เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..

บทกลอนไพเราะ => กลอนให้แง่คิด => ข้อความที่เริ่มโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 27 พฤศจิกายน, 2558, 07:18:06 PM



หัวข้อ: เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์ ตอนที่ ๔ ระลุกชาติได้
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 27 พฤศจิกายน, 2558, 07:18:06 PM
(http://upic.me/i/vc/ch1-5.jpg) (http://upic.me/show/57312703)
เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ
พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์

ตอนที่ ๔  ระลึกชาติได้

** เมื่อมีพระชนมายุได้หนึ่งเดือน
ความอัศจรรย์ก็มาเยือนเตือนความหลัง
ขณะที่พระราชบิดานั่งบัลลังก์
พิพากษาโจรโอหังทั้งสี่คน

** พระโอรสทรงบรรทมอยู่บนตัก
ไม่นานนักทุกคนคงทราบผล
ท้าวกาสีทรงตัดสินอย่างแยบยล
ตามทัณฑ์บนที่เหมาะสมกับคดี

** คนที่หนึ่งซึ่งมีความผิดน้อย
โทษเบาหน่อยโบยเฆี่ยนอย่างเต็มที่
คนที่สองผิดมากกว่าชอบราวี
ให้คุมขังทันทีมิรอนาน

** คนที่สามมีความผิดมากกว่าอีก
ทำให้หลีกไม่พ้นต้องประหาร
คนที่สี่เสียบหลาวปักประจาน
ตามโทษฐานความผิดที่คิดทำ

** พระกุมารทรงระลึกชาติก่อนได้
ว่าสร้างกรรมเอาไว้จนถลำ
สู่นรกหมกไหม้ชดใช้กรรม
ถูกเหยียบย่ำไม่เบาเผาด้วยไฟ

** ในอดีตเกิดเป็นพระมหากษัตริย์
ครอบครองเศวตฉัตรนครใหญ่
สั่งประหารชีวิตชาวเมืองไป
นับจำนวนเห็นจะได้หลายร้อยพัน

** เมื่อถึงคราวที่ต้องละโลกนี้
กรรมที่มีส่งผลต้องโศกศัลย์
ตกนรกชดใช้หลายร้อยกัลป์
หลายแสนวันนับดูแล้วแปดหมื่นปี

** ใช้กรรมในนรกจนหมดสิ้น
บุญส่งให้จอมบดินทร์ปิ่นกรุงศรี
ไปเกิดในสวรรค์ชั้นที่ดี
ดาวดึงส์เป็นที่พำนักกาย

** หลังจากนั้นมาเกิดเป็นมนุษย์
เลิศล้ำสุดบารมีที่ปองหมาย
ไม่ใช่ใครที่ไหนคือองค์ชาย
ผู้เป็นเจ้านายเมืองนี้เอง

** พระกุมาไม่ปรารถนาจะครองราชย์
กลัวอำนาจหน้าที่มาข่มเหง
ให้ต้องตกนรกน่ายำเกรง
บาปบานเบ่งอีกคราจะร้อนรน

** ไม่มีความทุกข์อะไรจะใหญ่กว่า
ความทุกข์ทรมาน่าพองขน
เหมือนทุกข์ในนรกหมกไหม้ตน
จะดั้นด้นหลีกหนีสุดชีวา

** กุมารน้อยจึงใคร่ครวญเฝ้าหวนคิด
นึกอนาถชีวิตเป็นหนักหนา
อยากจะไปให้พ้นนครา
ภาวนาบำเพ็ญธรรมสุขสำราญ

ผลงาน  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
เค้าเรื่อง/ภาพ  หนังสือพระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา

(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)


หัวข้อ: เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์ ตอนที่ ๕ เทพธิดาบอกอุบาย
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 ธันวาคม, 2558, 02:36:33 PM
(http://upic.me/i/1v/ch1-6.jpg) (http://upic.me/show/57374877)
เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ
พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์

ตอนที่ ๕  เทพธิดาบอกอุบาย
** ในครั้งนั้นยังมีเทพธิดา
คิดช่วยเหลือโอรสาผู้ห้าวหาญ
เพราะนางเป็นมารดาในก่อนกาล
ตามรักษายอดชายชาญทุกเวลา

