เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..

บทกลอนไพเราะ => บทประพันธ์อันน่าประทับใจ => ข้อความที่เริ่มโดย: เปลวเพลิง ที่ 07 มกราคม, 2557, 03:23:21 AM



หัวข้อ: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 07 มกราคม, 2557, 03:23:21 AM
(http://upic.me/i/9b/376229_470045039679953_492996069_n.jpg) (http://upic.me/show/48982521)


ประกาศ!! ประกาศ!!   :26:

ประการแรกที่เปลวเพลิงทำการรวบรวมกลอนของ คุณจินตนา ปิ่นเฉลียว ขึ้น  
เนื่องจากโดยส่วนตัวมีความชื่นชอบในแนวการเขียนของท่านเป็นอย่างมาก  
เรียกว่าเป็นต้นแบบของเปลวเพลิงก็คงไม่ผิดนัก
ซึ่งผลงานกลอนแต่ละชิ้นนั้นมีสำนวนที่คมคายเป็นเอกลักษณ์  
ที่ไม่ว่าใครได้อ่านก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ท่านได้กลั่นกรองออกมาอย่างหลากหลาย
ประกอบกับในปัจจุบัน  กลอนต่างๆของท่าน  หาอ่านได้ยากมากแล้ว  
เปลวเพลิงเองจึงมีความคิดอยากให้ผู้ที่มีใจรักกลอนรุ่นใหม่ๆ
ได้เสพสุนทรียรสและความเป็น "จินตนา  ปิ่นเฉลียว" ให้เป็นที่รู้จักสืบไป
จึงใคร่ขออนุญาตใช้พื้นที่แห่งนี้ในการเผยแพร่ผลงานของคุณจินตนา  ปิ่นเฉลียว  
ให้ทุกท่านที่สนใจได้อ่านกันครับ

.....................................................................

เปลวเพลิง

ปล.ขอขอบคุณรูปภาพจาก วิกิพีเดีย  สารานุกรมเสรี





หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 07 มกราคม, 2557, 03:50:21 AM
(http://upic.me/i/tb/bs7t0.jpg) (http://upic.me/show/48982523)

รุ่งอรุณแห่งหัวใจ

พอแดดพริ้มยิ้มพรายกับชายฟ้า
โลกก็จ้าแจ่มหวังด้วยรังสี
หยาดอรุณอุ่นหล้าเหมือนอารี
แพรรพีห่มภพอบหนาวคลาย

เพียงจะพลิกแผ่นฟ้าลงมาฝัน
กับแสงอันอ่อนอุ่นอรุณฉาย
เราคนท้อรอหวังซังกะตาย
หวังชีพพรายอุ่นบ้างอย่างอรุณ

ทุกวันนี้แรงหนาวปวดร้าวนัก
หนาวทุกข์หนักเน้นไข้โรคภัยหนุน
หนาวความชั่วตัวบาปคราบเนรคุณ
ความอบอุ่นแห่งใจนั้นไม่มี

ถ้าความรักความหวังดังแสงฉาน
นานเท่านานแสงจะฝ่าลงมานี่
หวังลำแสงแห่งเมตตาและอารี
พลิกราตรีมืดหมองให้ผ่องพรรณ

และเหนือสิ่งอื่นใดใจมนุษย์
ขอจงจุดแสงอุ่นละมุนฝัน
แสงแห่งรักและอภัยเห็นใจกัน
แสงคุณธรรม์ขจัดชั่วจากหัวใจ

อ้าอรุณอุ่นหล้าทิวาจรัส
สารพัดภพผ่องครรลองไสว
เรารอคอยอรุณแจ้งแหล่งฤทัย
ซึ่งเกิดได้เมื่อมนุษย์หยุดกรรมเลว

..........................................

จินตนา  ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 07 มกราคม, 2557, 03:55:34 AM
(http://upic.me/i/fu/xmmdo.png) (http://upic.me/show/48982533)

สังคมป่วย

ญาติฉันป่วยเต็มทีเข้าตรีทูต
หมอยังพูดปลอบว่า "รักษาหาย
การแพทย์เราก้าวหน้าอย่าโวยวาย
เจ็บจวนตายยังรอดได้ปลอดภัย"

ก็สู้เชื่อคำหมอรอดูผล
ไม่นานคนป่วยฟื้นลุกขึ้นไหว
ไม่กี่วันพลันหายสบายใจ
ฉะนั้นใครก็ขานการแพทย์ดี

เดี๋ยวนี้คนป่วยหนักไม่ยักหวั่น
หาหมอทันก็เห็นไม่เป็นผี
แต่การป่วยอย่างหนึ่งซึ่งเต็มที
จะกี่ปีกี่วันไม่บรรเทา

มันเกิดแก่สังคมสะสมชั่ว
ล่อกันนัวทุกโรคน่าโศกเศร้า
สมเพชจิตคิดมิตกเจ็บอกเรา
หมอใดเล่าจะประทังโรคสังคม

โลกคลั่งความก้าวหน้าพาให้ทรุด
โรคมีบุตรไม่มีพ่อก่อให้ล่ม
โรคเห็นแก่ตัวผลาญให้ซานซม
โรคโง่งมทำให้เฉื่อยไปพลัน

และยังมีโรคอื่นนับหมื่นแสน
โรคแร้นแค้นค่าครองชีพบีบมหันต์
โรคโกงกดคดกินไร้ศีลธรรม์
โรคทั้งนั้นเกาะฝังแก่นสังคม

เข้าขั้นตรีทูตแล้วเพื่อนแก้วเอ๋ย
หากหมอเฉยคงดับชีพลับล่ม
หมอคือใคร...? ก็คือ "เรา" เฝ้าระดม
สังคมล้มแน่ถ้าเรารามือ

.................................................

จินตนา  ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 07 มกราคม, 2557, 03:57:54 AM
(http://upic.me/i/g8/u9zyp.jpg) (http://upic.me/show/48982543)

ฝันร้ายของเรา

ในม่านคลี่สีดำค่ำคืนนี้
ใต้ตาหรี่หลับฝัน ฉันและเพื่อน
จำได้ไหมวันวานที่ผ่านเยือน
ซึ่งเสมือนฝันร้ายอายอาดูร

คล้ายเคลิ้มฝันในโลกโศกสาหัส
เสาะสัมผัสสันติภาพที่สาบสูญ
เมื่อความอยากบากหน้ามาเพ็ดทูล
โลกก็พูนภัยปรี่กลียุค

บาปแห่งความเห็นแก่ตัวชั่วบัดซบ
ท่วมทำนบมโนธรรมอำพรางสุข
ความเหลื่อมล้ำสังคมโสมมคลุก
คือข่ายทุกข์ครอบทั่วตัวประชา

ความแน่นของผองคนล้นพื้นที่
เกิดชิงดีฟาดฟันด้วยตัณหา
เหยียบกันขึ้นยืนหยัดเพื่ออัตตา
แย่งแม้อากาศใช้หายใจกัน

ภัยจากลำน้ำเน่าเศร้าใจหาย
อากาศกลายเป็นพิษฤทธิ์มหันต์
ล้วนเกิดโดยคนก่อ วันต่อวัน
ไม่นานมันก็ก่นฆ่าคนเอง

นั่นคือโลกวันวานแห่งฝันร้าย
กาลีรายล้อมหน้ามาข่มเหง
ไฟบาปสุมรุมประชิดชวนคิดเกรง
การนิ่งเขลงขลาดมันเร่งวันตาย

ความร่วมมือซื่อตรงแต่ทรงศักดิ์
เชื่อไหมจักขจัดภัยได้ดังหมาย
มือต่อมือ ซื่อ มั่น ล้างอันตราย
ลบฝันร้ายจากนิมิตทุกนิทรา

.................................................

