หัวข้อ: เหตุผลที่ห่างหาย เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 29 กรกฎาคม, 2558, 12:43:42 PM อารัมภกถา “พระสุธนชาดก” เป็นนิทานชาดกหนึ่งใน ๔๘ เรื่อง จาก “ปัญญาสชาดก” ต้นฉบับเดิมนั้นเริ่มบทเป็นภาษาบาลี แล้วขยายความด้วยร้อยแก้วเป็นบท ๆ ไป ลักษณะการนำเสนอ มีเพียงเนื้อหาหลักเท่านั้น มิได้มีบทการแสดง การเจรจา อารมณ์และเรื่องปลีกย่อยในการดำเนินเรื่องของตัวละครแต่อย่างใด มี “พระสุธนกลอนสวด” ซึ่งแต่งเป็นกาพย์ชนิดต่าง ๆ โดยจะมีกาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ คละกันไปเป็นส่วนใหญ่ มี “พระสุธนคำฉันท์” ผลงานการประพันธ์ของพระยาอิสรานุภาพ (อ้น) ในสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๔ ที่แพร่หลายที่สุดเป็นนิทานมุขปาฐะ ที่เล่าสืบต่อกันมา แต่มักจะ แปลกพิสดารแตกต่างกันออกไปตามแต่ละท้องที่ และโวหารของผู้เล่า นอกจากนี้ยังมีบทละครอีกส่วนหนึ่ง ทว่าเป็นการนำเอามาเพียงเค้าเรื่อง แต่งบทการแสดงให้มีความสนุกสนานเป็นสำคัญ พบแต่เพียงบางตอน ที่รู้จักกันแพร่หลาย เช่นตอน “พรานบุญจับนางมโนราห์” อนึ่งพระสุธน มโนราห์ ที่แต่งเป็นคำกลอน มีคนกล่าวว่าเคยมีแต่งไว้ ก่อนพ.ศ. ๒๔๕๙ แต่จะสมบูรณ์ตลอดทั้งเรื่องหรือไม่นั้นมิมีหลักฐานยืนยันได้ ด้วยปัจจุบันนี้ ได้ค้นหาในหอสมุดแห่งชาติแล้วยังไม่พบ จึงมีความตั้งใจที่ จะแต่ง “พระสุธน มโนราห์คำกลอน” เล่มนี้ฝากไว้แก่อนุชนรุนหลังสืบต่อไป ลักษณะการแต่ง “พระสุธนมโนราห์คำกลอน” นี้ เป็นการประมวลความ ตามนัยแห่งชาดก เข้ากับความพิสดารในกลอนสวดต่าง ๆ รวมทั้งมุขปาฐะ เรื่องเล่าของชาวบ้านในท้องถิ่นต่าง ๆ เข้ามาไว้ด้วยกัน เพื่อให้เกิดอรรถรส มีความสนุกสนาน รัก เศร้าเคล้ากันไป ทั้งมีสาระ ธรรมะ ปรัชญาสอดแทรกไว้ ตามสมควร ท้ายที่สุดนี้ผู้แต่งคิดว่า หาก “พระสุธน มโนราห์คำกลอน” เล่มนี้ มีการตอบรับจากผู้อ่านพอเป็นกำลังใจให้บ้าง ก็จะพยายามแต่งนิทานชาดก เป็นคำกลอนเรื่องต่อ ๆ ไปในโอกาสหน้า ขอขอบพระคุณทุกท่านครับ ธนุ เสนสิงห์ [/color] หัวข้อ: Re: เหตุผลที่ห่างหาย เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 29 กรกฎาคม, 2558, 12:44:51 PM นมัสการกถา ๏ เป็นพันปีล่วงแล้ว พุทธศก กินรีชาดก เฟื่องฟ้า ชนในโลกยอยก อรรถเอก เผยแผ่ไปในหล้า สดับซึ้งตรึงฤดี ๏ ชนชมชื่นนานมา มโนราห์กินรี อินเดีย-นครศรีฯ แล้วแพร่หลายกระจายไป ๏ ทุกภาคถึงทั่วกัน ทีสำคัญเมืองเชียงใหม่ ภิกษุหนึ่งประพันธ์ไว้ “ปัญญาสชาดก” บรรณ ๏ พระโพธิสัตว์ชนม์ “พระสุธนชาดก”สรรค์ เป็นหลักฐานสำคัญ ให้ยืนยงอยู่คงกาล ๏ กลอนสวดกาพย์ทั้งหลาย แพร่กระจายทุกถิ่นฐาน วิจิตรพิสดาร อรรถรสอักษรา ๏ เรื่องเล่ามุขปาฐะ แปลกวาทะไปนานา จากปากต่อปากมา โดยชาวบ้านสืบสานศิลป์ ๏ รวมความตามตำรา ทุกลีลาที่เคยยิน ประมวลถ้วนระบิล เป็นคำกลอนทุ่มใจกรอง ๏ กราบครูครั้งโบราณ ผู้สืบสานกานท์สนอง กาพย์ ฉันท์ ทุกครรลอง ครูผู้สรรค์วรรณกรรม ๏ บิดามารดาเล่า ทุกผู้เฒ่าเคยขับลำ ครูพักลักจดจำ น้อมบำบวงดวงวิญญาณ ๏ ครูต้นแบบบทกลอน ท่านสุนทรภู่อาจารย์ จิตมั่นหมายสืบสาน วรรณศิลป์ปิ่นบรรยง ๏ “กวีร่วมสมัย” ครูผู้ให้รักดำรง สิบนิ้วก้มกราบลง แด่คุณครูที่บูชา ๏ หากมีกุศลใด เกิดโดยนัยแห่งภาษา ขอบุญคุณธรรมา ดลสุขศานต์ทั่วกันเทอญ |