เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..

อารมณ์กลอน => ห้องเรียนรู้คำประพันธ์ => ข้อความที่เริ่มโดย: share ที่ 22 พฤศจิกายน, 2557, 06:33:23 AM



หัวข้อ: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 22 พฤศจิกายน, 2557, 06:33:23 AM
* "กาพย์กลอนฉบัง" จังงัง ข้าน้อย........เฉกหมัด ซัดข้อย.........ต้องล้ม จมลึก หลับนาน
ในฝัน ฉันเห็น กลอนกานท์........ดุจดั่ง นงคราญ...........ตระการ ร่ำร้อง ก้องสรวง
โลดลิ่ว ร่วมร่าย หวังเป็น..........ดาวหนึ่ง จรัสเห็น........ใครจัก รักช่วย เติมตวง
บ่บ้า ติดยึด สื่งลวง..................หวังเพื่อน ทั้งปวง........มอบใจ ให้ฟื้น ตื่นคืน

ขอขอบคุณ คุณ Orion264(มือขวา) เป็นอย่างยิ่งที่ให้แนวคิดพิสดารนี้


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 25 กุมภาพันธ์, 2558, 11:19:00 PM
* ชื่อฉัน "เห็ดหอม" ชอบกิน.....คุณแม่ จึ่งถวิล........ทำกัน เกือบทุก วันวาร
ฉันก็ บ่เบื่อ ฤ รำคาญ..............มิพรั้น กินนาน........มิยั่น ย่อท้อ หลีกหนี
เห็ดกิน ไป่อ้วน แข็งแรง..........สุขภาพ สำแดง.......ร่างกาย สุดสวย เซ็กซี่
สอบได้ เลขเดี่ยว เป็นศรี.........พ่อแม่ เปรมปรีดิ์......ครอบครัว ฉันมี สุขใจ

กาพย์กลอนฉบัง ๑๖

เริ่มโดย แต่งกาพย์ฉบัง ๑๖ ธรรมดา ๆ ๒ บท
เพียงแต่ คำท้ายบทที่ ๒ ยึดเสียงจัตวา โท หรือ เอก แบบกลอน
แล้วแต่งกาพย์ฉบัง ๑๖ อีกบท ให้คำท้ายบทนี้ รับสัมผัสกับ คำท้ายบทที่ ๒
แต่งบทที่ ๔ แบบฉบัง ๑๖ ก็เสร็จครับ
(อย่าลืม!!! คำท้ายบทที่ ๓, ๔ ยึดเสียง สามัญ หรือ ตรี แบบกลอนครับ)

การส่ง-รับ สัมผัส
ยังคงใช้ "ขนบ" แบบกลอนครับ


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 21 พฤษภาคม, 2558, 08:50:22 AM
ฝน..พลันบันดาล
  (กาพย์กลอนฉบัง ๑๖)

  จั้กจั้ก.. ตกหนักทะลักล้น      หญ้าหงายว่ายวน      เรียวใบส่ายซัดสะบัดยืน
  เปาะแปะ.. ทรมานนานคืน     ดักดานนานฟื้น        ขื่นขมตรมนานก้านหมอง
  จั้กจั้ก.. ตกหนักสำลักน้ำ       หญ้าหวั่นครั่นคร้าม    ซ้ำรอยถอยหลังขังนอง
  พรั่งพรู.. สาดสายรายคลอง   พอเพียงเลี้ยงท้อง      หญ้าเขียวเรียวใบใสวาม..

  ชาวนาคราตื่นชื่นใจ..         ฝนกราวคราวใด       ดินชุ่มอุ้มน้ำฉ่ำแปลง
  โอดโอยโหยหาหน้าแล้ง     ดินแยกแตกระแหง     มืดมนทนยากขวากหนาม
  ชาวนาคราตื่นชื่นบาน..        ฝนพลันบันดาล        ข้าวกล้าผาสุกทุกยาม
  ข้าวเขียวเรียวรวงพวงงาม    ข้าวเหลืองเรืองอร่าม   จำนำประกันไหนดี..? 

