หัวข้อ: ชะตากรรมมะเขือริมคูคอนกรีต (ยามพืชครัวขยับรุกชั้นห้างค้า) เริ่มหัวข้อโดย: สนอง เสาทอง ที่ 26 สิงหาคม, 2556, 01:43:39 PM ชะตากรรมมะเขือริมคูคอนกรีต
(ยามพืชครัวขยับรุกชั้นห้างค้า) -๑- โอ้อนิจจาเจ้ามะเขือริมคูข้าง แผลปรุด่างเรื้อดวงรอยราไหม้ เพลี้ยแมลงทึ้งรุมก้านยอดใบ อีกดอกแดดแผดไฟนรกเตา ลูกสวยพอเหมาะเคียงสำรับ น้ำพริกเผาเขียมกับในมื้อข้าว อีกเขียวแกงหวานไก่รสมือเรา แต่มื้อเช้าอิ่มตื้อบ่ายจรดค่ำ มาบัดนี้ไหม้ราใบเฉาร่วง ใจคนหวงปริ่มวายในท้อพร่ำ ประหงมแต่อ้อน, อยู่ประจำ เทียวรดน้ำกล่อมเกลี้ยงใจผูกพัน เฝ้าถนอมถนิมสร้อยแต่ต้นอ่อน ก่อนตักบาตรรดเช้าพะเน้านั้น ดุจมารดร, อาทร-บุตรในครรภ์ โอ้บุญปลูกโศกศัลย์ใบไหม้รา -๒- พริกกะเพราผักบุ้งตะไคร้ขึ้นทั่ว กะทกรกบัวบกมะระตำลึงยี่หร่า ผลิสะพรั่งร่วมคูทางกิ่งใบแยงฟ้า อีกฟักทองมือคว้าขึ้นค้างกระถิน -๓- ในผิดที่ผิดทางแต่ปางปลูก ในทิศเมืองขย้ำรุกแต่ฐานถิ่น สวนพืชครัวจำปลูกแคบคูดิน คั่นคูน้ำคู่ทางคอนกรีตขนาน คือทุ่งนาทุ่งข้าวครั้งเก่าก่อน คือทางเกวียนวกย้อนลัดผ่านย่าน คือรูปรอยสืบเล่าจำเนียรกาล คือตำนานทุ่งถิ่นก่อนเมืองมา -๔- โอ้มะเขือข้างคูจึงแปร่งแปลก ในผิดที่แผกทางค่าแพรกหญ้า ในวุ่นวายของเมืองมิสร่างซา ใบก้านไหม้เชื้อรา, ร่วงกระจุก มะเขือ, ไม้เมืองในเปลืองเปล่า ไม้เทียมพลาสติกเหิมห้าวเข้าเบียนรุก วิถีเมืองไม้จริงเข้าเข็ญขุก ผักพืชครัวขยับบุกชั้นห้างค้า อนิจจาโอ้เจ้ามะเขือริมคูข้าง สู้ฟูมฟักไม่ห่างใบดกหนา ในม่านเมืองสับสนคนรถรา กิ่งใบล้าปลิดโปรยโรยร่วงดิน -๕- อนิจจามะเขือริมคูคอนกรีต ใบไหม้ราปลิดโปรยร่วงโรยดินฯ หัวข้อ: Re: ชะตากรรมมะเขือริมคูคอนกรีต (ยามพืชครัวขยับรุกชั้นห้างค้า) เริ่มหัวข้อโดย: สนอง เสาทอง ที่ 26 สิงหาคม, 2556, 01:44:38 PM กรานกายซบ ณ ใจดิน
(ภูมิถิ่นบ้านนาเรา) หอมลานดินไคลทุ่งย่านทางถิ่น ยังคุ้นกลิ่นมิจางสาบเหงื่อบ้าน ยังเก็บจำหลังคาระเบียงชาน ฝากระดานกระไดและครัวเตา ในเพ-ลาย้อนเยือนมาย้อนเห็น ยังอยู่เช่นนานมาครั้งก่อนเก่า เฒ่าชะแรแปล้ชรายักแย่เนา หนุ่มสาวนิราศเมืองหวังเรืองไร หอมใจดินสาบกลิ่นของนาทุ่ง หอมผ้าถุงซิ่นไหมแม่ทอใส่ หอมกลิ่นน้ำพริกป่านั้นบ้านใคร หอมน้ำใจน้ำพริกไพรพูนจานมา สวรรค์บ้านทุ่ง...