หัวข้อ: ฉันทะดำเนิน เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 17 สิงหาคม, 2556, 10:14:20 AM วสันตดิลกฉันท์ ๑๔
00101110 - - - 110102 00101112 - - - 110103 1=ลหุ นอกนั้นครุ เลขเดียวกัน = สัมผัสสระ เชิดฉันทะสรรคะปริวรรต พิเคราะห์ปรัชญาการ ตรองคันถะคั้นทิฐิพิชาน กระแหนะศานติเสริมศรี เพื่อเจตวิเศษนิระกระหวัด อวิภัชะวาที เอื้อคุณวิบุลยะพจี ดละปรีดิแนบใจ ตามวรรคะอักขระผสาน บุพกาละนานไกล จดจาระผ่านรติพิสัย ผิวะใครจะอาทร เหตุฉันท์ถวัลยะประภัส- สระอรรถะอาวรณ์ ผองภาษะหยาดรสะขจร เฉพาะทอนกะรันทม ปรารมภะคมอธิกะเธียร จิตะเจียนจะวายจม หวังพร้อมถนอมฤดิภิรม- ยะผสมหทัยนวล หัวข้อ: Re: ฉันทะดำเนิน เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 18 สิงหาคม, 2556, 10:58:12 PM สัททุลลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙
000 11010 1112 ------ 00102 13 1 = ลหุ 0 = ครุ 2 = ครุ และ เป็นสัมผัสในบท 3 = ครุ และ เป็นสัมผัสที่ส่งไปบทถัดไป (ข้อสังเกตุ: คำที่เป็นสัมผัสของฉันท์จะมีแต่คำครุเท่านั้น) ขานรับถ้อยพจนาสดายุมิตรชวน ปลดเปลื้องสลักตรวน นิพนธ์ คิดเหวี่ยงฉันทะกระไรก็ตามหทยตน โดยปราศะเครื่องสน- ตะพาย เรื่องราวสาระประเด็นแถลงและอภิปราย เอ่ยวากยะตามสบาย อุรา จึ่งเริ่มฉันทะกระบวนผยองพยัคฆา ธรรมเนียมกระทำมา บุราณ ตั้งดวงจิตตะระลึกพระคุณบุรพะจารย์ แลปราชญ์กวีชาญ เลบง ผมศรีเปรื่องและสหายสดายุมุเชลง ต่อฉันท์ประพันธ์เพลง ประกาศ พร้อมขอเคหะสถานกวีคุรุระนาด- เอกเพื่อจะลีลาศ พจี แม้นใดพร่อง ฤ มิควรประดามิตรกวี อย่าช้าติทันที มิเคือง ศรีเปรื่อง ๑๘ ส.ค. ๒๕๕๖ หัวข้อ: Re: ฉันทะดำเนิน เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 21 สิงหาคม, 2556, 10:39:04 AM ท่านสดายุ ขอผมบ่น มาณวกฉันท์ ๘ อีกสัก ๒ บท
มาณวกฉันท์ ๘ 0112 2113 0113 0114 0115 5114 0114 0116 1 = ลหุ 0 = ครุ 2, 3, 4, 5 = ครุ และ สัมผัสในบท 6 = ครุ และ สัมผัสที่ส่งไปบทถัดไป ตื่นนิทระมา กายะมิสด ทั้งอุระหด- หู่มิประเทือง ดั่งสุริย์ผ่อน หย่อนรุจิเรือง กริ่งวะจะเปลือง เรี่ยวพละตน ท้องนภอึม- ครึมและสลัว พื้นภพมัว ทั่วทิศหน นั่งสริร์เดี่ยว เปลี่ยวปละกมล จึ่งแวะประพนธ์ ฉันทะดำเนิน ศรีเปรื่อง ๒๑ ส.ค. ๒๕๕๖ หัวข้อ: Re: ฉันทะดำเนิน เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 21 สิงหาคม, 2556, 08:59:19 PM ทวนไฟฉันท์ ๓๙
