หัวข้อ: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 17 มีนาคม, 2559, 11:01:38 AM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) ตอนกำเนิดมงคล ** จะขอกล่าวเรื่องราวอุดมผล คือ "มงคล" ให้ได้คิดจิตผ่องใส ครั้งสมัยพุทธกาลนานเหลือใจ มีเหตุการณ์ยิ่งใหญ่มาถกกัน
** อันคนเราเกิดมาจากที่ไหน เมื่อตายแล้วจะไปที่ไหนนั่น ทำอย่างไรจะมีสุขทุกคืนวัน ต่างมุ่งมั่นพูดจาพาวุ่นวาย
** มีหลายคนจึงมีหลายความคิด ถูกหรือผิดมีมากหลากความหมาย เวลาผ่านจึงเกิดขึ้นมากมาย แต่อรรถาธิบายไม่ได้เลย
** พระพุทธองค์ผู้ทรงตรัสรู้ ประทับอยู่ "เชตวัน" อันผ่าเผย เทพบุตรทูลถามจึงภิเปรย ทรงเฉลยเหตุผลจนครบครัน
** พระพุทธองค์ทรงตรัสอย่างอาจหาญ มีสามสิบแปดประการไม่แปรผัน สาธุชนจงรับฟังดังจำนรรจ์ ตั้งใจมั่นปฏิบัติด้วยศรัทธา
** รีบจูงมือย่างย่องจองที่นั่ง จะได้ฟังให้กระจ่างอย่างหรรษา โปรดสดับรับรู้ความเป็นมา จะได้มีปัญญาเป็นขั้นตอน
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 17 มีนาคม, 2559, 11:35:46 AM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๑ การไม่คบคนพาล (อเสวนา จ พาลานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** มงคลที่หนึ่งไม่พึงคบคนพาล มีสันดานหยาบช้าพาทอดถอน ทำความชั่วเรื่อยไปไม่อาทร หลีกให้ไกลไว้ก่อนจะปลอดภัย
** การคบคือไปมาเพื่อหาสู่ อีกทั้งอยู่พึ่งพาและอาศัย มีความรักต่อกันมั่นฤทัย เมื่อจากกันอาลัยใฝ่คำนึง
** ลักษณะคนพาลสันดานชั่ว เห็นแก่ตัวมัวเมาด้วยโกรธขึ้ง อีกโลภมากอยากได้ให้ตราตรึง ความลุ่มหลงมากจึงใฝ่อบาย
** การพูดจาโน้มเอียงข้างต่ำทราม มีพูดจาหยาบหยามไร้ความหมาย ทั้งโกหกหลอกลวงไม่เสื่อมคลาย อีกเพ้อเจ้องมงายล้วนไม่ดี
** ด้วยสาเหตุภัยเกิดจากคนพาล ถูกกิเลสเผาผลาญสิ้นศักดิ์ศรี อุปสรรคมากมายจะเกิดมี จงหลีกหนีให้ไกลไปโดยเร็ว
** การไม่คบคนพาลสันดานหยาบ ห่างจากบาปเป็นมงคลพ้นจากเหว อนาคตสดใสไกลความเลว ชีวิตไม่แหลกเหลวเป็นมงคล
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
นิทาน เรื่องนกแขกเต้า ** มีนิทานชาดกยกมาเล่า เรื่องของนกแขกเต้าในไพรสณฑ์ ตัวที่หนึ่งลมพัดจรดล สู่วังวนโจรไพรใจทมิฬ
** อีกตัวหนึ่งพึงตกหมู่ฤๅษี ถูกสั่งสอนให้ดีไม่ใจหิน แตกต่างกันที่คนดังยลยิน จะดีเลวเพราะเคยชินคบกันมา
** วันหนึ่งเจ้าผู้ครองพระนคร เสด็จจรประพาสไพรพฤกษา ทรงล่าเนื้อหลงไปในพนา จนเหนื่อยล้าเข้าพักใต้ร่มไทร
** ลมเอื่อยเอื่อยพัดมาพาให้ง่วง ใบไม้ร่วงดังเสียงกล่อมให้หลับใหล หลับตาลงจินตนาพาไปไกล ไม่เท่าใดเริ่มเลือนรางย่างนิทรา
** เป็นดินแดนที่นกอยู่กับโจร ใจหยาบโลนยิ่งนักร้ายหนักหนา เจ้านกน้อยเมื่อเห็นจอมพารา ด้วยสันดานนกป่าเหมือนโจรไพร
** จึงพูดว่าต้องฆ่าเอาทรัพย์สิน ตื่นบรรทมได้ยินไม่ไถล เสด็จหนีโดยพลันในทันใด ให้ห่างไกลนกพาลสันดานทราม
** ได้พบนกที่อยู่กับนักบวช อย่างเร็วรวดต้อนรับมิหยาบหยาม มีสัมมาคารวะแสนงดงาม พระราชาชื่นชมความเป็นนกดี
** นกทั้งสองพี่น้องท้องเดียวกัน แต่แตกต่างเพราะผูกพันคนละที่ นกที่อยู่กับโจรมีราคี นกที่อยู่กับฤๅษีมีน้ำใจ
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 17 มีนาคม, 2559, 12:31:32 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๒ การคบบัณฑิต (ปณฺฑิตานัญฺ จ เสวนา เอตมงฺคลมุตฺตมํ) ** ผู้ที่ทำประโยชน์ให้บังเกิด แสนประเสริฐนักหนาพาผ่องใส ทั้งประโยชน์โลกนี้หรือโลกใด เป็น "บัณฑิต" ยิ่งใหญ่ในโลกา
** "การรู้จักประโยชน์ในชาตินี้" ดูแลทรัพย์บรรดามีไร้ปัญหา รักษาเกียรติ เงินทองที่ได้มา เป็นคนดีมีค่าต่อสังคม
** "การรู้จักประโยชน์ในชาติหน้า" มีศรัทธาเลื่อมใสไม่ขื่นขม อีกจาคะจะพาให้รื่นรมย์ และสั่งสมพูนเพิ่มเสริมปัญญา
** ขั้นสุดท้ายทำจิตให้ผ่องใส รู้จักหลีกให้ไกลเหตุปัญหา รู้สภาพความจริงอนิจจา เมื่อเกิดมาตั้งอยู่แล้วดับไป
** บัณฑิตย่อมแนะนำให้ทำดี และบอกชี้แนวทางสวรรค์ให้ ทั้งแนะนำทุกสิ่งด้วยจริงใจ ทำสิ่งใดคิดดูรู้อุบาย
** การคบกับบัณฑิตย่อมมีผล จะห่างพ้นความชั่วสมดังหมาย คบบัณฑิตย่อมสดใสทั้งใจกาย จะเกิดสุขมากมายทุกข์ไม่มี
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
นิทานเรื่องประโยชน์ของการคบมิตร ** ในอดีตกาลที่ผ่านมา สมเด็จพระศาสดาเปล่งรัศมี ทรงปรารภเรื่องมิตรจิตอารี จึงทรงมีพระธรรมเทศนา
** พระราชอุทยานในกาลนั้น ต่างก็มีสุขสันต์ชื่นหรรษา โพธิสัตว์บังเกิดเป็นเทวดา ประจำกอหญ้าคาในอุทยาน
** ได้เป็นมิตรเทวราชผู้ใหญ่ยิ่ง ซึ่งพักพิงไม้มงคลมหาศาล เกิดอาเพสมีเหตุพิสดาร เสาปราสาทราชฐานไหวขึ้นมา
** ทรงรับสั่งให้ช่างรีบปรับเปลี่ยน พวกนายช่างต่างเพียรเที่ยวเสาะหา เมื่อพบไม้มงคลจึงหมายตา ขออนุญาตพระราชาเพื่อจัดการ
** ทรงอนุมัติตามขอไม่รอช้า เทวราชถึงคราน่าสงสาร กอดคอลูกร้องไห้แทบวายปราณ ใครหนอจะกล้าหาญมาช่วยเรา
** โพธิสัตว์บอกว่าข้าจะช่วย ไม่ต้องตัดไม้ด้วยอย่าโศกเศร้า ถึงเวลาฝ่ายช่างไม่ดูเบา จึงรีบเข้าไปตัดในทันที
** โพธิสัตว์แปลงร่างเป็นกิ้งก่า วิ่งนำหน้าเร็วไวอย่างด่วนจี๋ เข้าไปในต้นไม้โดยทันที เปรียบประหนึ่งว่ามีโพรงข้างใน
** ฝ่ายนายช่างต่างเห็นเหตุการณ์นั้น จึงพากันยกเลิกตัดต้นใหม่ เทวราชจึงอยู่สืบต่อไป กล่าวสรรญสริญด้วยใจที่ช่วยตน
** บุคคลที่เสมอกันหรือสูงกว่า ควรคบหาเอาไว้ไม่หมองหม่น แม้ต่ำกว่าก็คบได้ไม่อับจน มิตรทุกคนมีน้ำใจมากไมตรี
** คบมิตรดีล้วนมีแต่ความสุข ห่างจากทุกข์ใดใดไม่หมองศรี คบบัณฑิตปิดนรกชั่วชีวี หนุนให้มีความสุขทุกคืนวัน
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 17 มีนาคม, 2559, 08:20:26 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๓ การบูชาผู้ที่ควรบูชา (ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** บูชาคือยกย่องและกราบไหว้ เชิดชูไว้ด้วยศรัทธาพาสุขสันต์ มีการมอบสิ่งของสารพัน นับถือกันด้วยใจใฝ่สิ่งดี
** การบูชามีอยู่สองชนิด จงได้คิดใคร่ครวญอย่างถ้วนถี่ หนึ่งบูชาด้วยสิ่งของที่ตนมี เรียกสิ่งนี้ว่า “อามิสบูชา”
** สองปฏิบัติคุณธรรมที่พร่ำสอน ละนิวรณ์สำรวมอินทรีย์ห้า ละความโลภโกรธหลงไม่นำพา เป็น “ปฎิบัติบูชา” ด้วยจิตใจ
** ผู้ที่ควรยกย่องและนับถือ นั่นก็คือพุทธองค์ทรงเป็นใหญ่ อีกพระธรรมพระสงฆ์ก่อนใครใคร เหนืออื่นใดมารดาบิดาเรา
** ทั้งครูบาอาจารย์ท่านสอนสั่ง สร้างความหวังกำจัดความโง่เขลา ต้องนับถือบูชาอย่าดูเบา ขีวิตเราก้าวหน้าหาใดปาน
** ผลที่เกิดจากการกระทำนี้ จะมั่งมีโภคทรัพย์นับไพศาล เกียรติยศเกิดขึ้นดังบันดาล มีความสุขทุกวันวารไร้โรคา
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
นิทานเรื่องนายสุมนะมาลาการ ** ในสมัยพุทธกาลกล่าวขานไว้ เป็นตัวอย่างเพื่อให้ได้ศึกษา ขอเชิญชวนทุกท่านผู้ศรัทธา ล้อมวงมาฟังกันขอบรรยาย
** ณ กรุงราชคฤห์แคว้นมคธ ซึ่งงามงดโสภางค์อย่างเหลือหลาย มีผู้คนอาศัยอยู่มากมาย กระทาชายสุมนะมาลาการ
** ทำหน้าที่เป็นผู้จัดดอกไม้ เพื่อมอบให้พระเจ้าพิมพิสาร ทำอย่างนี้ติดต่อมาเนิ่นนาน พระราชทานเงินทองของตอบแทน
** จนวันหนึ่งได้พบพระพุทธองค์ พร้อมพระสงฆ์สาวกอีกเนืองแน่น เกิดศรัทธาเลื่อมใสไม่คลอนแคลน หมายวังแดนสวรรค์อันรื่นรมย์
** จึงถวายดอกไม้ให้เป็นทาน เริ่มด้วยการแบ่งส่วนอย่างเหมาะสม สองกำแรกโยนขึ้นไปตามลม น่าชื่นชมได้กลายเป็นเพดาน
** สถิตอยู่เบื้องบนพระศาสดา อีกสองกำต่อมาก็ประสาน อยู่เบื้องหลังดูแลงามตระการ ช่างเป็นเหตุพิสดารเกิดขึ้นมา
** ครั้งที่สามปรากฏอยู่เบื้องซ้าย ครั้งที่สี่ก็ย้ายมาเบื้องขวา มวลดอกไม้ลอยตามดูงามตา เหล่าประชาโห่ร้องก้องกังวาล
** สุมนะปลื้มปิติเป็นที่ยิ่ง ยอมทุกสิ่งแม้จะถูกประหาร เพราะไม่มีดอกไม้ให้ภูบาล หมือนดังวันวานและทุกวัน
** จึงเข้าเฝ้าสมเด็จเจ้าเหนือหัว ไม่เกรงกลัวแม้ภัยใหญ่มหันต์ รีบกราบทูลให้ทราบมิช้าพลัน บังคมคัลพร้อมรับกับอาญา
** พระราชาจึงตรัสว่า “สาธุ” จงบรรลุสิ่งพึงปรารถนา แล้วมอบเงินทองของนานา ทั้งช้างม้าวัวควายให้เขาไป
** การบูชาผู้ที่ควรบูชา ย่อมได้มาซึ่งสินทรัพย์นับไม่ไหว และย่อมเกิดความสุขเหนืออื่นใด ทำให้ใจหายขุ่นมัวชั่วนิรันดร์
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 17 มีนาคม, 2559, 08:41:01 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๔ การอยู่ในประเทศที่สมควร (ปฏิรูปเทสวาโส จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** สถานที่คนดีอาศัยอยู่ คนทุกผู้ย่อมมีความสุขสันต์ สะดวกการทำกินเป็นสำคัญ ปลอดภัยจากภยันอันตราย
** มีนักปราชญ์ราชบัณฑิตจิตผ่องใส ย่อมทำให้รื่นรมย์สมใจหมาย การเดินทางไปมาก็สบาย ไม่วุ่นวายเป็น “ประเทศที่สมควร”
** อานิสงส์เกิดแก่เราทั้งหลาย มีมากมายย้อนถึงคำนึงหวน ประสบแต่ความสุขทุกกระบวน ทั้งกายใจก็ล้วนสงบลง
** ได้อยู่ใกล้นักปราชญ์ญาติธรรมะ รู้จักละกิเลสเหตุความหลง ตั้งมั่นในคุณธรรมดังจำนง สืบเผ่าพงศ์ความดีที่ยงยืน
** อีกโพยภัยทั้งหลายไม่กรายกล้ำ มีความสุขเลิศล้ำกว่าที่อื่น การทำมาหากินทุกวันคืน จะราบรื่นสวัสดีมีโชคชัย
** การที่อยู่ในถิ่นอันเหมาะสม จะอุดมทรัพย์สินถิ่นอาศัย ทั้งเจริญก้าวหน้าไปตามวัย ชื่นฤทัยสมหวังทั้งใจกาย
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง พระโมคคัลลานะ พระสารีบุตร ** เมื่อสมัยพุทธกาลแสนนานนัก สองเพื่อนรักสาบานเป็นสหาย ให้สัญญารักกันจนวันตาย เกิดเบื่อหน่ายกามคุณวุ่นโลกีย์