ยังสวรรค์ ปลุกภวังค์ฝันโตรกอดีต, ฝังโหยหา รั้วตำลึงเถาเลื้อยคุ้นชินตา ภาพอดีตฝังเวลา, ผุดห้วงคำนึง หอมกลิ่นสนุ่นคุ้งตมคลองท้ายบ้าน เคยจับปลาแหประหารมาตากผึ่ง ภาพคืนวันเก่าเก่ายังจารตรึง แจ่มชัด-มโนขึงฝุ่นสีแรระบาย หอมใจดินเหงื่อทุ่งไคลละหาน กลิ่นสาบบ้านโชยผะผ่าวร่ายร่าย ไสววิถีบ้านบ้านงามมิคลาย กรานกายซบ ณ ใจดินถิ่นบ้านเราฯ หัวข้อ: Re: ชะตากรรมมะเขือริมคูคอนกรีต (ยามพืชครัวขยับรุกชั้นห้างค้า) เริ่มหัวข้อโดย: สนอง เสาทอง ที่ 26 สิงหาคม, 2556, 01:48:16 PM หอมไอดินกลิ่นทุ่ง
(ยามฝนแรกมาเยือน) หอมไอดินกลิ่นทุ่ง ฝนโปรยปรุงโหยดิน, ปลุกตื่นฟื้น เขียวแพรกหญ้าคละเคล้าแซมยืน ดอกดินดื่น, พรมห้องนา ดอกแดดบานอ่อนอ่อน ลมทุ่งแผ่วออดอ้อน, อ้อยอิ่งช้า ปุยเมฆคลื่นเลื่อนล่องครองนภา แต้มรวงฟ้า, ห่มรวงดิน ยามฝนแรกโปรยสาย ปลุกใจนาทรายดิน, ฟื้นแล้งถิ่น ละหานนาอุ้มฉ่ำฟื้นรวงใยชีวิน ทั่วทุ่งดิน, เริงระบำ หรีดหริ่งพฤกษ์ไพรเสียง วิหคจำเรียงคีตกานท์, คลอสูงต่ำ สำเริงสำราญสำเนียงทุ่งลำนำ เช้าเจียนค่ำ, รอนอัสดง หอมไอดินกลิ่นทุ่ง รวีวาดเฉดมณีรุ้ง, งามแกมหงส์ แพรกหญ้าเถาเลื้อยพลิ้วไหววง สรรพชีวิตคง, ว่อนว่ายรำฯ หัวข้อ: Re: ชะตากรรมมะเขือริมคูคอนกรีต (ยามพืชครัวขยับรุกชั้นห้างค้า) เริ่มหัวข้อโดย: สนอง เสาทอง ที่ 26 สิงหาคม, 2556, 02:00:56 PM ชะตากรรมกระจอกน้อย
(ถูกนกเอี้ยงพาลแย่งรัง) ๑. เกกมะเหรกคู่เอี้ยง โมเม คิดแย่งรังฉลเล่ห์ เบ่งท้า กระจอกพล่านเร่าเกร่ สร้องแซ่ ท่านนา จึงค่อยปลงก้มหน้า ปริ่มน้ำตาคลอฯ ๒. กระจอกรังแต่งน้อย พอตัว เอี้ยงชั่วคิดพันพัว แย่งยื้อ ถือตัวใหญ่บ่กลัว กรรโชกขู่ ผิว่าสู้แพ่งดื้อ จิกเจ้าม้วยวายฯ ๓. จิ๊บจิ๊บจิ๊บแผ่วเศร้า เสียงกระจอก คบกิ่งเขียวมะกอก เจ่าร้อง พาลเอี้ยงข่มตะคอก กรีดเร่ง เจ้านา ผิร่ำไรช้าต้อง เซ่นเท้าสังเวยฯ ๔. นกเมืองไร้หมู่ไม้ แปงรัง มวลหมู่มนุษย์คลั่ง วัตถุบ้า ไม้เมืองโค่นบ่ยั้ง ผลาญคร่า เหี้ยนแฮ พงศ์แซ่สกุณต่างล้า ป่าร้างไร้รังเรือนฯ ๕. กระจอกเอี้ยงแย่งต้น เสาไฟ คอนเจ่าสายไฟใช้ ต่างก้าน กระจอกวุ่นรังใย ฟ้อนว่อน ถักนา เอี้ยงน่าชังเกียจคร้าน แก่งเจ้าแย่งครองฯ ๖. ดูสกุณเฝ้าอยู่เหย้า เงียบงัน นึกแต่กระจอกนั้น จ่อมเศร้า เพียรอุตส่าห์แข่งขยัน แท้นั่น ท่านเฮย เอี้ยงแย่งรังเย้ยเจ้า หม่นร้าวโศกาลัยฯ สนอง เสาทอง 11 พ.ค. 56 ***เสียงนกจิกตีกันวุ่นวายเมื่อเช้า ลุกออกมาดูหน้าระเบียงบ้าน เห็นนกเอี้ยงคู่หนึ่งบินไล่จิกตีผัวเมียนกกระจอกที่สร้างรังอยู่ต้นเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน (ทำรังระหว่างสายไฟที่ร้อยมายังเสาเป็นสามทาง) นกกระจอกสู้ไม่ได้หนีไปเจ่าต้นมะกอกข้างบ้านส่งเสียงโวยวายลั่น ***ปกตินกกระจอกจะทำรังที่เสาไฟนี้แบบถาวร แต่พอใกล้ฤดูฝน นกเอี้ยงซึ่งปกติไม่สร้างรังนอน ก็จะมาไล่นกกระจอกเพื่ออาศัยรังออกลูก เมื่อลูกโตก็จะบินหนีไปจากรังทั้งหมด นกกระจอกก็จะกลับมาอาศัยที่รังเดิม เป็นเช่นนี้ทุกๆ ปี (อาจเป็นนิสัยเฉพาะตัวของนกเอี้ยงสุรินทร์) หัวข้อ: Re: ชะตากรรมมะเขือริมคูคอนกรีต (ยามพืชครัวขยับรุกชั้นห้างค้า) เริ่มหัวข้อโดย: สนอง เสาทอง ที่ 26 สิงหาคม, 2556, 02:03:06 PM รำพึงรำพันคลั่งเพ้อละเมอพก
๑. เกิด เพื่อวนว่ายชดใช้ กรรมเวร แก่ คือระเบียบกฎเกณฑ์ รูปเค้า เจ็บ กายวิภาคอุกเข็ญ วิบาก ตาย ทิ้งซากเปื่อยป่นเถ้า เน่าเนื้อคลุ้งเหม็นฯ ๒. ยาก แก่กายใจนั่นล้วน จิตปรุง ดี ประดับให้หอมฟุ้ง อะคร้าว มี เงินทองสิบกระบุง ล้นกิเลส จน เป็นเหตุจิตป่วยเศร้า ทุกข์ท้นเทวษฝืนฯ ๓. ล้ม เพื่อลุกสู้แกร่งท้า ทุกข์ภยันต์ หมอน หนุนจิตตื่นเบิกบาน พุทธะรู้ นอน ให้นิ่งหลับสำราญ มโนว่าง เสื่อ ดุจดั่งพาหนะกู้ หลุดพ้นปรมัตถ์ฯ ๔. รัก ยินดีในรูปเหง้า รากกาม โลภ ความอยากอันทราม เน่าเรื้อน โกรธ ดึงรั้นโง่บุ่มบ่าม สิ้นสติ หลง อวิชชาย้อมเปื้อน ทบท้นบอดเขลาฯ ๕. ข้าว ปลาอาหารนั่นแท้ ของจริง ของ ถ้วนทุกสรรพสิ่ง หลอกล้วน เงิน มายาคติมนุษย์อิง เปลือกค่า ทอง โลหะธาตุแต่ถ้วน มนุษย์ปั้นอุปโลกน์ฯ หัวข้อ: Re: ชะตากรรมมะเขือริมคูคอนกรีต (ยามพืชครัวขยับรุกชั้นห้างค้า) เริ่มหัวข้อโดย: สนอง เสาทอง ที่ 26 สิงหาคม, 2556, 02:05:22 PM โคลงสามสุภาพ
อาศัยเถื่อนตึกพง ชัฏปูนดงลิ่วฟ้า ร้างถิ่นแรมรอนล้า เรื่อยก้าวบุกไป หวังพิไลชีวิต เพื่อลิขิตเฟื่องฟุ้ง พราวเลื่อมดุจเพ็ญรุ้ง เด่นล้ำชีวา ยี่สิบกว่าฉนำ ตรากระกำป่ายดิ้น ขมเฝื่อนทุกข์ท้อสิ้น ป่นไหม้เถ้ากูณฑ์ กี่หวังสูญพลาดหวัง ทุกข์ประดังเร่งเร้า จมจ่อมห่มเรื้อเศร้า ร่ำไห้เทวษหวัง แก้วนาฯ สนอง เสาทอง 8 มิถุนา 56 หัวข้อ: Re: ชะตากรรมมะเขือริมคูคอนกรีต (ยามพืชครัวขยับรุกชั้นห้างค้า) เริ่มหัวข้อโดย: สนอง เสาทอง ที่ 26 สิงหาคม, 