หัวข้อ: นำเสนอแนวปฏิรูปเมืองเรา เริ่มหัวข้อโดย: ประทีป วัฒนสิทธิ์ ที่ 22 ธันวาคม, 2556, 08:59:06 PM ธรรมชาติธรรม นำเสนอแนวคิด ปฏิรูปประเทศไทย คงไม่นำข้อมูลต่าง ๆ ที่ปรากฏในอดีตปัจจุบันที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย หลายคนรู้ข้อมูลเชิงลึก และหลายคนรู้ข้อมูลเพียงตื้น ๆ แนวคิดของธรรมชาติธรรมเพื่อการเป็นอยู่ของมวลมนุษยชาติซึ่งได้นำเสนอในเว็บไซต์ไว้มากมายหลายประเด็น หลายข้อคิด www. Naturedhrama.com จึงเป็นโอกาสดีที่จะนำเสนอแนวปฏิรูปประเทศไทยส่วนหนึ่งในแนวคิดของ “ธรรมชาติธรรม” ทั้งนี้แนวคิดต่าง ๆ ตั้งบนพื้นฐานของแนวพุทธศาสนา ซึ่งเป็นศาสตร์สากลตามบุคคลสำคัญหลายคนยอมรับ และกล่าวถึง ขอนำเสนอไว้เป็นข้อ ๆ ดังนี้ 1. กลุ่มทุนต่าง ๆ คืนกำไรที่ได้จากการบริหารจัดการแต่ละรอบทุกสามเดือนในรูปภาษีร้อยละที่เหมาะสม ที่ควรจะเป็น โดยการประเมินในทุกด้าน ตั้งแต่รายจ่ายค่าแรงงาน ค่าเสื่อม หรืออื่น ๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพื่อจัดระบบทุน กับผู้ใช้แรงงานที่เหมะสม ที่ควรจะเป็นซึ่งไม่ใช่เหลื่อมล้ำมากเช่นปัจจุบันนี้ 2. กลุ่มธนาคาร ไฟแนนซ์ ดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เหลื่อมล้ำกันมากนัก ซึ่งต้องคำนวณในลักษณะเดียวกับกลุ่มทุน 3. การกำหนดค่าแรงต้องมีความเสมอภาคให้มากที่สุด งานใช้แรงงาน อาจเท่ากับงานที่ใช้ความรู้ความสามารถเป็นสำคัญ โดยยึดหลักความเป็นจริงในเรื่องความชำนาญ ความสามารถเฉพาะงานที่ไม่ใช่ว่าทุกคนทำได้ ยกตัวอย่างคนหนึ่งทำงานใช้สมองในงานด้านการเงินในธนาคร คนหนึ่งทำงานก่อสร้างสามารถขึ้นที่สูงบนหลังคาตึกได้ ถามว่าแต่ละคนไม่สามารถเปลี่ยนงานทำกันได้ ด้วยความสามารถ ความชำนาญ ต่างกัน และเปลี่ยนทำงานกันไม่ได้ ความจำกัดตรงนี้เองที่สองคนนี้ควรมีค่าตอบแทนที่ใกล้เตียงกัน หรือเท่าเทียมกัน บนพื้นฐานรายจ่ายที่เท่าเทียมกัน นี่คือตัวอย่าง งานอื่น ๆ ก็เช่นกัน 4. ผู้แทนราษฎรผู้อยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ แก้กฎหมายที่เกี่ยวกับเงินงบประมาณทั้งหมด ไม่ให้มีช่องว่างรั่วไหลได้ดังที่เคยผ่านมา รวมถึงการเมืองท้องถิ่นด้วย ทั้งนี้จะได้ส่งผล หรือรวมถึงข้าราชการประจำด้วย 5. รัฐต้องเป็นผู้กำหนดราคาสิ้นค้าผลิตจากโรงงาน และกำหนดราคาพืชผลเกษตรตามหลักนิติธรรม 6. รัฐควบคุมการผลิตสถาบันการศึกษาในการผลิตบุคลากรตามความจำเป็น และเมื่อทุกคนจบการศึกษาไม่ว่าระดับ ปวช. ปวส. หรือระดับปริญญา ทุกคนได้รับบรรจุ หรือมีตำแหน่งงาน รวมทั้งจัดหางานให้ทุกคนมีงานทำ ผู้ใดไม่มีงานทำรัฐต้องรับผิดชอบเลี้ยงดู 7. สร้างกองทุนสวัสดิการผู้สูงอายุ และคนพิการ รัฐต้องดูแลอย่างไม่บกพร่อง 8. ออกกฎหมายควบคุณเรื่องการกล่าวเท็จ ใส่ร้ายบุคคลอื่น ที่เกี่ยวกับการเมือง จนทำให้เกิดความเสียหายต่อชาติบ้านเมืองอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในรัฐสภา รวมถึงสื่อต่าง ๆ อย่างเคร่งครัด กำหนดให้มีโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือประหาญชีวิต ทั้งนี้รวมไปถึงการแจ้งความผู้อื่นโดนไม่มีหลักฐานที่เป็นจริง และเชื่อถือได้ 9. รัฐบาลต้องเข้าเป็นสมาชิกศาลอาญาระหว่างประเทศ และได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบต่อไป 10. องค์กรต่าง อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ และหากมีข้อเคลือบแคลงประการใด ให้ศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นผู้พิจารณาในความเป็นธรรม 11. ภาษีมูลค้าเพิ่มไม่ควรเก็บที่ผู้บริโภค เก็บที่ฝ่ายผลิต 12. รัฐแบ่งที่ดินให้ประชาชนตามความเหมาะสมเพื่อเป็นที่อยู่และเพาะปลูกโดยไม่ให้ถือสิทธิ์เป็นเจ้าของ นอกนั้นที่ดินเป็นของรัฐเพียงผู้เดียว หากผู้ใดประสงค์ใช้ที่ดินประกอบธุรกิจก็อนุญาตให้เช่าเพื่อทำผลประโยชน์ตามเหมาะสมเท่านั้น 13. ข้อนี้มีความสำคัญเป็นที่สุด ประชาธิปไตยแท้จริง (กับการแก้รัฐธรรมนูญ) เพื่อความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง การปกครองบ้านเมื่องควรเปิดสิทธิเสรีภาพให้ประชาชนในชาติมีโอกาสเลือกแนวทางวิถีการดำรงชีวิตตามความต้องการอย่างอิสระเสรี ตามความเป็นจริงเรื่องการปกครองของไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน ถูกบังคับให้เดินทางเดียวคือ ระบบประชาธิปไตยแบบทุนนิยม ซึ่งผมเอง ชอบเรียกว่า "ระบบวัตถุนิยม" ทั้ง ๆ ที่รัฐบาลเห็นความสำคัญของการอยู่แบบเศรษฐกิจเพียง และได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แต่การปฏิบัติจริง ๆ ยังไม่ได้เป็นรูปธรรมมากนัก ด้วยเหตุนี้จึงควรมีกฎหมายบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การดำเนินการเรื่องนี้มีความถูกต้อง สะดวกชัดเจนยิ่งขึ้น และเป็นทางเลือกของประชาชนในชาติอย่างอิสระเสรีอีกทางหนึ่ง รัฐบาลต้องบริหารประเทศแบบคู่ขนาน คือ ซีก "ระบบวัตถุนิยม" และซีก "พอเพียงนิยม" จึงจำเป็นต้องบัญญัติกฎหมายในรัฐธรรมนูญ เพื่อมีอำนาจในการบริหารของรัฐบาล จะได้ให้การสนับสนุนทั้งสองฝ่ายอย่างจริงจัง ประชาชนจะเลือกอยู่ในระบบใดเป็นสิทธิของประชาชน เมื่อนานปีเข้าประชาชนเป็นผู้ตัดสินเลือกฝ่ายได้เด่นชัดขึ้น หรือจะควบคู่ไปทั้งสองอย่างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทั้งนี้ให้เป็นทางเลือก เพื่อเป็นบทพิสูจน์ระบบการดำรงชีวิตไปในตัว ไม่ต้องให้ประชาชนกังขาว่าระบบใดดีไม่ดีอย่างไร นั่นเป็นการค้นหาการดำรงชีพที่ให้เกิดสันติสุขอย่างแท้จริง และยั่งยืน อีกช่องทางหนึ่ง สำหรับแนวทางการบริหารจัดการอย่างไร เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล และประชาชนช่วยกันคิดหาแนวทาง ปรับปรุงพัฒนากันต่อไป "ธรรมชาติธรรมค้ำจุนโลก" เองมีรูปแบบ และแผนงานการอยู่ในแบบระบบ " พอเพียงนิยม" ซึ่งได้นำเสนอในเว็บไซต์ http://www.naturedharma.com แนวทางที่นำเสนอนี้คือ "ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง" และกฎหมายที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีกำหนดเนื้อความดังนี้ มาตราที่........ " ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพการเลือกแนวทางการดำรงชีพ ในรูปแบบประชาธิปไตยระบบเศรษฐกิจวัตถุนิยม หรือ ประชาธิปไตยระบบเศรษฐกิจพอเพียงนิยม โดยรัฐบาลต้องมีนโยบายส่งเสริมพัฒนาทั้งสองระบบเศรษฐกิจนี้อย่างเสมอภาคทัดเทียมกัน " กรุณารอคอยข้อเสนออื่นหากมี ขอบพระคุณมากครับ |