** คนที่หนึ่งคือโมคคัลลานะ อุตสาหะดิ้นรนพ้นวิถี อีกคนหนึ่งสารีบุตรชายชาตรี อยากหลีกลี้หนีทุกข์ให้สุดไกล
** จับมือกันเป็นศิษย์สญชัยเฒ่า ตั้งใจเฝ้าศึกษาหาสิ่งใหม่ ได้เรียนจบหลักสูตรในเร็วไว เจ้าสำนักตั้งให้เป็นอาจารย์
** คอยสั่งสอนรุ่นน้องให้ท่องบ่น และฝึกฝนวิชาพาอาจหาญ ไม่สมปรารถนาที่ต้องการ อยากพบพานผู้รู้โมกขธรรม์
** จึงขอลาอาจารย์ออกเสาะหา ให้สัจจะวาจาไม่แปรผัน แม้นใครพบผู้รู้จะบอกกัน เป็นพันธะผูกพันตลอดไป
** ครั้นวันหนึ่งสารีบุตรสุดโชคดี พบสมณะผู้มีกายผ่องใส คือพระอัสสชิมิใช่ใคร เป็นหนึ่งในกลุ่มปัญจวัคคีย์
** จึงเข้าไปสนทนาวิสาสะ เพื่อศึกษาธรรมะพระชินศรี จึงนิมนต์ให้แสดงธรรมวาที จงเอื้อนเอ่ยวจีเป็นสำเนา
** พระอัสสชิบอกว่าตัวข้านี้ ผู้บวชใหม่ยังมีความโง่เขลา พระบรมศาสดาครูของเรา จะสั่งสอนให้เจ้าได้เข้าใจ
** สารีบุตรนมัสการกล่าวขานว่า ขอจงโปรดเมตตาจะได้ไหม บอกข้อธรรมเบื้องต้นเป็นสายใย พอทำให้ก่อเกิดภูมิปัญญา
** อัสสชิภิกษุพระผู้น้อย จึงเอ่ยถ้อยกล่าวไปไม่กังขา อันว่าธรรมเหล่าใดย่อมไหลมา มีตัณหาเป็นเหตุเกิดเภทภัย
** ผลของมันย่อมทำให้เกิดทุกข์ ไร้ความสุขโศกาอย่าสงสัย ละตัณหาสิ้นทุกข์สุขฤทัย มีโชคชัยไร้กิเลสเหตุเกิดพลัน
** สารีบุตรปล่อยใจใฝ่ธรรมะ จิตลดละอกุศลผลเกินฝัน จนที่สุดบรรลุโสดาบัน ในวันนั้นด้วยธรรมองค์สัมมา
** รีบกลับไปแจ้งข่าวแก่เพื่อนรัก แล้วชวนชักสญชัยเพื่อไปหา กราบบังคมสมเด็จพระศาสดา แต่สญชัยบอกว่าไม่เป็นไร
** สองสหายเข้าเฝ้าจอมโมลี ได้ขอบวชทันทีมิหวั่นไหว เพียรบำเพ็ญกัมมัฏฐานฝึกจิตใจ ครั้นที่สุดก็ได้บรรลุธรรม
** สารีบุตรนั้นเลิศทางปัญญา โมคคัลลาเลิศทางฤทธิ์จิตคมขำ เป็นอัครสาวกองค์ผู้นำ เพราะได้ทำคุณงามสร้างความดี
** ทั้งสองท่านประสบความสำเร็จ ประหนึ่งเพชรส่องประกายฉายแสงสี เป็นเพราะประเทศนั้นบังเกิดมี พุทธศาสน์เป็นที่หลอมศรัทธา
** อันการอยู่ในประเทศที่เหมาะสม เป็นอุดมมงคลดีหนักหนา ประดุจดังวิมานเทพเทวา มีความสุขทุกทิพาราตรีกาล
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 17 มีนาคม, 2559, 09:21:47 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๕ การทำบุญไว้ในกาลก่อน (ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** ปุพเพ จะ กะตะปุญญตา หมายความว่าสร้างบุญเป็นพื้นฐาน ได้สั่งสมความดีมี ศีล ทาน ภาวนา แต่กาลชาติก่อนมา
** คนที่เคยทำบุญชาติก่อนนั้น เรียกสั้นสั้นคนมีวาสนา มีผิวพรรณงดงามทั่วกายา เสียงไพเราะดังนกการะเวกดง
** มีจิตใจสะอาดและสงบ ใครได้พบจะพากันลุ่มหลง ในคุณงามความดีที่มั่นคง เจตน์จำนงละความชั่วตัวโสมม
** การสั่งสมบุญไว้ในการก่อน ผลจะย้อนให้มีแต่สุขสม ไม่มีทุกข์โรคภัยให้โศกตรม โลกทั้งโลกน่าชื่นชมงดงามตา
** ในชาตินี้จงสร้างแต่กุศล เพื่อเป็นผลตามไปในชาติหน้า ละความโลภโกรธหลงไม่นำพา อีกความชั่วนานาหลีกให้ไกล
** นี่คือผลของบุญที่สร้างไว้ ในชาติก่อนก่อนได้มาเกิดใหม่ นับตั้งแต่วันนี้สืบต่อไป เรื่องใดใดปล่อยวางอย่างจริงจัง
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
นิทานเรื่องควาญช้างได้เป็นพระมหากษัตริย์ ** อดีตกาลผ่านมาเวลาผ่าน แสนเนิ่นนานขอกล่าวเล่าความหลัง เรื่องเกิดที่พาราณสีนครัง นิทานังได้ฤกษ์เริ่มเบิกโรง
** ชายคนหนึ่งอาชีพตัดฟืนขาย สุขสบายแม้จะไม่โอ่โถง เป็นอาชีพสุจริตไม่คิดโกง รับรองโปร่งไม่มีที่นอกใน
** ณ วันหนึ่งจึงออกไปในป่า หวังจะตัดไม้มาไม่เหลวไหล นำไปขายทำกินในถิ่นไพร เพื่อจะได้ยังชีพเช่นทุกวัน
** ไม่เกียจคร้านซื่อตรงต่อหน้าที่ เป็นคนมีมานะและขยัน ตื่นแต่เช้าเข้าป่ามิช้าพลัน นิจนิรันดร์สุขใจไม่อาทร
** ตัดไม้เพลินเกินเวลากว่าจะกลับ ตะวันลับขอบฟ้าพาสังหรณ์ ถ้าประตูเมืองปิดคงร้าวรอน จึงรีบจรกลับมายังหน้าเมือง
** ถึงเวลานายประตูรู้หน้าที่ จึงรีบปิดทันทีใช่ทำเขื่อง ปฏิบัติตามกติกาอย่าขุ่นเคือง ไม่ใช่เรื่องเสแสร้งหรือแกล้งใคร
** คนตัดฟืนมาถึงจึงได้รู้ ว่าประตูเพิ่งปิดไปใหม่ใหม่ ในที่สุดจึงได้ตัดสินใจ ไม่เป็นไรจะนอนนอกกำแพง
** ครั้นใกล้รุ่งสะดุ้งเพราะเสียงไก่ เถียงกันสนั่นไหวอวดกำแหง อันสาเหตุทะเลาะกันรุนแรง ไก่ตัวบนผิดสำแดงถ่ายลงมา
** ให้บังเอิญถูกหัวไก่ตัวล่าง ความบาดหมางจึงวิ่งเข้ามาหา เกิดโอ้อวดเถียงกันจำนรรจา ต่างก็ว่าตัวเก่งไม่เกรงกัน
** ไก่ตัวล่างบอกว่าตัวข้านี้ มีของดีประเสริฐเกินเสกสรร อันเนื้อข้ามีคุณนับอนันต์ ใครได้กินมีเงินพันในทันใด
** ไก่ตัวบนบอกว่าข้าแน่กว่า ใครได้กินตัวข้าจะสดใส เป็นพระมหากษัตริย์ในเร็วไว เป็นมเหสีหรือไม่เป็นขุนคลัง
** คนตัดฟืนได้ฟังไม่รอช้า รีบลุกมาพร้อมกับมีความหวัง เป็นราชาที่เข้มแข็งมีพลัง ได้ครอบครองเวียงวังอันโอฬาร
** จึงจับไก่ตัวบนเอามาฆ่า นำไปให้ภรรยาทำอาหาร เล่าเรื่องราวที่เกิดแก่นงคราญ เยาวมาลย์จะได้เป็นยอดนารี
** เมื่อเสร็จแล้วจึงบอกให้ทราบว่า อาบน้ำก่อนดีกว่าจะเป็นศรี จงได้นำอาหารเท่าที่มี ไปยังริมนทีชำระกาย
** ขณะนั้นเกิดมีพายุใหญ่ พัดอาหารลอยไปเกินคาดหมาย ลอยละล่องในธาราอย่างท้าทาย คนตัดฟืนเสียดายอดได้กิน
** เป็นเพราะวาสนาสร้างมาน้อย โชคจึงลอยล่องไปไกลสูญสิ้น บุญกาลก่อนไม่ได้สร้างจึงโบยบิน โอ้ชีวินไร้คุณค่าแทบบ้าตาย
** โชคชะตาวาสนาของควาญช้าง ที่ได้สร้างเอาไว้ไม่สูญหาย ขณะที่นำช้างเยื้องย่างกราย ไปริมฝั่งของสายมหานที
** มีถาดไก่ลอยมากลางสายน้ำ จึงได้จ้ำว่ายน้ำอย่างเร็วรี่ รีบคว้าเอาถาดไก่ไว้ทันที เป็นโชคดีได้อาหารกลับบ้านตน
**ฝ่ายดาบสอาจารย์ของควาญช้าง ญาณพิเศษนำทางไม่สับสน รู้เรื่องราวของไก่เป็นมงคล จรดลหาควาญช้างอย่างเร็วไว
** นายควาญช้างจึงรีบบอกภรรยา รีบนำอาหารมาแล้วมอบให้ ฝ่ายดาบสจึงรับอาหารไป เพื่อจัดการแบ่งให้กับทุกคน
** แบ่งสันในให้แก่นายควาญช้าง บุญบารมีที่สร้างทางกุศล จะได้เป็นราชาของหมู่ชน ภายใต้นพปฏลเศวตทอง
** ฝ่ายภรรยาดาบสให้สันนอก เพื่อจะบอกชาตินี้ไม่มีหมอง ได้เป็นมเหสีผู้ครอบครอง ราชธานีดังปองคู่ราชา
** ส่วนดาบสเลือกเนื้อติดกระดูก จะพันผูกรับใช้เสน่หา เป็นเสนาบดีมีศักดา คู่พระทัยกษัตราครองธานี
** อีกสามวันข้าศึกมาประชิด รอบทุกทิศของกรุงพาราณสี จอมกษัตริย์ผู้ซึ่งครองบุรี จึงได้มีดำรัสสั่งลงมา
** ให้ควาญช้างแต่งตัวเป็นกษัตริย์ อนุมัติให้ออกศึกคึกหนักหนา พระองค์เองเป็นทหารออกตรวจตรา โดนธนูยิงมาถึงสิ้นใจ
** ควาญช้างเปลี่ยนอุบายการต่อสู้ เอาชนะศัตรูให้จงได้ นำทรัพย์สินเงินทองจากคลังใน จะมอบให้แก่ผู้ออกสู้รบ
** ในที่สุดก็ได้ชัยชนะ แต่นี้จะเกิดมีความสงบ การกระทำแบบนี้เพิ่งเคยพบ นายควาญช้างสยบพวกมาเยือน
** ชาวเมืองยกให้เป็นวีรบุรุษ ยอดมนุษย์เก่งกล้าหาใครเหมือน จึงสถาปนาไม่แชเชือน เป็นกษัตริย์เชือดเฉือนด้วยศักดา
** ด้วยผลบุญทำไว้ในปางก่อน จึงสะท้อนให้มีวาสนา ดำรงศักดิ์ยิ่งใหญ่ในพารา ทั้งสามีภรรยาและอาจารย์
** รีบสร้างบุญกันไว้ในชาตินี้ จะได้มีต้นทุนในสงสาร เกิดชาติใดไม่ทุกข์ทรมาน สั่งสมบุญบันดาลให้สุขใจ
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 10:30:49 AM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๖ การตั้งตนไว้ชอบ (อตฺตสมฺมาปณิธิ จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** มงคลหกขอยกเอามากล่าว เป็นเรื่องราวบอกแจ้งแถลงไข ให้ชาวพุทธได้เรียนรู้คู่กันไป เพื่อพี่น้องคนไทยผู้ใฝ่บุญ
** การตั้งตนไว้ชอบประกอบด้วย ความศรัทธาจะช่วยสนับสนุน อีกบริจาค ความเพียร ล้วนเป็นคุณ ช่วยค้ำจุนให้ใจไร้ราคี
** ความละอายต่อบาปโปรดทราบว่า จะนำพาพ้นทุกข์มีสุขศรี การตั้งตนคือตั้งใจใฝ่ความดี เป็นสิ่งมีคุณค่าหาใดปาน
** ตั้งใจดีการกระทำก็ล้ำค่า ไม่เสียทีที่เกิดมาในสงสาร ตั้งตนชอบมั่นใจในบุญทาน ละวิตกจิตพาลให้ห่างไกล
** ตั้งจิตผิดย่อมนำเกิดความเสื่อม เป็นตัวเชื่อมชั่วร้ายให้หวั่นไหว ตั้งจิตถูกวิธีดีกว่าใคร จะสดใสก้าวหน้าพารุ่งเรื่อง
** การตั้งตนไว้ชอบประกอบกิจ รู้ถูกผิดคิดดูจะฟูเฟื่อง ตั้งตนดีมีค่าจะประเทือง เกียรติยศลือเลื่องชั่วชีวัน
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
นิทานเรื่องโกสิยะผู้ตระหนี่
** จะขอเล่านิทานในกาลก่อน เพื่อสะท้อนการทำดีที่สร้างสรรค์ และส่งเสริมละความชั่วอย่าผูกพัน ใช่จะเพ้อจำนรรจ์เพียงลมลม
** ในกาลนั้นที่กรุงพาราณสี ท่านเศรษฐียิ่งใหญ่ไม่ขื่นขม มีทรัพย์สินเงินทองเอกอุดม น่าชื่นชมจิตใจใสละมุน
** ตั้งโรงทานหกแห่งเพื่อช่วยเหลือ มีจิตใจเอื้อเฟื้อช่วยเกื้อหนุน แก่คนจนยากไร้ได้พึ่งบุญ ต่อชีวิตเป็นทุนก้าวต่อไป
** สี่โรงทานตั้งอยู่ในสี่ทิศ ใกล้เคียงชิดกับสี่ประตูใหญ่ มีผู้คนมากมายทั้งใกล้ไกล พวกเขาได้อาศัยในโรงทาน
** อีกแห่งหนึ่งกลางเมืองดูเรืองรุ่ง คนยากไร้ต่างมุ่งรับอาหาร อีกหนึ่งแห่งตั้งอยู่หน้าเรือนชาน พร้อมให้บริการทุกทุกวัน
** การสร้างบุญทำให้จิตผ่องใส เมื่อตายแล้วจะได้ไปสวรรค์ ท่านเศรษฐีก็เป็นเช่นเดียวกัน เมื่อตายพลันไปเกิดเป็นพระอินทร์
** ฝ่ายลูกชายก็ได้สละทรัพย์ เช่นเดียวกับเศรษฐีเป็นนิจสิน ทำจิตใจให้ผ่องใสไร้ราคิน ละชีวินไปเกิดเป็นพระจันทร์
** ส่วนหลานชายได้รับมรดก ก็หยิบยกปฏิปทามาสานฝัน ดำเนินการทุกสิ่งให้เหมือนกัน ไปตามที่ปู่นั้นท่านทำมา
** ครั้นสุดท้ายถึงกาลสิ้นชีวิต ไปสถิตเทวโลกโชคหนักหนา ชื่อพระอาทิตย์ผู้ทรงมหิทธา เพราะบุญญาที่สร้างอย่างถาวร
** อีกหลายรุ่นผ่านไปไม่เปลี่ยนผัน คงยึดมั่นในทานไม่ถ่ายถอน จนกระทั่งคนสุดท้ายก็คลายคลอน ยกเลิกสิ่งเก่าก่อนแม้โรงทาน
** โกสิยะเป็นคนที่ตระหนี่ ไม่เคยมีเมตตาและสงสาร คิดว่าคนรุ่นเก่าโง่ดักดาน การให้ทานสิ้นเปลืองเลิกเสียที
