หัวข้อ: O หอมกลิ่นบุปผชาติ .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 07 สิงหาคม, 2556, 07:48:32 PM (http://upic.me/i/w1/235861-51f4f730cfad3.jpg) (http://upic.me/show/46388508)
O พากย์กรองหมายกล่อมให้ - - - ห่วง, ถวิล คอยรสความหลั่งริน - - - รัดล้อม เพื่อโลกแวดล้อมภิน - - - ทนาล่ม สิ้นเฮย เพียงพี่เหลืออยู่พร้อม - - - รักพ้นพรรณนา ฯ O เจ้าเอย-ความออดอ้อน - - - อวลนัย แต่เมื่อความอ่อนไหว - - - แว่ว-รู้ จนโลกแตกดับไป - - - เป็นอื่น หวัง-จิตวิญญาณชู้ - - - อย่ารู้เลือนสลาย ฯ O พิมพ์ดวงเจ้าอ่อนด้อย - - - เดียงสา ตื่น, รับรู้รมยา - - - ยั่วเย้า ทุกข์โลกถูกล่มคา - - - แขขับ แสงแล เสียงคีต, เสียงวอนเว้า - - - แว่ว-สะท้านสะท้อนเสียง ฯ O อาวรณ์ไหวหวั่นชู้ - - - เชยขวัญ เหยียบโลกยอสรวงสวรรค์ - - - หล่นล้อม คีตครวญแผ่ว, แว่วบรร- - - - ลุโสต ครวญแผ่วนั้น-แผ่วพร้อม - - - ผัสสะสร้อยเดียงสา ฯ O เสียงเอยเสียงโอดอื้น - - - เอาทาร เพรียกสิทธิ์รสกุสุมาลย์ - - - มอบให้- ทรงสิทธิ์ครอบวิญญาณ - - - ให้สยบ ยอมเฮย สืบโลกทุกโลกไว้ - - - ยากเว้นวางถวิล ฯ O รูปองค์, ความออดอ้อน - - - อวลสมัย แววตื่นตอบอ่อนไหว - - - วาบเต้น เกสรารูปแฝงใบ - - - หอมกรุ่น นั้นนา ผึ้งภู่อาจ-ละเว้น - - - ยากเว้น .. คือเรียม ฯ O เรณูหอมรื่นล้อ - - - ริ้วลม หอมกว่า, เมื่อปรารมภ์ - - - รูปเจ้า ภู่ผึ้งตฤปหวาน, จม - - - จ่อมอยู่ หวานกว่า, ความวอนเว้า - - - กระซิบไว้ประโลมหวัง ฯ O ลมโรยคันธะรสแต้ม - - - ติดทรวง แล้ว-ย่อมเพียงสุดาดวง - - - เด่นหน้า ตรึงรูปติดใจหวง - - - หาอยู่ ช่วย-ดับดาวทั่วฟ้า - - - ร่วมฟื้นแรงฝัน ฯ O ศัพท์เสียงกระซิบเนื้อ - - - นัยความ นั้น-เปิดโลกคุกคาม - - - บีบเค้น เหนี่ยวใจจดจ่องาม - - - เงียบอยู่ วามทั่วแววตอบเต้น - - - อาจเร้นซ่อนหรือ ฯ O อบอวลคำเอ่ยอ้อน - - - ออดแสดง แผ่วกระซิบความแฝง - - - ฝากชู้ เยี่ยงหวานสุมาลย์แจรง - - - จรดหยาด ผึ้ง, ภู่, คน แต่รู้ - - - หลั่งน้ำใจสนอง ฯ O ปีกบางหรุบปีกล้อม - - - ละอองหวาน ตฤปรสกลางช่อมาลย์ - - - แมกไม้ อกอุ่น-อุ่นเนื้อคราญ - - - ครวญ-กล่อม แตะรูปตฤปรสให้ - - - ห่วงละห้อยคอยหา ฯ O ผาณิตเพรียกภู่น้อม - - - แนบพะนอ เมื่ออีกงามประหนึ่งรอ - - - รับรู้ อุ่นเนื้ออุ่นนวลลออ - - - อิงแอบ เผยรูปร่ำรอชู้ - - - ชิดเนื้อนวล .. ถนอม ฯ O หอมกรุ่นกลีบดอกเชื้อ - - - เชิญภมร แต่เมื่อเสียงเว้าวอน - - - แผ่ว-กระชั้น แยกฤา-สุมาลย์, สมร - - - หอม-อุ่น เสียง, อุ่น, หอม-ยามนั้น - - - ประณีตล้ำคำแถลง ฯ O แล้วเล่าหลังตฤปรู้- - - รสสุคนธ์ เบิกบทความอลวน - - - ว่อนล้อม แล้วเล่าจากอนุสน- - - - ธิรูป เพรียกจิตวิญญาณพร้อม - - - ปลีกพ้นนิพพิทา ฯ O แผ่วพลิ้วลมผ่านไล้ - - - โลมผกา ระริกรูปปีกภุมรา - - - ร่อนล้อม แผ่วเสียงออด, เพรียกนา - - - สิกรับ รสแม่ รับรสแห่งรูป, น้อม - - - แนบไว้รองถวิล ฯ O ศัพท์เสียงกระซิบอ้อน - - - อบอวล เหนี่ยวจิตวิญญาณครวญ - - - คร่ำชู้ เกสรรูปหอม, หวน - - - หาภู่ นั้นเนอ ผาณิตมาลย์ย่อมรู้ - - - เหนี่ยวรั้งรอยภิรมย์ ฯ O คันธรูปแย้มกลีบเชื้อ - - - เชิญภมร ลมแผ่วลูบเกสร - - - สั่นพลิ้ว ฉันทารูปเตรียบกร - - - กอดเกี่ยว ซ่านแผ่วเป็นริ้วริ้ว - - - รูป, เนื้อ-รอถนอม ฯ O กลีบช่อคันธรสช้อย - - - รอเชย พลิ้วผ่านลมรำเพย - - - แผ่วฟุ้ง เรียวรูปอ่อนเนื้อ, เกย - - - ก่ายอยู่ รอเหยียดก้าวเหยียบรุ้ง - - - รอบคุ้งขอบขันธ์ ฯ O แอบ-อุ่นนวลอ่อนน้อย - - - นงพะงา พิมพ์รูปรสตฤษณา - - - เหนี่ยวรั้ง- ให้โลกล่มลับคา - - - เสียงคร่ำ ครวญเนอ อย่างแผ่วเบาซ้ำครั้ง - - - ข่มละห้อยฤๅหาย ฯ O หอมเอยกลางแห่งห้วง - - - เสน่หา กลบรูปรสกุสุมา - - - มอดเชื้อ อวลกลิ่นกล่อมถึงนา- - - - สิก-รูป ให้รับรอง, โอบเอื้อ - - - อุ่นเนื้อนวลนิรันดร์ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=sdayoo&month=01-2013&date=06&group=5&gblog=42 หัวข้อ: Re: O หอมกลิ่นบุปผชาติ .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 08 สิงหาคม, 2556, 10:18:36 PM O ฝนห่มลมเห่..ที่เขลางค์...O
(http://upic.me/i/1r/8608_484919214922127_1201951055_n.jpg) (http://upic.me/show/46408064) O อัสนีครวญคร่ำ..แสงรำร่าย เมื่อแววตาเหลือบชายฝ่าสายฝน- บอกถึงความอ่อนไหวของใจคน- กลางเสียงครื้นคำรณ..ที่บนฟ้า O หยาดน้ำหล่นร่วง..กลางห้วงหน- ก่อนลิ่วหล่นพรากแถนทั้งแสนห่า- เยี่ยงอาวรณ์หล่นแล้วในแววตา เสน่หาแสนอบอุ่น..ก็หมุนรอ ! O เจ้าดอกจามจุรี... เมื่อลมวีวาดผ่าน, ทั้งก้านช่อ- ก็ไหวรูปรุมเร้าพะเน้าพะนอ- รับรื่นหล่อเลี้ยงนวล..