    ลองดำน้ำ เอ้ย..ดำนาดูเผื่อได้ราคาดี..
    พี.พูนสุข 01 ตุลาคม 2012


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 23 พฤษภาคม, 2558, 09:58:55 PM
"ใต้ร่มพระบารมีฯ"

...“สหกรณ์”บ่มเพาะเหมาะสม   ค้ำประชาคม   โอบเอื้อช่วยเหลือเจือจุน
เข้มแข็งยั่งยืนคืนทุน   สมาชิกถือหุ้น   สิ้นปีมีดอกออกผล
เก็บเล็กใช้น้อยค่อยถนอม   อดกลั้นหมั่นออม  ตามแต่กำลังทรัพย์ตน
เท่าเทียมยากดีมีจน    พลิกฟื้นชุมชน    เบิกบานเริงร่าสง่างาม

...พระราชดำริ “พ่อหลวง”    พสกนิกรทั้งปวง    รับไว้ใส่เกล้าเกศา
น้อมนำปฏิบัติบูชา      เนิ่นนานผ่านมา    ทั่วทั้งแว่นแคว้นแดนสยาม
เกื้อก่อต่อลูกเหลนหลาน    โภคทรัพย์ศฤงคาร     ดกดื่นประเทศเขตคาม
ต่างด้าวแดนไกลใฝ่ตาม    ไทยระบือลือนาม     ภายใต้ร่มพระบารมีฯ
                            
เนิน จำราย
07 ตุลาคม 2012
(แก้ไขแล้วครับ)


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 23 พฤษภาคม, 2558, 10:00:14 PM
พี.พูนสุข
ส่งให้: เนิน จำราย เมื่อ: 07 ตุลาคม 2012

เทียบกับกลอน  ๔  วรรค ลงเสียงวรรณยุกต์ให้ถูก

๑. “สหกรณ์”บ่มเพาะเหมาะสม   ค้ำประชาคม   โอบเอื้อช่วยเหลือเจือจุน / (สดับ) ถูกต้องค่ะ
๒. เข้มแข็งยั่งยืนคืนทุน   สมาชิกถือหุ้น   ตามแต่กำลังทรัพย์ตน / (รับ) ต้องลงเสียงจัตวา  โท  เอก
๓. เก็บเล็กใช้น้อยค่อยถนอม   อดกลั้นหมั่นออม  สิ้นปีมีดอกออกผล  / (รอง) ต้องลงเสียง  สามัญ หรือ ตรี
๔. เท่าเทียมยากดีมีจน    พลิกฟื้นชุมชน    เบิกบานเริงร่าสง่างาม  / (ส่ง) ถูกต้องค่ะ
-----------------------
๑. พระราชดำริ “พ่อหลวง”    พสกนิกรทั้งปวง    รับไว้ใส่เกล้าเกศา  /  (สดับ)  ถูกต้องค่ะ
๒. น้อมนำปฏิบัติบูชา      เนิ่นนานผ่านมา    ทั่วทั้งประเทศเขตคาม  /  (รับ)  ต้องลงเสียงจัตวา  โท  เอก
๓. เกื้อก่อต่อลูกเหลนหลาน    โภคทรัพย์สฤงคาร     ดกดื่นทั่วแคว้นแดนสยาม  /  (รอง)  ต้องลงเสียง  สามัญ หรือ ตรี
๔. ต่างด้าวแดนไกลใฝ่ตาม    ไทยระบือลือนาม     ภายใต้ร่มพระบารมีฯ  / (ส่ง)   ถูกต้องค่ะ

ขอขอบคุณ เพื่อนทั้งสองครับ


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 24 พฤษภาคม, 2558, 06:58:04 PM
กาพย์ฉบัง ๑๖