** การเป็นอยู่ของเขาช่างแสนเข็ญ ทำตัวเป็นยากไร้ให้เสื่อมศรี ใช้เสื้อผ้าเก่าเก่าคลุมกายี การเป็นอยู่เหลือที่น่าเวทนา
** บริโภคปลายข้าวเช้าเที่ยงค่ำ ชีวิตแสนชอกช้ำเพราะบาปหนา เนื่องจากความตระหนี่เกินอัตรา จึงได้พาให้คิดผิดทำนอง
** เช้าวันหนึ่งโกสิยะจะเข้าเฝ้า เหนือหัวเจ้าพาราณสีเพื่อสนอง นโยบายต่าง ๆ ดังใจปอง เพื่อรับใช้ผู้ครองราชธานี
** จึงแวะหาเศรษฐีเพื่อนผู้น้อง ซึ่งเป็นคู่ปรองดองไม่หน่ายหนี เขาทานข้าวปายาสอยู่พอดี ได้ชวนชี้โกสิยะทานด้วยกัน
** ความอยากทานบังเกิดอย่างจับจิต แต่นิ่งคิดเกรงกลัวจนตัวสั่น เราจะต้องตอบแทนเขาสักวัน ความเสียดายเกินขั้นจะพรรณนา
** กลับถึงบ้านความอยากก็มากขึ้น ต้องนั่งกลืนน้ำลายให้โหยหา กลัวจะเสียทรัพย์สินจึงรอรา จนกายาผ่ายผอมสุดตรอมตรม
** อาการไข้ได้ป่วยก็กำเริบ เพราะอยากเปิบข้าวปายาสไม่สุขสม จะนั่งนอนโศกเศร้าเร้าระทม ภรรยาคู่ภิรมย์คอยปลอบใจ
** สอบถามว่าต้องการสิ่งใดหรือ จะปรนปรือจัดให้อย่างยิ่งใหญ่ อันทรัพย์สินเรามีออกถมไป ถ้าอยากได้จะรีบจัดหามา
** โกสิยะจึงแจ้งให้เมียรู้ เรื่องที่ข้าคิดอยู่และปรารถนา อยากกินข้าวปายาสเพียงสักครา ภรรยารีบตอบว่าตกลง
** ถ้าอย่างนั้นจะสั่งคนรับใช้ ให้เตรียมของเอาไว้ไม่ลืมหลง พรุ่งนี้จะได้หุงอย่างมั่นคง เจตน์จำนงให้ทุกคนได้รับทาน
** ท่านเศรษฐีบอกว่าไม่จำเป็น มันสิ้นเปลืองเห็นเห็นจะร้าวฉาน มีแต่เราไม่เปลืองงบประมาณ คนในบ้านเขาคงไม่อดตาย
** ภรรยากล่าวว่าถ้าอย่างนั้น ท่านกับฉันสองคนคงสมหมาย หุงข้าวปายาสกินอย่างสบาย ไม่มีใครวุ่นวายกับสองเรา
** โกสิยะว่าเจ้าไม่อยากกิน ทำมากก็สูญสิ้นเสียเปล่าเปล่า ข้าคนเดียวไม่มากพอทำเนา ขอให้เจ้าจงได้รีบจัดการ
** เราจะไปหุงกันที่ในป่า จะไม่มีใครมาช่วยล้างผลาญ ทำให้เราเจ็บใจและร้าวราน ข้าจะได้รับประทานอย่างสุขใจ
** ร้อนถึงบรรพบุรุษในชั้นสรวง เขาทั้งปวงปรึกษากันจะแก้ไข ความตระหนี่ถี่เหนียวโดยเร็วไว มิฉะนั้นสิ้นใจลงอบาย
** เนรมิตกายามาเป็นพราหมณ์ ที่อุตส่าห์พยายามด้วยกระหาย หวังส่วนแบ่งข้าวปายาสเพื่อเลี้ยงกาย จึงทุรนทุรายมาขอกิน
** โกสิยะเสียดายไม่อยากให้ ปฏิเสธไม่ได้ดังถวิล จำต้องยอมแบ่งให้ใจรวยริน ต้องสูญสิ้นบางส่วนชวนเสียดาย
** แต่น่าแปลกประหลาดคาดไม่ถึง อาหารพึงไม่พร่องหรือสลาย โกสิยะรู้สึกหิวอย่างมากมาย จึงมุ่งหมายรีบตักอาหารกิน
** ปัญจะสิขะเทพผู้เป็นพ่อ ไม่รีรอแปลงร่างอย่างใจหิน เป็นสุนัขฉี่ใส่ในหม้อดิน โกสิยะเลยสิ้นโอกาสทาน
** จึงลุกขึ้นวิ่งไล่เจ้าสุนัข เพราะความแค้นสุดจักจะสมาน หวังจะตีให้เข็ดไปอีกนาน สุนัขพาลกลายร่างเป็นพาชี
** แล้วกลับมาแสดงความดุร้าย มุงหน้าหมายมาไล่ท่านเศรษฐี ให้หันหลังวิ่งไปในทันที เพราะกลัวมีอันตรายมาใกล้ตน
** พราหมณ์ทั้งห้าแสดงตัวตามฐานะ กลับกลายเป็นเทวะใจกุศล สั่งสอนให้ก้าวพ้นความอับจน เป็นมงคลทำให้สุขสำราญ
** พรรณนาถึงผลความตระหนี่ ทำให้มีแต่ทุกข์ในสงสาร จงทำดีเลื่อมใสในผลทาน เทวโลกสถานอันพึงไป
** โกสิยะเข้าใจในคำสอน กราบขอพรเริ่มต้นชีวิตใหม่ สร้างโรงทานสานฝันอันเกรียงไกร ตามบรรพบุรุษน้อยใหญ่ได้ทำมา
** เมื่อละโลกไปเกิดในวิมาน สุขสราญรมย์รื่นชื่นหรรษา การตั้งตนไว้ชอบย่อมนำพา ให้ชีวิตสูงค่าสุขสบาย
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 10:57:00 AM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๗ ความเป็นพหูสูต (พหุสจฺจญฺ จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** “พาหุสัจจะ” แปลว่าพหูสูต ขอโอกาสได้พูดเพื่อขยาย ให้ท่านผู้ใฝ่รู้อีกมากมาย ได้ฟังคำบรรยายพอเข้าใจ
** พหูสุตคือการศึกษามาก ซึ่งเกิดจากรับฟังสิ่งใหม่ใหม่ ทั้งค้นคว้าเรียนรู้ทั่วทั่วไป อีกทั้งใฝ่สัมมนาฝึกอบรม
** พยายามท่องจำทุกคำสอน จนจำได้ทุกตอนอย่างเหมาะสม นำไปใช้พัฒนาทางอารมณ์ เลี้ยงชีวิตให้อุดมและสมบูรณ์
** จะตั้งในความดีความถูกต้อง ตามครรลองกุศลผลไม่สูญ เพราะละเว้นความชั่วตัวอาดูร จึงเพิ่มพูนศรัทธาบารมี
** พึงเป็นที่เคารพสักการะ ใช้ธรรมะส่องใจใฝ่ศักดิ์ศรี มีความรู้ใช้ความรู้เพื่อชีวี เป็นวิถีนำทางสร้างสังคม
** นำความรู้ที่ร่ำเรียนเพียรศึกษา สร้างปัญญาให้เกิดเป็นประถม ชีวิตไม่ลำเค็ญเป็นมัธยม ส่วนอุดมมีสุขทุกข์ห่างไกล
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
นิทานเรื่องเสนกะบัณฑิต ** ขอย้อนกล่าวถึงพระโพธิสัตว์ ครั้งเสวยพระชาติเป็นพราหมณ์ใหญ่ ชื่อว่า “เสนกะ” ผ่องอำไพ เรียนรู้จากแดนไกลตักสิลา
** รับราชการที่กรุงพาราณสี ทำหน้าที่อนุศาสน์ไขปัญหา ได้ขยายอรรถธรรมแก่ราชา บรรยายธรรมแก่บรรดาเหล่าปวงชน
** มีพราหมณ์แก่ขอทานเลี้ยงชีวิต หากินสุจริตไม่หมองหม่น เดินขอไปในย่านของผู้คน ได้เงินมาเหลือล้นเกินรำพัน
** จึงหวนกลับเคหาเคยอาศัย แสนอาลัยหนักหนาพาไหวหวั่น ต้องจากไปขอทานเสียนานครัน เพื่อครอบครัวสุขสันต์ทุกวันวาร
** ระหว่างทางแวะเข้าใต้ต้นไม้ เพื่อจะได้หยุดพักทานอาหาร หยิบข้าวตังออกมารับประทาน แล้วลนลานรีบออกไปล้างมือ
** จนทำให้เขาลืมปิดปากถุง จิตใจมุ่งติดถึงบ้านประสาซื่อ งูพิษร้ายได้กลิ่นหอมกระพือ เป้าหมายคือถุงผ้าของขอทาน
** ฝ่ายพราหมณ์แก่กลับมาไม่ได้คิด จึงรีบปิดถุงผ้ากลับถิ่นฐาน ทันใดนั้นมีเสียงก้องกังวาน เพื่อบอกให้ขอทานระวังตัว
** ถ้าวันนี้หยุดพักระหว่างทาง ชีพจะต้องวายวางใช่พูดมั่ว ถ้าถึงบ้านเมียตายอย่างน่ากลัว ดีหรือชั่วสร้างไว้ได้แน่นอน
** พราหมณ์แก่ได้ทราบเรื่องเดินร้องไห้ มีใครบ้างช่วยได้ช่วยถ่ายถอน ให้พ้นจากทุกข์ภัยใจสั่นคลอน แสนอาวรณ์ต่อชีวิตอนิจจัง
** จนกระทั่งถึงเมืองพาราณสี เห็นผู้คนมากมีต่างมุ่งหวัง ได้มุ่งหน้าไปสู่พระราชวัง เพื่อรับฟังธรรมบรรยายให้สุขใจ
** จึงเดินตามฝูงชนไปห่างห่าง จะฟังธรรมนำทางจิตผ่องใส เพื่อบรรเทาความเศร้าที่ภายใน คิดหาใครมาช่วยคงไม่มี
** เสนกะมองเห็นขอทานแก่ ก็รู้แน่มีทุกข์ไม่สุขี จึงรีบถามเรื่องราวในทันที รู้ได้ดีมีเหตุให้ร้อนรน
** เริ่มสอบถามเรื่องราวสาวสาเหตุ เพื่อสังเกตพื้นฐานไม่สับสน ที่ในถุงมีข้าวตังใส่ปะปน เป็นเสบียงยามจนต้องทนเอา
** ขอทานเฒ่ารีบตอบว่าถูกต้อง เป็นครรลองยามเดินทางที่เงียบเหงา ทานอาหารหรือไม่จงบอกเรา ที่ในกลางลำเนาตอนเดินทาง
** จึงบอกว่าได้ทานที่กลางป่า ใต้พฤกษาต้นใหญ่ยามฟ้าสาง ก่อนดื่มน้ำล้างมือให้สะอาง ปิดปากถุงที่เปิดกว้างหรือไม่เอย
** จึงตอบว่าข้านี้ไม่ได้ปิด เสนกะครุ่นคิดแล้วเฉลย อสรพิษได้กลิ่นลมรำเพย หอมจังเลยเลื้อยเข้าถุงข้าวตัง
** ถ้าหากท่านกินอาหารในเย็นนี้ จะต้องสิ้นชีวีตามคาดหวัง เป็นเพราะถูกงูพิษกัดอย่างจัง แต่ถ้าถึงเคหังจะรอดตาย
** ภรรยาจะเป็นผู้ถูกงูกัด เพราะย่อมจัดของในถุงดังมุ่งหมาย ให้ขอทานวางถุงบนพื้นทราย ใช้วิธิง่ายง่ายคอยไล่งู
** ใช้ไม้เคาะเบาเบาที่ถุงผ้า มันจึงเลื้อยออกมาส่งเสียงขู่ แผ่พังพานแล้วร้องดัง ฟู ฟู บอกให้รู้เข้ามาข้ากัดจริง
** เมื่อจัดการเรื่องงูสำเร็จแล้ว ใจขอทานผ่องแผ้วเป็นสุขยิ่ง เกิดศรัทธาเสนกะไม่ประวิง มอบทุกสิ่งที่ได้มาบูชาคุณ
** พร้อมทั้งเงินเจ็ดร้อยกหาปณะ เสนกะไม่ขอรับอย่าเคืองขุ่น เพิ่มให้อีกสามร้อยเพื่อทำบุญ ครบหนึ่งพันเป็นทุนให้ขอทาน
** แล้วถามว่ามีใครให้ไปขอ ไม่รีรอรีบตอบเพื่อไขขาน ภรรยาโฉมงามแม่นงคราญ โฉมสราญให้ไปขอพอมีกิน
** เสนกะรู้ว่าเธอยังสาว จึงได้บอกเรื่องราวดังถวิล จงเก็บเงินนอกบ้านเป็นอาจิณ อย่าปล่อยให้ยุพินได้รับรู้
** มิฉะนั้นคู่นอนของโฉมศรี จะเอาเงินที่มีไม่อดสู พราหมณ์ขอทานเชื่อฟังคำของครู เก็บเงินแล้วเดินสู่ประตูเรือน
** ตะโกนเรียกเมียสาวเจ้าอยู่ไหน มัวแต่ทำอะไรใยเชือดเฉือน ไม่สนใจผัวเจ้าเฝ้าแช เชือน ที่ผัวกลับมาเหมือนไม่สนใจ
** ฝ่ายภรรยาเริงร่าอยู่กับชู้ ครั้นพอรู้ผัวมาพาวุ่นใหญ่ จึงบอกชู้จงรีบไปปิดไฟ แล้วจงรีบหนีไปค่อยย้อนมา
** รีบออกมารับหน้าสามีไว้ แล้วถามไถ่เรื่องเงินที่ไปหา เงินอยู่ไหนเร็วไวเผยวาจา จงรีบเอาเงินมาอย่ารอรี
** เฒ่าขอทานกล่าวว่าอยู่ข้างนอก เอ่ยปากบอกถึงที่ฝังอย่างถ้วนถี่ ฝ่ายชายชู้รีบไปในทันที ขุดเอาเงินที่มีเป็นของตน
** เช้าขึ้นมาจึงรู้ว่าเงินหาย แสนเสียดายหนักหนาพาหมองหม่น จึงไปพบเสนกะในบัดดล เพื่อจะแจ้งยุบลเรื่องเงินทอง
** เสนกะครั้นรู้เรื่องทั้งหมด ให้รู้สึกรันทดและหม่นหมอง จึงได้แจ้งอุบายให้ไปลอง ตามทำนองคนดีมีปัญญา
** ตามเนื้อหาของอุบายให้เริ่มต้น เชิญผู้คนทั้งสองฝ่ายให้มาหา เพื่อกินเลี้ยงทุกวันหนึ่งสัปดาห์ โดยต้องลดอัตราลงมาพลัน
** ฝ่ายละหนึ่งพึงลดงดเชิญต่อ แล้วจงรอครบเวลาใครขยัน จะพึงมีหนึ่งคนมาทุกวัน จงพาคนผู้นั้นมาหาเรา
** ครั้นได้ตัวรีบไปหาเสนกะ เพื่อชำระความผิดคิดร้ายเขา ขโมยเงินขอทานพาลมัวเมา จงนำเอาเงินมาคืนให้ครบพัน
** เสนกะลงโทษกับชายชู้ ตามกระทู้กระบวนความอย่างกวดขัน คนทำดีได้ดีเป็นรางวัล คนทำชั่วโทษทัณฑ์ติดตามมา
** คนอ่านมาก ฟังมาก ย่อมรู้มาก เป็นผลจากการตั้งใจใฝ่ศึกษา คือพื้นฐานอันประเสริฐเกิดปัญญา วัฒนารุ่งเรืองประเทืองบุญ
** ดังเช่นกับตัวท่านเสนกะ ใช่ว่าจะมีฤทธามาช่วยหนุน แต่เป็นเพราะสังเกตเป็นต้นทุน ช่วยเจือจุนสมมุติฐานการควรเป็น
** นี่คือผู้ที่เป็นพหูสูต มิใช่คิดและพูดเพียงได้เห็น ต้องมีเหตุมีผลเกิดประเด็น พิจารณาจากที่เป็นข้อเท็จจริง
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 03:11:52 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๘ มีศิลปะ (สิปฺปญฺ จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** ศิลปะหมายถึงฉลาดทำ เพื่อน้อมนำเป็นอาชีพที่ใหญ่ยิ่ง คือนำเอาศิลปะมาอ้างอิง ทำให้เกิดเป็นสิ่งน่านิยม
** ศิลปะแบ่งออกเป็นสองสถาน หนึ่งเป็นงานของคฤห้สถ์จัดสั่งสม คือฉลาดหากินให้อุดม จนสังคมยอมรับนับว่าดี
** สองเป็นกิจสำหรับบรรพชิต ที่ต้องคิดสร้างศิลป์ปิ่นศักดิ์ศรี พระอานนท์คือตัวอย่างปรากฏมี ออกแบบจีวรเป็นยอดนิยม
** ความเป็นศิลปะย่อเป็นสาม ซึ่งมีตามคัมภีร์ดีเหมาะสม คือช่างคิดช่างทำดูขำคม และช่างพูดรื่นรมย์สุขสมใจ
** มีศิลปะเป็นมงคลอุดมผล จะเลิศล้นก้าวหน้าพาสดใส เกิดประโยชน์สามประการเลิศวิไล ขอกล่าวไว้เป็นเบื้องต้นชนพึงฟัง
** อัตถะประโยชน์ตนและคนอื่น หิตะยื่นเกื้อกูลพูนความหวัง สุขะอำนวยสุขเพิ่มพลัง ให้จิรังยั่งยืนพันหมื่นปี
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
นิทานเรื่องบุรุษง่อยนักดีดก้อนหิน ** อดีตกาลผ่านมาช้านานแล้ว ณ เมืองแก้วชื่อว่าพาราณสี บุรุษง่อยคนเก่งและแสนดี เลี้ยงชีวีด้วยศิลป์ดีดหินกิน
** ทุกทุกเช้าพวกเด็กลูกชาวบ้าน ได้พาไปสร้างงานดีดก้อนหิน ให้กระทบใบไม้งามโสภิณ จะเกิดภาพตามจินตนาพลัน
** เป็นวัวควายช้างม้านานาสัตว์ สาระพัดรูปร่างช่างสร้างสรรค์ คนที่ผ่านไปมาชื่นชมกัน มอบเงินเป็นรางวัลกำนัลมา
** ครั้นวันหนึ่งกษัตริย์ทรงประพาส พร้อมอำมาตย์น้อยใหญ่ใจปรารถนา จะออกไปล่าสัตว์ในพนา เมื่อผ่านมาได้เห็นเป็นสำคัญ
** เห็นรูปสัตว์ต่างต่างช่างงามนัก เป็นประจักษ์ศิลปะหฤหรรษ์ เมื่อได้พบชายง่อยค่อยจำนรรจ์ จึงเสกสรรค์ตรัสถามเนื้อความไป
** ปุโรหิตของเราเขาพูดมาก เราจึงอยากให้ช่วยจะได้ไหม บุรุษง่อยรีบตอบในทันใด คงจะพอช่วยได้นะพระองค์
** พระราชาจึงพาคนง่อยเปลี้ย ไม่ให้เสียเวลาตามประสงค์ ทรงยกเลิกเที่ยวป่าดังจำนง จึงมุ่งตรงกลับไปยังในวัง
** พระองค์ทรงรับสั่งให้เจาะม่าน เพื่อให้ชายพิการอยู่ข้างหลัง มีผ้าม่านเป็นส่วนที่ปิดบัง จัดที่นั่งปุโรหิตตรงพอดี
** ถึงเวลาราชาประทับนั่ง ที่เหนือราชบัลลังก์คชสีห์ ปุโรหิตอำมาตย์มุขมนตรี ต่างกล่าวราชสดุดีองค์ราชัน
** องค์ราชาเริ่มมีพระดำรัส พระทรงตรัสราชกิจจิตสุขสันต์ ปุโรหิตพูดมากเหมือนทุกวัน ทุกคนต่างพากันเอือมระอา
** กล่าวฝ่ายชายพิการผู้มีศิลป์ ในการดีดก้อนหินชื่นหรรษา เมื่อได้รับมูลแพะจากราชา นั่งหลังม่านบังตาดำเนินการ
** ครั้นท่านปุโรหิตอ้าปากพูด จึงดีดคูถของแพะดังกล่าวขาน เป็นศิลปะที่มีความชำนาญ เข้าในปากของท่านโดยทันที
** ปุโรหิตรู้ตัวนึกอับอาย ไม่กล้าคายออกมาหน้าเช่นผี จึงต้องกลืนมูลแพะแต่โดยดี จนอิ่มท้องเต็มที่สุดพรรณนา
** พระราชาตรัสว่าปุโรหิต ท่านจงคิดให้ดีด้วยเถิดหนา เนื่องจากท่านได้เอ่ยเผยวาจา จนเกินกว่าพอดีที่ควรเป็น
** ในท้องท่านจึงเต็มด้วยมูลแพะ ขอชี้แนะอย่าทนความทุกข์เข็ญ จงรีบทำในสิ่งที่จำเป็น คือดื่มน้ำเย็นเย็นสำรอกมัน
** นับแต่นั้นปุโรหิตสงบเสงี่ยม รู้จักเจียมกายใจไม่หุนหัน จะพูดเฉพาะเรื่องที่สำคัญ ไม่พูดมากเหมือนวันที่ผ่านมา
** พระราชาขอบใจชายพิการ พระราชทานรางวัลมากนักหนา มอบหมู่บ้านสี่ตำบลไม่รอรา ทั้งเงินทองของมีค่านับอนันต์
** อันความรู้รู้กระจ่างเพียงอย่างเดียว แต่ให้เชี่ยวชาญเห็นเป็นมิ่งขวัญ ศิลปะเป็นมงคลนิจนิรัดร์ นานกัปกัลป์มีคุณค่ากว่าสิ่งใด
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 03:19:10 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๙ วินัยที่ศึกษาดีแล้ว (วินโย จ สุสิกฺขิโต เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** อันวินัยย่อมนำให้สูงส่ง จะมั่นคงในความดีที่ยิ่งใหญ่ สร้างสังคมสุขสันต์ทุกวันไป ฝึกกายวาจาใจได้อย่างดี
** วินัยนี้แบ่งออกได้เป็นสอง หนึ่งเป็นของคฤหัสถ์วัตรเป็นศรี ทั้งศีลห้าศีลแปดบรรดามี เป็นเครื่องชี้คุณค่าน่าชื่นชม
** สองเป็นศีลสำหรับพระภิกษุ เพื่อบรรลุความดีที่เหมาะสม ศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ดเพชรแห่งพรหม เลิศอุดมความดีมีในตน
** ได้ศึกษาเรียนรู้ผู้ละเว้น ประพฤติเป็นแบบอย่างทางกุศล เมื่อศึกษาดีแล้วเป็นมงคล ย่อมจะพ้นหายนะและอบาย
** อานิสงส์พึงมีแสนดีนัก เป็นที่รักแห่งชนคนทั้งหลาย เพราะกิริยางดงามอย่างมากมาย ความไม่ดีมลายสิ้นหายไป
** มีความก้าวหน้าในกุศลธรรม ไม่เปื้อนกรรมมลทินสิ้นเงื่อนไข อยู่ร่วมกับสังคมอย่างสุขใจ ผู้อยู่ในศีลนี้ดีนักเอย
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
นิทานเรื่องนกกระจาบแตกสามัคคี ** จะขอยกนิทานในการก่อน อุทาหรณ์น้อมนำคำเฉลย มาเปรียบเทียบให้เห็นเหมือนเช่นเคย ติดตามเลยจะรู้ว่าค่าอนันต์
** พุทธองค์ได้ประทับกบิลพัสดุ์ ณ ที่วัดโครธารามงามเกินฝัน ทรงปรารภพระญาติทะเลาะกัน จึงเลือกสรรค์นิทานมาแสดง
** ณ กาลนั้นยังมีฝูงกระจาบ หวังบินคาบหาเหยื่อเสาะแสวง นับจำนวนหลายพันล้วนแข็งแรง รวมเป็นแก็งกลุ่มใหญ่ในพนา
** นกหัวหน้าเป็นห่วงจึงบอกกล่าว ถ้าถึงคราวติดบ่วงของพรานป่า ให้จงรีบเอาหัวสอดเข้ามา ที่ในช่องตาข่ายของนายพราน
** แล้วออกแรงบินขึ้นพร้อมพร้อมกัน เอาตาข่ายไปพันอย่างอาจหาญ กับต้นไม้ต้นใหญ่ไม่ร้าวราน แล้วบินผ่านลงต่ำจำเอาไว้
** ถ้าทุกท่านมีวินัยไม่ตายแน่ สามัคคีช่วยแก้วิกฤตได้ จงรักกันช่วยกันด้วยห่วงใย อันตรายใดใดไม่กล้ำกราย
** ฝ่ายนายพรานดักนกเป็นอาชีพ จึงได้รีบจัดการวางตาข่าย เกณฑ์ชะตาของนกไม่ถึงตาย ปฏิบัติตามนัดหมายจึงปลอดภัย
** แต่อยู่อยู่วันหนึ่งจึงเกิดเหตุ เป็นอาเพศแล้วหนาพาสงสัย ความแตกแยกกัดกินสิ้นอาลัย ถึงสมัยต้องพินาศอนาถครัน
** เหตุเพราะว่าขณะกินอาหาร มีเหตุการณ์เกิดขึ้นดังอาถรรพ์ นกตังหนึ่งบินโผลงมาพลัน ไปเหยียบหัวเพื่อนกันไม่เจตนา
** นกถูกเหยียบโวยวายสนั่นทุ่ง พวกเพื่อนเพื่อนต่างมุ่งเข้ามาหา แบ่งออกเป็นสองฝ่ายไม่รอรา ต่างต่อว่าอีกฝ่ายน่าอายจริง
** จึงกลายเป็นน้ำผึ้งเพียงหยดเดียว มาขับเคี่ยวกันไปในทุกสิ่ง สามัคคีมลายคลายประวิง อันวินัยถูกทิ้งไม่ไยดี
** นกหัวหน้าพูดจาคอยเกลี้ยกล่อม ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ้างศักดิ์ศรี นกหัวหน้าเห็นว่าไม่เข้าที ความพินาศจักมีอย่างแน่นอน
** จึงได้พาสมาชิกที่เป็นกลาง หลีกหนีห่างออกไปใจทอดถอน แม้นจากไปมิใช่ไม่อาวรณ์ แสนเร้ารอนจากไปจำใจลา
** ครั้นเวลาผ่านไปไม่นานนัก นายพรานวางข่ายดักหมู่ปักษา กระจาบติดตาข่ายดังเจตนา ของพรานป่าเพื่อนำไปฆ่าแกง
** ฝ่ายกระจาบต่างเถียงกันและกัน พวกเจ้านั้นเก่งกาจอาจกำแหง อย่าชักช้านะเจ้ารีบแสดง จงออกแรงดันตาข่ายให้พ้นไป
** เอาแต่เกี่ยงไม่สนใจในภาระ ขาดธรรมะสามัคคีนี่ไฉน ตกเป็นเหยื่อเป็นอาหารของพรานไพร ขาดอะไรก็ไม่ร้ายเท่าขาดธรรม
** พรานจึงกล่าวคาถาว่าดังนี้ เมื่อเจ้ามีความร่าเริงช่างคมขำ ก็สามารถดันตาข่ายได้ประจำ ต่างก็ทำได้ดังใจไม่ร้อนรน
** แต่เมื่อใดที่พวกเจ้าเฝ้าทะเลาะ เหมือนมีเคราะห์บาปกรรมอกุศล ต้องเป็นเหยื่อของข้าพาอับจน ขาดมงคลขาดใจในทันที
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 03:25:44 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๑๐ วาจาสุภาษิต (สุภาสิตา จ ยา วาจา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** สุภาษิต คือคำพูดที่ดีแล้ว แสนเพริดแพรวเปรียบตะวันเปล่งรัศมี ประกอบด้วยลักษณะอันควรมี เป็นวจีห้าประการสราญใจ
** หนึ่งคำพูดถูกกาลสถานที่ หนึ่งล้วนมีความจริงสิ่งขานไข หนึ่งสุภาพเอื้อนเอ่ยเผยออกไป หนึ่งประโยชน์เหนืออื่นใดในวาจา
** หนึ่งเมตตาปราณีมีคุณยิ่ง พูดความจริงพูดดีมีสง่า ผู้ที่ฟังชื่นใจเกิดศรัทธา คือคุณค่าสุภาษิตลองคิดดู
** เอ่ยวาจาพาทีที่ดีนั้น เมื่อได้ฟังสุขสันต์ไม่หดหู่ ไม่มีภัยและไร้ซึ่งศัตรู เป็นที่รักเชิดชูของผู้ฟัง
** การเว้นจากวจีทุจริต ปราศจากพิษแสนดีมีมนต์ขลัง เป็นวาจาสุภาษิตมากพลัง ให้ผู้ฟังรักใคร่และชื่นชม
** อันคำพูดแม้เพียงประโยคหนึ่ง ฟังซาบซึ้งใจสงบไม่ขื่นขม นับว่ามีคุณค่าน่านิยม มากกว่าเล่ห์คารมเป็นหมื่นพัน
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
นิทานเรื่องวาทศิลป์สามัคคี ** อดีตกาลผ่านมาพระโพธิสัตว์ ได้อุบัติในตระกูลที่สุขสันต์ เป็นบุตรของเศรษฐีชื่นชีวัน มีสินทรัพย์อนันต์สุขสบาย
** ครั้นวันหนึ่งจึงออกไปเดินเล่น เพื่อรับลมเย็นเย็นกับสหาย อีกสามคนที่รักกันมากมาย เพื่อผ่อนคลายอารมณ์สมอุรา
** ขณะนั้นนายพรานบรรทุกเนื้อ มากมายเหลือนำไปใจปรารถนา เพื่อจะขายให้แก่ชาวพารา จึงมุ่งหน้าตรงไปภายในเมือง
** สี่สหายเมื่อเห็นนายพรานป่า จึงหันมาปรึกษาดำเนินเรื่อง การใช้วาทศิลป์จินต์ประเทือง ว่าใครจะปราดเปรื่องยิ่งกว่ากัน
** คนที่หนึ่งจึงเดินเข้าไปหา นายพรานป่าด้วยหวังอย่างแม่นมั่น แล้วจึงเริ่มเจรจาโดยเร็วพลัน เฮ้ย ! พรานจงแบ่งปันเนื้อให้เรา
** นายพรานจึงร้องตอบออกไปว่า ช่างหยาบคายหนักหนานะคนเขลา เปรียบได้กับพังผืดตามทำเนา จงรับเอาพังผืดอย่ารีรอ
** คนที่สองลองเอ่ยเผยวจี นี่แนะ ! พี่จงแบ่งเนื้อนะเราขอ ไปประกอบอาหารให้เพียงพอ แก่ครอบครัวเถิดหนอโปรดเห็นใจ
** นายพรานจึงเอ่ยว่าคำว่าพี่ ฟังแล้วไพเราะดีจะมีไหน ซึ่งเป็นส่วนประกอบมนุษย์ไง ใช้เรียกขานทั่วไปในสังคม
** คำพูดท่านเป็นเหมือนส่วนประกอบ เราจะมอบเนื้อให้ตามเหมาะสม คือเนื้อส่วนประกอบน่ารื่นรมย์ ตามคารมที่เอ่ยเผยออกมา
** คนที่สามมุ่งหมายได้ร้องขอ พูดว่าพ่อให้เนื้อบ้างเถิดหนา ตามที่เห็นสมควรจะกรุณา โปรดเมตตาเถิดท่านวานแบ่งปัน
** นายพรานจึงพูดว่าคำว่าพ่อ น่าชื่นใจยิ่งหนออกไหวหวั่น ได้ยินคำว่าพ่อพอใจครัน นิจนิรันดร์สุขใจหาใดปาน
** วาจาท่านนั้นเป็นเช่นน้ำใจ เราจะให้ตอบแทนแสนไพศาล ได้แก่เนื้อหัวใจใสตระการ มอบให้ท่านรับไว้ได้อิ่มเอม
** คนสุดท้ายได้แก่โพธิสัตว์ ปฏิบัติด้วยใจอันเกษม ภารกิจที่นับว่าเป็นเกม เยื้องงกรายดังหงส์เหมชวนให้มอง
** จึงเอื้อนเอ่ยวาจาว่าเพื่อนเอ๋ย อย่าช้าเลยโปรดได้ตอบสนอง ให้เรานี้มีเนื้อเพื่อครอบครอง เป็นเจ้าของสักนิดจิตเปรมปรีดิ์
** นายพรานฟังวาจาพาขนลุก มีความสุขเกินคิดจิตผ่องศรี วาจาโพธิสัตว์ฟังเข้าที เอ่ยวจีกล่าวคาถาช่างน่าฟัง
** บ้านใดไม่มีเพื่อนเหมือนกับป่า อันวาจาท่านนี้มีความหวัง เปรียบได้เหมือนสมบัติทั้งเวียงวัง โปรดจงฟังนะสหายให้หมดเลย
** อันเนื้อที่มีอยู่เราให้ท่าน เพื่อนำกลับไปบ้านอย่างเปิดเผย จงไปยังบ้านข้าอย่าละเลย รีบขึ้นเกวียนเพื่อนเอ๋ยไปด้วยกัน
** เมื่อถึงแล้วโพธิสัตว์จึงจัดการ พานายพรานไปบ้านของเขานั่น พร้อมทั้งบุตรธิดามิช้าพลัน อาศัยอยู่ด้วยกันทุกวันมา
** แล้วจึงให้ละเลิกการฆ่าสัตว์ สร้างแต่บุญเป็นวัตรดีหนักหนา เกื้อกูลกันและกันมั่นสัญญา ความเป็นเพื่อนเหนือกว่าจะบรรยาย
** ทั้งหมดนี้ที่เล่ากล่าวมานั้น เพื่อที่จะยืนยันด้วยมุ่งหมาย ว่าวาจาสุภาษิตดีมากมาย ท่านทั้งหลายลองคิดดูจะรู้ดี
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 03:36:27 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๑๑ การบำรุงมารดาบิดา (มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** อันมารดาบิดามีคุณมาก สุดแสนยากจะบรรยายให้ถ้วนถี่ เขาเรียกว่าผู้เป็นบุพการี จะกี่เดือนกี่ปีมิเปลี่ยนแปลง
** ชีวิตนี้พลีอุทิศให้ลูกรัก แม้เหนื่อยนักก็ไม่บ่นหรือหน่ายแหนง รักลูกดั่งดวงใจไม่เคลือบแคลง บริสุทธิ์ดุจแสงแห่งดวงเดือน
** พุทธองค์ทรงยกย่องคุณแม่พ่อ ผู้เกิดก่อดวงชีวาหาใดเหมือน เป็นหนึ่งในทิศหกยกมาเตือน อย่าลืมเลือนเทิดพระคุณบุญบารมี
** ปุรัตถิมาทิส ได้แก่ทิศเบื้องหน้า คือมารดาบิดาผู้เป็นศรี ผู้เป็นแสงส่องทางของชีวี แม่พ่อนี้คือบุคคลที่สำคัญ
** บุญคุณของแม่พ่อผู้ก่อเกิด ให้กำเนิดชีวิตคิดรังสรรค์ ท่านเป็นครู เป็นพรหม พร้อมพร้อมกัน อีกทั้งพระอรหันต์สุดยอดคน
** แม่และพ่อประเสริฐเลิศที่สุด คือมนุษย์ผู้มีใจเป็นกุศล ทำเพื่อลูกเหน็ดเหนื่อยก็ยอมทน ไม่ยอมบ่นลูกไร้ทุกข์ก็สุขใจ
** หน้าที่บุตรพึงปฏิบัติต่อพ่อแม่ คอยดูแลไม่หลีกลี้หนีไปไหน บำรุงท่านให้มีสุขทุกข์ห่างไกล มีสิ่งใดทำได้ไม่รีรอ
** "ท่านเลี้ยงเราเราต้องเลี้ยงท่านตอบ" ต้องรอบคอบเอาใจใส่ให้มากหนอ อุปการะเลี้ยงดูอยู่เคลียคลอ คอยบำรุงแม่พ่อทุกวี่วัน
** "ช่วยทำกิจของท่าน" ให้ผ่านพ้น เป็นอุดมมงคลเกินเสกสรร ท่านมอบหมายกิจใดรีบทำพลัน เมื่อท่านนั้นเจ็บป่วยช่วยดูแล
** "ดำรงวงศ์สกุล" ตอบแทนท่าน คอยประสานญาติมิตรชิดกระแส ทั้งโอบอ้อมเอื้อเฟื้อและเทคแคร์ ญาติพี่น้องที่พ่อแม่เคยแลดู
** "ประพฤติตนเป็นคนควรรับมรดก" ขอหยิบยกมาขานไขใจต้องสู้ ต้องรอบคอบการได้เสียและฟื้นฟู นำไปสู่ความเจริญเพลิดเพลินใจ
** "เมื่อท่านล่วงลับทำบุญให้แก่ท่าน" ทำบุญบริจาคทานส่งไปให้ สร้างสาธารณะสถานมองการไกล รักษาศีลอุทิศไปตามสมควร
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
นิทานเรื่องนกแขกเต้าเลี้ยงพ่อแม่ ** ณ หมู่บ้านชื่อว่า “สาลินทิยะ” เศรษฐีมีภาระทำนาสวน ได้จ้างให้คนทำตามกระบวน ถึงเวลาอันควรก็งอกงาม
** ชื่อว่า “โกสิยะ” ทำนาข้าว ประมาณราวพันไร่ไว้หาบหาม ข้าวเจริญเติบโตทุกโมงยาม ท่ามกลางฟ้าสีครามเขียวขจี
** ไม่ไกลจากทุ่งนาเป็นป่าเขา ภูมิลำเนาของสัตว์เช่นปักษี นับเป็นที่อาศัยปลอดภัยดี อีกลิงค่างชะนีมีมากมาย
** อันพระโพธิสัตว์ถือกำเนิด จุติลงมาเกิดเลิศเหลือหลาย เป็นพญานกแขกเต้าเพริดพราวพราย บริวารมากมายหลายร้อยตัว
** พญานกแขกเต้ามีพ่อแม่ ต้องดูแลและเทิดไว้เหนือหัว มีลูกน้อยกลอยใจไม่หมองมัว ต้องเลี้ยงดูจนทั่วทุกตัวตน
** คาบรวงข้าวมาฝากแม่และพ่อ อีกลูกน้อยที่รอไม่หมองหม่น แม้จะยากจะเหนื่อยก็สู้ทน จิตใจช่างงามล้นเกินบรรยาย
** ครั้นวันหนึ่งพญานกแขกเต้า ได้พาเหล่าบริวารสิ้นทั้งหลาย มุ่งหน้าสู่ท้องนาอย่างสบาย เพราะมีข้าวมากมายให้จิกกิน
** จึงบินลงที่นาของเศรษฐี มองเห็นมีอาหารดังถวิล นับจากนั้นก็มาเป็นอาจิณ ทั้งจิกกินและคาบเอากลับไป
** คนเฝ้านามองเห็นตะโกนก้อง ส่งเสียงร้องดังลั่นสนั่นไหว เพื่อให้นกทั้งสิ้นรีบบินไป แต่นกไพรไม่หนีดังที่คิด
** ในที่สุดยอมแพ้แก่ฝูงนก แสนวิตกหนักหนาพาหงุดหงิด จึงแจ้งแก่เศรษฐีให้พินิจ แก้เหตุการณ์วิกฤตให้คืนดี
** ฝ่ายเศรษฐีทราบเรื่องขุ่นเคืองยิ่ง ช่างเจ็บใจจริงจริงไม่สุขี จึงได้มีคำสั่งในทันที จงจับนกเหล่านี้มาให้เรา
** ลูกจ้างจึงรีบไปจัดการ หมู่นกที่คอยผลาญเม็ดข้าวเขา วางกับดักจับนกเพื่อบรรเทา ภัยจากนกแขกเต้าเข้ารุกราน
** เป็นวาระโชคร้ายพญานก เกิดดวงตกก้าวล่วงบ่วงสังหาร ติดบ่วงดิ้นไม่หลุดสุดทรมาน เพราะผลกรรมบันดาลให้เป็นไป
** ด้วยภาวะผู้นำจำทนนิ่ง นึกเกรงกริ่งบริวารจะหวั่นไหว หากรู้ว่าบัดนี้เกิดอะไร คงจะบินหนีไปเพราะความกลัว
** จึงปล่อยให้พวกนกกินอาหาร จนอิ่มหนำสำราญกันถ้วนทั่ว ต่างพากันสดใสไม่หมองมัว ให้สัญญาณทุกตัวรู้ถึงภัย
** บรรดานกตกใจรีบบินหนี อย่างเร็วรี่เพื่อกลับที่อาศัย พญานกก้มหน้าทอดอาลัย ห้วงหทัยร้อนเร่าเฝ้ากังวล
** คนเฝ้านามาจับพญานก เอาขึ้นมาแนบอกแล้วลูบขน นำไปให้เศรษฐีมิวกวน ดีใจล้นได้ขจัดเหล่าศัตรู
** โกสิยะจับนกแล้ววางไว้ แล้วจึงได้เอ่ยถามไม่ข่มขู่ มาคุยกันดีดีทดลองดู เราอยากรู้ตอบได้จะปล่อยไป
** ทำไมหรือเจ้าจึงโลภมากหนอ กินไม่พอยังคาบเอาไปไหน หรือมียุ้งเพื่อเก็บตุนเอาไว้ เจ้าจึงได้คาบกลับไปรวงรัง
** พญานกจึงตอบว่าท่านเอ๋ย ยุ้งข้าวไม่มีเลยตามคาดหวัง ไม่โลภมากอยากได้เกินกำลัง โปรดจงฟังเถิดหนอขอสาธยาย
** ประการหนึ่งพึงทราบเพื่อใช้หนี้ ประการสองนั้นมีจุดมุ่งหมาย ให้เขากู้วันหน้าจะสบาย ประการสามจะขยายเนื้อนาบุญ
** นำเอาไปฝังไว้เป็นขุมทรัพย์ เพื่อผลลัพธ์เบื้องหน้ามาอุดหนุน จะมีผลยิ่งใหญ่ได้เจือจุน นับเป็นการลงทุนที่สุนทร
** โกสิยะบอกว่าไม่เข้าใจ จงรีบเผยเงื่อนไขอย่าหลอกหลอน ฟังง่ายง่ายรู้เรื่องขออ้อนวอน เป็นขั้นตอนว่ามาอย่ารีรอ
** จึงเอื้อนเอ่ยวจีมีความว่า ท่านเจ้าขาโปรดฟังดังร้องขอ ท่านผู้ให้กำเนิดได้เกิดก่อ คือแม่พ่อมีคุณเจือจุนมา
** เวลาผ่านท่านก็แก่ลงมาก ออกหากินลำบากยากหนักหนา ต้องเลี้ยงดูตอบแทนตอนชรา ข้าเรียกว่าใช้หนี้ผู้มีคุณ
** ส่วนลูกน้อยคอยพ่อรออาหาร ต้องจัดการสรรหามาเกื้อหนุน นำอาหารไปให้ด้วยการุณ หวังพึ่งบุญตอนแก่และใกล้ตาย
** ข้าจึงได้เรียกการกระทำนี้ ว่าก่อหนี้มิใช่เรื่องเสียหาย เป็นเรื่องดีมีคุณอย่างมากมาย จะสบายได้พึ่งพาคราอ่อนแรง
** ยังมีนกชราและป่วยไข้ ข้าจึงได้เที่ยวไปเสาะแสวง หาอาหารไปฝากอย่าเคลือบแคลง เพื่อแสดงน้ำใจและไมตรี
** ได้ชื่อว่าขุมทรัพย์ที่ฝังไว้ หวังจะได้เป็นทุนบุญราศรี การสั่งสมซึ่งบุญเป็นสิ่งดี ส่งให้มีความสุขทุกวันคืน
** โกสิยะได้ฟังถึงนั่งอึ้ง เกิดซาบซึ้งน้ำตาไหลไม่อาจฝืน นกตัวนี้มีธรรมเป็นจุดยืน เลี้ยงพ่อแม่และนกอื่นไม่เหมือนใคร
** โกสิยะกล่าวว่าต่อแต่นี้ ข้าวในนาที่มีเรายกให้ ลงมากินและจัดการเอาตามใจ คาบกลับไปดังปรารถนาและต้องการ
** พญานกกล่าวตอบว่าขอบคุณ ที่ค้ำจุนช่วยเหลือดังกล่าวขาน ขอให้ท่านไร้ทุกข์สุขสำราญ เป็นที่พึ่งอันเบิกบานและรื่นรมย์
** นกแขกเต้าปลอดภัยในครั้งนี้ เป็นเพราะคุณความดีที่สั่งสม เลี้ยงบิดามารดาน่าชื่นชม ให้ทุกคนในสังคมพึงสังวรณ์
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 03:36:57 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๑๒ การสงเคราะห์บุตร (ปุตฺต สงฺคโห เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** “บุตร” หมายถึงลูกชายและลูกสาว ผู้ที่ต้องบอกกล่าวและสั่งสอน คอยสงเคราะห์ดูแลด้วยอาทร ต้องพร่ำสอนแนะนำให้ทำดี
** ผู้เป็นแม่เป็นพ่อได้ก่อเกิด ให้กำเนิดบุตรมาพาสุขี เลี้ยงดูด้วยเมตตาและปราณี มิให้มีโพยภัยมารบกวน
** อันมารดาบิดามีหน้าที่ ต้องเลี้ยงดูบุตรนี้ให้ทั่วถ้วน เอาใจใส่ดูแลไม่แปรปรวน คอยชักชวนให้ลูกดีมีศีลธรรม
** ประการหนึ่ง "พึงห้ามทำความชั่ว" ให้หมองมัวคึกคะนองจนถลำ คบเพื่อนชั่วมัวหมองต้องระกำ ผิดศีลธรรมเลวร้ายให้ช้ำทรวง
** ประการสอง "สอนให้ทำความดี" เพื่อได้มีความสุขสันต์อันใหญ่หลวง รู้จักบาปรู้จักบุญคุณทั้งปวง ไม่ก้าวล่วงความชั่วมั่วอบาย
** ประการสาม "ให้ศึกษาศิลปะ" มุมานะเรียนรู้สู่จุดหมาย ตามสมควรแก่วัยไม่เสื่อมคลาย ตอนสุดท้ายจักได้เลี้ยงดูตน
** ประการสี่ "หาคู่ครองที่ดีให้" เมื่อถึงวัยที่เหมาะสมอุดมผล สืบสกุลและเผ่าพันธุ์มั่นกมล ดำรงตนดำรงศักดิ์รักตระกูล
** ประการห้า "มอบมรดกและทรัพย์สิน" ให้มีกินมีใช้ไม่หายสูญ เป็นต้นทุนเริ่มต้นพ้นอาดูร ได้เพิ่มพูนสินทรัพย์นับอนันต์
** การสงเคราะบุตรจัดเป็นมงคล แสนเลิศล้นจะมีแต่สุขสันต์ ได้ปฏิบัติหน้าที่ที่ดีพลัน บุตรธิดาพากันเฝ้าชื่นชม
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
ตำราเลือกลูกเขย จาก คหปติชาดก ** อดีตกาลมีนิทานนำมาเล่า เป็นเรื่องเก่าการเลือกคู่ดูเหมาะสม จะอยู่ดีกินดีเอกอุดม แสนสุขสมชื่นใจหาใดปาน
** ครั้งนั้นสมเด็จพระโพธิสัตว์ ได้อุบัติเป็นครูที่เรียกขาน ว่าทิศาปาโมกข์ชำนาญการ ผู้เชี่ยวชาญศิลปะวิทยา
** พราหมณ์คนหนึ่งมีลูกสาวสี่ใบเถา งามเทียบเท่านางสวรรค์ชื่นหรรษา ชายใดเห็นเป็นต้องถูกชะตา อยากได้มาสมสู่เป็นคู่ครอง
** ในบรรดาชายหนุ่มที่รุมล้อม หวังดมดอมเชยชมภิรมย์สอง พราหมณ์ผู้พ่อจับตาเฝ้าคอยมอง เลือกคู่เคียงประคองให้ลูกตน
** มีชายหนุ่มสี่คนน่าสนใจ คุณสมบัติต่างกันไปตามกุศล เคยทำดีได้ดีมีมงคล เคยทำชั่วไม่พ้นผลไม่ดี
** คนที่หนึ่งรูปหล่อเป็นยิ่งนัก ช่างน่ารักงามสง่ามีราศี ทั้งกิริยาวาจาก็เข้าที เอ่ยวจีอรรถรสปรากฏไกล
** คนที่สองผ่านโลกมาหลายฝน อายุพ้นวัยเด็กเป็นผู้ใหญ่ สัมผัสสุขและทุกข์ผลัดเปลี่ยนไป สุดหาใครเป็นคู่ครองอกหมองตรม
** คนที่สามร่ำรวยลูกเศรษฐี ตระกูลดีเป็นผู้ที่เหมาะสม เป็นคู่ครองสาวสาวร่วมภิรมย์ คงสุขสมฤดีมิเสื่อมคลาย
** คนที่สี่มีศีลธรรมแสนล้ำเลิศ ก่อให้เกิดกุศลผลมากหลาย งามสง่าอำไพทั้งใจกาย หญิงมากมายหมายจองครองคู่กัน
** พราหมณ์พ่อไม่สามารถเลือกใครได้ เพื่อจะให้ลูกสาวร่วมสร้างฝัน เป็นเพื่อนคิดคู่ใจไปนานวัน สายสัมพันธ์มั่นคงยิ่งยืนนาน
** จึงไปหาอาจารย์ท่านปาโมกข์ ผู้เข้าใจเรื่องโลกโชคไพศาล เริ่มปรึกษาหารือผู้เชี่ยวชาญ เล่าเหตุการณ์ทั้งหลายให้ได้ฟัง
** หลังจากนั้นจึงถามถึงความเห็น ควรเลือกเฟ้นคนใดจึงสมหวัง ผู้ที่ควรครองคู่อยู่จีรัง โปรดแนะนำสักครั้งเป็นพระคุณ
** ฝ่ายพระโพธิสัตว์จึงตรัสว่า แม้รูปร่างร่างกายาเป็นส่วนหนุน ให้ดูดีมีค่ามาเจือจุน แต่ขาดศีลเป็นทุนก็สิ้นงาม
** ถ้าเป็นเราจะเลือกคนมีศีล เป็นไทยจีนก็สูงค่าน่าเกรงขาม กลิ่นของศีลหอมฟุ้งทุกโมงยาม ไม่ผลีผลามยามเดินและนั่งนอน
** แล้วจึงเอ่ยวจีเป็นคาถา เจตนาให้ฟังดังคำสอน รูปสวยตระกูลดีมีคลายคลอน ถ้ามีศีลถาวรปราศจากภัย
** พราหมณ์ได้ฟังชอบใจไม่รอช้า รีบกลับคืนเคหาที่อาศัย ครั้นถึงจึงบอกสี่อรทัย เรื่องคู่ครองทรามวัยโดยเร็วพลัน
** พราหมณ์จึงยกสี่สาวที่สดใส ให้คนมีศีลไปด้วยใจมั่น ต้องอยู่ดีมีสุขชั่วนิรันดร์ ทุกคืนวันก้าวหน้าพาเพลิดเพลิน
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 03:56:45 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๑๓ การสงเคราะห์ภรรยา (หรือสามี) (ทารสฺส สงฺคโห เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** ภรรยาคือคู่คิดที่ชิดใกล้ คอยดูแลเอาใจไม่ห่างเหิน จะสุขทุกข์อย่างไรร่วมใจเดิน พร้อมเผชิญร่วมกันไม่หวั่นเลย
** ส่วนสามีมีหน้าที่พึงบำรุง คอยผดุงความถูกต้องไม่มองเฉย ทำหน้าที่ให้ดีจนคุ้นเคย จะเฉลยไขขานให้ท่านฟัง
** "ด้วยยกย่องนับถือเป็นภรรยา" ตามโบราณกล่าวมาแต่หนหลัง โดยให้เกียรติมอบสิทธิ์ไม่ปิดบัง มอบความรักให้ดังวิญญูชน
** "ไม่ดูหมิ่น" เหยียดหยามประณามด่า ไม่ดูถูกบ่นว่าพาสับสน มอบความรักความเมตตาไม่อับจน การครองเรือนสุขล้นผลเกิดมี
** "ไม่ประพฤตินอกใจ" ให้เดือดร้อน ไม่ยอกย้อนคบหญิงใหม่ให้บัดสี ไม่ทำตนนอกใจใฝ่ราคี มีรักเดียวอุทิศพลีให้แก่เธอ
** "มอบความเป็นใหญ่ให้" ไม่รอรั้ง เป็นพลังคอยแลดูอยู่เสมอ มอบทุกสิ่งด้วยใจใฝ่บำเรอ ยกให้เธอเป็นใหญ่ในบ้านเรือน
** "มอบให้เครื่องแต่งตัว" ด้วยแผ่เผื่อ คอยช่วยเหลือแนะนำเปรียบดังเพื่อน เรื่องความสวยจงดูแลอย่าแชเชือน คอยพร่ำเตือนให้ใส่ใจในความงาม
** ภรรยามีหน้าที่อนุเคราะห์ ให้พอเหมาะกับสามีมิหยาบหยาม เป็นความดีที่เหมาะสมทุกโมงยาม ชนทุกนามสรรเสริญเจริญคุณ
** ประการหนึ่ง " จัดการทำงานดี" ทุกทุกเรื่องที่มีคอยเกื้อหนุน ทั้งงานครัวงานบ้านและงานบุญ พร้อมให้ความอบอุ่นแก่ทุกคน
** ประการสอง "ต้องสงเคราะห์คนเคียงข้าง" เป็นการสร้างน้ำใจไม่หมองหม่น เอื้ออารีเผื่อแผ่แก่เหล่าชน ไม่พร่ำบ่นญาติพี่น้องของสามี
** ประการสาม " ไม่ประพฤตินอกใจเขา" ตามทำเนาของศีลห้าทุกวิถี แม้นทำไปจะถูกด่าว่ากาลี ทั้งสามีทั้งภรรยาพากันอาย
** ประการสี่ "รักษาทรัพย์ที่ได้มา" ช่วยดูแลช่วยรักษาอย่าให้หาย ทำให้เกิดเพิ่มขึ้นอีกมากมาย ช่วยกันเก็บและใช้จ่ายแบบพอเพียง
** ประการห้า "ต้องขยันทำการงาน" เพียรประกอบกิจการไม่หลีกเลี่ยง ร่วมกันทำร่วมกันสร้างอยู่ข้างเคียง ใจโน้มเอียงน้อมนำไม่ย่ำยี
** ภรรยาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง เป็นพลังหนุนเกื้อให้สุขี มีความรักมอบให้กันชั่วชีวี สงเคราะห์ดีบำรุงดีมีต่อกัน
** อนุเคราะห์สามีหรือภรรยา ดังกล่าวมาทำให้มีสุขสันต์ โภคทรัพย์บริบูรณ์นับอนันต์ ความสัมพันธ์ยืนยาวคู่ดาวเดือน
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
นิทาน เรื่องพญาเนื้อทอง ** ณ ชายป่ายังมีพญาเนื้อ ผิวดังทองงามเหลือหาใครเหมือน มีกวางสาวเนื้อเย็นเป็นขวัญเรือน อยู่เคียงคู่เป็นเพื่อนที่รู้ใจ
** ครอบครองบริวารราวแปดหมื่น คอยหยิบยื่นสิ่งดีดีมีมอบให้ รักบริวารเท่ากันทุกตัวไป มีจิตใจเป็นธรรมไม่ลำเอียง
** ครั้นวันหนึ่งจึงได้พาลูกน้อง พี่และน้องหากินในถิ่นเสี่ยง ปากเล็มหญ้าตาจ้องคอยมองเมียง หูฟังเสียงต่างต่างอย่างจริงจัง
** ด้วยผลกรรมทำไว้ในกาลก่อน กลับมาย้อนส่งผลดังมนต์ขลัง กินใบไม้เพลินไปไม่ระวัง ก้าวสู่ฝั่งวังวนบ่วงนายพราน
** เผลอก้าวเท้าเข้าบ่วงพรานดักไว้ รู้ตัวได้ถึงภัยใจร้าวฉาน รีบสลัดให้หลุดสุดทรมาน น่าสงสารเจ็บปวดรวดร้าวกาย
** จึงร้องบอกพวกพ้องทั้งน้องพี่ ที่แห่งนี้มีภัยรีบผันผาย จงหนีไปให้ไกลก่อนวางวาย มีความตายรอท่าอย่าช้าพลัน
** อันตัวเราติดบ่วงของพรานแล้ว ไม่คลาดแคล้วชีวาต้องอาสัญ เป็นอาหารพรานไพรใจฉกรรจ์ อย่าห่วงฉันรีบหนีไปไวไว
** เหล่าบริวารตกใจไม่ยั้งคิด ต่างก็รักชีวิตกว่าสิ่งไหน ไม่คิดหน้าคิดหลังให้ยาวไกล ทิ้งหัวหน้าเอาไว้เพียงตัวเดียว
** ฝ่ายนางกวางภรรยาบ่ายหน้าหนี เพื่อรักษาชีวีไม่เฉลียว ถึงกวางผู้สามีสักนิดเทียว จึงปล่อยให้เปล่าเปลี่ยวอย่างเดียวดาย
** เมื่อหนีไปนิดหนึ่งพึงสังหรณ์ นึกอาวรณ์ถึงสามีที่เงียบหาย ไม่ติดตามกันมาหรือว่าตาย จึงย่างกรายกลับไปใจไม่ดี
** มองเห็นกวางสามีที่ยืนอยู่ จึงได้รู้ไม่ตายให้สุขี เข้าไปใกล้แล้วเอ่ยเผยวจี เหตุไฉนหนอพี่จึงไม่ไป
** พญากวางจึงเผยเอ่ยวาจา อันตัวพี่นี่หนาไปไม่ได้ ขาของพี่ติดบ่วงของพรานไพร เมื่อเข้าใจอย่าช้าจะอันตราย
** นางกวางน้อยจึงตอบขอบคุณพี่ ตัวน้องนี้ไม่กลัวภัยทั้งหลาย จะขออยู่ที่นี่กับพี่ชาย ถ้าต้องตายขอตายไปด้วยกัน
** ไม่ช้านานพรานป่าก็มาถึง นางกวางจึงเอ่ยถ้อยค่อยเสกสรร ขอจงได้เมตตาอย่าฆ่าฟัน โปรดเถอะไว้ชีวันพญากวาง
** ถ้าจะฆ่าโปรดจงฆ่าเราก่อน ให้ม้วยมรณ์สิ้นใจไม่ขัดขวาง แล้วค่อยฆ่าสามีให้วายวาง ชีพอับปางดับไปไม่เสียดาย
** พรานป่าฟังน้ำคำชื่นฉ่ำนัก เป็นความรักยิ่งใหญ่สมใจหมาย กล่าววาจาจับใจไม่เสื่อมคลาย แม้ความตายไม่หวั่นพรั่นพรึงเลย
** ไม่เคยเห็นมีใครในโลกนี้ ยอมสละชีวีหน้าตาเฉย เพื่อผัวที่ตนรักจักเสบย จึงได้เอ่ยวาจาน่าชื่นใจ
** พรานป่าชอบจึงตอบวจีว่า เราไม่ฆ่าเจ้าทั้งสองหยุดร้องไห้ จะปล่อยเจ้าทั้งสองเข้าป่าไป ขอจงได้สุขสันต์นิรันดร์กาล
** นางกวางป่าจึงตอบขอบคุณมาก ก่อนลาจากอยากขอจงสงสาร อย่าทำร้ายสัตว์ป่าให้ร้าวราน จงหยุดการฆ่าฟันให้บรรลัย
** ก่อนจากไปพญากวางจึงมอบแก้ว ให้พรานแล้วจึงได้เอ่ยปราศรัย เลิกฆ่าสัตว์ตัดชีวิตให้อภัย ตลอดอายุขัยจงทำดี
** หมั่นทำทานรักษาศีลภาวนา มีเมตตาเอื้อเฟื้อเพื่อสุขศรี จงเอาแก้วที่ให้เลี้ยงชีวี ทำบุญตามที่มีโอกาสทำ
** ขอลาทีวันนี้ขอลาแล้ว ทำให้ใจแน่แน่วอย่าถลำ แล้วตั้งตนตั้งใจมั่นในธรรม ละเวรกรรมห่างอบายได้สุขเลย
** การสงเคราะห์แก่กันพลันเกิดสุข ห่างจากทุกข์ดังที่ได้เปิดเผย เรื่องของกวางทั้งคู่ชื่นชูเชย ต่างก็ไม่ละเลยความสัมพันธ์
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 04:04:11 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๑๔ การงานไม่อากูล (อนากุลา จ กมฺมนฺตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** การงานไม่คั่งค้างไม่เสียหาย คือความหมายไม่อากูลเพราะขยัน เอาความเพียรและปัญญามารวมกัน เพื่อสร้างสรรค์ให้งานผ่านด้วยดี
** อันสาเหตุทำให้งานคั่งค้าง มีหลายอย่างขอกล่าวให้ถ้วนถี่ ไม่รู้ค่าเอาเวลามาย่ำยี ปล่อยโอกาสดีดีให้เสียไป
** ไม่รู้จักการจัดลำดับงาน ไม่ขยันเกียจคร้านงานน้อยใหญ่ งานที่ควรรีบทำไม่สนใจ กลับฝักใฝ่อบายมุขเที่ยวซุกซน
** ขาดปัญญาความเพียรเป็นที่ตั้ง ถือฤกษ์ยามเป็นความหวังต้องหมองหม่น การงานจึงอากูลพาอับจน ความทุกข์ทนเข้าครอบครองหมองวิญญา
** ต้องมีอิทธิบาทสี่ประการ ทั้งหน้าที่การงานจะก้าวหน้า ความสำเร็จต่างต่างจะตามมา ขอจงได้ศึกษาจะสำราญ
** อิทธิบาทสี่มีคุณค่าน่าเรียนรู้ บรมครูตรัสไว้เด่นเป็นหลักฐาน ให้ทุกคนได้ยึดถือเป็นหลักการ เพื่อการงานพัฒนาก้าวหน้าไกล
** หนึ่ง "ฉันทะ" หมายความว่ามีใจชอบ จะประกอบกิจการงานน้อยใหญ่ เติมความรักความเชื่อมั่นอันจริงใจ ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคที่เกิดมี
** สอง "วิริยะ" คือขยันหมั่นเพียรมาก จะลำบากสักเพียงใดไม่หน่ายหนี ตั้งใจสู้ไม่ย่อท้อไม่รอรี ต้องได้ดีเพราะขยันเป็นมั่นคง
** สาม "จิตตะ" มีมานะเอาใจใส่ ดูแลไปให้ถ้วนทั่วอย่ามัวหลง มองข้อเสียข้อดีมิพะวง แล้วบรรจงสร้างงานเบิกบานทรวง
** สี่ "วิมังสา" ตริตรองมองให้ทั่ว มองดูตัวมองกิจการงานใหญ่หลวง ใช้ปัญญาพิจารณางานทั้งปวง จะลุล่วงประสบชัยในเร็ววัน
**คุณธรรมทั้งสี่นี้ดีเลิศ แสนประเสริฐควรใส่ใจไว้ให้มั่น จะประสบความสำเร็จนับอนันต์ จงขยันกันเถิดหนาอย่าเฉยเมย
** การงานไม่อากูลพูนสวัสดิ์ ท่านจึงจัดเป็นมงคลดังเฉลย งานสำเร็จเป็นที่รักน่าชมเชย พี่น้องเอ๋ยรีบศึกษาอย่าช้าที
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
นิทาน เรื่องการทำงานไม่ถูกขั้นตอน ** สมัยหนึ่งที่องค์พระศาสดา เสด็จยังพาราสาวัตถี ประทับที่เชตวันอันโสภี แล้วทรงมีดำรัสตรัสเรื่องราว