** จึงเข้าไปกระซิบบอกอุบาย
ให้อดีตลูกชายดังปรารถนา
เพื่อได้พ้นตำแหน่งกษัตรา
สมดังเจตนาพระกุมาร

** จงทำเป็นง่อยเปลี้ยเสียแขนขา
เป็นใบ้บ้าตาบอดสอดประสาน
อีกหูหนวกเป็นคนพิกลพิการ
แม้จะทรมานต้องยอมทน

** นับตั้งแต่วันนั้นพระโอรส
ได้จำจดถ้อยความตามนุสนธิ์
จึงทำใจแล้วจึงปฏิบัติตน
เริ่มเป็นคนผิดแผกแปลกจากเดิม

** ไม่มีการตอบโต้ทางสัมผัส
ปรากฏชัดผิดปกติเข้ามาเสริม
ไม่ยินดียินร้ายได้มาเติม
เพื่อพูนเพิ่มให้สำเร็จเจตนา

** เมื่อพระเจ้ากาสีทรงทราบเรื่อง
ที่เกิดขึ้นในเมืองมีปัญหา
พระโอรสผิดปกติทางปัญญา
ไม่สบายอุราทรงพะวง

** ทรงปรึกษาหารือพระเทวี
ถึงวิธีรักษาดังประสงค์
ให้หายไปหรือว่าทุเลาลง
แล้วก็ทรงรับสั่งให้ทดลอง

** เริ่มต้นให้นมผิดเวลา
หรือบางคราให้อดเป็นซ้ำสอง
เพื่อดูผลที่เกิดดังใจปอง
เมื่อตอนที่ฉลองครบหนึ่งปี

** เมื่อพระชนมายุสองพรรษา
ทดลองกุมาราอย่างเต็มที่
ให้เด็กเด็กห้าร้อยในธานี
กินขนมอวดภูมีให้ร้าวราน

** เมื่อพระชนมายุสามพรรษา
ก็ทดลองอีกคราตามมาตรฐาน
ให้เด็กเด็กห้าร้อยรับประทาน
ผลไม้หน้าภูบาลอย่างตั้งใจ

** เมื่อพระชนมายุสี่พรรษา
เปลี่ยนวิธีเพื่อพาให้หวั่นไหว
ให้เด็กเล่นของเล่นอวดทรงไชย
ก็ไม่สนใจเหมือนก่อนนั้น

** เมื่อพระชนมายุห้าพรรษา
ทดลองหยั่งดูว่ามีใจมั่น
ให้เด็กกินอาหารอวดเช่นกัน
แต่ผลลัพธ์ของมันไม่เปลี่ยนแปลง

** เมื่อพระชนมายุหกพรรษา
ไม่รอช้าทดลองแบบแผลงแผลง
จุดไฟเผาที่ประทับอย่างรุนแรง
พระโอรสไม่แสดงอาการเลย

** เมื่อพระชนมายุเจ็ดพรรษา
ช้างตกมันมีงาไล่ยังเฉย
ไม่แสดงอาการกลัวกลับเฉยเมย
อนิจจาลูกเอ๋ยช่างเวรกรรม

** เมื่อพระชนมายุแปดพรรษา
ปล่อยให้งูออกมาไม่น่าขำ
มาพันรัดร่างกายพระทรงธรรม
ก็เงียบงำไม่แสดงอาการกลัว

** เมื่อพระชนมายุเก้าพรรษา
มหรสพเฮฮาไม่ยิ้มหัว
ก็ยังคงนิ่งเฉยไม่ลืมตัว
ไปเกลือกกลั้วตามอุบายที่หมายลวง

** เมื่อพระชนมายุสิบพรรษา
เพชฌฆาตจ้องตาก็ไม่ห่วง
ทำท่าจะฟาดฟันไม่ใช่ลวง
ก็ยังคงปล่อยให้ล่วงผ่านดังลม

** พอพระชนมายุสิบเอ็ดพรรษา
ได้ส่งเสียงพูดจาดังกันขรม
เพื่อทำลายความเงียบตอนบรรทม
องค์บรมนิ่งเฉยเหมือนหุ่นฟาง

** พอพระชนมายุสิบสองพรรษา
ทำให้เกิดแสงจ้าส่องสว่าง
ในขณะที่หลับใหลไม่อำพราง
ตื่นบรรทมมองอย่างไม่ใยดี

** พอพระชนมายุสิบสามพรรษา
เอาน้ำอ้อยชโลมทาพิถันพิถี
จนกระทั่งเยิ้มไปทั้งอินทรีย์
ก็ไม่มีปฏิกิริยาจากพระองค์

** พอพระชนมายุสิบสี่พรรษา
ให้ยุวกษัตราผู้เป็นหงส์
นอนจมอุจจาระดังจำนง
ก็ยังคงไม่เอื้อนเอ่ยเผยท่าที