กาพย์ฉบัง กาพย์ฉบับ กาพย์ฉบวน.....กาพย์ฉเบ เรรวน.........เชิญชวนกำหนดจดจำ
กาพย์ฉบัง ควรอ้างอิงคำ-..............มวลปราชญ์เลิศล้ำ.......พร่ำสอนมาแต่โบราณ
สัมผัสระหว่างบท การ-.................จารึกจดจาร..............นั้นต่าง"กลอนสุภาพ"นั้นนา
อย่าฉงนสนเท่ห์กังขา...................อ้างอิงเมธา.............ควรตรองก่อนกล้าสาธยาย ฯ

กาพย์กลอนฉบัง ๑๖

...ขอบคุณ เพื่อนที่ ทักท้วง............แต่อย่า ห่วงหวง..........ยึดติด แต่อดีต กีดกัน
ธรรมชาติ หลายหลาก สารพัน.........แสดงออก สีสัน...........เสียงสวรรค์ หมื่นแสน เสนาะหู
ป๊อบแจ๊ส ร็อคบลูส์ หรูเลิศ.............ปัญญา ประเจิด...........อนิจจัง ดับเกิด เตือนตู
ภาษา คณิตวิทย์ พรั่งพรู...............บ่งบอก เรียนรู้............จักสู่ วัฒนา แน่นอน

มีเพื่อนติติง จึงขอชี้แจงครับ


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 05 สิงหาคม, 2558, 06:56:11 AM
วันนี้ วันดี (กาพย์กลอนฉบัง ๑๖)

@ วันนี้ วันดี มีค่า............................เริ่มแต่ ลืมตา...............ตื่นฟื้น คืนมา อีกวัน
ขอบพระคุณ องค์พระ โดยพลัน.........โปรดชีพ สุขสันต์..........กายจิต จึงมั่น มอบถวาย
เมตตา ปกป้อง ผองชน.....................ดี,ชั่ว รวย,จน.............ปลอบปลุก ทุกข์ร้อน ผ่อนคลาย
ไป่ปล่อย ละรู้ ดูดาย.......................ใครจัก ฉิบหาย..............เพียงกู อยู่รอด ปลอดพอ

@ ทุกวัน อรุณรุ่ง เริ่มเช้า..............ประจักษ์แจ้ง ปลุกเร้า......เตือนใจ ใฝ่เฝ้า พระภูมี
บ่บ่น ก่นทุกข์ ฤ ยินดี....................เฉกเช่น ดวงรวี…………….มอบพลี มิต้อง ร้องขอ
ผลาญเผา ตัวตน ดลพลัง.............ส่งมอบ มนต์ขลัง….…..….มิยั้ง กังขา รีรอ
สาดแสง แรงร้อน มิท้อ.................ใช่ใคร งอนง้อ……….….....ก็เปล่า สอพลอ ล่อลวง


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 07 สิงหาคม, 2558, 08:12:00 AM

@ ทุกวัน อรุณรุ่ง เริ่มเช้า..............ประจักษ์แจ้ง ปลุกเร้า......เตือนใจ ใฝ่เฝ้า พระภูมี
บ่บ่น ก่นทุกข์ ฤ ยินดี...................เฉกเช่น ดวงรวี…………….มอบพลี มิต้อง ร้องขอ
ผลาญเผา ตัวตน ดลพลัง.............ส่งมอบ มนต์ขลัง….…..….มิยั้ง กังขา รีรอ
สาดแสง แรงร้อน มิท้อ...............ใช่ใคร งอนง้อ……….….....ก็เปล่า สอพลอ ล่อลวง

@ ทุกวาร ทุกสถาน ขณะนี้..........ธ โปรด ปรานี...............ตระหนักรู้ รักพลี ตอบแทน
กายใจ จักไม่ ผูกแขวน...............ยึดติด โลกย์แดน...........ตัวตน "กู"แกน แสนหวง
บั่นสะบั้น กิเลส ตัณหา................โลภหลง โกรธา............สติปัญญา เบากลวง
แท้"รัก" สรรพสิ่ง ทั้งปวง.............รวยเกียรติ ผลพวง..........มอบสิ้น ดั่งดวง สุริยา