เป็นฉันทะประดิษฐ์ของ คมทวน คันธนู โดยการผสมผสานสองฉันท์ใหญ่เข้าด้วยกัน คือ สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ กับ อีทิสังคฉันท์ ๒๐ 000110101112 .. วรรคแรกของสัททุล 10101012 .. วรรคสองของอีทิสัง 103 .. วรรคสามของอีทิสัง 010101013 .. วรรคแรกของอีทิสัง 14 .. วรรคสามของสัททุล 1=ลหุ นอกนั้นครุ เลขเดียวกัน = สัมผัสสระ สัททุลวิกกีฬิตฉันท์ ๑๙ 000110101112 - - - 00102 - - - 13 1=ลหุ นอกนั้นครุ เลขเดียวกัน = สัมผัสสระ อีทิสังฉันท์ ๒๐ 010101012 - - - 10101012 103 1 = ลหุ 0,2,3 = ครุ ๐ คือ..สัมพันธ์ขณะแรกก็แทรกบทะประเมิน สุพจนีวิถีเผอิญ........ก็เพลินพร้อง งามก็พลันสถาปนาคระลอง ฉาบอุ่นละมุนจอง......ณ ใจ ๐ คือ..งดงามดละพร้อมประนอมรหัสะนัย อุบัติซึ้งคะนึงสมัย........กะใครนั้น หมายประลองถวิลคละจินตะบรร- โลมทรวงและหน่วงขวัญ-.......ะนวล ๐ พากย์นี้กรองเฉพาะหมายจะร่ายวรรณะขบวร ประสาทะคิดประสิทธิควร........สงวนความ หวังจะเอื้ออุบัติรหัสะงาม "คนไกล"จะไหวตาม........ลุตา ๐ ให้รับรู้ภวะซึ่งคะนึงสหะสถา- นภาพกะรอพะนอสภา-........วะอารมณ์ เพื่อภวังคะผ่านผสานผสม ข้องเกี่ยวและเกลียวกลม........ประการ ๐ สำนึกเถิดบทะนั้นจะสรรคะพิสดาร ประดุจะล่วงณห้วงสถาน........พิมานทอง จังหวะแห่งถวิลฤสิ้นคระลอง เมื่อนัยพิสัยนอง........ประนัง ๐ แม้นดวงเดียวรพิแผงแสดงพละประดัง วิโรจนาประภานภัง-........คะปลั่งแดง ช่วงระหว่างเพราะวาระกาละแปลง ปรับเห็นและเร้นแสง.........กะโสม ๐ ดั่งโรจน์แรงสุริยันถวัลยะโพยม กระอุกกระไอสมัยะโหม........ตระโบมหา ดั่งประจบประจันบุหลันนภา โลมคลื่นระรื่นถา........ผทม ๐ ตาวันบอกระยะต่างระหว่างภวะปฐม วิตกะวัตรและทัศน์นิยม.........ภิรมย์ยล บอกจะเพียงจะเพื่อจะเอื้อพิมล รอยห่างระหว่างหน.........ฤเห็น ๐ ห่างเพียงรูปเฉพาะหมายเพราะปลายพิสัยะเร้น กมละสรรค์อนันตะเป็น........จะเช่นปอง คาบระหว่างประสิทธิ์วิจิตรสนอง หวังเพียงจะเคียงตรอง..........ตริตาม ๐ คาบคำนึงผิวะตรงประสงค์รหัสะความ ผจงสมัยพิสัยะขาม.........จะข้ามไข ร้อยละเมียดละมุนกรุณะใคร ผ่านวอนเลาะอ่อนไหว........ระแวง ๐ คืนแลวันจะสมานเพราะผ่านรุจะแสดง ขจัดประภาสพิลาสะแรง.........ละแหล่งลง ทัศนาเสมือนตะวันและจันทระทรง ชั่วกัลป์อนันต์คง........ประคอง ๐ เกรงไร้สิ้นภวะนั้นจะปันบทะสนอง ประสาทะฤทธิ์ประสิทธิรอง.......ละอองรมย์ อาจจะหมายวิวัฒน์อุบัติสม เฝ้าคิดขจิตจม.........ณ ใจ ๐ คือ..น้ำค้างระดะหยาดพิลาสชุติพิไล สลับสล้าง ณ กลางไผท.......ไสววาม- นั้นจะผ่องและผายผกายพิราม ยอแสงแจรงยาม........ณ ยล ๐ คือ..น้ำใจระดะหลั่งประดังอุระระคน ละหยดผิว์สาปะนาบกมล.......พิมลเหลือ นั้นก็ผ่องและผายผกายอะเคื้อ ยอแสงแจรงเชื้อ.......เผชิญ หัวข้อ: Re: ฉันทะดำเนิน เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 22 สิงหาคม, 2556, 07:36:27 PM (มาณวกฉันท์ ๘)
ด้วยวะ"อริชญย์" ถิ่นคฤหะใหญ่ กลอนกวิไทย ชวนมิตรเพลิน ร้อยวจะรัด อัตถเจริญ ตามบทเดิน บรรพนิทาน- วากยะฝรั่ง ฟัง ฤ ก็งง แต่ดนุม่ง จิตตะประสาน กว่าจะสำเร็จ เสร็จ ฤ ก็อาน เชิญมิตรกานท์ ได้ทัศนา http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=24932.msg199312;topicseen#msg199312 (http://www.klonthaiclub.com/index.php?topic=24932.msg199312;topicseen#msg199312) เกริ่น ถิ่นอภิไกล ในพนะลึก มากดรุพฤกษ์ ใกล้ชลธาร์ มียุวะลิง พิงสริรา พึ่งรุกขา ปราศระทม กึ่ง ณ ละหาน ธารชลนี้ ปรากฏมี ผืนเกาะอุดม หลากผลไม้ ให้อภิรมย์ ลิงก็นิยม วนจรมา ยามกระเพาะกิ่ว หิวภัต์ตหาร ลิงก็ทะยาน โผนสริรา โดดเหยาะเหยาะเหยง เร่งบทคลา ลัดเลาะศิลา ข้ามชละลัย สู่เกาะพิเศษ เขตบริบูรณ์ มากภัตพูน เปรมดิหทัย กินผลหมาก รากดรุไว อิ่มก็คระไล กลับคฤหะรัง ข้างชลคลอง สองจระเข้ พิศ ก็อุเหม่ ! เจ้ายุวะกัง แสนเกะกะตา วานรจัง จับ ฤ ก็พลั้ง พลาดเพราะมิทัน อยากจะขย้ำ อ้ำเพราะวะแค้น ลิง ฤ ก็แสน ว่องกะยะหัน เพียรตริพินิจ คิดกลสรรค์ จับกปิอัน เชาวน์เชวง จระเข้เมีย-ผัววางแผนการร้าย แล้วทินหนึ่ง จึ่งภริยา- แร้ภณะว่า "นี่แน่ะตะเอง เราจะระรื่น ครื้นรตะเครง ด้วยกลเจ๋ง น้องดำริมา ในตะละวัน นั้นน่ะกบิล ย่างเหยาะเลาะหิน ข้ามชลธาร์ พี่ก็จำแลง แสร้งสรีรา หนึ่งกลว่า หินบ่มิติง จังหวะกบิล ผินกะยะโจน พี่ ฤ ก็โผน ด้วยพละจริง กัดและกระชาก ลากยุวะลิง ปลิดชิวะทิ้ง เป็นภัตเรา" ภรรดะตะโขง