตกมันเป็นขั้นตอน
๏ เอาน้ำพริกลงผัดกลิ่นจัดฉุน
ปลุกแม่คุณเดินเซเร่มาสอน
ท้าวสะเอวยุ่งยากแม่ปากบอน
ต้องวิงวอนเสียงระห้อยแม่ถอยไป
๏ น้ำตาลปิ๊บหนึ่งช้อนควรอ่อนหวาน
พอประมาณหวานปะแล่มแหลมมิไหว
ใบมะกรูดน้ำปลาปรุงตามใจ
แล้วเอาไก่ลงผัดต้องหัดจำ
๏ หางกะทิคั้นแบ่งแจงไว้เผื่อ
พร้อมมะเขือใส่ตามนะงามขำ
ฝาปิดไว้กันมะเขือเนื้อจะดำ
พอเดือดซ้ำได้ที่แล้วนะแก้วตา
๏ หัวกะทิอีกกึ่งพึงต้องใส่
ราดหน้าไปโรยอีกทีพริกชี้ฟ้า
แล้วอย่าลืมต้องใส่ใบโหระพา
ตามตำราเชิญยุพินกินแล้วนอน
๏ สอนหูซ้ายทะลุออกหูขวา
เหนื่อยระอาแม่ศรีเรือนเกลื่อนคำสอน
นึกข้างในใจสยบพบบังอร
ขืนยอกย้อนออกเสียงคงเสี่ยงตาย..๚ะ๛
บันทึกการเข้า
ผู้เฒ่า..โง่งม
เด่นงานโรงเรียน
ออฟไลน์
กระทู้: 45
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#52 เมื่อ:
04 กรกฎาคม, 2565, 09:59:03 AM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
จั่นเจา
บันทึกการเข้า
จั่นเจา
นักกลอนผู้โดดเด่น
ออฟไลน์
กระทู้: 676
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#53 เมื่อ:
04 กรกฎาคม, 2565, 11:14:10 AM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
มิเจอะเจอ..ห่วงใยพาลใฝ่หา
ทุกข์คณาดวงจิตยามคิดถึง
เหมือนลอยเคว้งถลำเพ้อรำพึง
สุขครั้งหนึ่งช้ำร้อยเฝ้าคอยครา
พี่รอยืนคืนค่ำแสงย่ำแล้ว
ไร้น้องแก้วที่เพ้อละเมอหา
ภาพนงคราญรานรุกทุกเวลา
ไฟเผาฆ่าร้อนเร่าเกินเข้าใจ
Jannjao
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"จั่นเจา"ครับ~
หน้า:
1
2
3
[
4
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
อารมณ์กลอน
-----------------------------
=> การใช้งานบอร์ด-แจ้งปัญหา
=> สมาชิกแนะนำตัว
=> สารบัญกลอน สมาชิกกลอน
=> ห้องเรียนรู้คำประพันธ์
=> โคลง
=> ฉันท์ กาพย์ ร่าย
=> กลบท
=> คำคมอารมณ์กลอน
===> หมวดความรัก
===> หมวดการให้กำลังใจ
===> หมวดเศร้า - อกหัก
===> หมวดการให้แง่คิด
===> หมวดคลายเครียด
-----------------------------
กฎระเบียบและการจัดการประกวดคำประพันธ์
-----------------------------
=> ห้องประกวดคำประพันธ์
-----------------------------
บทกลอนไพเราะ
-----------------------------
=> กลอนรัก
=> กลอนเศร้า
=> กลอนคิดถึง
=> กลอนงอนง้อ
=> กลอนคลายเครียด
=> กลอนให้แง่คิด
=> กลอนอวยพร
=> บทประพันธ์อันน่าประทับใจ
-----------------------------
คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน
-----------------------------
=> กระดานประชาสัมพันธ์สำหรับสมาชิก
=> คุยได้ทุกเรื่อง
=> ดูหนัง-ฟังเพลง-คลิปความบันเทิง
=> ขอความช่วยเหลือในการแต่งคำประพันธ์
กำลังโหลด...