หัวข้อ: *** พระนางสามาวดีคำกลอน ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 22 มีนาคม, 2557, 01:03:33 PM
(http://upic.me/i/iz/1sama.jpg) (http://upic.me/show/50217886) เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน บทเกริ่นนำ ** ขอนอบน้อมบูชาพระไตรรัตน์ น้อมมนัสตั้งจิตมั่นไม่หวั่นไหว กราบบูชาระลึกคุณเทิดทูนไว้ ที่กลางใจเป็นสำคัญอย่างมั่นคง
** กราบพระพุทธสุดประเสริฐเลิศล้ำโลก ไม่มีทุกข์ ไม่มีโศก โลภ โกรธ หลง พระผู้ตื่นผู้รู้แจ้งด้วยพระองค์ เป็นผู้ทรงปัญญาเหนือกว่าใคร
** กราบพระธรรมคำสอนพระศาสดา น้อมนำมาปฏิบัติด้วยเลื่อมใส ชำระกายวาจาและจิตใจ ขอจงได้นำส่งสู่นิพพาน
** กราบพระสงฆ์องค์สืบต่อพระศาสนา ทรงคุณค่ายิ่งใหญ่ในสงสาร ประพฤติดีประพฤติชอบตลอดกาล เป็นวงศ์วานพุทธองค์พระทรงธรรม์
** กราบพระคุณแม่พ่อผู้ก่อเกิด ให้กำเนิดชีวิตคิดรังสรรค์ เป็นพระพรหมและอาจารย์พร้อมพร้อมกัน พระอรหันต์สอนลูกเป็นคนดี
** เฝ้าถนอมดูแลและกล่อมเกลี้ยง แม้ทุกข์ยากเต็มใจเลี้ยงไม่หน่ายหนี เสียสละทุกอย่างได้แม้ชีวี เพื่อลูกมีความสุขปลอดทุกข์ภัย
** กราบแทบเท้าคุณครูและอาจารย์ ผู้ให้การอบรมบ่มนิสัย และสั่งสอนวิชาการให้ตามวัย งานวิจัยวิทยานิพนธ์สืบค้นเรียน
** ในวันนี้จะทำงานอย่าสับสน จงช่วยดลเกิดปัญญาขณะเขียน ท่านผู้อ่านประทับใจไม่ติเตียน หากผิดเพี้ยนก็ว่าดีมีเมตตา
|
(http://upic.me/i/tt/u2som.gif) (http://upic.me/show/49917806)
หัวข้อ: Re: *** พระนางสามาวดีคำกลอน ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 23 มีนาคม, 2557, 06:14:05 PM
(http://upic.me/i/iz/1sama.jpg) (http://upic.me/show/50217886) เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน กษัตริย์ ๒ สหาย ** ๑. จะขอกล่าวเล่าเรื่องแต่เบื้องหลัง เมื่อคราวครั้งพุทธกาลนานนักหนา องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ทรงประทับ ณ พาราโกสัมพี
** ๒. ทรงปรารภการตายของหญิงสาว เป็นเรื่องราวในอดีตของโฉมศรี มาคันทิยา และ สามาวดี จึงทรงมีพระธรรมเทศนา
** ๓. ในครานั้นยังมีสองกษัตริย์ ครองสมบัติเริงรื่นชื่นหรรษา เป็นสหายรักกันเนิ่นนานมา ตั้งแต่เรียนวิชาครั้งยังเยาว์
** ๔. องค์หนึ่งชื่อว่า "อัลลกัปปะ" สถานะยิ่งใหญ่ไม่อับเฉา ตั้งมั่นอยู่ในธรรมไม่มัวเมา ทรงเป็นที่เคารพของทุกคน
** ๕. อีกองค์หนึ่ง "เวฏฐทีปกะ" ทรงยึดมั่นธรรมะไม่หมองหม่น ทรงปกครองไพร่ฟ้ามหาชน ไร้กังวลเกิดสุขทุกข์ห่างไกล
** ๖. ครั้นเวลาผ่านไปจึงได้คิด แสนอนาถชีวิตเสียไฉน มาปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป มัจจุราชเป็นใหญ่เฝ้ารังควาญ
** ๗. ทุกคนที่เกิดมาในหล้าโลก วิปโยคชีวิตไร้แก่นสาร ขาดที่พึ่งใดใดไม่เบิกบาน มีแต่ทุกข์อันธกาลสุดเศร้าใจ ** ๘. จึงชวนกันออกบวชเป็นฤๅษี ด้วยความหวังจะมีธรรมใหม่ใหม่ มาชำระสะสางกายข้างใน จะเกิดความสดใสที่แท้จริง
** ๙. เพื่อเป็นการปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่ จึงตั้งใจแยกกันไม่สุงสิง อยู่ห่างกันคนละทิศจิตประวิง บำเพ็ญเพียรอย่าประวิงเข้าใจกัน
** ๑๐. ตกลงกันไว้ว่าจะจุดไฟ ถ้าเมื่อใดไฟดับต้องคับขัน หากไม่ป่วยก็ตายลงไปพลัน เป็นสัญญาณผูกพันเพียงสองคน
|