จินตนา  ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 07 มกราคม, 2557, 02:57:37 PM
(http://upic.me/i/99/ot051.jpg) (http://upic.me/show/48988499)

แด่...อิสระเสรี

ฟ้าทั้งใสทั้งกว้างออกอย่างนั้น
ไม่น่าหวั่นวิตกเลยนกเอ๋ย
เหยียดปีกกว้างกวักฟ้ากล้ากว่าเคย
เพื่อสังเวยเสรีที่เกิดมา

จากรวงรังพรั่งพรูสู่ฟ้าใส
เพียงจะไปไกลรุดจนสุดหล้า
ณ ที่ซึ่งผืนดินผินพบฟ้า
เกินสายตาสายใจใครอาทร

บ้างจะเพลินพื้นหาวเมฆพราวพร่าง
บ้างบินว้างเหว่ว้าเที่ยวหาหนอน
บ้างนึกห่วงหนหลังรักรังนอน
บ้างหาคอนเคียงใจไม่พบเลย

แม้ไม่แน่ใจว่าฟ้าจะกั้น
ธนูอันร้ายล้นมือคนเผย
ไม่แน่ว่าจะคืนรังได้ดังเคย
ปีกก็เสยเสียดฟ้าอย่างท้าทาย

ทุกคราวที่บินถลาอย่างกล้ากาจ
หลายตัวอาจไม่กลับบินลับหาย
และหลายตัวแค่ขนหล่นกระจาย
หลายตัวตาย ตัวที่อยู่ไม่รู้กลัว

อิสระเสรีนั้นมีค่า
เมื่อแลกกับชีวาและค่าหัว
รักจะเอาปีกป้องประคองตัว
ใจอย่ารัวริกหวั่นสรรพภัย

เราจะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน-นก
บินไปกกกิ่งเดือนเพื่อนฟ้าใส
เจ้ามีปีก...เราก็มีอยู่ที่ใจ
กลัวอะไรฟ้ากว้างออกอย่างนั้น

และถึงถูกลูกธนูทะลุอก
ปีกหรุบตกลงมาจะอาสัญ
ก็ภูมิใจในเสรีของชีวัน
ที่ไม่มีใครกั้นมันจากเรา

.......................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว



หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 07 มกราคม, 2557, 03:10:45 PM
(http://upic.me/i/j5/6f1cw.jpg) (http://upic.me/show/48988630)

แด่...ความอาย
 
ดูฟลอร์โชว์โก้แท้ อุแม่เจ้า!
หญิงร้อนเร่าคนนั้น อึ๋ยย์...ขวัญหนี
ย้ายสะโพกโยกทรวงดูพ่วงพี
ท้าตาที่จ้องวาวสาวไม่แคร์

เตะความอายใส่บี๊บแล้วถีบส่ง
เอนเอวองค์เอาผ้าออกมาแก้
คนชมกราวดาวฟลอร์โชว์โก้แท้แท้
ดูในแง่ศีลธรรมแล้วช้ำใจ

"มันอาชีพสุจริตหนูผิดหรือ?"
หล่อนพูดซื่อเมื่อเราเข้าถามไถ่
"ไม่คิดอายชายมั่งหรือยังไง?"
หล่อนยักไหล่ "ขืนอายอดตายล่ะ

หนูมีแม่แก่หงำซำน้องห้า
ไม่แก้ผ้าเลี้ยงเขาก็เน่าน่ะ
จบปอสี่มีใครสนใจนะ
ที่ไม่พะโสเภณีก็ดีแล้ว

แต่นั่นแหละแม้ว่าหนูหน้าด้าน
กล้าทำร่านอวดใครได้ชัดแจ๋ว
ก็เพราะความจำเป็นมันเน้นแนว
แต่เชื้อแถวหนูไม่มีใครโกง

หนูไม่อายหรอกค่ะสมัยนี้
คนดีดีคอร์รัปชันกันออกโผง
ไม่อายใครใจชั่วตัวชูโรง
ถูกเปิดโปงเข้ามั่งยังไม่กลัว

คนอย่างหนูถ้ารู้อายชายคงเหงา
คนอย่างเขาถ้ารู้อายคงหายชั่ว
ตราบคนใหญ่ไม่ยั่นกินกันนัว
หนูเผยตัวอวดชายจะอายใคร?"

......................................

จินตนา  ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 12 มกราคม, 2557, 06:26:59 AM
(http://upic.me/i/ur/1065447841.jpg) (http://upic.me/show/33395973)

อ้างว้าง

โอ้ว่าพื้นพสุธากว้างกว่ากว้าง
ความอ้างว้างแผ่ทั่วหัวระแหง
ถึงผู้คนล้นเอียดเบียดเสียดแซง
ก็ยังแฝงความอ้างว้างในใจ

สำหรับผู้เร่ร่อนไม่ผ่อนพัก
ไร้แหล่งหลักเคหาจะอาศัย
ไร้ญาติมิตรชิดเชื้อเอื้ออาลัย
ถึงอยู่ในหมู่คนก็หม่นทรวง

ยิ่งยามยากจากกรุงเร่งมุ่งหน้า
ท่องไปเยือนเถื่อนท่าภูผาหลวง
พายุจัดพัดผันหวั่นแดดวง
ยิ่งฝนร่วงกรูกราวยิ่งหนาวใจ

นึกถึงบ้าน-ป่านนี้-ถ้ามีบ้าน
คงสำราญกับมิตรผู้พิสมัย
หลังคาคุ้มครองหัวไม่กลัวภัย
อุ่นด้วยไฟ ด้วยรักที่พักพิง

นี่เดินเดียวเปลี่ยวกายกลางสายฝน
ฟ้าคำรณหม่นมัวน่ากลัวยิ่ง
หนาวแสนหนาวร้าวในดวงใจจริง
อยากจะวิ่งจนตกโลกไปตาย

ถ้ามีหวังว่าวันหนึ่งจะถึงบ้าน
ใจสะท้านคงทุเลาเศร้าสลาย
นี่กี่ปีจึงจะมีที่พักกาย
ได้แต่หมายแล้งลมมานมนาน

ถ้ามีบ้านมีผู้อยู่รับขวัญ
ขวัญที่มันเพริดหลงคงสุขศานต์
ถึงเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ำหลังกรำงาน
ยังมีบ้านคอยรับกลับมานอน

แต่สิ้นไร้ไม้ตอกออกอย่างนี้
ก็ฝันค้างอย่างทุกทีที่เร่ร่อน
แม้แต่ว่าวันซึ่งถึงม้วยมรณ์
หลุมศพตอนสิ้นใจ คงไม่มี

....................................

จินตนา  ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 12 มกราคม, 2557, 06:39:03 AM
(http://upic.me/i/7p/sunthonphu.jpg) (http://upic.me/show/25401073)

แด่...ครูกวีที่ยิ่งใหญ่

ถ้าขอพรใดได้ดังใจคิด    
ใคร่ขอมีชีวิตเป็นอิสระ
เพื่อเขียนร้อยกรองแก้วแพรวพจนะ    
และแน่ละ…เทิดท่าน "ภู่" เป็นครูกลอน

ด้วยเลื่อมใสในวจีกวีเอก    
เหมือนท่านเสกมนต์สลักทุกอักษร
ไพเราะรสพจน์พิรามหวามอาวรณ์    
"ศรีสุนทรโวหาร" ท่านเลิศนัก

สองร้อยปีที่ผ่านแม้นนานแสน    
ยังจำแม่นเก้านิราศประกาศศักดิ์
ซาบซึ้งพระอภัยมณีที่น่ารัก    
นิทานพรักพร้อมเห่เสภาพราว

"อย่างหม่อมฉันอันที่ดีและชั่ว    
ถึงลับตัวแต่ชื่อเขาลือฉาว"
กาลเวลาพิสูจน์ผ่านมานานยาว    
คนยังกล่าวถึงท่านภู่อยู่ลั่นลือ

ถ้าแม้ขอพรได้ดังใจคิด    
ใคร่ขอเป็นเช่นศิษย์ด้านหนังสือ
กราบ "ครู" ด้วยใจสมองและสองมือ    
จำหลักชื่อท่านภู่ไว้บูชา

..................................................

จินตนา  ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 12 มกราคม, 2557, 06:53:56 AM
(http://upic.me/i/fk/my_king_paragraphparagraph_698.jpg) (http://upic.me/show/46323758)

ภัทรมหาราชสดุดี
 
ณ ถิ่นอันกันดารดอนและร้อนเร่า
องค์ล้นเกล้าฯ เสด็จดลทุกหนแห่ง
ณ ที่ทุกข์ขุกเข็ญเย็นและแล้ง
ทุกคนแจ้งในมหาเมตตาคุณ
 
ทุกวันนี้ที่ไทยไม่วิบัติ
เพราะร่มฉัตรป้องปกพสกสุนทร์
โลกเหมือนถูกทุกขภัยไหม้เป็นจุณ
ไทยอบอุ่นด้วยมหาบารมี
 
ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท
ชนทั้งชาติชื่นเพราะองค์พระทรงศรี
เหลือจะจารวัจนะสดุดี
ทอดชีพพลีถวายพระองค์...ทรงพระเจริญ
 
...............................................