** พอพระชนมายุสิบห้าพรรษา
ได้ทดลองรุนแรงกว่าไม่หน่ายหนี
ให้นอนบนความร้อนใช่ย่ำยี
แต่ให้เผยวจีว่าร้อนรน

** พอพระชนมายุสิบหกพรรษา
ให้หญิงสาวโสภาไม่หมองหม่น
มาเล้าโลมโอรสให้สุดทน
ปรากฏผลยังนิ่งเฉยเหมือนเคยมา

** ความพยายามของจอมเกล้าท้าวกาสี
ต้องเป็นหมันทุกทีเกินสรรหา
ยุวกษัติย์ตั้งมั่นด้วยศรัทธา
เพื่อจะพาตนเองให้พ้นภัย

ผลงาน  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
เค้าเรื่อง/ภาพ  หนังสือพระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา

(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)


หัวข้อ: เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์ ตอนที่ ๖ น้ำตาพระมารดา
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 ธันวาคม, 2558, 02:39:46 PM
(http://upic.me/i/h0/ch1-8.jpg) (http://upic.me/show/57374840)
เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ
พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์

ตอนที่ ๖  น้ำตาพระมารดา
** พระโอรสแสนทรมานเป็นหนักหนา
กับวิธีการนานาตลอดสมัย
แต่ในที่สุดก็มีชัย
ไม่อาลัยโลกีย์ที่เมามัน

** พระบิดามารดาก็ทุกข์มาก
ใจไม่อยากให้ลูกต้องโศกศัลย์
ด้วยวิธีทดลองนับอนันค์
ต้องจาบัลย์เพราะสงสารปานขาดใจ

** ฝ่ายพระนางจันทาทรงกรรแสง
หมดเรี่ยวแรงเพราะสุดจะทนไหว
ทรงโอบกอดพระโอรสโดยเร็วไว
แล้วคร่ำครวญหวนไห้พร่ำรำพัน

** โอ้ลูกเอ๋ยคนดีดวงใจแม่
อย่าเอาแต่แกลังทำแม่ไม่ขัน
ใจรอนรอนจะขาดอยู่ทุกวัน
แม่รู้นะเจ้านั้นไม่พิการ

** เห็นใจแม่สงสารแม่เถิดทูนหัว
เลิกทำตัวเป็นคนที่วิตถาร
จงเป็นอยู่ปกติสุขสำราญ
พ่อแม่จะเบิกบานในกมล

** บรรดาโหรได้เปลี่ยนคำพยากรณ์
จากเคยดีเป็นเดือดร้อนน่าฉงน
เป็นเสนียดจัญไรดูชอบกล
ถ้าเลี้ยงไว้อัปมงคลอย่างแน่นอน

** จะบังเกิดอาเพศเหตุอัปยศ
พระราชาต้องสวรรคตไม่หลอกหลอน
หรือพระมเหสีต้องม้วยมรณ์
ราชบัลลังก์สั่นคลอนด้วยศัตรู

** จะต้องเอาไปฝังเสียทั้งเป็น
ช่างเป็นเรื่องเลือดเย็นน่าอดสู
พระมารดาได้ฟังน้ำตาพรู
พระบิดาก็หดหู่ไม่แพ้กัน

** พระเจ้ากาสีจำยอมตามโหรหลวง
ไม่ทักท้วงยอมรับในอาถรรพ์
เพื่อความสงบสุขชั่วนิรันดร์
บ้านเมืองต้องสำคัญและมั่นคง

** ฝ่ายพระนางจันทามเหสี
ดวงฤดีแทบสลายเป็นผุยผง
เฝ้ากราบทูลทั้งน้ำตาที่ไหลลง
อาบสองแก้มอนงค์จนท่วมนอง


ผลงาน  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
เค้าเรื่อง/ภาพ  หนังสือพระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา

(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)


หัวข้อ: เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์ ตอนที่ ๗ ข้อต่อรอง
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 ธันวาคม, 2558, 02:41:30 PM
(http://upic.me/i/da/ch1-9.jpg) (http://upic.me/show/57374852)
เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ
พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์

ตอนที่ ๗  ข้อต่อรอง
** โอ้ว่าทูลกระหม่อมของน้องเอ๋ย
อย่าทำลายลูกเราเลยแม้บกพร่อง
ทูลกระหม่อมไม่รักไม่อยากมอง
แต่ตัวน้องรักมากเหนือสิ่งใด

** ท้าวกาสีบอกว่าพี่ก็รัก
แต่เราจักขัดขวางย่อมไม่ได้
พระโอรสเกิดเป็นตัวจัญไร
ต้องตัดอกตัดใจเพื่อปวงชน

** แต่พระนางจันทายังขอร้อง
เพื่อต่อรองสวามีให้ได้ผล
น้องจะเลี้ยงดูเองอย่ากังวล
ไม่ระคายเบื้องยุคลของพระองค์

** ท้าวกาสีไม่ยอมอนุญาต
ตามที่พระนางนาถมีประสงค์
พระนางจึงได้เริ่มอ่อนข้อลง
อยู่กับองค์กุมารสักเจ็ดปี

** ท้าวเธอก็ยังไม่อ่อนตาม
แม่โฉมงามจันทามารศรี
พยายามอ้อนวอนใหม่ไม่รอรี
ไม่ยอมให้เจ็ดปีขอเจ็ดวัน

** ท้าวกาสีเห็นว่าไม่นานนัก
จึงอนุญาตให้เมียรักสมใจฝัน
พระนางจึงก้มลงอภิวันท์
จอมราชันสวามีที่เมตตา

** พระนางเจ้าเทวีศรีสมร
จึงขอพรอภิเษกโอรสา
ให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองพารา
โปรดให้เชิญกษัตราเลียบนคร

** เสร็จแล้วเชิญเสด็จแท่นบรรทม
ในหัวอกนางตรมเฝ้าทอดถอน
จึงตรงเข้าสวมกอดแล้วอ้อนวอน
จงสงสารมารดรที่โศกตรม

** ลูกจงทำเป็นเช่นคนปกติ
อย่าอุตริให้แม่ต้องขื่นขม
จงพูดจาพาทีได้ชื่นชม
อย่าให้จมอยู่กับทุกข์เลยพ่อคุณ

** เฝ้าอ้อนวอนวันแล้วและวันเล่า
ขอให้เจ้ารู้ว่าแม่ว้าวุ่น
ใจแม่นั้นเร่าร้อนแทบเป็นจุณ
ถ้าเจ้าไม่การุณแม่คงตาย

** ครบเจ็ดวันโอรสยังเฉยนิ่ง
หมดเวลาจะประวิงแม่ใจหาย
นับแต่นี้ไม่มีแล้วลูกชาย
เจ้าจะต้องวอดวายจากแม่ไป

** พระนางทรงกรรแสงหมดแรงเรี่ยว
ต่อแต่นี้แม่จะเหลียวไปทางไหน
จะมองซ้ายมองขวาไปหาใคร
เหตุไฉนจึงต้องเป็นเช่นนี้

ผลงาน  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
เค้าเรื่อง/ภาพ  หนังสือพระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา

(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)


หัวข้อ: เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์ ตอนที่ ๘ สงสารพระมารดา
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 ธันวาคม, 2558, 02:43:03 PM
(http://upic.me/i/zp/ch1-10.jpg) (http://upic.me/show/57374858)
เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ
พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์