โผลงวทะ "โอ้! เลิศซะ อะโห! เลยยุพเยาว์" จักสมจินต์ กินภัตเหลา ร่างสริร์เจ้า เชาวน์กบิล วันปฏิบัติการ @ จระเข้ผัว:- ครั้นทินใหม่ ไคลบ่มิช้า แฝงสริรา แอบพะกะหิน รอยุวะกัง หวังจิตกิน ชีวะจะสิ้น แล้วล่ะทโมน @ กบิลน้อย:- ฝ่ายยุวะลิง วิ่งคละกระโดด หยุดพิศโขด ยั้งมิกระโจน ด้วยเพราะตระหนัก ลักษณะโนน ผิดกะกระโน้น ท่าจะมิดี คงอุปเท่ห์ เข้ทวิหลอก หมายจะขยอก กายะสรีร์ ตั้งสตินึก ตรึกตริวิธี รอดภัยนี้ อย่างสุขุมาล พลันก็ตะโกน โยนพจนา "โอ้วะศิลา ทุกข์ ฤ สราญ" เข้ ฤ ก็ไป่ ไขภณะขาน กริ่งกปิชาญ รู้กลตน จึ่งยุวะลิง ยิงภณะต่อ "แปลกอุระหนอ จิตตะฉงน มิตรศิลา ท่าจะพิกล เลยบ่มิสน ต่อวทะกัน" @ จระเข้ผัว:- ข้างจระเข้ เขวหฤทัย แม้นผิวะไม่- ตอบพจะมัน เล่ห์กลเรา เฝ้าพิระสรรค์ อาจภิทะบรร- ลัยะกระบวน จึ่งรยะเร่ง เปล่งวทะรี่ "เราน่ะฤดี สุขะกระสรวล" ด้วยเพราะวะเขลา เบาจิตครวญ หลงพจะชวน เชาวน์สวา @ กบิลน้อย:- พลันก็สว่าง กลางมนใน กุมภิลใหญ่ แฝงสริรา หมายจะมล้าง ม้างอัตมา เป็นภัตตา ให้สุขมน จึ่งวทะเอ่ย "เหวย! กุมภีล์ เรากปินี้ พร้อมสละตน ด้วยเพราะวะเจ้า เชาวนท้น จิตตะจำนน เล่หะอุบาย กุมภิล์ก็โปรด โอษฐเผยอ เราจะมิเก้อ โจนสริร์กาย เป็นภัตะกิน สิ้นชิวะวาย ตามวัฏสาย โซ่กระยะหาร" @ จระเข้ผัว:- ฝ่ายกุมภีล์ ดีหฤทัย เร่งกระทำไว ตามกะปิชาญ หมายจะกระชาก พรากวิญญาณ ไม่พิเคราะห์ทาน เหตุและผล @ กบิลน้อย:- เยาวแสม แหม่! ก็สราญ โดดย่ำกบาล มารอริตน สองบทถีบ รีบจรดล สู่ภพบน พ้นภยพาล แล้ววทะบอก ตอกอุระแร้ "เจ้าน่ะก็แค่ ตัวมหุฬาร มีพละมาก ยากจะประมาณ แต่ ฤ จะทาน เชาวนเรา" ศรีเปรื่อง ๒๑ ส.ค. ๒๕๕๖ ปล. ม่ง = มุ่ง เข้, แร้, กุมภิล, กุมภีล์ = จระเข้ กบิล, กปิ, สวา, กัง, แสม, วานร, ทโมน = ลิง ดรุ, รุกขา = ต้นไม้ ทิน = วัน ตะเอง แผลงจาก ตัวเอง (แสลงเด็กวัยรุ่น) ตะละ แผลงจาก แต่ละ สุขุมาล = ละเอียดอ่อน หัวข้อ: Re: ฉันทะดำเนิน เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 26 สิงหาคม, 2556, 09:21:21 PM (http://upic.me/i/9a/k_d3d6218.jpg) (http://upic.me/show/46727617)