จินตนา  ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 14 มกราคม, 2557, 11:19:36 PM
(http://upic.me/i/32/ddcch.jpg) (http://upic.me/show/49113680)

ความเรียงเรื่องตีน

จากใจอันกตัญญุตาปสาทะ
คารวะตีนที่มีไว้ก้าว
โลกเจริญเดินหน้ามานานยาว
ก็ด้วยชาวโลกได้ใช้ตีนเดิน

มันสำคัญแค่ไหนใครก็รู้
แต่มีผู้ว่าร้ายให้ขัดเขิน
ถ้ามันคิด... คงพลอยน้อยใจเกิน
คนประเมินค่าตีนสิ้นราคา

โถ! ของดีมีค่าหาว่าต่ำ
ตีนด้านดำดั้นด้นอดทนฝ่า
ไม่ออเซาะเจ็บไข้ให้เยียวยา
ยังไม่เห็นคุณค่าน่าน้อยใจ

คำด่าทอก็เอาตีนเข้าเปรียบ
ค่าเปรียบเทียบ "ไอ้ส้นตีน" ยินเสียวไส้
งานใดถ่อยด้อยค่าก็ด่าไป
ว่าเหมือนใช้ตีนทำ ช้ำเต็มที

เราตีนหนาหน้าบางเพราะห่างสุข
ใช้ตีนทุกเวลาทำหน้าที่
จงรักมันหมั่นย่างสู่ทางดี
เลี้ยงชีวีโดยซื่อด้วยมือตีน

ใช่แค่เราชนชั้นปัญญาหย่อน
พึงสังวร ปัญญาชน, คนมีศีล
เดินขบวนตีนใช้เข้าป่ายปีน
ฝรั่ง, จีน, แขก, เป็นกันเช่นนี้

จึงขอเขียนคารวะ "ตีน" สะอาด
ที่ด้านดาดเดินกรำงานดำปี๋
ที่ไม่ข้ามคนล้มข่มคนดี
และตีนที่บางกว่าหน้าบางคน

...........................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 16 มกราคม, 2557, 09:58:07 PM
(http://upic.me/i/wn/83m2h.jpg) (http://upic.me/show/49146295)

ยักษ์ใหญ่-ตื่นเถิด
ตอนที่ ๑ ปฐมกถา

ถ้ายกโลกลงวางดูข้างหน้า
เห็นไหมว่าทวีปใดแผ่ไพศาล
หกสิบล้านตารางไมล์ในประมาณ
“เอเชีย” ทวารเปิดสู่บูรพา

ความยิ่งใหญ่คล้ายยักษ์ส่อศักดิ์ศรี
น่าจะมีอำนาจฉกาจกล้า
หยิ่งในความทรงพลังอหังการ์
อนิจจา-ยักษ์นั้นไร้อันตราย

ขณะที่เพื่อนทวีปรีบเดินรุด
ขุนยักษ์หยุดยั้งตนไม่ขวนขวาย
ตระหนักในภัยครอบอยู่รอบกาย
แต่ดูดายเหมือนดังไม่กังวล

ขุนยักษ์แทนนามธรรมแห่งอำนาจ
ซึ่งสามารถ ศักดิ์สิทธิ์ สฤษฎิ์ผล
ด้วยสามัคคีดังพลังพล
แต่ยักษ์ตนนี้อ้อนอ่อนแอนัก

แดนเอเชียชื่อว่ามหาทวีป
ภัยเริ่มบีบเบียดจนผลประจักษ์
เชิญชมบทบาทแสดงแห่งขุนยักษ์
จะทิ้งศักดิ์หรือสู้ มาดูกัน

.....................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 16 มกราคม, 2557, 10:02:07 PM
(http://upic.me/i/yb/j1zxb.jpg) (http://upic.me/show/49146388)

ยักษ์ใหญ่-ตื่นเถิด
ตอนที่ ๒ ยักษ์ที่ไม่ยอมตื่น

ใต้แผ่นฟ้าแห่งบูรพาทิศ
ซึ่งโศภิตด้วยรพีผ่องสีฉัน
ขุนยักษ์ทอดนิทรามานานครัน
เนิ่นนิรันดร์ไม่ฟื้นพลิกตื่นเลย

เหยียดร่างพาดพสุธาหลับผาสุก
ซบหน้าซุกซอกแขนแทนเขนย
หิมะพรม ลมหมุน คุ้นจนเคย
หนาวร้อนเฉยชินชามาชั่วกัลป์

ขุนยักษ์แห่งเอเชียเพลียและล้า
ไร้กำลังวังชามาสร้างสรรค์
ใหญ่โครงสร้าง ร่างที่แท้ก็แค่นั้น
หลับนิรันดร์จนใครไม่รู้ฤทธิ์

อนาถเอยโอ้อสูรผู้พูนเดช
น่าสังเวชเสียนิยามความศักดิ์สิทธิ์
ระเบิดเปรี้ยงเสียงปืนครืนทุกทิศ
ไม่ปลุกนิทราบ้างหรืออย่างไร?

เมื่อเทพีแห่งธารพล่านพิโรธ
หลั่งความโหดแห่งธาราลงบ่าไหล
กี่ชีวิตปลิดหายล้มตายไป
ขุนยักษ์ไม่นำพาลืมตาดู

ก้องปืนกราด หมาดเลือด ความเดือดแค้น
การแก้แทน ทรยศ เศร้า อดสู
คือโศกนาฏกรรมสรรพโลกรับรู้
ขุนยักษ์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่ยินยล

ยึดพื้นที่ค่อนพิภพหลับซบซ่อน
ทรัพยากรกองใต้ทรายเกลื่อนกล่น
ใครจะปลุกยักษ์ใหญ่ให้ตื่นตน
ในเมื่อคนทั้งมวลล้วนกลัวยักษ์

.........................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 16 มกราคม, 2557, 10:10:40 PM
(http://upic.me/i/9w/kt676.jpg) (http://upic.me/show/49146617)

ยักษ์ใหญ่-ตื่นเถิด
ตอนที่ ๓ เอเชียอาคเนย์ทำเลเลือด

ซอยพื้นที่แผ่นไผทกว้างไกลนั้น
แบ่งเขตขัณฑ์เผ่าผู้อยู่ตั้งหลัก
ตะวันออกกลาง ไกล ใกล้ พำนัก
แบ่งพวกพรรค แบ่งกลุ่ม คุมเชิงกัน

ฟ้องความเป็นปุถุชนก่นกิเลส
มวลประเทศรบแย่งสู้แข่งขัน
ชิงแผ่นดินหมิ่นเกียรติเหยียดเผ่าพันธุ์
ลัทธิอันแตกต่างกีดขวางคน

ย่านเอเชียอาคเนย์ทำเลเลือด
ดินแทบเดือดด้วยภัยไปทั่วหน
ระเบิดเปรี้ยงเสียงปืนสะอื้นปน
ผู้ยินยลสยองขวัญคอยวันตาย

แม้เมืองเดียวยังต้องแบ่งสองฟาก
เหนือ-ใต้พรากพี่น้องเป็นสองฝ่าย
ชาติเดียวกันบั่นล้างกันวางวาย
ลัทธิร้ายรอนค่าปรัชญาเดิม

แม้เริ่มเพลงสันติภาพพลิ้วอาบภพ
ก็เพียงกลบกลองศึกที่ฮึกเหิม
สัญญาหยุดยิงคือสื่อเชื้อเติม
คนก็เริ่มชินการผลาญกันเอง

แต่ลัทธิที่ตรึงครึ่งทวีป
ยังเบียดบีบอิสราคร่าข่มเหง
ความอดอยากย่อยยับยังขับเพลง
ทุกข์ประเลงเสียงเห่กล่อมเอเชีย

และสันติที่ซื้อด้วยมือมิตร
ซึ่ง (ไม่) สัมฤทธิ์ดังใจผู้ไกล่เกลี่ย
ใช่เกิดจากพลังรักษ์ของยักษ์เพลีย
ผู้นอนเปลี้ยอยู่กระนั้นอนันตรัย