ให้ชวนชม O งามกลีบอ่อนเนียนเกลี้ยงจักเบี่ยงรูป- รับโลมลูบลมล้อมเข้าห้อมห่ม เนียนรูปปรางรอบล้อม, ที่จ่อมจม- คืออารมณ์ถวิลชู้..ไม่รู้วาง O โอภาสเคยรองเรื่อที่เหนือฟ้า บัดนี้ลาลับถิ่นแต่สิ้นสาง เหลือหม่นมืดโรยตัวอยู่ทั่วทาง พร้อมแววอ้างว้างกลั้วอยู่ทั่วตา O เมื่อเม็ดฝนหล่นลิ่ว..ลมพลิ้วผ่าน- ความอ่อนหวานทุกรอยก็คอยท่า มีหัวใจ..มีขวัญ..คอยบัญชา ปรารถนาซ่อนเร้นก็เค้นใจ O คลื่นฝนห่มลมเห่..ที่เขลางค์ จนฟ้ากว้างสิ้นบทความสดใส ธารดาวเคยวาบกระพริบ..ที่ลิบไกล- กลับสิ้นไร้รูปรอยให้คอยรอ O ร่วงหล่นเม็ดลงพื้นแล้วตื่นแตก- เป็นรูปน้ำเหยียดแยกขึ้นแตกช่อ เมื่อนันย์ตาลอบชาย..เหมือนฉายทอ- แววออดอ้อนเคลียคลอ..ให้ทรมาน O โอ..ระทึกสั่นไหว..อกใครหนอ- ฤๅ - เพียงพอเร้นซ่อนความอ่อนหวาน ? เสียงกระซิบแทรกทรวง..ในช่วงกาล- ฤๅ - อาจต้านทานอยู่..แม้ครู่เดียว ? O อัสนีครวญคร่ำ..แก้มก่ำนั้น- ก็แทรกขวัญให้ละห้อย..แต่คอยเหลียว บนผืนฟ้าร้างจันทร์เคยหันเรียว เมื่อใจเหนี่ยวโน้มงามลงล่ามคา O อัสนีผาดโผน..แสงโชนช่วง เมื่อความหวงแหนโฉมนั้นโถมถา- เวียนระลอกในทรวง..ทุกช่วงวา- ระที่อาวรณ์ถวิล..ยังดิ้นรน O หล่นเม็ดลงร่วงแตก..กระแทกพื้น พร้อมลมรื่นโรยช่วงผ่านห้วงหน หัวใจอีกดวงหนึ่ง..คล้ายอึงอล- ภาวะปนปลาบช่วง..อีกดวงตา O หล่นหยาดร่วงย้อย..ดั่ง-พลอยเพชร- ร่วงหล่นเม็ดยอแสงสำแดงค่า เมื่ออาวรณ์อาลัย..วาบไหวมา- ก็เหมือนว่า..วาบล่วงถึงดวงใจ O ความอบอุ่น..อ่อนหวาน ก็ปานว่า- จะเผยออกแก่ตาจนพร่า..ไหว มีอาทรโอบเอื้อด้วยเยื่อใย- เริ่มหลั่งไหลหล่อหลอมให้ยอมตน O ลมเอย..ฝากเสียงกระซิบสั่ง- ถึงอีกฝั่งโค้งฟ้า..กลางห่าฝน ช่วยหอบความอาวรณ์สุมซ้อนบน- ความอึงอลสั่นรัว..อีกหัวใจ O ฝนเอย..ฝากเสียงกระซิบผ่าน- แทรกโสตคราญโอบขวัญ..พาสั่นไหว- ด้วยอาวรณ์ปรารถนา..ด้วยอาลัย พร้อมอบอุ่นโลมไล้..จนใฝ่คอย O หยาดน้ำยังหล่นร่วง..กลางห้วงหน- ฟ้าเบื้องบนเย็นเยียบ, ความเงียบหงอย- กลับร่วงร้างบริบท..จนหมดรอย แววชม้อยชม้ายรับ..ก็วับวาว O ระยิบเอยแววตา..ใต้ฟ้าต่ำ เปล่งประกายร่ายรำในค่ำหนาว ข่มโอภาสโชนช่วงทุกดวงดาว- ยอแสงพราวพร่างสู่..ถึงผู้เดียว ! O ระยิบเอยแววตา..ใต้ฟ้าหม่น เหมือนคอยปนปลาบรอยให้คอยเหลียว สายเยื่อใยม้วนพันเอาฟั่นเกลียว- โอบรัดเหนี่ยวใจกาย..สุดคลายแล้ว ! |