อีทิสังฉันท์ ๒๐ 010101012 - - - 10101012 103 1 = ลหุ 0,2,3 = ครุ O ปีกวิหคะกางระหว่างนภา กระหยับก็คือกระพือถลา และโบกบิน O แผ่วพระพายพะพลิ้วระริ้วกะตฤณ ประภาสะเหลื่อมกระเพื่อมก็สิน- ธุยามยล O แสงรวีระยับประทับสถล ประแพร่งประแพรวก็แวววิมล ปฎลวัน O เสียงคะนองก็เอิกเกริกประชัน สกุณะผกและวกถลัน ประจันน้ำ O หัวนะลิ่วทะลวงและควงกระทำ และเล็บก็กุมขยุ้มขยำ ขย้ำคา O ปลากระดิกกระแด่วผะแผ่วชะตา ณ ปีกกระพือก็คือชิวา จะพร่าพัง O ปีกสะบัดและโบกก็โยกพลัง สยายประภาพกระหนาบ นภัง- คะฝั่งบน O ฝ่าสุรียะช่วง ณ ห้วงสถล เลาะขุนคิรีก็ปรี่ประจญ จะรณรบ O ภาพอุทัยสวรรคะพลันประจบ สภาพะธรรมกระทำกระทบ ณ ภพพื้น O กาละชาติภพจะกลบจะกลืน ทิชาคุฤทธิ์และสิทธิขืน- จะคืนหรือ O เล็บขย้ำขยุ้มและกุมกระพือ ประภาพสมรรถประหัตะคือ- ประลือร้อง O ดิ้นกระดิกกระแด่ว ณ แนวคระลอง- ชลาระรินและสินธุฟอง- จะล่องพ้น ! หัวข้อ: Re: ฉันทะดำเนิน เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 04 กันยายน, 2556, 05:22:33 PM สุรางคนางค์ฉันท์ ๒๘
1012 1012 1013 1014 1413 1013 1015 1 = ลหุ 0 = ครุ 2, 3, 4 = ครุ และ สัมผัสในบท 5 = ครุ และ สัมผัสที่ส่งไปบทถัดไป เพราะด้วยวะยาก กะกิจจะมาก ทะลักทะล้น ก็เลยมิใคร่ จะได้แวะวน ประสานยุบล ลบองวิภา นิกรมนุษย์ จะสุข ฤ ทรุด ระกำชิวา มิใช่วะพรหม ฤ ยมนา ลิขิตชะตา อุราระทม ก็อัตตะจิต แหละเขลาจริต พินิจวะตรม สมองตริว่า มิน่าภิรมย์ มโนก็กรม เพราะจินตะดล สรีระทุกข์ มิสดมิสุข ลำบากลำบน จะปราศะหมอง และข้องกมล ผิว่ามิวน ตริเช้าตริเย็น ศรีเปรื่อง ๔ ก.ย. ๒๕๕๖ หัวข้อ: Re: ฉันทะดำเนิน เริ่มหัวข้อโดย: ศรีเปรื่อง ที่ 05 มีนาคม, 2557, 10:22:49 PM (อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑) [อากาศกระอุกหลาย สริร์ชายก็เต่าเหม็น] >> แบบตามกฏ อากาศกระอุกแท้ จั๊กกะแร้ก็เกิดเหม็น หวาดหวาดมิเคยเป็น ดนุแสนกระวนใจ ด้วยนัดกะหนึ่งสาว ฉวิพราวสกาวใส เต่าเหม็นฉกาจใคร ล่ะจะชมนิยมเรา พิมเสนและสารส้ม คละผสมจะบรรเทา คั้นลูกมะนาวเอา เฉพาะน้ำละเลงทา อีกผลมะขามแก่ สะระแหน่ก็เป็นยา ปูนแดงกระจัดภา- วะบุรุษสรีร์หืน ศรีเปรื่อง ๕ มี.ค. ๒๕๕๗ ปล. ขอแหกกฏฉันท์รัตนโกสินทร์ ๑ จุดนะครับ (อิอิ) จั๊กกะแร้ เอา คำ "ครุ"มาวางในตำแหน่ง "ลหุ" (จั๊ก เป็นคำตาย แม้เสียงจะไม่สั้นเท่ากับคำลหุ แต่อ่านทำนองเสนาะแล้วก็มีผลต่อจังหวะของฉันท์น้อยมากครับ) กระอุก = ระอุ |