.........................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 16 มกราคม, 2557, 10:19:38 PM
(http://upic.me/i/u5/7qarl.jpg) (http://upic.me/show/49146893)

ยักษ์ใหญ่-ตื่นเถิด
ตอนที่ ๔ นครวัด-นครธม-พนมเปญ

สุริยะวรมันจะกันแสง
ศิลาแลงทุกก้อนก็กร่อนไหว
พระบาทไชยวรมันผู้บรรลัย
จะร่ำไห้โหยสะอื้นด้วยปืนกวน

"ตัวกูผู้ทรงสิทธิศักดิ์
อาณาจักรกัมพุชภาศวร
นครวัดนครธมสมควร
สฤษฏิ์ล้วนด้วยฤทธิ์มหิศรา

ศิลาเท่าเหย้าเรือนเขยื้อนยาก
ฉุดลากชะลอผ่านด่านป่า
มือคนก่นสลักลักษณา
เป็นสุสานศิลาบูชากู

นครธมก่อนล่มก็ไพโรจน์
ชวยโชติสิทธิศักดิ์อักขู
โลเกศวรเพ่งเล็งดู
คือปูชนีย์อ่าบายน

แต่เนิ่นนานกาลก่อนกูนอนนิทร
สุขสถิตเทียมเทพเสพกุศล
เหวย ไอ้ขอมใหม่ใจวิกล
คำรนปืนเป่าปลุกกู

เหม่ เหม่ ชิชะ จะมาหมิ่น
ไอ้ทมิฬยุคใหม่ไม่อดสู
ระเบิดเปรี้ยงปืนก้องคะนองภู
มันจะหลู่ล้างพันธุ์มันให้เตียน

โลเกศวรสี่พักตร์พักเพ่ง
แลเล็งโลกอันหันเหียน
ชั่วกัปกัลป์พันฉนำจำเนียร
แปรเปลี่ยนเหตุการณ์ทุกด้านไป"

จึ่งวันนี้สี่พักตร์เบือนพักตร์หมอง
ทุกพักตร์ต้องตรมหม่นทนไม่ไหว
โอ้ลูกขอมฆ่าขอมตรอมกระไร
เพียงผิดใจเพื่อนพ้องจึงจองเวร

เปรี้ยง เปรี้ยง เสียงปืนครืนปืนประหัต
นครวัด นครธม ล่มเขมร
แต่ละศพทบถมพนมเปญ
ถึงไศเลนทร์โศกด้วยผู้ม้วยมรณ์

โอ้กัมพุชดุจมหาอาณาจักร
ซากปรักพยานฤทธิ์มหิศร
ทิ้งอดีตกรีดเศร้าเป็นเงาซ้อน
ปัจจุบันนั้นร้อนระอุภัย

สุริยะวรมันจะกันแสง
ศิลาแลงสี่พักตร์ จักร้องไห้
เมื่อลูกขอมฆ่าขอมยอมยอบภัย
แล้วจะเหลืออะไรไว้ภูมิใจตน?

..........................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 16 มกราคม, 2557, 10:27:05 PM
(http://upic.me/i/c9/quep7.jpg) (http://upic.me/show/49147048)

ยักษ์ใหญ่-ตื่นเถิด
ตอนที่ ๕ ทะเลทรายหมาดเลือด

อาทิตย์แห่งทะเลทรายฉายกราดเกรี้ยว
ทิวทรายเปลี่ยวเกินจะกล้าเดินฝ่าหน
แต่ร้อนแสงแรงฉาดอาจทานทน
ความร้อนรนเหล่ามนุษย์เหลือหยุดมัน

ควันสงครามคาวเลือดเร่งเดือดร้อน
ความอาทร รัก อภัย ไกลเกินฝัน
การหยุดยิงคือสัญญาเริ่มฆ่าฟัน
ผู้แก้ปัญหาหดหมดหนทาง

แล้วเลือดดำน้ำมันอันทรงค่า
กลายเป็นอาวุธฉกาจเข้าฟาดผาง
เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าพาระคาง
เพราะสองข้างสองเผ่าเข้าราวี

เลือดแดงจากปากแผลแลชุ่มฉาน
ซับทรายกร้านกลับหมาดด้วยหยาดสี
และเลือดดำน้ำมันอันแสนดี
ก็หมาดที่ทะเลทราย อย่างทายท้า

สงครามชิงแผ่นดินจะสิ้นโหด
หากหยุดโกรธยอมกันแก้ปัญหา
ฉากการยุทธ์หยุดได้ในพริบตา
ถ้าตั้งหน้ารักสงบเลิกรบราญ

แต่ผู้แพ้ไม่พร้อมจะยอมแพ้
เปิดฉากแก้แค้นคลั่งคอยสังหาร
แล้วใครเล่าหัวเราะเยาะได้นาน
รวยจากการยุเพื่อนเชือดเฉือนกัน?

ทะเลทรายแม้นว่าพูดจาได้
คงร้องไห้แทนร่ำคำกล่าวขวัญ
ทรายทุกเกล็ดเม็ดหมาดหยาดน้ำมัน
และเลือดอันอาบร่างร้างวิญญาณ

........................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 16 มกราคม, 2557, 10:40:32 PM
(http://upic.me/i/v0/ukcbl.jpg) (http://upic.me/show/49147316)

ยักษ์ใหญ่-ตื่นเถิด
ตอนที่ ๖ หิมาลัยร้องไห้

ชะโงกเงื้อมเหลื่อมหล้าสง่าศักดิ์
เอิบอนรรฆเสน่ห์ในความไพศาล
ทุกยอดลิ่วทิวเหยียดเสียดพิมาน
อลังการภูผาหิมาลัย

เหมือนตั้งมั่นนิรันดร์ท่ามความแปรเปลี่ยน
วัฏฏะเวียนแวดวงไม่หลงใหล
สงบมองผองชนสิ้นสนใจ
ยึดแน่วในอุเบกขามาเนานาน

เกิดพรหมบุตร คงคา ชลาสินธุ์
ซึ่งไหลรินเลี้ยงชีวามหาศาล
กาลเวลาพากิเลสทุเรศราน
เลือดนองน่านนทีเจือเหงื่อน้ำตา

ชมพูทวีปทวารทองของศิลป์ศาสตร์
น่าอนาถรบกันด้วยตัณหา
คนยากไร้ภัยพิบัติเต็มอัตรา
กดขี่ข่มเหงฆ่ากันน่ากลัว

ชนร่วมชาติ-ศาสนาภาษาแผก
ชนวนแตกคอกันถึงบั่นหัว
เลือดท่วมแทบหิมาลัยต้องไหวตัว
สะท้านทั่วทิวผาด้วยอาดูร

โปรยหิมะเกลื่อนกลชลเนตร
คล้ายสังเวชชีวินที่สิ้นสูญ
สันติแหนงแล้งยุคทุกข์เพิ่มพูน
ร้อนเหมือนกูณฑ์กองบูชาหิมาลัย

........................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 16 มกราคม, 2557, 10:48:08 PM
(http://upic.me/i/b9/flcx4.jpg) (http://upic.me/show/49147514)

ยักษ์ใหญ่-ตื่นเถิด
ตอนที่ ๗ ยักษ์ใหญ่-ตื่นเถิด

แล้วขุนยักษ์ยังนิทราอย่างผาสุก
กลองศึกคุกคามกระชั้นไม่หวั่นไหว
ควันปืนคลุ้งคาวเลือดเดือดด้วยไฟ
สะกิดในความหลับ แล้วกลับเลือน

ใครจะปลุกยักษ์ใหญ่ให้ตื่นหรือ
คนยื่นมือช่วยเห็นคงเป็นเพื่อน
แต่ยามนี้กลียุคทุกคนเบือน
เพื่อนก็เหมือนคู่แข่งแบ่งศักดา

ไม่มีใครช่วยใครในยามนี้
ตนเองที่ช่วยตนพ้นปัญหา
ยักษ์ไม่ปลุกตัวตื่นคืนฤทธา
ใครจะกล้าปลุกยักษ์ขึ้นหักคอ?

เชิญตื่นเถิด มหายักษ์หลักทวีป
ลุกแล้วรีบดับไฟจัญไรก่อ
เพิ่มพลังความดีให้มีพอ
อย่ารีรอที่จะปั้นสันติครอง

บังคับตัวเองตื่นขึ้นสู้โลก
ลบรอยโชกน้ำตาจากหน้าหมอง
ด้วยสามัคคยาวุธสุดลำพอง
นำธารทองแทนนทีที่เลือดกรัง

แล้วเอื้อใจ ไมตรี เสรี รัก
โลกก็จักเจิดพิมลเหมือนหนหลัง
อำนาจในอุ้งมือถือสัจจัง
คือพลังแผ้วโลกสิ้นโศกทราม

ยักษ์เอเชียเฉยไยตื่นได้แล้ว
การนอนแกร่วเหมือนพร้อมยอมถูกหยาม
เอเชียเพื่อเอเชี่ยน เพียรคิดตาม
ก่อนสงครามโลกจะหักยักษ์เอเชีย

(จบ)

.........................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 20 มกราคม, 2557, 09:55:38 PM
(http://upic.me/i/2p/p3qig.jpg) (http://upic.me/show/49214959)

งาน

เรียนจบได้ดีกรีปีศูนย์หก
พองขนยกตัวว่าข้าก็แน่
เรื่องงานเรอะ? เรื่องย่อยไม่ค่อยแคร์
เดินยิ้มแต้ลอยหน้าออกหางาน

เริ่มเป็นครูอยู่ไปไม่ไหวหนอ
หอบตัวงอเหนื่อยหน่ายพ่ายสังขาร
ถึงจะรักคำว่าครูอาจารย์
ก็ต้องซานอำลาทั้งอาลัย

เข้าทำงานบริษัทกัดฟันอยู่
ทุด! งานดูอับเฉาไม่เอาไหน
เรื่องวุ่นวายนายมากปากตะไกร
ก็ออกหางานใหม่ให้ได้ดี

ออกมารับราชการได้นานหน่อย
งานไม่ย่อยกู้หน้าเป็นราศี
แต่แหม!..ทำอยู่ยันแค่ชั้นตรี
ตั้งหลายปีหวังเปล่าเศร้าประดัง

ไม่มีตำแหน่งให้น้อยใจหนอ
เพราะกอพอกำหนดให้หมดหวัง
เพื่อนมันได้ชั้นโทโก้กันจัง
บ้างก็นั่งแป้นหราหัวหน้างาน

เราซิหางานไม่ได้เหมือนคิด
เลยน้อยจิตนั่งเจ่าไม่เอาถ่าน
ค่อยมองหางานใหม่ อ๊ะ! ได้การ
เป็นแม่บ้าน-ภัสดาหาเลี้ยงเรา

......................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 29 มกราคม, 2557, 03:19:07 AM
(http://upic.me/i/1g/ieclt.jpg) (http://upic.me/show/49355295)

คำถามที่ไม่มีคำตอบ
ตอนที่ ๑ แด่ความหลัง

ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ นะ ที่รัก
เหน็ดเหนื่อยนักเจียนชีวินจักสิ้นสูญ
ด้วยฝ่ามือที่ซบหน้าซ่อนอาดูร
ทวีคูณความหม่นบนวิญญาณ

ลมระรวยชวยเชยมาเฉื่อยฉ่ำ
กราวกิ่งไผ่ไหวลำนำเพียงพร่ำขาน
ดูเสี้ยวเดือนเพื่อนหาวคล้ายร้าวราน
อนธการแห่งสวรรค์น่าพรั่นพรึง

ฉันนั่งอยู่อย่างนี้ นะ ที่รัก
เกยคางพักเหนือเข่าเฝ้าคิดถึง
ป่านฉะนี้เธออยู่ไหนใจคะนึง
จะโศกซึ้งหรือแสบสันต์หนอขวัญใจ

คล้ายปีเดือนเคลื่อนผ่านมานานมาก
วันเราจาก...วันนั้น ใช่วันไหน
บนดวงตาคู่คือสื่อหทัย
ฉันมองเห็นความหวังใหม่โชนในนั้น

เธอคือเธอ เธอคือผู้ฉันรู้จัก
ด้วยเกียรติศักดิ์นักสู้ผู้กล้ากลั่น
ด้วยอุดมคติที่มีครบครัน
เธอจะบั่นอริร้ายให้พ่ายไป

เราจากกันวันก่อนอาวรณ์หวาม
แต่เปี่ยมความหวังและฝันอันยิ่งใหญ่
เธอจะรุก จะรบ จะลบภัย
ด้วยมั่นใจต่อศักดิ์ศรีเป็น "วีรชน"

..............................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 29 มกราคม, 2557, 03:20:56 AM
(http://upic.me/i/3l/cf9lh.jpg) (http://upic.me/show/49355300)

คำถามที่ไม่มีคำตอบ
ตอนที่ ๒ ข่าวนักรบ

เพลงอำลาพร่าเลือนเหมือนร้องไห้
เมื่อหัวใจพ้อพร้องความหมองหม่น
กลบดวงตาเต็มฉ่ำน้ำตาตน
ฉันอดทนทุกข์ท้อและรอคอย

ทุกครั้งข่าวคราวข้ามสนามเพลาะ
ใจแห้งเกราะก็ทุเลาความเหงาหงอย
เธอต่อสู้แสนฉกาจมาดสิงห์ดอย
หลายชีพย่อยยับม้วยด้วยมือเธอ

จากที่นั่น ที่โน่น ที่โน้นนู้น
เธอเกื้อกูลกำชัยให้เสมอ
ยอดนักรบ สิงห์สงคราม เขาพล่ามเพ้อ
ยกให้เลอเลิศเล่ห์เทวดา

ฉันรออยู่ตรงนี้อย่างมีหวัง
สุขทุกครั้งที่ได้ข่าวเขาเล่าว่า
นักรบทองของฉันนั้นลือชา
ทุกวันฆ่าคนได้หลายหลายคน

แต่วันนี้มีข่าวเศร้าที่สุด
เมื่อการยุทธ์เปลี่ยนโฉมหน้าพาขัดสน
เมื่อฝ่ายรุกกลายเป็นรับแล้วอับจน
พลอยพาผลยุทธนาเปลี่ยนท่าที

ไม่มีเรื่องวีรกรรมมาพร่ำเล่า
ในเมื่อเหล่าผู้พิชิตปลิดเป็นผี
แล้วฉันผู้อยู่ข้างหลังคลั่งฤดี
เมื่อค่า "วีรชน" เร้น เป็นผู้แพ้

........................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 29 มกราคม, 2557, 03:23:32 AM
(http://upic.me/i/jt/bu0e1.png) (http://upic.me/show/49355301)

คำถามที่ไม่มีคำตอบ
ตอนที่ ๓ ภาพสงคราม

ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ นะ ที่รัก
ปวดร้าวนักเหมือนมีดมากรีดแผล
จากวันนั้นทุกวันมาตั้งตาแล
รับรู้แต่ตรมอนาถเจียนขาดใจ

แล้วรู้ซึ้งถึงกมลคนรอท่า
นักรบที่จากลามาศึกใหญ่
มีพ่อแม่มิตรหวงคอยห่วงใย
และอาลัยรักเหลือเมื่อจากตาย

เพลงสงครามข้ามฟ้ามาโครมครึก
ยินแล้วนึกหวาดหวั่นจนขวัญหาย
ระเบิดเปรี้ยง ปืนประหาร เลือดซ่านกาย
ล้มร่างชายชาตินักรบเป็นศพกอง

ตูมที่โน่น ตายที่นั่น ทุกวันหวาด
ภาพอนาถแห่งสงครามก่อความสยอง
มันคือการฆ่าฟันกันเลือดนอง
แต่ (แหก) ปากร้องว่าพิสุทธิ์ยุติธรรม!

ถ้าน้ำตา เหงื่อ เลือด เชือดรองได้
คงบ่าไหลท่วมท้องทุ่งทั้งสูงต่ำ
เสียงร้องไห้หากผนึกบันทึกคำ
คงกระหน่ำเกินเสียงฟ้าผ่าพิภพ

ฉันนั่งอยู่อย่างนี้ นะ ที่รัก
คางเกยพักเหนือเข่าเศร้าสยบ
อาลัยเธอผู้ฉกาจชาตินักรบ
จะเหลือศพกลับมาไหม ก็ไม่รู้

.........................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 29 มกราคม, 2557, 03:25:30 AM
(http://upic.me/i/b3/kieqj.jpg) (http://upic.me/show/49355303)

คำถามที่ไม่มีคำตอบ
ตอนที่ ๔ คำถามและความสงสัย

ลมรำเพยเชยเฉื่อยกลับเอื่อยอ่อน
แสงเรืองรอนเรียวเดือนเริ่มเลือนหรู่
กราวกิ่งไผ่ไกวพร้องให้มองดู
น้ำตาพรูจากตาที่ราแรง

ฉันเงยหน้ามองรอบโค้งขอบฟ้า
ซึ่งม่านราตรีหุ้มคลุมทุกแห่ง
ด้วยดวงใจเปี่ยมคำถามความคลางแคลง
อยากถามแหล่งนรกสวรรค์ให้ลั่นลือ

ทุกวันนี้โลกหล้าบ้าบัดซบ
จะพานพบสันติได้ที่ไหนหรือ
ไฟสงคราม ควันความมืด อันยืดยื้อ
มันลุกฮือโหมทุกวัน ทำฉันใด?

คนหนอ
จะคิดก่อกรรมตะบึงไปถึงไหน
หรือรอให้ทุกชีวินหมดสิ้นไป
จึงหมดความมักใหญ่ในใจตน?

นักรบ
เกลื่อนกี่ศพซุกร่างกลางสถล
กี่หัว ขา แขนขาดอนาถชนม์
หรือรบจนโลกไม่มีที่จะรบ?

อยากถามย้ำ ทำไม...ทำไมหนอ
จะฆ่าต่อ ต่อไปนี้อีกกี่ศพ?
จะให้สูญเสียไปเท่าไหร่จะครบ?
หรือทำภพนี้ให้ไม่มีคน?

แล้วลมตกเดือนต่ำน้ำฟ้าพร้อย
หนาวละห้อยโหยสะท้านวิญญาณหม่น
เงียบทุกแห่งเหมือนแล้งลับดับกังวล
แต่ทุรนทุรายในหัวใจเรา

ไม่มีคำตอบมาจากฟ้าฟาก
ไร้เสียงจากดินต่ำที่ก่ำเศร้า
แม้เพลงไผ่ไกวกิ่งหยุดนิ่งเนา
เงียบจนเหงา เศร้าจนซึ้ง สุดบึ้งใจ

เพราะเป็นคำถามที่ไร้ในคำตอบ
ไร้ผู้ปลอบผู้ปรามความสงสัย
ไม่มีใคร ณ บัดนี้ ไม่มีใคร
จะตอบได้ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น?

ฉันนั่งอยู่ที่นี่ นะ ที่รัก
รอวันพักใจหลับลงกับฝัน
รอวันที่โลกบ้าหยุดฆ่ากัน
อา! เป็นการรออันนิรันดร

(จบ)

........................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 05 พฤษภาคม, 2557, 10:02:32 PM
(http://upic.me/i/bk/uiosg.jpg) (http://upic.me/show/50882919)

เรามีสิทธิ์เสรีที่จะรัก
ตอนที่ ๑ สิทธิแห่งใจ

เรามีสิทธิ์เสรีที่จะรัก
ด้วยความภักดีซึ่งซึ้งและหวาน
แม้โลกมีความใคร่เหมือนไฟราน
กังสดาลแห่งหทัยหวานไม่วาย

สิทธิของหัวใจที่ใฝ่ฝัน
ใครจะกล้ากีดกั้นมันสลาย
และสิทธิที่จะสู้ อยู่ หรือตาย
ทอประกายประกาศิตชีวิตเรา

อาจถูกแล้ว แก้วเกล้า ชีพเราหมอง
บทเพลงของผิดหวังกังวานเศร้า
แต่แววฝันบรรเจิดรักเพริศเพรา
อาจทุเลาทุกข์สรรพให้ดับลง

หัวใจเราบินได้ในฟ้ากว้าง
เก็บดาวพร่างเดือนพร้อยร้อยโลกหลง
ตีนเหยียบย่ำกรรมโศกที่โลกทรง
สมองคงความคิดสิทธิ์เสรี

ด้วยความรัก-เราอภัยได้ทั้งผอง
ด้วยความฝัน-เรามองโลกผ่องศรี
และเมื่อความชั่วช้าเข้าราวี
คุณความดีก็หาญต่อต้านมัน

เรามีสิทธิ์เสรีที่จะรัก
และหยิ่งนักในสิทธิ์ความคิดฝัน
ต่อความใคร่ภัยพิบัติแห่งปัจจุบัน
เราทำวันพรุ่งนี้ให้มีชัย

....................................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 05 พฤษภาคม, 2557, 10:08:58 PM
(http://upic.me/i/64/od9k8.jpg) (http://upic.me/show/50883010)

เรามีสิทธิ์เสรีที่จะรัก
ตอนที่ ๒ บนปีกแห่งรัก

ยกหัวใจโบยบินถึงถิ่นฟ้า
มองด้วยตาเต็มทัศนวิสัย
สิ่งที่เราพบเห็นอาจเป็นภัย
ไม่เป็นไร...ความชั่วช้าจะรามือ

จริง-จุดมืดของมนุษย์นั้นสุดเลี่ยง
แต่ขอเถียงสักนิด...เราผิดหรือ
ที่มองด้านดีแท้และฝึกปรือ
ให้ใจซื่อคิดสร้างทางอภัย

บนปีกรัก เราจะบินทุกถิ่นที่
โปรยปรานีดับโฉดโหดวิสัย
รินรสเย็นฉ่ำหวานจากธารใจ
ประโลมไล้โลกระแหงให้แบ่งบาน

กับมาลีคลี่ช่อลออเด่น
เรามองเห็นดอกไม้ในตาหวาน
กับเสียงใสในระฆังกังสดาล
เราได้ยินวิญญาณขานเพลงรัก

ว่าพรุ่งนี้ ที่นี่ หรือที่ไหน
ชีพจะไล้ด้วยแรงแห่งศรีศักดิ์
เมื่อนามธรรม "รัก" เข้าเนาพำนัก
รูปธรรมต่ำก็จักจางอาธรรม

วางใจเถิด เพื่อนใจ โลกไม่แล้ง
แม้หลายแห่งชั่วช้าออกคลาคล่ำ
ล้วนคนทุกข์คนท้อคนก่อกรรม
ความระยำยังอาจแก้ได้แน่นอน

รักเท่านั้นกันภัยให้ชาวโลก
ลบวิโยคระยำยับกลับถ่ายถอน
คือรักในมนุษยชาติประสาธน์พร
ดับไฟร้อนรื่นชีวันอนันตรัย

................................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 05 พฤษภาคม, 2557, 10:12:04 PM
(http://upic.me/i/e2/8ux5y.jpg) (http://upic.me/show/50883041)

เรามีสิทธิ์เสรีที่จะรัก
ตอนที่ ๓ แด่ และด้วยรัก

จึงฝากคำย้ำไว้ให้เตือนจิต
เพื่อนเคยมีใจคิดสักนิดไหม
ชีพเกี่ยวเส้นเป็นข่ายทอสายใจ
สอดสายใยร้อยผสมสังคมคน

ด้วยสายจิตพิศวาสวิลาสนี้
ถักชีวีเป็นข่ายรายทั่วหน
ข่ายใจจักถักจนแกร่งด้วยแรงชน
แต่จะป่นถ้าแยกแตกสามัคคี

เรามีรัก ภักดิ์ อภัย เป็นใยเหนียว
ฟั่นเป็นเกลียวก่อกมลดลสุขศรี
ตราบความรัก ภักดิ์ หวัง เรายังมี
สังคมชีวิตไม่ประลัยลาญ

แต่ถ้าแม้นมนุษยชาติที่กาจกล้า
มุ่งมาฆ่ากันก็เห็นเป็นวิตถาร
เหมือนแหกข่ายสายรักให้หักราน
ซึ่งเหมือนการฆ่าตัวของตัวเอง

นานเท่าใด...ตราบใยรักถักข่ายชีพ
เหนียวจนบีบคั้นปรามทรามข่มเหง
นานเท่านั้น...โลกสุขสันต์สิ้นหวั่นเกรง
เพราะละเลงด้วยรักไม่ใช่เลือดคน

(จบ)

...........................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 08 มิถุนายน, 2557, 08:03:52 PM
(http://upic.me/i/y5/7fgd8.jpg) (http://upic.me/show/51387681)

สีแห่งรักรมย์ละมุนอุ่นไอหวาน
สีสถานศึกษาสง่าไฉน
สีแห่งสุขสมหวังกำลังใจ
จึงหวังให้ชีวิตนี้สีชมพู

...............................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 08 มิถุนายน, 2557, 08:13:56 PM
(http://upic.me/i/as/xlwkm.jpg) (http://upic.me/show/51387815)

ผลึกแก้วแววหินแห่งนิลรุ้ง
ประดับรุ่งเรืองไว้ในสยาม
หกแฉกฉายพรายค่างามกว่างาม
วะวับวามหวังถวิลนิลน้ำคำ
     
คือมณีเจียระไนจากใจซื่อ
หลังฝากชื่อฝากคารมให้คมขำ
เข้มและสวยด้วยสีมณีดำ
คือไพรำแห่งรสบทกวี

............................

