ขอบคุณ คุณพี พูนสุข
ที่ตั้งชื่อ ฉันท์
ฉันทลักษณ์ : กลอน
จำนวนคำแต่ละวรรค ตามแต่จะกำหนด
โดยให้ ครุ ลหุ สลับกันไป ในทุกวรรค
ส่ง-รับ สัมผัส แบบกลอน เว้น
วรรค 3 กับ 4 แบบฉันท์ คือ มี/ไม่มี ก็ได้
สมานฉันท์ ๓
@ ลดผยอง...ตรองกระจ่าง
มุ่งมุสร้าง...สันติธรรม
สมานฉันท์ ๔
@ จะร่วงจะรุ่ง...มุมุ่งลุฝัน
ตระหนัก"ขยัน"..."ระทม"สบาย
สมานฉันท์ ๕
ลด ตัว ตน กู
@ ลด ละ"กู" ผยอง
ตัว สนอง กิเลส
ตน ประพฤติ สิเหตุ
"กู" นรก สวรรค์
สมานฉันท์ ๖
@ ลุรุ่ง ตะวัน สว่าง
กระจ่าง สิใจ ไสว
พระพร "กระทำ" ผลิใบ
"ระทม" ละไห้ ณ กาล
สมานฉันท์ ๗
@ ฉันริฉันท์ สบายสบาย
หวังทลาย สลดระทม
เหงายะเยียบ บ่สุขบ่สม
จักกระเซ็น กระเด็นสลาย
สมานฉันท์ ๘
ฉัน ตั้ง หวัง สุข
@ ฉัน ประเดิม ฉลอง อรุณ รุ่ง
ตั้ง สติ มุมุ่ง พลัง สาน
หวัง สนอง "ระทม" สงบ มาน
สุข สราญ พระธรรม จรัส ยง
31
เมื่อ: 13 มีนาคม, 2567, 03:38:41 PM
|
||
เริ่มโดย share - กระทู้ล่าสุด โดย share | ||
32
เมื่อ: 10 มีนาคม, 2567, 10:33:36 PM
|
||
เริ่มโดย ผู้เฒ่า..โง่งม - กระทู้ล่าสุด โดย ผู้เฒ่า..โง่งม | ||
ยอมรับคนเดียว
๏ เธอคงจะไม่ซึ้ง ถึงความปวดร้าว ช้ำในใจเรื่องราว เศร้าเป็นไฉน เธอคงไม่ซึ้ง ถึงรักที่ห่วงใย ฉันทำไป ทุกอย่างก็เพื่อเธอ ๏ ใครเป็นคนปลอบโยนคอยเอาใจ จะมีทุกข์ยังไงช่วยเสมอ พอมีคนแทนฉันเมื่อได้เจอ ใยมาเผลอลืมจริงแล้วทิ้งกัน ๏ เจ็บนี้นาน ยาวนานต้องการพอ ไม่หวังรอ เธอกลับคืนมาหาฉัน ครั้งเดียวก็เกินพอ ความผูกพัน มิอยากโดนใครหยัน เธอปันใจ ๏ เธอคงไม่ซึ้ง มองถึงการกระทำ นึกถึงความเจ็บช้ำ สักคำไหม ตอนที่เธอบอกลาต้องการไป ฉันจะเป็นอย่างไร จำได้ไหมเธอ ๚ะ๛ . |
33
เมื่อ: 08 มีนาคม, 2567, 07:43:13 PM
|
||
เริ่มโดย share - กระทู้ล่าสุด โดย share | ||
@ สตรี กล้าแกร่ง แห่งสิทธิ์ สู้ผิด มิพรั่น หวั่นไหว ผ่องผุด พิสุทธิ์ธรรม อำไพ แก่นใจ ให้พลัง ชีวี @ สตรี แห่งลูก แห่งธรรม งามล้ำ ใช่รูป สวยศรี ยุติธรรม ชูนำ พร้อมพลี เมตตา รักนี้ เธอแสดง |
34
เมื่อ: 08 มีนาคม, 2567, 10:48:59 AM
|
||
เริ่มโดย share - กระทู้ล่าสุด โดย share | ||
@ สาวหนุ่ม! รักแบ่งปัน
.....มั่นแล้ เธอมุ่งไม่ยอมแพ้ .....เพื่อผู้ทุกข์เข็ญ @ เป็นประดุจเดือนส่องทาง .....สว่างหล้า การกิจเธอกระจ่างจ้า .....จรัสท้าผยองพาล |