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 19 กุมภาพันธ์, 2559, 06:15:50 PM

@ ทุกวาร ทุกสถาน ขณะนี้..........ธ โปรด ปรานี................ตระหนักรู้ รักพลี ตอบแทน
กายใจ จักไม่ ผูกแขวน...............ยึดติด โลกย์แดน...........ตัวตน กูแกน แสนหวง
บั่นสะบั้น กิเลส ตัณหา................โลภหลง โกรธา............สติปัญญา เบากลวง
แท้รัก สรรพสิ่ง ทั้งปวง...............รวยเกียรติ ผลพวง.........มอบสิ้น ดั่งดวง สุริยา

@ ทุกวัน เย็นย่ำ ค่ำคืน...............ดารา ดาษดื่น...............รื้อฟื้น สอบทาน การงาน
ปฏิบัติ กิจชอบ ประกอบการ........ฤ รักแต่ บริวาร..............โปรยหว่าน ร้ายผิด อิจฉา
คืนสว่าง กระจ่างแสง ศศิธร.........ธ รัก เพียรสอน.............พระพร แห่งอภัย กรุณา
บ โอ่ โอ้อวด เดชา....................นี่แหละ ธรรมา.............มรรคา สันติสงบ จบวัน


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 19 กุมภาพันธ์, 2559, 07:38:35 PM
@ วันนี้ วันดี มีค่า............................เริ่มแต่ ลืมตา...............ตื่นฟื้น คืนมา อีกวัน
ขอบพระคุณ องค์พระ โดยพลัน.........โปรดชีพ สุขสันต์..........กายจิต จึงมั่น มอบถวาย
เมตตา ปกป้อง ผองชน.....................ดี,ชั่ว รวย,จน.............ปลอบปลุก ทุกข์ร้อน ผ่อนคลาย
ไป่ปล่อย ละรู้ ดูดาย.......................ใครจัก ฉิบหาย..............เพียงกู อยู่รอด ปลอดพอ

@ ทุกวัน อรุณรุ่ง เริ่มเช้า..............ประจักษ์แจ้ง ปลุกเร้า......เตือนใจ ใฝ่เฝ้า พระภูมี
บ่บ่น ก่นทุกข์ ฤ ยินดี....................เฉกเช่น ดวงรวี…………….มอบพลี มิต้อง ร้องขอ
ผลาญเผา ตัวตน ดลพลัง.............ส่งมอบ มนต์ขลัง….…..….มิยั้ง กังขา รีรอ
สาดแสง แรงร้อน มิท้อ.................ใช่ใคร งอนง้อ……….….....ก็เปล่า สอพลอ ล่อลวง

@ ทุกวาร ทุกสถาน ขณะนี้..........ธ โปรด ปรานี................ตระหนักรู้ รักพลี ตอบแทน
กายใจ จักไม่ ผูกแขวน...............ยึดติด โลกย์แดน...........ตัวตน กูแกน แสนหวง
บั่นสะบั้น กิเลส ตัณหา................โลภหลง โกรธา............สติปัญญา เบากลวง
แท้รัก สรรพสิ่ง ทั้งปวง...............รวยเกียรติ ผลพวง.........มอบสิ้น ดั่งดวง สุริยา

@ ทุกวัน เย็นย่ำ ค่ำคืน...............ดารา ดาษดื่น...............รื้อฟื้น สอบทาน การงาน
ปฏิบัติ กิจชอบ ประกอบการ........ฤ รักแต่ บริวาร..............โปรยหว่าน ร้ายผิด อิจฉา
คืนสว่าง กระจ่างแสง ศศิธร.........ธ รัก เพียรสอน.............พระพร แห่งอภัย กรุณา
บ โอ่ โอ้อวด เดชา....................นี่แหละ ธรรมา.............มรรคา สันติสงบ จบวัน