จินตนา  ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 08 มิถุนายน, 2557, 08:18:54 PM
(http://upic.me/i/hc/tk88w.jpg) (http://upic.me/show/51387850)

เราโดยสารกาลเวลามานานมาก
มาจากฟากฝันไสวแห่งวัยสาว
ซึ่งหวังโล้รุ้งเดือนขึ้นเยือนดาว
เพียงเพื่อก้าวพลาดพลัดจมปถพิน
 
แล้วมีหนึ่งดอกหญ้าแย้มมาปลอบ
กลีบบางบอบนุ่มนวลชวนถวิล
คนผิดหวังหวังจะคว้าประสาชิน
แหงนจากดินเห็นดอกหญ้าไกลกว่าปอง

................................

จินตนา  ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 08 มิถุนายน, 2557, 08:31:32 PM
(http://upic.me/i/au/d562o.jpg) (http://upic.me/show/51387969)

คนละยุค

นกยางขาวก้าวลงตรงริมหนอง
ตาสอดส่องจิกปลาเป็นอาหาร
มีพ่อลูกผ่านมาเห็นอาการ
พ่อวิจารณ์กับลูกผูกสาธก

ว่า "ชิชะ! นกยางสำอางอาตม์
ผลาญชีวาตม์ปูปลาน่าตระหนก
รูปมันสวยแต่จิตมันผิดนก
เหมือนคนยกบุญอ้างพรางใจดำ

แล้วเบือนหันผันหนีพบอีแร้ง
จิกหมาแดงเน่าเหม็นพ่อเห็นขำ
จึงสอนลูกผูกจิตให้คิดจำ
"มันมีธรรมไม่ผลาญประหารใคร"

ลูกเติบใหญ่ได้ฟังพ่อสั่งสอน
ก็สังวรเชื่อมั่นไม่หวั่นไหว
สุจริตจิตดีไม่มีภัย
ทำยังไงก็จนทนกินเกลือ

พ่อรำคาญผ่านมาด่า "ไอ้หนู
โง่ผิดกูจึงจนพิกลเหลือ"
ลูกว่าเพราะรักบ้านวงศ์ว่านเครือ
จึงจุนเจือไม่หมายทำร้ายใคร

"ไม่เหมือนยางกินปลา" ว่าเข้านั่น
พ่อหนวดสั่น "ลูกโง่ โธ่!-เห็นไหม
มัวถือศีลก็โซโง่บรรลัย
กินเข้าไปเถอะวะจะได้รวย"

ลูกยังข้องหมองใจแต่ไม่เถียง
ทำตามเสียงพ่อสั่งทั้งที่ขวย
พ่อว่า "ต้องพัฒนาอย่าเอออวย"
คำสอนห่วยครั้งโน้น-คนละยุค!!

...........................................

จินตนา  ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 08 มิถุนายน, 2557, 08:38:55 PM
(http://upic.me/i/k1/iwx5y.jpg) (http://upic.me/show/51388044)

ข้าวยากหมากแพง

ยุคข้าวยากหมากแพงแล้งแล้วจ้า!
ทุกไพร่ฟ้าหน้าละเหี่ยเสียภาษี
น้ำมีปลา นามีข้าว เราเคยมี
มาบัดนี้น้ำเน่าและข้าวแพง

ทุกอย่างขึ้นราคาบ้าบัดซบ
แต่กลับพบความจริงยิ่งนึกแหนง
ชีวิตคนลดราคาน้อยค่าแรง
ความขัดแย้งอย่างนั้นไม่บรรเทา

วิปริตผิดวิสัยหรือไทยเอ๋ย
เมืองเราเคยครองสุขกลับทุกข์เศร้า
เคยชุ่มเย็นยิ่งกลุ้มรุ่มร้อนเร้า
คอนกรีตเข้าแทนถล่มร่มไม้บัง

ชีวิตถูก ของแพง แล้งน้ำจิต
และอากาศเป็นพิษคิดแล้วคลั่ง
ความชั่ว หยาบ บาป บ้า ตีตราดัง-
ยี่ห้อสังคมทู่ของหมู่เรา

ถึงยุคแพงเป็นบ้าเจ้าข้าเอ๊ย
ปู่ย่าเคยคิดไหมเมืองไทยเศร้า
เป็นอู่ข้าวที่คนอดสลดเร้า
คนรุ่นเก่ารู้เห็นคงเป็นลม

ยุคโบราณไพร่ฟ้านั้นหน้าใส
แต่ยุคใหม่ไพร่ฟ้าหน้าขื่นขม
อายผีต้นตระกูลไทยไหมสังคม
เราล่มจมอยู่ในท่ามความเจริญ...?

.......................................

จินตนา  ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 08 มิถุนายน, 2557, 08:45:55 PM
(http://upic.me/i/um/l28cb.jpg) (http://upic.me/show/51388132)

ยุคเน่า

จากยุคหินถิ่นโบราณผ่านหลายยุค
คนในทุกกาลสมัยได้รุดหน้า
อารยธรรมนำส่อบ่อวิชา
ภูมิปัญญาเด็ดเด่นสมเป็นคน
    
จนบรรลุปัจจุบันอันอารยะ
เผยภาวะสับปลับและสับสน
ดูก็คล้ายโลกาจลาจล
เพราะอึงอลไอบาปหยาบประดัง

ควรจะเรียกยุคสมัยอะไรหนอ
ความเสื่อมส่อปัญหาล้วนบ้าหลัง
ก้าวหน้าในทางซึ่งสะพรึงชัง
ศีลสัจจังจ่อมหายอายเต็มที
    
ยุคแห่งความเน่าเฟอะเซอะบัดซบ
อากาศอบไอพิษติดเต็มที่
เหมือนลมหายใจเน่าเศร้าสิ้นดี
ลำน้ำที่สะอาดใสเน่าไปเลย

สัตว์น้ำเน่าเศร้าใจให้วิตก
ซ้ำสัตว์บกสูญพันธุ์กันแล้วเหวย
สิ่งแวดล้อมคนก็เน่าเศร้าสังเวย
ยาที่เคยใช้ชิดมีพิษแล้ว
    
สังคมคล้าย "พาราสาวัตถี
ใครไม่มีปรานีใคร" น่าใจแป้ว
คน "เข้าหอล่อกามา" บ้าแหวกแนว
เผยวี่แววเน่าในไส้สังคม

หน้าไหนหนอพอจะกล้ามาแก้ไข
ถ้าคนไทยทุกคนเฉยชาติเลยล่ม
ยุคนี้เน่าด้วยทรามความโสมม
อย่าล่มจมเพราะเราเน่าน้ำใจ
    
จากยุคหิน เหล็ก สำริด พิชิตโลก
สู่ยุคเน่าเศร้าโศกโลกกษัย
คิดไหมว่า ถ้าปล่อยเฉยตามเลยไป
จะว่าไง-ถ้าคนเน่าหมดเผ่าพันธุ์

........................................