35
เมื่อ: 07 มีนาคม, 2567, 10:32:23 PM
|
||
เริ่มโดย ผู้เฒ่า..โง่งม - กระทู้ล่าสุด โดย ผู้เฒ่า..โง่งม | ||
ให้
๏ ซ่อนไว้ ฉันบอกใครไม่ได้ ท่าทีหัวใจ ที่แอบไปรักเธอ ห้ามความคิดจิตใจ เลิกใฝ่เพ้อ แต่อยากเจอ เธอมากขึ้นทุกวัน ๏ ซ่อนไว้ บอกไปฉันกลัวเศร้า ถ้าเธอไม่รักเรา เศร้ามหันต์ คอยหักห้ามหัวใจ ไม่ว่ากัน สิทธิของเธอนั้น ย่อมเหนือใคร ๏ เธอรักใครชอบใคร มิไปขัดขวาง ปิดกั้นทางขวางรักกักไม่ไหว แต่ตัวฉันจะมีเธอตลอดไป ทั้งชีวิตจิตใจ ฉัน (มีแต่ให้) ให้เธอ ๚ะ๛ |
36
เมื่อ: 06 มีนาคม, 2567, 07:46:13 AM
|
|||
เริ่มโดย โซ...เซอะเซอ - กระทู้ล่าสุด โดย โซ...เซอะเซอ | |||
|
37
เมื่อ: 04 มีนาคม, 2567, 10:36:28 PM
|
||
เริ่มโดย ผู้เฒ่า..โง่งม - กระทู้ล่าสุด โดย ผู้เฒ่า..โง่งม | ||
ขลุ่ยจีน ประกอบกลอนอีโรติก
*เร่เรือรัก* ๏ คลื่นฉีกสาดกระเซ็นมองเป็นสาย พรรณรายยิบระยับรับแสงฉาน หัวเรือแหวกสายชลยลตระการ สุขสำราญมิสร่างมีนางเคียง ๏ แดดละอ่อนชอนผิวเป็นทิวอุ่น กลิ่นหอมกรุ่นลมหายใจยามส่งเสียง นัยแววตาส่งสายชะม้ายเมียง ร่างสลับกลับเบี่ยงเอียงแก้มคอย ๏ โอบประคองอิงแอบเข้าแนบเนื้อ บนหัวเรือสุดที่กระเถิบถอย เสียงกระซิบเสน่หานัยน์ตาปรอย บอกค่อยค่อยทีท่าระอาใจ ๏ เกี่ยวกวัดรัดกายไม่อายคลื่น มิอยากตื่นจากจิตพิสมัย วิมานลอยใต้ฟ้าสุราลัย ร้อนดั่งไฟซาบซ่านสะท้านทรวง ๏ สบนัยน์ตาเปี่ยมล้นปนความหมาย สองใจกายสุขแสนสู่แดนสรวง โลกทั้งใบใส่รักร่วมตักตวง ณ ใต้ดวงตะวันเก็บฝันมา ๏ เรือแล่นเรื่อยท่องนทีฤดีสุข เสียงนกปลุกจากมนต์เสน่หา แว่วยินเสียงอายนกกุ้งปูปลา แต่กายาสอดสนิทเข้าชิดชม ๏ จุมพิตร่างเนื้อนวลสงวนแนบ ยามอิงแอบแสร้งซุกอย่างสุขสม เสียงแผ่วแผ่วแววตาสุขารมณ์ กอดกันกลมสนิทนวลเจ้าครวญคำ ๏ ปลาฉนากปากยาวโถมราวคลื่น ระเริงรื่นดำมุดสุดถลำ แหวกโพยมเร่งรุดแล้วมุดดำ โหมกระหน่ำอ่อนล้าก็ลาชล ๏ อยากพักร้อนนอนหนาวใต้ราวฟ้า เริงเสน่หาตามแถลงทุกแห่งหน โลกทั้งใบมีเพียงเราสองคน สู่วังวนยลเยี่ยมทิพย์วิมาน ๏ ราวฟ้าเปรียบอ้อมแขนแสนอบอุ่น โอบละมุนความรักสมัครสมาน สองหัวใจมีกันทุกวันวาร ตราบชั่วกาลฟ้าดินไม่สิ้นเอย ๚ะ๛ |
38
เมื่อ: 01 มีนาคม, 2567, 10:42:26 PM
|
||
เริ่มโดย ผู้เฒ่า..โง่งม - กระทู้ล่าสุด โดย ผู้เฒ่า..โง่งม | ||
จำเป็นก็ตาย
๏ สุดปลายมือยื่นให้ก็ไม่ถึง จะคว้าดึงยุดยั้งกำลังหมด ไม่ใช่รักสิ้นขอทรยศ หรือใจคดลืมรักเพียงสักนิด ๏ เกินที่ฉันจะช่วยแม้ด้วยรัก อยากผ่านผลักโรคร้าย ให้หายสนิท แต่ความจริงยากเป็นเช่นที่คิด เพราะเวลาของชีวิตยากกำหนด ๏ ทุกชีวิตบนโลกไม่อาจหนี เกิดแก่เจ็บตายมีเหมือนกันหมด ไม่อาจหนีสัจธรรมต้องการลด หรือหนีกฏธรรมชาติไม่อาจพ้น ๏ แม้จะหวงห่วงใยด้วยใจรัก แต่ก็ต้องรู้จักมีเหตุผล ถ้าถึงคราวสูญสิ้นอย่าดิ้นรน ฉันก็เจ็บเหลือทนทนดูเธอ ๏ ตายก็ตายอย่าวิ่งหนีสงสาร เธอเจ็บฉันทรมานแทนเสมอ ตายแทนได้ต่อหน้าเมื่อมาเจอ ปากเผยอไร้เสียง มีเพียงน้ำตา ๏ ทุกนาทีที่เจ็บแทนเธอได้ ฉันยินดีดีใจ สมปรารถนา ยังซื่อตรงคงมั่นคำสัญญา ทุกชาติภพดินฟ้าเป็นพยาน ๏ ไปรอฉันบนดาวประกายพรึก ฉันจะเพียรรำลึกอธิษฐาน ขอตามเธอชิดใกล้ชั่วกาลนาน หมดสัมปทานหายใจจะไปเลย ๏ สร้างวิมานของเรารอฉันก่อน อย่าร้าวใจตัดรอนคำเฉลย ไปที่หลังหวังสนิทร่วมชิดเชย รอสักนิดร่วมเขนยเช่นเคยคบ ๏ จะจากเป็นจากตายสุดท้ายจาก มนุษย์ยากเลี่ยงพ้นทุกคนพบ การพลัดพรากหายใจยังไม่จบ ตายแล้วนั่นคือครบสิ้นภพเอย ๚ะ๛ 23/2/67 . |
39
เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์, 2567, 10:11:32 PM
|
||
เริ่มโดย ผู้เฒ่า..โง่งม - กระทู้ล่าสุด โดย ผู้เฒ่า..โง่งม | ||
น้ำตาดาว
๏ เหม่อมองดูหมู่ดาวที่พราวฟ้า หยาดรินสายน้ำตา หยดมาหมอง ฟ้าห่วงเดือน ต่างเจ้าเขาไม่มอง เจ้างามผ่อง เพียงใดไร้การชม ๏ หยาดเอยหยาดชล ร่วงหล่นมาชุ่มชื้น เป็นน้ำค้างกลางคืน ก็ขืนขื่นขม เจ้าช้ำใจ ดุจทรวงข้าระบม เขาเคยชิดชม แล้วห่างมาต่างเดิน ๏ โอ้น้ำตาดาว พราวพื้นหล้ากระจ่าง เป็นน้ำค้าง พรมท้องนาป่าเขาเขิน หริ่งหรีดเรไร ทั่วแดนช่างแสนเพลิน กรีดร้องเชิญ เย็นฉ่ำด้วยน้ำนภา ๏ อกเอ๋ยอกเรา เมื่อคราวต้องชอกช้ำ ใจสุดแสนระกำ ด้วยเสน่หา ตัวเราเจ็บช้ำ จะมีใครเหลียวมา ช่วยซับรอยน้ำตา ของข้าดุจดาว ๚ะ๛ |
40
เมื่อ: 24 กุมภาพันธ์, 2567, 10:06:04 PM
|
||
เริ่มโดย ผู้เฒ่า..โง่งม - กระทู้ล่าสุด โดย ผู้เฒ่า..โง่งม | ||
* ยามราตรีคุยพระจันทร์
กลางวันเย้าพระอาทิตย์ มีชีวิตอยู่กับกองดิน ชอบกิน ท่ามกลาง สายลมแสงแดด * ในฝัน ๏ ตะวันย่ำสนธยา หมู่นกกาบินกลับรัง บนผาแห่งความหลัง สถิตฝังใจมิเลือน ๏ ก้อนหินยังคงอยู่ มันมองดูคอยย้ำเตือน ประดู่ ใบหล่นเกลื่อน นั่นพุดเขาเราเคยดม ๏ ลานหินตรงมุมแคบ เราเคยแอบอภิรมย์ สองร่างเคยชิดชม นั่นลั่นทมขาวเกลื่อนตา ๏ เคยเสียบดอกข้างหู เอียงคอดูกัลยา ผิวผ่องพิศโสภา นัยนาดั่งดวงเดือน ๏ ร่ำกลิ่นเจ้าหอมกรุ่น ร่างละมุนมิลืมเลือน วันผ่านยังคอยเตือน โศกเสมือนจะขาดใจ ๏ เจ้านกกางเขนดง ร้องโผลงระหว่างไพร ส่งเสียงมาปราศรัย เหตุไฉนพี่ต้องตรม ๏ โอ้อนาถเจ้านกเอ๋ย ยากจะเอ่ยความขื่นขม เพราะรักเคยชิดชม กลับระทมทรมาน ๏ จวบสิ้นแสงตะวัน แว่วเสียงลั่นกังสดาล ย่างเข้ารัตติกาล ภวังค์ผ่านเป็นเรื่องราว ๏ ฟากฟ้ามีพระจันทร์ มิไกลกันมีดวงดาว ประดับนภาพราว เด่นสกาวบนฟ้าไกล ๏ เหมันต์แห่งความหลัง ประดุจดังเพิ่งผ่านไป ยามหวนกลับมาใหม่ ยังคงไว้ความทรงจำ ๏ ขาดแต่มิ่งสมร เจ้าจากจรสุดชอกช้ำ ลืมถ้อยเคยร้อยคำ เจ้าใยทำให้พี่ตรม ๏ กึ่งคืนที่ยืนเศร้า อยู่กับเงาความระทม บาดแผลในอารมณ์ ยากจะข่มสวาทวาย ๏ หลับตาหวนระลึก นัยสำนึกที่ห่างหาย หนึ่งหญิงกับหนึ่งชาย ครามั่นหมายใคร่ภิรมย์ ๏ ลานหินแม้นจะแคบ สองร่างแนบชิดเชยชม ใต้ฟ้าห้อมสายลม โผเหินหาว สู่ฉิมพลี ๏ ลั่นทมหอมขจาย ฤากลิ่นกายของเจ้ามี ปั่นป่วนดวงฤดี ทุกนาทียังตรึงตรา ๏ หอมเอ๋ยเจ้าผิวผ่อง ยามประคองเจ้าอิงหา เอนพบสบสายตา ดั่งดาราพรรณราย ๏ กองไฟที่ก่อเกื้อ ยามแนบเนื้อหมดความหมาย แสงส่องที่พร่างพราย สะท้อนผิวระยับไว ๏ โอบกอดพลอดคำหวาน ร่างสะท้านเจ้าสั่นไหว ยินเสียงจากห้วงใจ ระรัวเรียกขวัญพี่เอย ๏ เจ้านกโพระดก ร้องโขกป๊กโอ้ละเหย แอบมองร้องเฉลย หรือมันเคยแอบมองใคร ๏ จุมพิตสนิทนวล เฝ้าทบทวนสนิทนัย ว่ายเวิ้งเชิงวิสัย รสวิไลเสน่ห์คง ๏ รสรักมโนภาพ ยังกำซาบให้ลุ่มหลง จูบเงาร่างระหง ใฝ่พะวงภาพมายา ๏ เหลือพี่ตรงที่เก่า คงสิ้นเงาเจ้ากลับมา สิ้นซากเสน่หา ประหนึ่งว่าตายจากกัน ๏ จนรุ่งอุษาสาง ฟ้าสว่างลบภาพฝัน สิ้นรักเคยผูกพัน สัญญามั่นเป็นเพียงลม ๏ หมอกขาวคลุมหน้าผา หยุดเวลาความระทม หยุดโลกที่โศกตรม ฝังมันจมพร้อมน้ำตา ๏ ก้าวผ่านในม่านหมอก จนหลุดออกนอกหน้าผา สำนึกสุดท้ายว่า ขอชาติหน้าค่อยพบกัน ๚ะ๛ 4-5-48 |