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 19 กุมภาพันธ์, 2559, 08:13:36 PM
ขณะจิตชีวิตอนันต์        มิด่วนหุนหัน
จะรู้ในจิตฤทธา
พลังจิตมากนักหนา        เรียกกันอภิญญา
ผลพวงแค่รู้พากเพียร
แต่เรานอบน้อมค้อมเศียร   ทางสว่างดังเทียน
เสกสร้างปัญญาแห่งตน
นำออกนอกลู่ทางกล     วัฏจักรหน
มุ่งสู่แดนดินถิ่นไสว
มิต้องจบภพเวียนไป       หมุนวงล้อใด
ดับลับลบสิ้นถิ่นกรรม

สิริวตี

 :29:
วันนี้สมองหนูไม่แล่นเลยค่ะ แหะๆ


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 19 กุมภาพันธ์, 2559, 08:50:15 PM
สวัสดีครับ สิริวตี

ที่เธอแต่งนำเสนอมานั้น เป็น กาพย์ฉบัง ๑๖ ครับ

กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
ต้องแต่งเป็น กาพย์ฉบัง ๒ ชุด แต่ละชุดมี ฉบัง ๒ บท
บท๑ เป็น วรรคสดับ ในกลอน
บท๒ เป็นวรรครับ คำท้ายควรยึดแบบกลอน คือ เสียงจัตวาเพราะสุด ตามด้วย โท เอก

ที่ต้องแยกเป็น ฉบังชุดสอง เพราะถ้าบท๓ ไปรับสัมผัสจากบท๒ สัมผัสจะเลือน คือมีมากไปครับ
อย่างตัวอย่างนี้

* แว่วแว่ว แผ่วเสียง ถามไถ่......จากกาล นานไกล.......ถามใจ ถามเรา เยาวชน
ท่านถาม ถามไย ให้ฉงน............ถามแห่ง ถามหน........เหล่าเรา ดั้นด้น ดาวไหน
เราย่อม อยากฝัน อยากใฝ่..........สำเร็จ ก้าวไกล.........มีงาน บ้านเนา สุขใจ
มิ่งมิตร คู่ชิด สนิทใกล้...............ฝากผี ฝากไข้..........พรไท้ เผื่อเรา นิรันดร์


สมองโล่ง ๆ เมื่อใด ขอให้กลับไปอ่าน

* ชื่อฉัน "เห็ดหอม" ชอบกิน
และ
พี.พูนสุข
ส่งให้: เนิน จำราย เมื่อ: 07 ตุลาคม 2012

ขอบคุณที่สนใจครับ


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 19 กุมภาพันธ์, 2559, 08:53:41 PM
ขอบพระคุณมากค่ะ กาพย์ฉบัง ๑๖ กับกาพย์กลอนฉบัง๑๖ หน้าตาคล้ายกันมาก ยืนอ่านบนรถเมล์แทบจะแยกกันไม่ออกหากไม่ได้สังเกตให้ดีๆ งั้นขอไปทำความเข้าใจมาใหม่ก่อนนะคะ วันนี้ทำการบ้านมาส่งอาจารย์ผิด แงๆๆๆ
 :35: :35:


หัวข้อ: Re: กาพย์กลอนฉบัง ๑๖
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 20 กุมภาพันธ์, 2559, 10:22:16 PM
ขณะจิตชีวิตอนันต์          มิด่วนหุนหัน           
จะรู้ในจิตฤทธา
พลังจิตมากนักหนา          เรียกกันอภิญญา      
เจิดจ้ากระจ่างไสว

แต่เรานอบน้อมค้อมเศียร   ทางสว่างดังเทียน     
เพียรสร้างปัญญาประไพ
หลุดพ้นบ่วงกรรมนำใจ      สังสารสิ้นไป           
สู่ทิพย์นิพพานอริโย

สิริวตี
 :12: