Username:

Password:


  • หน้าแรก
  • ห้องสนทนา
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ.. >> คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน >> ห้องศิลปวัฒนธรรม >> หมวดการท่องเที่ยว >> ภูชี้ฟ้า..ลาแล้วไม่หวนคืน
หน้า: [1]   ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ภูชี้ฟ้า..ลาแล้วไม่หวนคืน  (อ่าน 1493 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
พิกุลแก้ว
ผู้ดูแลบอร์ด
*
<font color=gray><b>ออฟไลน์</b></font> ออฟไลน์

กระทู้: 350



อีเมล์

ผู้เริ่มหัวข้อนี้
| |
ภูชี้ฟ้า..ลาแล้วไม่หวนคืน
« เมื่อ: 24 เมษายน, 2568, 07:56:25 AM »
หน้าแรกหน้าแรก

ภูชี้ฟ้า..ลาแล้วไม่หวนคืน



ภูชี้ฟ้า..ลาแล้วไม่หวนคืน

เมื่อหน้าหนาวก้าวย่างทางภาคเหนือ
ก็ม้วนเสื่อติดรถหมายออกเที่ยว
ทั้งเยี่ยมญาติพี่น้องร้องกลมเกลียว
ลัดเลาะเลี้ยวไปเรื่อยแบบเฉื่อยชา

อยากขับรถรับลมชมความหนาว
อากาศราวเย็นเยียบสิบองศา
เห็นป้ายปักข้างทาง"ภูชี้ฟ้า"
ลองไปดูดีกว่าเป็นอย่างไร

สามีหนึ่งลูกสองก็ร้องรับ
ก็นั่งนับเวลาพาสดใส
เมื่อเดินทางไปถึงซึ่งเส้นชัย
ต้องเดินเท้าขึ้นไปพิชิตภู

แค่เพียงเห็นความชันแทบหันกลับ
แต่ลูกจับมือจูงบอกให้สู้
1 กิโลเท่านั้นโปรดคิดดู
ไม่ลองหรือจะรู้...ซึ่งความจริง

กว่าจะผ่านร้อยเมตรลมแทบจับ
คอยสลับอุ้มลูกแบบรุ่งริ่ง
เสื้อกันหนาวกลายเป็นร้อนยามพักพิง
อยากถอดทิ้งไปเสีย..ละเหี่ยใจ

กว่าจะถึงแทบสิ้นแรงทั้งหมดแล้ว
แลไม่แคล้วครั้งหน้าคงมีไม่
แม้นจะสูง วิวสวย สักเพียงใด
ไม่กลับไปอีกแล้ว...ขอทูลลา.



อาจจะไม่เหมาะกับ ผู้สูงวัยและเด็ก ^_^






ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
กระต่ายสีเทา
บันทึกการเข้า

♥♥ รวมทุกสำนวนของ"พิกุลแก้ว" ♥♥

พิกุลแก้ว
ผู้ดูแลบอร์ด
*
<font color=gray><b>ออฟไลน์</b></font> ออฟไลน์

กระทู้: 350



อีเมล์

ผู้เริ่มหัวข้อนี้
| |
ท้องฟ้าบนยอดเขา
« ตอบ #1 เมื่อ: 25 เมษายน, 2568, 01:22:03 PM »
หน้าแรกหน้าแรก

ท้องฟ้าบนยอดเขา



ท้องฟ้าบนยอดเขา

สายลมพัดแผ้วผ่านลานยอดหญ้า
พลิ้วระริกระรื่นหาพาสดใส
ยิ่งอยู่สูงเสียดฟ้า...ทว่าใจ
กลับหม่นไหม้บนแผ่นดินอันโรยรา

แหงนหน้ามองท้องฟ้าบนยอดเขา
ไฉนเลย...ตัวเรา...ยิ่งไขว่คว้า
จับได้เพียงเสียงลมยามพัดพา
จับผืนฟ้าได้มาเพียง...ปฐพี

นกบินหราถลาร่อนก่อนลงต่ำ
ภูชี้ฟ้า...ทุกเช้าค่ำ ณ ที่นี่
สิทธิ์ได้เพียงปรารถนาทุกราตรี
ความหนาวเหน็บจึงล้นปรี่ทุกเวลา

ยิ่งสูงหรือยิ่งหนาวราวเคียงคู่
เสียงสะท้อนร้องกู่ทั่วแผ่นผา
แต่ไม่อาจดังไปถึงซึ่งแนวฟ้า
ด้วยต่างกันเกินกว่าจะถือครอง

แต่เป้าหมายใช่แผ่นฟ้าในครานี้
เพียงเพราะมีทะเลหมอกละลอยล่อง
ท่ามอาทิตย์พ้นขอบฟ้าผกากรอง
แสงสว่างเรืองรองผ่องอำไพ

เราขึ้นสู่สูงสุด...เพื่อหยุดจ้อง
แล้วเหม่อมองลงต่ำ....สิ้นสงสัย
เมื่ออยู่สูง...ความสวยงามกระจ่างไกล
แล้วกลับสู่...ผืนดินไปในสักวัน.





ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
กระต่ายสีเทา
บันทึกการเข้า

♥♥ รวมทุกสำนวนของ"พิกุลแก้ว" ♥♥
พิกุลแก้ว
ผู้ดูแลบอร์ด
*
<font color=gray><b>ออฟไลน์</b></font> ออฟไลน์

กระทู้: 350



อีเมล์

ผู้เริ่มหัวข้อนี้
| |
วนอุทยาน "ภูชี้ฟ้า"
« ตอบ #2 เมื่อ: 03 พฤษภาคม, 2568, 10:59:01 AM »
หน้าแรกหน้าแรก

วนอุทยาน "ภูชี้ฟ้า"



วนอุทยาน "ภูชี้ฟ้า"

วนอุทยาน "ภูชี้ฟ้า"
เป็นหน้าผาแนวชายแดนแสดงเขต
ความสัมพันธ์ยังมั่นคงสองประเทศ
แม้นมีเหตุการเมืองเคยแทรกแซง

มองเบื้องล่างลักษณะแอ่งหุบเขา
ส่วนฝั่งเราคือแผ่นผาอันกล้าแกร่ง
สูงตระหง่านในเทือกเขาราวสำแดง
ยามต้องแสงอาทิตย์สถิตนัย

ลักษณะปลายยอดของหน้าผา
ประหนึ่งคล้าย"นิ้วชี้ฟ้า" อันกว้างใหญ่
เป็นที่มาของคำขานภูกลางไพร
"ภูชี้ฟ้า" จึงก้องไกลในแผ่นดิน

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรพลาด
วิวสวยดั่งภาพวาดอาบอายกลิ่น
เสียงนกร้องเรียกหาดังเพลงพิณ
ยามอาทิตย์ผ่องประทินยามเมฆครวญ

แสงสว่างเรืองรองทั่วท้องฟ้า
เกล็ดน้ำค้างบนยอดหญ้าพาสรวญ
สายลมไหวสั่นระริกดังเชิญชวน
ลมหนาวม้วนเกาะเกี่ยวตามร่างกาย

สองเท้าเดินสองตาชมดมกลิ่นหมอก
แล ดง ดอก น้ำค้างอย่างใจหมาย
ทะเลหมอก..ที่กล่าวขานเกินบรรยาย
เก็บกลิ่นอายลมหนาว...สู่ทรงจำ.










ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
กระต่ายสีเทา
บันทึกการเข้า

♥♥ รวมทุกสำนวนของ"พิกุลแก้ว" ♥♥
•แก่นไม้๛•
นักกลอนผู้มีไฟ
**
<font color=gray><b>ออฟไลน์</b></font> ออฟไลน์

กระทู้: 173





| |
Re: ภูชี้ฟ้า..ลาแล้วไม่หวนคืน
« ตอบ #3 เมื่อ: 22 ชั่วโมงที่แล้ว »
หน้าแรกหน้าแรก

Re: ภูชี้ฟ้า..ลาแล้วไม่หวนคืน


จะสุขใดไหนเล่าเท่าตื่นเช้า
สุขอยู่กับความเงียบเหงาจนย่ำค่ำ
เดินเหม่อมองเมฆหมอกไร้ผู้นำ
เพียงกระทำตามใจอยากเพียงผู้เดียว

สองวันสองคืน..ท่ามหุบเขา
จิบน้ำชารสเก่า-เก่า ราวห่อเหี่ยว
แต่มันกลับอิ่มเอมเสียจริงเชียว
ยามเดินเที่ยวชมน้ำค้างกลางพงไพร

หมวกไหมพรม ผ้าพันคอ เสื้อกันหนาว
พร้อมถุงมือสีขาวคราวสวมใส่
เดินลัดเลาะเอื่อยอ่อยแบบปล่อยใจ
อยู่ท่ามกลางใครต่อใครจนลายตา

แวะนั่งจิบกาแฟแลดงหมอก
สองมือซอกอุ่นไอร้อนกับแก้วหนา
เหม่อมองไปไกลโพ้นขอบนภา
ไม่รู้ว่าสิ้นสุดตรงที่ใด


มันเหมือนเงียบเหมือนเหงาแต่ก็สุข
ปล่อยวางทิ้งเจ้าความทุกข์จึงหลับใหล
สูดอากาศ ธรรมชาติ กับอุ่นไอ
ละมุนละไมในอารมณ์ร่ำกวี

มาคนเดียว กินคนเดียว สงบนัก
นั่งพิศดูคู่รักอันสุขศรี
ก็อมยิ้มสุขกับเขาราวเปรมปรีดิ์
สรุปว่าเรานี้ ....เป็นอันใด.


   •แก่นไม้๛•



บันทึกการเข้า

~๏รวมทุกสำนวนของ"แก่นไม้"ค่ะ๚ะ๛
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati

หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.154 วินาที กับ 40 คำสั่ง
กำลังโหลด...