ตอนที่ ๘  สงสารพระมารดา
** โอ้ว่าทูลกระหม่อมของน้องเอ๋ย
อย่าทำลายลูกเราเลยแม้บกพร่อง
ทูลกระหม่อมไม่รักไม่อยากมอง
แต่ตัวน้องรักมากเหนือสิ่งใด

** ท้าวกาสีบอกว่าพี่ก็รัก
แต่เราจักขัดขวางย่อมไม่ได้
พระโอรสเกิดเป็นตัวจัญไร
ต้องตัดอกตัดใจเพื่อปวงชน

** แต่พระนางจันทายังขอร้อง
เพื่อต่อรองสวามีให้ได้ผล
น้องจะเลี้ยงดูเองอย่ากังวล
ไม่ระคายเบื้องยุคลของพระองค์

** ท้าวกาสีไม่ยอมอนุญาต
ตามที่พระนางนาถมีประสงค์
พระนางจึงได้เริ่มอ่อนข้อลง
อยู่กับองค์กุมารสักเจ็ดปี

** ท้าวเธอก็ยังไม่อ่อนตาม
แม่โฉมงามจันทามารศรี
พยายามอ้อนวอนใหม่ไม่รอรี
ไม่ยอมให้เจ็ดปีขอเจ็ดวัน

** ท้าวกาสีเห็นว่าไม่นานนัก
จึงอนุญาตให้เมียรักสมใจฝัน
พระนางจึงก้มลงอภิวันท์
จอมราชันสวามีที่เมตตา

** พระนางเจ้าเทวีศรีสมร
จึงขอพรอภิเษกโอรสา
ให้ขึ้นเป็นกษัตริย์ครองพารา
โปรดให้เชิญกษัตราเลียบนคร

** เสร็จแล้วเชิญเสด็จแท่นบรรทม
ในหัวอกนางตรมเฝ้าทอดถอน
จึงตรงเข้าสวมกอดแล้วอ้อนวอน
จงสงสารมารดรที่โศกตรม

** ลูกจงทำเป็นเช่นคนปกติ
อย่าอุตริให้แม่ต้องขื่นขม
จงพูดจาพาทีได้ชื่นชม
อย่าให้จมอยู่กับทุกข์เลยพ่อคุณ

** เฝ้าอ้อนวอนวันแล้วและวันเล่า
ขอให้เจ้ารู้ว่าแม่ว้าวุ่น
ใจแม่นั้นเร่าร้อนแทบเป็นจุณ
ถ้าเจ้าไม่การุณแม่คงตาย

** ครบเจ็ดวันโอรสยังเฉยนิ่ง
หมดเวลาจะประวิงแม่ใจหาย
นับแต่นี้ไม่มีแล้วลูกชาย
เจ้าจะต้องวอดวายจากแม่ไป

** พระนางทรงกรรแสงหมดแรงเรี่ยว
ต่อแต่นี้แม่จะเหลียวไปทางไหน
จะมองซ้ายมองขวาไปหาใคร
เหตุไฉนจึงต้องเป็นเช่นนี้

ผลงาน  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
เค้าเรื่อง/ภาพ  หนังสือพระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา

(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)


หัวข้อ: เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์ ตอนที่ ๙ ความจริงปรากฏ
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 ธันวาคม, 2558, 02:46:27 PM
(http://upic.me/i/jx/ch1-11.jpg) (http://upic.me/show/57240737)
เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ
พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์

ตอนที่ ๙  ความจริงปรากฏ
** เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นอีกครา
เมื่อสารถีบังคับม้าให้เยื้องย่าง
ทางประตูตะวันออกนอกเส้นทาง
ที่ได้วางเป้าหมายเอาไว้ไกล

** ตามกำหนดต้องเป็นตะวันตก
กลับเวียนวกผิดทางอย่างยิ่งใหญ่
สารถีก็เหมือนถูกสิ่งใด
มาดลให้ปล่อยม้าไม่ทัดทาน

** ครั้นถึงป่าแห่งหนึ่งจึงหยุดม้า
โดยคิดว่าที่นี่เป็นสุสาน
เปลื้องเครื่องทรงพระโอรสมิช้านาน
แล้วเริ่มการขุดหลุมฝังภูมี

** พอพ้นประตูเมืองออกมาได้
พระโอรสโล่งใจอย่างเหลือที่
สมความปรารถนากันเสียที
เราปลอดภัยครั้งนี้เพราะอดทน

** จึงเสด็จลุกขึ้นประทับนั่ง
เพื่อยับยั้งความปวดเมื่อยทุกขุมขน
เอาพระหัตถ์ถูกันหมดกังวล
นวดพระบาทที่ผจญทรมาน

** สักครู่หนึ่งจึงเสด็จลงจากรถ
เพื่อกำหนดการย่างก้าวอย่างห้าวหาญ
ทรงทดสอบสมรรถนะการทำงาน
ของร่างกายพระองค์ท่านที่ผ่านมา

** ทรงเดินไปเดินกลับสองสามรอบ
หลังทดสอบความสามารถพลังขา
เมื่อเห็นเป็นปกติชื่นอุรา
ไม่ผิดแปลกไปกว่าคนทั่วไป

** จึงหันมาทดลองพลังแขน
ยังแข็งแรงเหนียวแน่นสักแค่ไหน
ใช้พระหัตถ์ยกรถม้าอย่างเร็วไว
เหวี่ยงค้างไว้เหนือเศียรอย่างชำนาญ

** เมื่อทรงแน่พระทัยว่าเข้มแข็ง
มีเรี่ยวแรงทรงพลังมาตรฐาน
เดินไปหาสารถีบริวาร
ทรงรื่นเริงสำราญในพระทัย

** สารถีสุนันทะหันมาเห็น
ยืนตะลึงตัวเย็นเพราะสงสัย
ครั้นรู้แน่พระองค์ผู้ทรงชัย
ผู้มีวัยงดงามอร่ามตา

** แสนยินดีที่เห็นพระโอรส
ไม่พิการงามงดเกินจักหา
จึงกราบทูลเสด็จกลับนัครา
เฝ้าราชามเหสีพร้อมกับตน

ผลงาน  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
เค้าเรื่อง/ภาพ  หนังสือพระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา

(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)


หัวข้อ: เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์ ตอนที่ ๑๐ ไม่เสด็จกลับ
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 ธันวาคม, 2558, 02:49:46 PM
(http://upic.me/i/1u/ch1-12.jpg) (http://upic.me/show/57374927)
เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ
พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์

ตอนที่ ๑๐  ไม่เสด็จกลับ
** เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นอีกครา
เมื่อสารถีบังคับม้าให้เยื้องย่าง
ทางประตูตะวันออกนอกเส้นทาง
ที่ได้วางเป้าหมายเอาไว้ไกล