(http://upic.me/i/tt/u2som.gif) (http://upic.me/show/49917806)
หัวข้อ: Re: *** พระนางสามาวดีคำกลอน ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 26 มีนาคม, 2557, 12:30:26 PM
(http://upic.me/i/iz/1sama.jpg) (http://upic.me/show/50217886) เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน เรียนมนต์และพิณ
** ๑๑. ครั้เวลาผ่านไปไม่นานนัก ฤๅษีที่พำนักในไพรสณฑ์ "เวฎฐทีปกะ"บำเพ็ญตน ถึงเวลาต้องพ้นละโลกไป
** ๑๒.ครบครึ่งเดือนเพื่อนรู้ว่าตายแน่ เป็นกรรมแท้ของมนุษย์สุดแก้ไข อัน เกิด แก่ เจ็บ ตาย มิเว้นใคร ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน
** ๑๓. บังเกิดเป็นเทพเจ้ามีศักดิ์ใหญ่ สถิตย์ในวิมานสโมสร คิดไปเยี่ยมเพื่อนรักด้วยอาวรณ์ จึงรีบจรอำพรางอย่างหลงทาง
** ๑๔. ถึงสำนักอัลละท่านดาบส ตามกำหนดยืนไหว้อยู่ห่างห่าง ท่านอัลละมองเห็นจึงละวาง ภารกิจทุกอย่างในทันที
** ๑๕. ท่านเป็นใครจากไหนโปรดแถลง จงชี้แจงการเข้ามาที่นี่ เราหลงทางกลางป่าพนาลี ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าฟัน
** ๑๖. จึงถามว่าท่านอยู่ผู้เดียวหรือ อัลละจึงร้องฮือใช่แล้วนั่น แต่ก่อนนี้มีเพื่อนที่รักกัน ต้องจาบัล์เศร้าโศกละโลกแล้ว
** ๑๗. เทพเจ้าบอกว่าคือข้านี้ ครั้นเมื่อสิ้นชีวีใจผ่องแผ้ว อุบัติในวิมานอันเพริศแพรว ปราสาทแก้วที่พักในวิมาน
** ๑๘. ท่านเดือดเนื้อร้อนใจอะไรบ้าง อย่าอำพรางบอกไปรีบไขขาน มีศรัตรูหมู่สัตว์มาแผ้วพาน ให้รำคาญเดือดร้อนจะผ่อนปรน
** ๑๙. ท่านอัลละบอกว่าข้าเดือดร้อน มีช้างจรมากมายทำลายป่น มาถ่ายมูลทิ้งไว้สุดจะทน แสนอับจนแก้ไขไม่ได้เลย
** ๒๐. เทพบุตรบอกว่าต่อไปนี้ ขอท่านพี่จงนั่งอยู่เฉยเฉย จะไม่มีช้างป่านะท่านเอย มารบกวนอย่างเคยอย่าห่วงใย
** ๒๑. จึงมอบพิณและมนต์กำกับช้าง เป็นแนวทางดูแลและแก้ไข เมื่อดีดพิณสายหนึ่งขึ้นคราใด ช้างหนีไปไม่หันมาเหลียวมอง
** ๒๒. ถ้าต้องการให้มองแต่วิ่งหนี กำกับมนต์ดีดพิณสายที่สอง สายที่สามทำให้เกิดปรองดอง ช้างจะหมอบประคองอัญชุลี
** ๒๓. นับแต่นั้นดาบสได้ไล่ช้าง ไม่ให้มากีดขวางในพื้นที่ ความสุขและสบายจึงเกิดมี เพราะมนต์ดีมีพิณจึงสุขใจ
|
(http://upic.me/i/tt/u2som.gif) (http://upic.me/show/49917806)
หัวข้อ: Re: *** พระนางสามาวดีคำกลอน ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 28 มีนาคม, 2557, 11:16:02 PM
(http://upic.me/i/iz/1sama.jpg) (http://upic.me/show/50217886) เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน ท้าวอุเทนกับนกหัสดีลิงค์