2556, 02:10:45 PM ชะตากรรมกระจอกน้อย (ถูกนกเอี้ยงพาลแย่งรัง) ๑. เกกมะเหรกคู่เอี้ยง โมเม คิดแย่งรังฉลเล่ห์ เบ่งท้า กระจอกพล่านเร่าเกร่ สร้องแซ่ ท่านนา จึงค่อยปลงก้มหน้า ปริ่มน้ำตาคลอฯ ๒. กระจอกรังแต่งน้อย พอตัว เอี้ยงชั่วคิดพันพัว แย่งยื้อ ถือตัวใหญ่บ่กลัว กรรโชกขู่ ผิว่าสู้แพ่งดื้อ จิกเจ้าม้วยวายฯ ๓. จิ๊บจิ๊บจิ๊บแผ่วเศร้า เสียงกระจอก คบกิ่งเขียวมะกอก เจ่าร้อง พาลเอี้ยงข่มตะคอก กรีดเร่ง เจ้านา ผิร่ำไรช้าต้อง เซ่นเท้าสังเวยฯ ๔. นกเมืองไร้หมู่ไม้ แปงรัง มวลหมู่มนุษย์คลั่ง วัตถุบ้า ไม้เมืองโค่นบ่ยั้ง ผลาญคร่า เหี้ยนแฮ พงศ์แซ่สกุณต่างล้า ป่าร้างไร้รังเรือนฯ ๕. กระจอกเอี้ยงแย่งต้น เสาไฟ เกาะเจ่าคอนไฟสาย ต่างก้าน กระจอกวุ่นรังใย ฟ้อนว่อน ถักนา เอี้ยงน่าชังเกียจคร้าน แก่งเจ้าแย่งครองฯ ๖. ดูสกุณเฝ้าอยู่เหย้า เงียบงัน นึกแต่กระจอกนั้น จ่อมเศร้า เพียรอุตส่าห์แข่งขยัน แท้นั่น ท่านเฮย เอี้ยงแย่งรังเย้ยเจ้า หม่นร้าวโศกาลัยฯ สนอง เสาทอง 11 พ.ค. 56 ***เสียงนกจิกตีกันวุ่นวายเมื่อเช้า ลุกออกมาดูหน้าระเบียงบ้าน เห็นนกเอี้ยงคู่หนึ่งบินไล่จิกตีผัวเมียนกกระจอกที่สร้างรังอยู่ต้นเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน (ทำรังระหว่างสายไฟที่ร้อยมายังเสาเป็นสามทาง) นกกระจอกสู้ไม่ได้หนีไปเจ่าต้นมะกอกข้างบ้านส่งเสียงโวยวายลั่น ***ปกตินกกระจอกจะทำรังที่เสาไฟนี้แบบถาวร แต่พอใกล้ฤดูฝน นกเอี้ยงซึ่งปกติไม่สร้างรังนอน ก็จะมาไล่นกกระจอกเพื่ออาศัยรังออกลูก เมื่อลูกโตก็จะบินหนีไปจากรังทั้งหมด นกกระจอกก็จะกลับมาอาศัยที่รังเดิม เป็นเช่นนี้ทุกๆ ปี (อาจเป็นนิสัยเฉพาะตัวของนกเอี้ยงสุรินทร์) (แต่งในห้วงเวลาเดียวกันที่บ้านในสุรินทร์ แต่บทนี้แต่งก่อน) โกลาหลแต่เช้า วุ่นวาย จิกไล่โฉบฉวัดไฉว แกลบเอี้ยง กระจอกทุ่มเถียงใส่ บ่เกี่ยง รุ่นนา ครู่ใหญ่สลายเกลี้ยง มุ่งหน้าหากินฯ ได้สงบเสียงอยู่บ้าง บ่ายสบาย รีบเยี่ยมบ้านกลอนไทย บ่ช้า เงียบเหงาอยู่เป็นไฉน พ้องเพื่อน ฤาว่าสิ้นเดือนลัลล้า เที่ยวร้านยาดองฯ ใกล้หกโมงค่ำแล้ว ทำใจ ยินแว่วเกี่ยงโวยวาย พี่เอี้ยง กระจอกแย่งเสาไฟ ฟ้าอยู่ คอนแล เอี้ยงบ่ยอมฟาดเปรี้ยง ต่างเข้าโรมรันฯ สงสารสองคู่เจ้า สกุณา เถียงแย่งเสาไฟฟ้า แค่ต้น ทำรังแต่หลบฝน วสันต์ล่วง ผ่านนา สิเผื่อเลี้ยงลูกพ้น ปีกกล้าขาแข็งฯ |