** ตามกำหนดต้องเป็นตะวันตก
กลับเวียนวกผิดทางอย่างยิ่งใหญ่
สารถีก็เหมือนถูกสิ่งใด
มาดลให้ปล่อยม้าไม่ทัดทาน

** ครั้นถึงป่าแห่งหนึ่งจึงหยุดม้า
โดยคิดว่าที่นี่เป็นสุสาน
เปลื้องเครื่องทรงพระโอรสมิช้านาน
แล้วเริ่มการขุดหลุมฝังภูมี

** พอพ้นประตูเมืองออกมาได้
พระโอรสโล่งใจอย่างเหลือที่
สมความปรารถนากันเสียที
เราปลอดภัยครั้งนี้เพราะอดทน

** จึงเสด็จลุกขึ้นประทับนั่ง
เพื่อยับยั้งความปวดเมื่อยทุกขุมขน
เอาพระหัตถ์ถูกันหมดกังวล
นวดพระบาทที่ผจญทรมาน

** สักครู่หนึ่งจึงเสด็จลงจากรถ
เพื่อกำหนดการย่างก้าวอย่างห้าวหาญ
ทรงทดสอบสมรรถนะการทำงาน
ของร่างกายพระองค์ท่านที่ผ่านมา

** ทรงเดินไปเดินกลับสองสามรอบ
หลังทดสอบความสามารถพลังขา
เมื่อเห็นเป็นปกติชื่นอุรา
ไม่ผิดแปลกไปกว่าคนทั่วไป

** จึงหันมาทดลองพลังแขน
ยังแข็งแรงเหนียวแน่นสักแค่ไหน
ใช้พระหัตถ์ยกรถม้าอย่างเร็วไว
เหวี่ยงค้างไว้เหนือเศียรอย่างชำนาญ

** เมื่อทรงแน่พระทัยว่าเข้มแข็ง
มีเรี่ยวแรงทรงพลังมาตรฐาน
เดินไปหาสารถีบริวาร
ทรงรื่นเริงสำราญในพระทัย

** สารถีสุนันทะหันมาเห็น
ยืนตะลึงตัวเย็นเพราะสงสัย
ครั้นรู้แน่พระองค์ผู้ทรงชัย
ผู้มีวัยงดงามอร่ามตา

** แสนยินดีที่เห็นพระโอรส
ไม่พิการงามงดเกินจักหา
จึงกราบทูลเสด็จกลับนัครา
เฝ้าราชามเหสีพร้อมกับตน

ผลงาน  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
เค้าเรื่อง/ภาพ  หนังสือพระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา

(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)


หัวข้อ: เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์ ตอนที่ ๑๑ ทรงบวชเป็นฤๅษี
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 ธันวาคม, 2558, 02:51:31 PM
(http://upic.me/i/9w/ch1-13.jpg) (http://upic.me/show/57374931)
เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ
พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์

ตอนที่ ๑๑  ทรงบวชเป็นฤๅษี
** ขอกล่าวถึงท้าวสักกะเทวราช
ประทับอาสน์กัมพลไม่หม่นหมาง
ทราบว่าพระเตมีย์ได้ปล่อยวาง
ซึงกิเลสต่างต่างบวชกายา

** จึงสั่งให้วิสสุกรรมเทพบุตร
จงรีบรุดเดินทางไปกลางป่า
เนรมิตอาศรมและศาลา
ไว้รอท่าเตมีย์ฤๅษีไพร

** พร้อมทั้งสระน้ำที่ร่มรื่น
มีดอกบัวดาษดื่นบานไสว
ส่งกลิ่นหอมอบอวลกระจายไกล
เมื่อต้องลมดอกใบไหวตามลม

** พร้อมทั้งเนรมิตบริขาร
สำหรับท่านฤๅษีที่เหมาะสม
ผ้าเปลือกไม้สีแดงน่าชื่นชม
 ไว้นุ่งห่มยามประพฤติพรหมจรรย์

** อีกหนังเสือสำหรับไว้พาดบ่า
ทั้งมีหาบในคราเข้าไพรสัณฑ์
เก็บผลไม้มาเสวยทุกทุกวัน
และไม้เท้าค้ำยันตอนเดินดง

** ส่วนหน่อเนื้อเตมีย์โอรสราช
ยุรยาตรเรื่อยไปดังประสงค์
พบอาศรมสวยงามและมั่นคง
รู้ว่าเจตจำนงองค์เทวัญ

** จึงเสด็จเข้าไปในอาศรม
ก็พบที่บรรทมช่างเสกสรร
พร้อมทั้งบริขารอย่างครบครัน
ทรงอธิษฐานใจพลันบวชทันที

** จึงได้เปลื้องเครื่องทรงออกเร็วไว
แล้วครองผ้าเปลือกไม้เป็นฤๅษี
หยิบหนังเสือพาดบ่าช่างดูดี
จึงรีบเกล้าเมาลีเป็นผมมวย

** ถือไม้เท้ายกหาบขึ้นใสบ่า
ก้าวออกมาจากอาศรมที่แสนสวย
ทดลองเดินไปมากระชุ่มกระชวย
ได้อุทานออกมาด้วยความสุขใจ

** การบวชนี้เราพบความสุขแท้
จะเหลียวแลมองหาไปทางไหน
ช่างสดชื่นเสียจริงยิ่งกว่าใคร
สุขภายในมีค่ากว่าเงินทอง

** พระฤๅษีจึงเดินเข้าที่พัก
บำเพ็ญธรรมนำชักไม่ให้หมอง
เจริญพรหมวิหารดังใจปอง
เฝ้าหมั่นท่องภาวนาอย่างจริงจัง

** บรรลุฌานสมาบัติในวันนั้น
ทำความฝันเป็นจริงได้สมใจหวัง
คุ้มเหลือเกินกับการไม่กลับวัง
การออกบวชเป็นรังโพธิญาณ


ผลงาน  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
เค้าเรื่อง/ภาพ  หนังสือพระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา

(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)


หัวข้อ: เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ พระชาติที่ ๑ พระเตมีย์ ตอนที่ ๑๒ ดีใจกันทั่วหน้า
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 ธันวาคม, 2558, 02:53:13 PM
(http://upic.me/i/gk/ch1-14.jpg) (http://upic.me/show/57375033)
เล่าเรื่องพระเจ้าสิบชาติ
พระชาติที่ ๑  พระเตมีย์

ตอนที่ ๑๒  ดีใจกันทั่วหน้า
** พระบิดาพระมารดาทรงทราบเรื่อง
จากสารถีกลับเมืองมาส่งสาร
จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่รีบจัดการ
จัดขบวนบริวารเพื่อเดินทาง

** ไปเยี่ยมพระฤๅษีที่บรรพต
ใจจ่อจดเฝ้าคิดถึงอยู่ไม่สร่าง
เฝ้าเป็นห่วงสายใยไม่จืดจาง
คอยฟังข่าวอยู่ห่างห่างตลอดมา

** เปิดโอกาสให้ชาวเมืองร่วมขบวน
จึงประกาศเชิญชวนกันถ้วนหน้า
พวกชาวเมืองร่วมใจกันไคลคลา
ได้มุ่งตรงไปหาองค์เตมีย์

** แต่ก่อนนั้นพระนครดูคึกคัก
มีผู้คนทายทักเสียงอึงมี่
ต่างทำมาค้าขายด้วยไมตรี
แต่บัดนี้เงียบเหงาไร้ผู้คน

** ท้าวกาสีมิห่วงใยราชสมบัติ
ใจประหวัดแต่โอรสไม่หมองหม่น
แม้พระนางจันทาไม่กังวล
ทั้งสองคนเบิกบานในหทัย

** ฝ่ายชาวเมืองอิ่มเอิบในใจยิ่ง
นับเป็นสิ่งดีเลิศในสมัย
เหมือนดอกไม้ได้รับแสงยามอุทัย
ไร้พิษภัยงดงามตระการตา

** เมื่อทุกคนได้พบกันดังมั่นหมาย
ช่างรู้สึกใจสบายเป็นหนักหนา
เหมือนได้วางสิ่งที่หนักอุรา
ให้ออกมาจากก้นบึ้งอยู่ภายใน

** พระฤๅษีจึงได้บรรยายธรรม
ให้ทุกคนชื่นฉ่ำและสดใส
ความเร่าร้อนที่สุมอกเหมือนดังไฟ
ไม่มีเหลือเยื่อใยมาเผากาย

** ทั้งบิดามารดาและชาวเมือง
ต่างเลื่อมใสความปราดเปรื่องอย่างเหลือหลาย
จึงขอบวชในสำนักกันทุกราย
บำเพ็ญบุญหลีกอบายกันทุกคน

** ทั้งฤๅษีฤๅษิณีบรรลุฌาน
เดินตามอย่างอาจารย์สร้างกุศล
ครั้นเมื่อถึงเวลาต้องวายชนม์
ความดีได้ส่งผลให้ไปดี

**เกิดเป็นพรหมอยู่ในพรหมโลก
ไม่มีทุกข์ไม่มีโศกต่างสุขี
รอเวลาจะจุติใหม่อีกที
เชิญน้องพี่ติดตามกันต่อไป

ผลงาน  สมพงศ์  ชูสุวรรณ
เค้าเรื่อง/ภาพ  หนังสือพระเจ้าสิบชาติ  สำนักพิมพ์ธรรมสภา

(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)