หัวข้อ: O แสงช่วงแห่งดวงมณี .. O เริ่มหัวข้อโดย: สดายุ ที่ 18 สิงหาคม, 2556, 10:11:35 PM (http://upic.me/i/yp/227863-519ea01b434b7.jpg) (http://upic.me/show/46587896) O หม่นมัวเงียบงันอยู่ ..ในตรู่สาง หยดน้ำวางตัวเกลื่อน..ทั่วเถื่อนหน ฟ้าสูง .. ภาพฝูงนก .. บินวก-วน เมื่อสูรย์พ้นสิขรคล้อย .. ขึ้นลอยดวง O หอมโกสุมกล่อมยาม .. เมื่อวามวับ- ดวงวันทอลออระยับขึ้นรับช่วง ลมเช้าชื่นเฉื่อยโชย .. ก็โดยรวง- ช่อมาลย์ปวงเตรียบหอมรายล้อม .. รอ O ตฤปความหอมรื่นล้ำ-แห่งธรรมชาติ บำบวงภาษปรุงปอง .. พร่ำพร้องขอ หมายโสตเทพเพลิดเพลิน .. คำเยินยอ ดลฤทธิ์ต่อสายใย .. รัดใจนั้น O ผูกมัดใจหนึ่งอยู่ .. อย่ารู้คลาย เก็บสองปลาย .. ซ่อนไว้เพื่อไหวสั่น- แห่งถวิลร้อนแรง .. จักแบ่งปัน- โอบออขวัญ .. อบอุ่นเข้าหนุนทรวง O ละคาบยามพ้นผ่าน .. แม้นนานเนิ่น พึงจำเริญแนบแน่นด้วยแหนหวง ดื่มด่ำรสวาบหวามถ้อยความปวง- พร้อมความห่วงใยมี .. เต็มที่ทาง O หมายทุกทุกอณูธาตุ .. ห้วงอากาศ ยอโอภาสวับวาวทุกก้าวย่าง ล้อมรูปแพงทองขวัญ .. ป้องสรรพางค์- ถนอมร่างถนอมเนื้อ .. ไว้เอื้ออิง O ทุกโอภาสแอบออ .. ร่ำรอถนอม พึงแนบน้อมอาลัยสู่ใจหญิง ทุกรอบวันลับดวง .. โปรดช่วงชิง- ดวงใจมิ่งขวัญวาง .. ที่กลางใจ O บำบวงถ้อยเทอดแถนทั้งแดนฟ้า เพื่อก่อรูปพรรณนา .. หมายอาศัย- สื่อความอุ่นอ่อนหวานจากด้านใน- ดวงจิตให้สั่นเต้น .. ด้วยเอ็นดู O เตรียบคำถ้อยเพื่อแถนทั้งแสนสรวง ช่วยทาบทวงอาวรณ์ .. มอบย้อนสู่- หัวใจเยาว์อบร่ำความดำรู- ด้วยนัยชู้แห่งชาย .. ที่หมายชม O หม่นมัวเงียบงันอยู่แห่งตรู่สาง ก็เริดร้างด้วยระยับแสงทับถม ตระการรูปปรารถนาในอารมณ์ ก็ห้อมห่มทรวงไว้ด้วยนัยเดียว O เตรียบจินตาร่ำรอลออภาค รับอาวรณ์ไหลหลากอันกรากเชี่ยว เตรียมใจไว้ปลิดปลิวด้วยนิ้วเรียว- เจ้าเอื้อมเหนี่ยวเด็ดวาง .. แนบหว่างใจ O เตรียบอารมณ์ร่ำรอพะนอถวิล ก็โดยจินตนาความ .. อันหวามไหว กลางวงรอบเสน่หาความอาลัย หวังหมุนให้เฝ้าหมาย .. แต่ชายเดียว O ขวัญเจ้าเอย .. ครั้งรูปเผยผ่านมาให้ตาเหลียว เยื่อใยอย่างแฝงเร้น .. ฟั่นเป็นเกลียว- ม้วนสองปลายรัดเหนี่ยว .. พันเกี่ยวไว้ O สายใยแทนความแหนหวง คือเงื่อนบ่วงโอบขวัญ .. เฝ้าฝันใฝ่ เพื่อเสพรับอุ่นอายจากภายใน อุ่นอาลัยล้อมรุม .. เข้าสุมลน O แต่บรรจบก็ลุกลามเป็นความหมาย แววตาฉายสบกันนับพันหน ก็แต่นั้น .. หวั่นไหว .. และใจคน จักหลุดพ้นพรากได้ .. เยี่ยงไรฤๅ ? O เห็นมณีน้ำระยับงามจับตา ควรคิดคว้าเอาไว้ .. มิใช่หรือ ใครเล่าจะเหนี่ยวดึง .. ส่งถึงมือ มีแต่ยื้อยึดครอง .. เป็นของตัว O เหลื่อมแสงพร้อยพร่างอยู่ไม่รู้สิ้น เชื่อมสองจินต์เผยออก .. นัยหยอก-ยั่ว แววมณีแฝงเร้น .. คล้ายเต้น-รัว- อยู่โดยทั่วดวงมณี .. ณ ที่นั้น O จนเส้นช่วงโชติวิเชียร .. เริ่มเวียนว่าย แววช่วงฉายจากไหน .. นะไหวสั่น ดูเถิด-ที่ก่ำแก้ม .. ราวแต้ม-ปัน- ด้วยหวามหวั่นจบพักตร์ .. จำหลักแล้ว O รับรู้ความครวญคะนึง... เมื่อแววซึ้งซ่านใจ .. นั้นไหวแผ่ว มณีงามก็คล้ายดั่งจะปลั่งแวว- และคล้ายแน่วแน่อยู่ .. ให้รู้นัย O รับรู้ความอาวรณ์... ที่เหมือนอ้อนออดอยู่ .. จนรู้ได้- ที่เหมือนอ้อนออดรู้ .. เพื่อรู้ใจ ที่เหมือนไล้โลมทั่วทั้งตัวตน O ลมเหนือที่เหน็บหนาว .. เมื่อโหมฝ่าห้วงหาวทุกคราวหน เถิด-ทุกครั้งอวลหอม .. เข้าล้อมลน ล้อมใจคนถวิลชู้อย่ารู้คลาย O เจ้าดวงมณีเอย .. ยิ่ง-รำเพยลมร่ำ .. เจ้ารำร่าย- แววออดอ้อนฝ่าสมัย .. ยั่วใจชาย เกรงว่า-สายเกินการณ์จักต้านแล้ว ! |