** ๒๔. ในกาลนี้ยังมีจอมกษัตริย์ "ปรันตปะ" ครองรัฐที่กว้างใหญ่ โกสัมพีนครขจรไกล สุขสดใสพร้อมด้วยชาวพารา
** ๒๕. ณ วันหนึ่งปรารภกับอัคราช อนงค์นาฏจอมนางเสน่หา ถึงเรื่องราวของครรภ์จอมขวัญตา ทรงไต่ถามชายาถึงลูกน้อย
** ๒๖.ขณะนั้นพญานกออกล่าเหยื่อ หัสดีลิงค์คิดว่าเนื้อคงอร่อย รีบถาโถมโจมตีไม่รอคอย จึงโผลงเสียงพลอยดังอื้ออึง
** ๒๗. พระราชาทรงหนีเอาตัวรอด มเหสียอดมิตรคิดไม่ถึง กรงเล็บนกขยุ้มไม่คำนึง มุ่งเพียงเหยื่อซึ่งเห็นอยู่ไกลไกล
** ๒๘. มเหสีตั้งสติเอาไว้มั่น มีโอกาสจะสู้มันไม่หวั่นไหว เมื่อนกนำมาวางคาคบไม้ จึงตะโกนหวังไล่ในทันที
** ๒๙ หัสดีตกใจไม่รอช้า รีบถลาบินไปเพื่อหลีกหนี ถึงเวลาพลบค่ำเข้าพอดี ยอดนารีปั่นป่วนในพระครรภ์
** ๓๐. ฟ้าคำรามดังก้องทั่วท้องฟ้า จะข่มตาให้หลับยังไหวหวั่น ตลอดคืนที่นางต้องจาบัลย์ และป่วนปั่นในอุทรพาร้อนรน
** ๓๑. ถึงเวลาสว่างกระจ่างใส ทรงประสูติทันใดไม่หมองหม่น มารดาทรงตั้งชื่อเป็นมงคล ว่า "อุเทน" สุขล้นเป็นเพศชาย
|
(http://upic.me/i/tt/u2som.gif) (http://upic.me/show/49917806)
หัวข้อ: Re: *** พระนางสามาวดีคำกลอน ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 06 เมษายน, 2557, 10:22:56 AM
(http://upic.me/i/iz/1sama.jpg) (http://upic.me/show/50217886) เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ *************************** ตอน อัลลกัปปะดาบสเสียพิธี
** ๓๒. ส่วนอัลละฤๅษีมีกิจวัตร หาอาหารบำบัดหิวกระหาย ถึงต้นไทรใบหนาผลมากมาย เสียงเด็กชายร้องจ้าอยู่ข้างบน
** ๓๓. แหนหน้าดูรู้ว่ามีผู้หญิง พร้อมกับเด็กจริงจริงใช่สับสน ร้องถามว่าเป็นใครใยซุกซน ขึ้นไปอยู่ข้างบนกิ่งต้นไทร
** ๓๔. พระนางจึงเล่าเรื่องแต่หนหลัง ตั้งแต่ต้นมายังต้นไม้ใหญ่ ทรงประสูติโอรสในทันใด จึงพบฤๅษีไพรพูดคุยกัน
** ๓๕. ต่างก็รู้อยู่ในวรรณะกษัตริย์ เคยครองเศวตฉัตรใหญ่มหันต์ ได้พึ่งพาอาศัยในปัจจุบัน อยู่กลางพนาวันแต่นั้นมา
** ๓๖. อันโลกีย์วิสัยใครห้ามได้ เกิดขึ้นแล้วทำให้ใจโหยหา จะติดในอารมณ์จมกามา ลืมดินฟ้าถูกผิดคิดไม่ดี
** ๓๗. พระดาบสศีลขาดพินาศแล้ว ร่วมสังวาสนางแก้วมเหสี รับอุเทนเป็นบุตรสุดปรานี เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงชีวีตลอดมา
** ๓๘. มาวันหนึ่งดาบสมองดูดาว จึงรู้ข่าว "ปะรันตปะ" แทบผวา สวรรคตลับแล้วจอมพารา พากันหลั่งน้ำตาทุกคนไป
** ๓๙. มเหสีฟังข่าวพาเศร้าโศก วิปโยคโสกาน้ำตาไหล พระดาบสถามว่าร้องทำไม จึงเปิดใจบอกเรื่องสวามี
** ๔๐ พระดาบสปลอบว่าอย่าโศกเศร้า เป็นธรรมชาตินะเจ้าแม่โฉมศรี เกิดมาแล้วต้องตายวายชีวี จะไม่มีใครหนีไปได้เลย
** ๔๑. มเหสีทูลว่าเข้าใจดี ที่ร้องไห้เช่นนี้เกินทนเฉย ราชบุตรชวดสมบัติมาชมเชย เพราะอยู่ไกลสุดเอ่ยทวงเอาคืน
** ๔๒. ฝ่ายดาบสรับปากจะจัดให้ ราชบุตรต้องได้ไม่อาจฝืน เริ่มสอนมนต์และพิณอย่างยั่งยืน เพื่อที่จะทวงคืนพระพารา
|
(http://upic.me/i/tt/u2som.gif) (http://upic.me/show/49917806)
|