จินตนา  ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 09 มิถุนายน, 2557, 09:45:53 PM
(http://upic.me/i/p6/eifmq.jpg) (http://upic.me/show/51404030)

จนวันตายก็ไหว้ครู "ภู่" สุนทร

ให้สองมือคือพุ่มปทุมทิพ
สองตาพริบพ่างเทียนเถกิงศรี
กับดวงใจอภิวันทน์กตัญชลี
กราบลงที่เท้าท่านครู "ภู่" สุนทร

สองร้อยปีที่ผ่านแม้นานเนิ่น
ไม่นานเกินกว่าจะจำลำนำอักษร
ซึ่งท่านครู "ภู่" เชลงเป็นเพลงกลอน
ยังอาวรณ์หวามไหวอยู่ในทรวง

ทุกนิราศและนิทานท่านขานไข
ยังจับใจจินตนาไม่ลาล่วง
เพลงยาว เห่ เสภา กถาปวง
ประทับดวงจิตชนทุกคนไป

จึงขอเทิดท่าน "ภู่" ครูกลอนเอก
ปานเทพเสกสรรส่งลงไฉน
อภิปูชนียชนของคนไทย
นานเท่าใดนามท่านอยู่คู่ขวานทอง

จะหาเพชรพิเศษค่าอาจหาพบ
จะหาครบคณาสมบัติไม่ขัดข้อง
แต่กับแก้วกวีอันยิ่งยรรยอง
สุดจะมองประเมินหามาโดยดาย

จึงสองมือคือพุ่มปทุมแก้ว
สองตาแพร้วพ่างเทียนวิเชียรฉาย
กับดวงจิตคิดอยู่ไม่รู้วาย
จนวันตาย…ก็ไหว้ครู "ภู่" สุนทร.

...................................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 25 มิถุนายน, 2557, 12:21:57 AM
(http://upic.me/i/tt/clmil.jpg) (http://upic.me/show/51621658)

กล่อมกรุง

โอม สัมโมทนียะ รัตนโกสินทร์
คือบุรินรัตนะแห่งสยาม
หยิบยอดแก้วเกี้ยวฟ้ามาแฝงนาม
ประกาศความยิ่งใหญ่ในแหลมทอง

ทวารพดิ์ครบครรลองสองร้อยฉนำ
ก็ลือร่ำทั่วหล้าประชาฉลอง
กวีวรรณกลั่นถ้อยเรียงร้อยกรอง
ขานทำนองเสนาะสนอมกล่อมกรุงไกร

โอ้เมืองรัตน์วัฒนามานานแล้ว
เปรียบเป็นแก้วก่องสยามงามไสว
ถึงวันนี้แก้วจะมีแสงมัวไป
ก็ส่วนน้อย....ส่วนใหญ่ยังยรรยง

ศิลป์สยามอารามพิหารโอฬารลักษณ์
ประกาศศักดิ์ประกาศิตให้พิศวง
ช่อฟ้าช้อยเพียงจะคล้อยลอยฟ้าลง
สง่าทรงปราสาทพระราชวัง

ทุกหนแห่งแสดงศักดิ์นคเรศ
เป็นศรีเขตคามประเทืองแต่เบื้องหลัง
สืบบัดนี้สองร้อยปียังจีรัง
และจะยั่งยืนอยู่คู่ฟ้าดิน

ศรีศรีศุภสิทธิ์อภิสมัย
พระรัตนตรัยเติมพิพัฒน์รัตนโกสินทร์
โอม หริ อิศเรศ พรหเมศ อินทร์
เชิญมารินพรผดุงแก่กรุงไกร

ชื่อกรุงเทพฯขอเทพจุ่งเยือนกรุงเทพฯ
เชิญมาเสพสวัสดิวัฒน์นิรัติศัย
พร้อมผดุงกรุงแก้วให้แคล้วภัย
อายุขัยยงยืนนับหมื่นปี

โอ้วันนี้วันดียินดีหนอ
รินชลอเชลงลักษณ์อักษรศรี
พร้อมกับฝันวันข้างหน้าไร้ราคี
ผองไพรีแตกเตลิด เทิดเกียรติไทย

เราจะทำวันนี้ดีที่สุด
เพื่อหวังจุดหมายข้างหน้าสุธาไสว
สองร้อยปีวันนี้เรามีชัย
ศตวรรษถัดไปยิ่งใหญ่นัก

ลืมตาฝันวันที่ชาติพิลาศล้ำ
ขุดดินน้ำนำพลังมาตั้งหลัก
ทรัพยากรวันนี้มีพร้อมพรัก
วันหน้าจักโชติช่วงชัชวาล

โอม สัมโมทนียะ รัตนโกสินทร์
คือบุรินรัตนะศรีสถาน
นับวันแก้วจะพราวแสงแกร่งตระการ
นานเท่านาน นับแต่นี้ และนิรันดร์...ฯ

...................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว
จาก ประชุมบทกวีนิพนธ์ สมโภชกรุงรัตนโกสินทร์


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 27 ธันวาคม, 2557, 09:58:23 PM
(http://upic.me/i/9u/news_img_423896_1.jpg) (http://upic.me/show/54081151)

ตะวันขึ้นในหัวใจ

เมื่อความหนาวยาวนานผ่านมาถึง
เราเพิ่งซึ้งถึงค่าคำว่า "หนาว"
ในช่วงวันสั้นและคืนยืดยืนยาว
ก็เปรียบราวตะวันลับดับในทรวง

ความเย็นเยือกเกลือกตัวเต็มหัวอก
น้ำค้างตกในใจทุกข์ใหญ่หลวง
เมื่ออ้อมแขนว่างเปล่าร้าวแดดวง
ฝนก็ร่วงรินไหลในอารมณ์

อ้อมตักที่อบอุ่นขาดคุณค่า
ไร้คนมาหนุนนอนอ้อนผสม
น้ำจากฟ้าพร่าชื้นสะอื้นตรม
เมื่อมันพรมพ่ายลำน้ำจากตา

เมื่อความหนาวยาวนานผ่านมาถึง
เพื่อนจะซึ้งเหมือนใจเราไหมว่า
หนาวในทรวงหน่วงขวัญเกินพรรณนา
เมื่อมองหาคนใกล้กลับไกลกาย

เพียงปลายมือยื่นกระชับเพื่อรับขวัญ
ความอุ่นอันอ่อนหวานก็ซ่านฉาย
สัมผัสหวิวนิ้วเนื้อเอื้ออุ่นอาย
ก็เหมือนสายแดดส่องห้องหทัย

ฝนหยุดแล้วในอารมณ์ที่บ่มหนาว
น้ำค้างพราวแห่งตาพร่ากลับใส
สิบเท่าหนาวเราไม่ท้ออีกต่อไป
ตะวันขึ้นแล้วในใจ...เมื่อใกล้เธอ

....................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว


หัวข้อ: Re: รวมกลอนของ จินตนา ปิ่นเฉลียว
เริ่มหัวข้อโดย: เปลวเพลิง ที่ 18 มกราคม, 2558, 03:51:06 PM
(http://upic.me/i/v1/peter_sm4_1600.jpg) (http://upic.me/show/54305187)

แมงมุม

มันไม่สวยไม่สะขยะแขยง
ใครก็แหนงรูปมันหันหน้าหนี
บอกลางร้ายได้ขลังฟังเข้าที
ถ้ามันตีอกเต้นจะเป็นลาง

ขาทั้งแปดแวดล้อมร่างป้อมปุ้ม
ตัวเมียกุมอำนาจประหลาดอย่าง
กินตัวผู้ดูไปเหมือนใจจาง
มีอยู่บางชนิดมีพิษภัย

แต่รูปร้ายรุงรังออกดังนั้น
ใยของมันสวยเด่นเหมือนเส้นไหม
เหนียวเป็นยางบางเบาเพราพิไล
เรียบละไมเหมือนสรรบรรจงทอ

เห็นแมงมุมชักใยมั่งไหมท่าน
นั่นแหละงานศิลปะทักษะส่อ
โหย่งตัวย่างวางสายข่ายลออ
รูปมันก่อให้พรั่นงานมันงาม

และเห็นไหมความเป็นธรรมของธรรมชาติ
ที่ประสาธน์ค่าส่งสิ่งตรงข้าม
สิ่งเลวมีดีด้วยสวยมีทราม
ใยพิรามด้วยแรงของแมงมุม

เหมือนเราสานงานเราเช้าจนดึก
งานเสร็จนึกภูมิจิตไม่คิดกลุ้ม
รินอารมณ์พรมชื่อฝีมือคลุม
คนชุมนุมวิจารณ์ว่างานดี

แต่เหลียวดูผู้สร้างงานบ้างเล่า
หน้าซูบเศร้าทุกข์เข็ญแทบเป็นผี
เขาหยาม "หน้านี้หรือฝีมือมี"
เออ-เรานี่มันก็เหมือนเพื่อนแมงมุม

..................................

จินตนา ปิ่นเฉลียว