** ทรงปรารภภิกษุผู้เกียจคร้าน จึงได้ยกตำนานที่อื้อฉาว ในกาลก่อนก็เกียจคร้านมานานยาว โดยบอกกล่าวเป็นนิทานเล่าขานมา
** ในเมืองตักศิลาคราครั้งก่อน มีผู้สอนศิลปะเก่งหนักหนา คือทิศาปาโมกข์ยอดวิทยา ผู้เก่งกล้าวิชาเชี่ยวชำนาญ
** มีลูกศิษย์ประมาณห้าร้อยคน คอยสั่งสอนฝึกฝนจนแตกฉาน จนขึ้นชื่อลือชาวิชาการ ผู้อาจารย์ชื่นสุขทุกทิวา
** ครั้นวันหนึ่งบรรดาสานุศิษย์ จึงได้คิดร่วมใจกันเข้าป่า เพื่อเก็บผักหักฟืนไม่รอรา รีบมุ่งหน้าเข้าไพรดังใจปอง
** เมื่อถึงป่าต่างพากันเก็บฟืน อย่างราบรื่นสดใสไม่หม่นหมอง ต่างส่งเสียงล้อกันอย่างคะนอง บ้างก็ร้องเพลงเล่นไม่เป็นภัย
** อีกนายหนึ่งซึ่งเป็นคนเกียจคร้าน หลบหลีกการทำงานเป็นนิสัย ในวันนี้ทิ้งเพื่อนไม่อาลัย อีกสมัยที่แอบหนีไปนอน
** ตกเย็นเพื่อนมัดฟืนขึ้นใสบ่า ได้เดินมาสะดุดเข้าคิดว่าขอน สะดุ้งตื่นขึ้นมาพาร้าวรอน ใจอาวรณ์ไม่มีฟืนยืนเศร้าตรม
** ตะลีตะลานปีนป่ายขึ้นต้นกุ่ม ดังไฟสุมร้อนเร่าเศร้าขื่นขม รีบดึงกิ่งมาหักไม่รื่นรมย์ กิ่งกลมกลมดีดตาพาบอดเลย
** ได้กิ่งไม้สดสดมาหน่อยหนึ่ง แล้วรีบบึ่งกลับสำนักไม่อยู่เฉย ความเกียจคร้านพาลเสียเหมือนเช่นเคย จะขอเผยฉากสุดท้ายให้ได้ฟัง
** เย็นวันนั้นอาจารย์ได้รับเชิญ นับเป็นเหตุบังเอิญแต่หนหลัง ต้องรีบทานข้าวเช้าเพิ่มพลัง จึงได้สั่งแม่ครัวฝีมือดี
** พรุ่งนี้เช้าจงรีบทำอาหาร เราจะต้องรีบทานอย่างด่วนจี๋ ก่อนจะไปประกอบกิจพิธี เพื่อให้มีมงคลไม่ลนลาน
** ครั้นรุ่งเช้าแม่ครัวรีบก่อไฟ เพื่อจะได้ประกอบมวลอาหาร จึงหยิบฟืนที่นำมาเมื่อวาน ของลูกศิษย์ที่เกียจคร้านไม่รอรา
** ก่ออย่างไรแต่ไฟไม่ยอมติด เป็นเพราะฟืนทำพิษสร้างปัญหา เพราะฟืนสดทำให้จนปัญญา จนเวลาผ่านไปไม่ได้กิน
** ศิษย์ผู้ที่เกียจคร้านในกาลนั้น คือภิกษุปัจจุบันถูกติฉิน ว่าเกียจคร้านการงานเป็นอาจิณ เกิดมลทินงานอากูลอาดูรเกิน
** ต้องขยันอย่าเกียจคร้านงานทั้งหลาย ได้สบายนับอนันต์ชนสรรเสริญ จะก้าวหน้าพบแต่ความเจริญ และเพลิดเพลินอุดมผลเป็นมงคล
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 08:35:52 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๑๕ การบริจาคทาน (ทานญฺ จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** ขอเชิญชวนมวลมิตรจิตผ่องใส มาร่วมมือร่วมใจสร้างกุศล บริจาคทรัพย์สินส่วนของตน เป็นมงคลสำคัญหมั่นบำเพ็ญ
** คำว่า “ทาน” นั้นแปลว่าการให้ จำแนกได้ห้าวิธีชี้ให้เห็น จะขอนำมากล่าวเปิดประเด็น พอได้เป็นตัวอย่างสร้างความดี
** “อามิสทาน” คือการให้สิ่งของ เพื่อแบ่งปันพวกพ้องได้สุขี ทั้งเสื้อผ้าอาหารเท่าที่มี เพื่อชีวีสุขสันต์ทุกวันคืน
** “ธรรมทาน” คือการให้ธรรมะ เพื่อลดละกิเลสเหตุสุดฝืน สร้างคนให้เป็นคนผลยั่งยืน ให้สิ่งอื่นไม่ประเสริฐเท่าให้ธรรม
** “อภัยทาน” คือการไม่ถือโกรธ พร้อมยกโทษไม่ติดใจให้ระส่ำ เมื่ออภัยแล้วปราศจากผลกรรม อีกยังทำให้ใจแสนเบิกบาน
** “ปัตติทาน” คือการที่แบ่งผล ส่วนกุศลที่ทำนำประสาน ให้แก่สรรพสัตว์ในจักรวาล ได้รื่นเริงสำราญเป็นสุขใจ
** “อนุโมทนาทาน” การชมชื่น ความดีของผู้อื่นนั้นยิ่งใหญ่ เขาทำดียินดีด้วยตลอดไป ชื่นชมในความดีที่เขาทำ
** บริจาคทานเป็นมงคลผลล้ำเลิศ บุญย่อมเกิดพอกพูนไม่ตกต่ำ ละกิเลสความตระหนี่ที่น้อมนำ ให้จิตใจถลำสู่อบาย
** กิตติศัพท์ความดีก็เรืองรุ่ง จะหอมฟุ้งไปไกลดังใจหมาย เป็นที่รักของคนอย่างมากมาย โภคทรัพย์ทั้งหลายบังเกิดมี
** บริวารล้อมหน้าและล้อมหลัง ด้วยพลังบุญญาสง่าศรี เมื่อถึงคราวละไปจากโลกนี้ สุคติเป็นที่ได้พักพิง
** การให้ด้วยเมตตาและปราณี เป็นเรื่องที่ทำให้มีสุขยิ่ง เป็นบ่อเกิดสามัคคีที่ดีจริง นับเป็นสิ่งประเสริฐเลิศอนันต์
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่องยอดทาน ** สมัยหนึ่งสมเด็จพระศาสดา หวังให้ชาวประชามีสุขสันต์ เสด็จมาประทับ ณ เชตวัน สาวัตถีจอมราชันพระทรงชัย
** ในครั้งนั้นยังมีอุบาสิกา ชื่อ “นันทมารดา” พิสมัย ได้ถวายทักษิณาทานมัย โดยไม่ต้องสงสัยเพราะศรัทธา
** เป็นทานที่ประกอบด้วยองค์หก จึงได้ยกพระธรรมเทศนา (เทศนา อ่านว่า เทด-สะ-หนา) แสดงแก่ภิกษุที่ได้มา ณ ธรรมสภาพร้อมหน้ากัน
** ภิกษุเอ๋ย....จงฟังเราจะกล่าว ถึงเรื่องราวทักษิณาอย่าไหวหวั่น แบ่งออกเป็นสองส่วนที่สำคัญ ส่วนประกอบย่อยนั้นมีหกองค์
**ส่วนประกอบที่หนึ่งคือ “ผู้ให้” เรียกง่ายง่ายว่า “ทายก” ผู้ประสงค์ จะแบ่งปันส่วนที่มีโดยจำนง แบ่งเป็นองค์ย่อยย่อยสามประการ
** หนึ่ง “ก่อนให้เป็นผู้ที่จิตใจดี” เอื้ออารีเมตตามาประสาน ปราศจากอกุศลคนใจพาล การทำทานเป็นมงคลผลอุดม
** สอง “ขณะให้มีจิตใจที่เลื่อมใส” ประกอบไปด้วยศรัทธาอันเหมาะสม เชื่อมั่นในความดีน่านิยม เป็นปฐมของการให้ได้ผลบุญ
** สาม “ปลื้มใจในการที่ได้ให้” กุศลที่ทำไว้ได้อุดหนุน การสั่งสมความดีย่อมมีคุณ คอยเจือจุนส่งให้ได้วิมาน
** ส่วนประกอบที่สองคือ “ผู้รับ” “ปฏิคาหก” เป็นศัพท์ที่เรียกขาน มีผู้ให้ขาดผู้รับก็ป่วยการ สองประสานจึงเกิดผลดังใจ
** อันผู้รับนั้นมีสามส่วนย่อย ดูเหมือนน้อยแต่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ลองศึกษากันดูเรื่อยเรื่อยไป แล้วจะได้รู้ว่าค่ามากมาย
** หนึ่ง “เป็นผู้ปราศจากตัวราคะ” หรือโลภะตัณหาพาฉิบหาย ความกำหนัดยินดีในรูปกาย หรือความหมายกรงขังทางปัญญา
** สอง “เป็นผู้ปราศจากตัวโทสะ” คือความโกรธมักจะสร้างปัญหา ทุจริตทั้งใจกายวาจา ขาดเมตตาการุณและปราณี
** สาม “เป็นผู้ปราศจากตัวโมหะ” คือความหลงไม่ละพาหมองศรี ความมัวเมายึดมั่นเป็นราคี ล้วนไม่ดีมีกิเลสเหตุงมงาย
** ภิกษุเอ๋ย...ทักษิณาที่ว่านี้ ย่อมจะมีคุณค่าดังมุ่งหมาย มีความสุขสงบทั้งใจกาย ทั้งผลบุญมากมายเกินประมาณ
** เปรียบดังน้ำในห้วงมหาสมุทร มันมากสุดที่จะบวกลบคูณหาร ดุจดังผลของทักษิณาทาน แม้จักรวาลไม่อาจเปรียบเทียบผลบุญ
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 08:53:40 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๑๖ การประพฤติธรรม (ธมฺมจริยา จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) *** มงคลที่สิบหกยกมากล่าว ถึงเรื่องราวประพฤติธรรมเนื่องนำหนุน ประพฤติชอบประพฤติดีที่ค้ำจุน ไม่ว้าวุ่นเศร้าโศกโลกงดงาม
** พัฒนาจิตใจให้สะอาด บริสุทธิ์ผุดผาดด้วยองค์สาม ละความโลภโกรธหลงที่คุกคาม ปฏิบัติตามครรลองของพุทธา
** หนึ่ง “ประพฤติเป็นธรรม” คำสอนสั่ง มโนตั้งมั่นในพระศาสนา ปรับตัวเข้าหาธรรมพระศาสดา ดังคำว่าเข้าถึงธรรมน้อมนำใจ
** สอง “ปฏิบัติตามธรรม” คำสั่งสอน ของสมเด็จชินวรผู้เป็นใหญ่ เบญจศีลเบญจธรรมย่อมนำไป บรรดาลให้หลุดพ้นผลแห่งกรรม
** ธรรมจริยาอริยสาวก ขอหยิบยกมาอ้างช่างคมขำ เพื่อพุทธศาสนิกได้น้อมนำ ประพฤติเป็นประจำตามแนวทาง
** ปฏิบัติดีปฏิบัติตรงอย่างคงมั่น หมั่นกระทำทุกวันไปไม่เหินห่าง ปฏิบัติควรและเหมาะสมไม่เว้นวาง คือหนทางของธรรมอันจำรูญ
** ผลของการประพฤติธรรมแสนล้ำเลิศ สุดประเสริฐทำไว้ไม่เสื่อมสูญ ย่อมส่งผลความดีทวีคูณ จะเพิ่มพูบุญญาบารมี
** อันธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติ เพื่อเหนี่ยวยึดจิตใจไม่หมองศรี ทั้งเป็นการสร้างสุขเพื่อชีวี ป้องกันภัยในโลกนี้มาบีฑา
** อีกทำให้ไม่เกิดความประมาท มีความสุขทุกชาติดังปรารถนา ผลของการประพฤติธรรมองค์สัมมา ย่อมนำพาสู่มรรคผลพ้นทุกข์ภัย
** จงหันมาตั้งมั่นในธรรมะ เลิกลดละอกุศลทุกสมัย ตั้งมั่นในองค์พระรัตนตรัย ชนทุกวัยห่างทุกข์สุขเกิดมี
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง ผู้ประเสริฐ ** สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่หมองเศร้าประทับ ณ สาวัตถี เชตวันพระวิหารแห่งความดี สมเด็จพระชินศรีทรงเบิกบาน
** ณ วันหนึ่งคิดจะชำระกาย เพื่อให้สุขสบายสรงสนาน จึงชวนพระอานนท์ลงสู่ธาร บุพพะโกฏฐกะทรงสำราญสบายใจ
** ครั้นสรงเสร็จเสด็จขึ้นสู่ฝั่ง ด้วยทรงหวังผึ่งกายให้สดใส มีสายลมพัดผ่านคอยแกว่งไกว จึงทำให้สดชื่นรื่นกมล
** ขณะนั้นมีพญาคชสาร ของภูบาลปเสนทิโกศล จะขึ้นจากท่าน้ำริมฝั่งชล โกลาหลอื้ออึงเสียงตึงตัง
** เสียงดนตรีประโคมดังสนั่น เหล่าฝูงชนจ้องกันทั้งสองฝั่ง ต่างชื่นชมว่าช้างดีมีพลัง ช่างประเสริฐเสียจังดูงามดี
** ต้องเป็นคชสารที่ดีเลิศ แสนประเสริฐวิไลในทุกที่ ช่างงามงดสดใสไร้ราคี น่าศรัทธาเกินที่จะพรรณนา
** พระกาฬุทายีฟังคำขาน ของชาวบ้านเรื่องช้างยังกังขา ยกย่องว่าประเสริฐและศรัทธา จึงกราบทูลพระศาสดาขยายความ
** พระพุทธองค์ทรงตรัสพระวัจนะ เป็นธรรมะคลายข้องใจในคำถาม ชนผู้ใดไม่ทำชั่วสิ่งเลวทราม มีความงามภายนอกและภายใน
** เราจะเรียกผู้นั้นว่าประเสริฐ ซึ่งล้ำเลิศหนักหนากว่าสิ่งไหน ละความชั่วทางกายวาจาใจ ละโลกไปสุคติเป็นที่ปอง
** การประพฤติธรรมนี้นั้นดีแน่ จะมีแต่สุขใจไม่เศร้าหมอง ทั้งโลกนี้โลกหน้าจะสมปอง ธรรมคุ้มครองเสวยสุขทุกคืนวัน
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 09:00:35 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๑๗ การสงเคราะห์ญาติ (ญาตกานญฺจ สงฺคโห เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** คำว่า “ญาติ” หมายถึงคนรู้จัก สายใยรักมักคุ้นการุณมั่น เช่นพ่อแม่พี่น้องเกี่ยวข้องกัน หรือสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทใจ
** พึงแบ่งญาติออกเป็นสองชนิด หนึ่งญาติสายโลหิตที่ชิดใกล้ มีสายเลือดผูกพันกันเอาไว้ ต่างเกี่ยวเนื่องกันไปเป็นตระกูล
** สองเป็นญาติทางธรรมเพราะรู้จัก ผูกสมัครด้วยใจไม่เสื่อมสูญ แบ่งย่อยย่อยเป็นสองตามข้อมูล ต่างเพิ่มพูนเยื่อใยผูกไมตรี
** หนึ่งเกิดจากใกล้ชิดสนิทสนม ต่างชื่นชมในจิตไม่คิดหนี เช่นเพื่อนฝูงมากมายที่เรามี ลักษณะเช่นนี้เป็นญาติกัน
** สองเกี่ยวข้องกับญาติสายโลหิต ไปผูกมิตรเป็นคู่ตุนาหงัน ญาติของเขาเป็นญาติเราโดยนัยพลัน เป็นญาติธรรมจำนรรจ์ดังกล่าวมา
** ญาติเหล่านี้เป็นผู้ต้องสงเคราะห์ ตามที่เหมาะที่ควรไม่กังขา ยึดสังคหวัตุด้วยเมตตา เป็นหลักธรรมนำพาให้ชื่นทรวง
** หนึ่งคือ “ทาน” การให้การแบ่งปัน คอยจัดสรรสิ่งของให้ไม่หวง เสียสละเพื่อประโยขน์ญาติทั้งปวง เพื่อก้าวล่วงความทุกข์สุขทันที
** “ปิยวาจา” การพูดที่ไพเราะ กับญาติแสนเสนาะสมศักดิ์ศรี ทั้งอ่อนหวานสุภาพอาบไมตรี ประสงค์ดีเอื้อเฟื้อเหนือสิ่งใด
** “อัตถจริยา” มุ่งประโยชน์ ไร้ซึ่งโทษทุกอย่างช่างสดใส พร้อมช่วยเหลือเกื้อกูลตลอดไป ด้วยหัวใจมิตรดีที่ยืนยง
** “สมานัตตตา” แปลว่าวางตัวดี จนเป็นที่ชื่นชมสมประสงค์ เสมอต้นเสมอปลายอย่างมั่นคง ช่วยดำรงสังคมให้เจริญ
** อันมงคลของการสงเคราะห์ญาติ ผลเกินคาดตามมาน่าสรรเสริญ มีหมู่ญาติมากหน้าพาเพลิดเพลิน สามัคคีดีเกินในญาติตน
** เป็นที่รักที่พึ่งญาติทั้งหลาย พัฒนาใจมากมายคลายหมองหม่น เป็นหลักการปฏิบัติของทุกคน ความดีคือมงคลผลยืนนาน
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง วิฑูฑภะ ** พุทธองค์ทรงปรารภวิฑูฑภะ ผู้ประสบหายนะน่าสงสาร น้ำท่วมตายพร้อมกับบริวาร ริมฝั่งธาร “อจิรวดี”
** ท้าวเธอเป็นเชื้อสายศากยะ โอรส “วาสภะ” มเหสี ในปเสนทิโกศลจอมธานี แห่งกรุงสาวัตถีบุรีรมย์
** เป็นหลานของพระเจ้ามหานามะ มารดา “วาสภะ” แสนขื่นขม เกิดจากนางทาสีเปรียบโคลนตม ไม่เหมาะสมจะยกย่องให้รองเรือง
** ในสมัยที่เป็นราชโอรส ได้กำหนดเยี่ยมพระญาติให้ฟูเฟื่อง กบิลพัสดุ์สว่างไสวไปทั่วเมือง งามดังคำลือเลื่องระบือไกล
** ครบกำหนดเสด็จกลับสาวัตถี ทิ้งความหลังไว้ที่บุรีใหญ่ ญาติวงศ์ศากยะสุดทำใจ ชาติกำเนิดห่างไกลกว่าพวกตน
** ศากยะรับสั่งให้ทาสี ทำการล้างสถานที่ทุกแห่งหน ที่โอรสประทับสุดจักทน เพราะเป็นอัปมงคลกาลีเมือง
** วิฑูฑภะทราบเรื่องสุดเคืองแค้น ได้เป็นใหญ่ต้องตอบแทนให้รู้เรื่อง ซึ่งหนี้แค้นที่ทำระคายเคือง ล้างให้สิ้นลือเลื่องทั่วโลกา
** สิ้นสมัยปเสนทิโกศล ได้ครองราชย์เป็นมงคลเกินจักหา รวมพลมหาศาลยกกันมา กบิลพัสดุ์พาราดังหมายปอง
** ถึงกลางทางได้พบพระศาสดา เสด็จมาด้วยความหวังจะสนอง คุณพระญาติตามสมควรแก่ครรลอง เป็นกิจของผู้ทรงธรรมเขาทำกัน
** จึงยกพัพกลับราชนิเวศน์ อาณาเขตสาวัตถีมิได้พรั่น เราต้องทำสำเร็จเข้าสักวัน เก็บเอาความอัดอั้นไว้เต็มทรวง
** วิฑูฑภะยกพลถึงสามครั้ง แต่ก็ต้องหยุดยั้งพลใหญ่หลวง พระศาสดาเป็นเหตุเรื่องทั้งปวง ไม่สามารถลุล่วงปณิธาน
** ครั้งที่สี่พุทธองค์จึงทรงคิด ตามที่ทรงนิมิตเป็นหลักฐาน เป็นเพราะกรรมศากยะมาร้าวราน บุรพกรรมเป็นมารจ้องทำลาย
** ศากยะสร้างกรรมในปางก่อน เบื่อปลาให้ม้วยมรณ์สิ้นสลาย ต้องใช้กรรมในชาตินี้ชีวาวาย ถึงคราวตายเพราะกรรมที่ทำมา
** วิฑูฑภะไม่มีใครขัดขวาง ได้ยกพลเดินทางดังปรารถนา ครั้นถึงกบิลพัสดุ์ไม่รอรา สั่งให้ฆ่าเอาเลือดล้างนคร
** ครั้นหมดแค้นยกพลเดินทางกลับ เมื่ออาทิตย์จะลับยอดสิงขร จึงหยุดพักริมฝั่งชลาธร “อจิรวดี” สาครอย่างสบาย
** ขณะนั้นบังเอิญฝนตกหนัก น้ำทะลักท่วมป่าน่าใจหาย วิฑูฑภะและไพร่พลจมน้ำตาย ชีพวางวายเพราะวิบากผลของกรรม
** พระพุทธองค์ทรงตรัสพระคาถา ใจความว่าบุคคลย่อมถลำ สู่ความตายด้วยปัจจัยที่น้อมนำ เกิดจากการกระทำที่เจตนา
** เจตนาดีทำดีย่อมมีผล ให้บุคคลได้ดีที่ใฝ่หา เจนาชั่วทำชั่วตัวอัปรา ย่อมชักพาสู่ห้วงแห่งโลกันต์
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 09:21:02 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๑๘ การงานไม่มีโทษ (อนวชฺชานิ กมฺมานิ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** การเกิดมาเป็นมนุษย์สุดแสนยาก กิจการหลายหลากสร้างความฝัน ต้องทำงานไม่เบื่อเพื่อชีวัน แสนสุขสันต์เพราะงานดีมีคนชม
** การงานดีคืองานไม่มีโทษ เกิดประโยชน์มากมีที่เหมาะสม เป็นคนดีมีค่าน่านิยม ไม่เศร้าตรมมีสุขสนุกสบาย
** การงานที่ไม่มีโทษหมายความว่า ไม่ถูกด่าถูกตำหนิมิเสียหาย ทั้งทางโลกทางธรรมไม่เสื่อมคลาย แต่ขวนขวายช่วยเหลือเพื่อเป็นบุญ
** การรักษาซึ่งศีลอุโบสถ จะงามงดหนักหนามาช่วยหนุน ปลูกต้นไม้สวนป่าใจการุณ นับเป็นคุณดีแท้แก่สังคม
** การกระทำเหล่านี้มีประโยชน์ เป็นการงานไม่มีโทษอย่าทับถม สร้างความดีเอาไว้ไม่ทุกข์ตรม จะรื่นรมย์สุขสันต์นิรันดร์กาล
** ลักษณะการงานต่อไปนี้ ถ้าหากมีหนีให้ไกลไม่ประสาน ผิดกฎหมายประเพณีมีมานาน ลักษณะการงานที่ไม่งาม
** อีกผิดศีลผิดธรรมโปรดจำไว้ หนีให้ไกลเพราะคนเขาเหยียดหยาม จะต้องถูกกล่าวหาว่าเลวทราม ถูกประณามหยามเหยียดและเกลียดชัง
** อานิสงส์การงานไม่มีโทษ ชัชวาลช่วงโชติดังมนต์ขลัง สี่ประการมีคุณค่ามากพลัง โปรดจงฟังจดจำคำของครู
** สร้างความสงบร่มเย็นและเป็นสุข จะพาให้ไร้ทุกข์โลกสวยหรู พัฒนาสังคมให้น่าดู ช่วยเชิดชูชีวิตเพราะคิดดี
** ไม่ต้องโทษเพราะเบียดเบียนเพื่อนมนุษย์ เพราะเป็นผู้บริสุทธิ์เกษมศรี ปราศจากราคินสิ้นราคี ความเดือดร้อนไม่มีมากล้ำกราย
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง พระก็ทำนา ** ในครั้งหนึ่งสมเด็จพระศาสดา ได้เสด็จผ่านมาไม่คาดหมาย ถึงหมู่บ้านกสิพราหมณ์ผู้งมงาย ตอนเวลาคล้อยบ่ายใกล้สายัณห์
** ขณะนั้นเป็นฤดูการทำนา ต่างตั้งหน้าตั้งตาขมีขมัน ปลูกข้าวและดำกล้าแข่งตะวัน เพื่อจะให้เสร็จทันตามเวลา
** พระพุทธองค์ประทับทอดพระเนตร กสิพราหมณ์ถือเป็นเหตุไม่กังขา เอ่ยปากกล่าวต่อว่าองค์สัมมา ไม่เลื่อมใสไม่ศรัทธาในพระองค์
** พวกข้านี้ไถนาและปลูกข้าว มายืนยาวด้วยมีจุดประสงค์ เพื่อจะเลี้ยงชีวิตให้ยืนยง ชีวิตเรามั่นคงเพราะมือตน
** ส่วนพวกท่านเอาแต่เที่ยวเดินขอ น่าอนาถจริงหนอแสนหมองหม่น ลองทำนาหว่านดำจำใจทน คงมีคนชื่นชมสาธุการ
** พระพุทธองค์จึงตรัสกสิเอ๋ย ฟังนะจะเฉลยเอ่ยไขขาน เราทำนาเช่นกันทุกวันวาร ดังที่ท่านแนะนำจำนรรจา
** ท่านนะหรือที่ทำไม่เคยเห็น อุปกรณ์ซ่อนเร้นอยู่ไหนหนา ข้าเห็นมีแต่บาตรที่อุ้มมา สำหรับขอข้าวปลาชาวบ้านกิน
** ขอจงฟังเราก่อนนะกสิ อย่ามุ่งแต่ตำหนิและติฉิน ตถาคตทำนาเป็นอาจิณ ไม่ใช่พูดเล่นลิ้นให้วกวน
** นาเรามีศรัทธาเป็นพืชหลัก มีความเพียรฟูมฟักเป็นน้ำฝน มีปัญญาเป็นแอกแทรกซ้อนปน ส่วนหิริหน้ามลเป็นงอนไถ (ไถ เป็นเสียงจัตวา ห้ามใช้ในวรรคที่ ๔)
** มีสติเป็นผาลคอยไถถาก มีใจเป็นเชือกลากไม่หวั่นไหว มีคำสัจคอยดายหญ้าทุกคราไป กายวาจาห่างไกลเครื่องรัดรึง
** ข้าวซึ่งเกิดจากนาดังว่านี้ มีผลดีชนิดคิดไม่ถึง ทานแล้วจะสิ้นทุกข์สุขตราตรึง บริโภคครั้งหนึ่งอิ่มจนตาย
** กสิพราหมณ์ฟังจบเกิดเลื่อมใส แบ่งอาหารถวายไปดังใจหมาย พระศาสดาไม่รับแล้วอธิบาย เพื่อขยายเรื่องราวให้ได้ยิน
** เราไม่สามารถจะรับอาหาร ที่เป็นทานจากการกล่าววาทศิลป์ ของตัวเองเพราะว่ามีราคิน ไม่บริสุทธิ์หมดสิ้นความสำคัญ
** กสิพราหมณ์เกิดศรัทธาอย่างยวดยิ่ง ตั้งใจจริงเลื่อมใสไม่เหหัน ขอถึงพระรัตนตรัยทุกคืนวัน และตั้งมั่นในธรรมสร้างกรรมดี
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 09:38:49 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๑๙ งดเว้นจากการทำบาป (อารตี วิรตี ปาปา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** บาปคือเลวหยามช้าพาเศร้าหมอง ผู้เกี่ยวข้องร้อนรนหม่นหมองศรี ตายแล้วตกนรกอเวจี เป็นผู้มีแดนเกิดอันโสมม
** บาปเกิดได้ด้วยวิธีมีอยู่สาม ขอกล่าวตามบรมครูดูเหมาะสม ผู้ที่ละบาปได้น่านิยม จะเป็นที่ชื่นชมของหมู่ชน
** หนึ่ง “กายกรรม“ บาปนั้นเกิดทางกาย ฆ่าสัตว์ตายด้วยใจอกุศล การฉ้อโกงลักทรัพย์อัปมงคล ผิดประเวณีมีผลสู่อบาย
** สอง “วจีกรรม” บาปเกิดทางวาจา พูดโกหกหยาบช้าชั่วเหลือหลาย พูดส่อเสียดน่าเกลียดเกินบรรยาย พูดเหลวไหลน่าเบื่อหน่ายและชิงชัง
** สาม ”มโนกรรม” บาปนั้นเกิดทางใจ ความโลภมากอยากได้สุดเสียงสั่ง พยาบาทมุ่งร้ายเป็นกำลัง ความเห็นผิดไม่อินังเวรกรรมเลย
** การงดเว้นจากบาปที่หยาบช้า คือการฆ่ากิเลสอย่างเปิดเผย ความเร่าร้อนจะหมดไปไม่เหมือนเคย น่านิยมชมเชยในศรัทธา
** สามวิธีที่จะงดเว้นบาป จงเรียนรู้เพื่อป้องปราบตัวตัณหา จะได้สุขสมหวังดังเจตนา สมคุณค่าที่เกิดมาเป็นคน
** “สมาทานวิรัติ” คือรับเอา มาปฏิบัติไม่มัวเมาเป็นกุศล เหมือนรับศีลจากพระรักษาตน ปฏิบัติตัวให้พ้นศีลด่างพร้อย
** “สัมปัตตวิรัติ” การงดเว้น สิ่งที่เป็นเรื่องบาปแม้นิดหน่อย ไม่ยินดียินร้ายให้เป็นรอย แห่งมลทินที่คอยเผาไหม้ไกล
** “สมุทเลขาวิรัติ” ตัดให้ขาด จากบ่วงบาศแห่งกรรมผู้เป็นใหญ่ หมดกิเลสและตัณหาจะพาไป ตกนรกหมกไหม้ชั่วกัปกัลป์
** เว้นจากบาปเป็นมงคลผลใหญ่ยิ่ง คือเรื่องจริงไม่ใช่จะเสกสรร จะเป็นผู้ห่างไกลบาปนับอนันต์ ไม่ร้อนใจชั่วนิรันดร์อนันตกาล
** อีกเจริญด้วยบุญและกุศล หลีกหนีพ้นทุคติทุกสถาน ที่แสนจะต่ำช้าและสามานย์ เป็นที่ไปของคนพาลยามวายชนม์
** เรื่องสุดท้ายไม่ทำผิดกฎหมาย เป็นสาเหตุวุ่นวายและหมองหม่น ไม่ผิดศีลซึ่งจะทำให้อับจน เกิดมงคลผลกรรมดีที่บำเพ็ญ
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง ฟังธรรมแล้วถูกฆ่า ** จะขอยกเรื่องราวคราวอดีต มาเขียนขีดเป็นกลอนวอนให้เห็น ถึงเรื่องราวอุบาสกยกประเด็น ผู้ตกเป็นเหยื่อกรรมที่ทำมา
** สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงยกเอามหากาลเป็นปัญหา ทรงปรารภการตายมาพูดจา ในธรรมสภาตามเป็นจริง
** มหากาลสำเร็จโสดาบัน ยึดถือสิ่งสำคัญที่ใหญ่ยิ่ง ทุกวันธัมมัสสวนะไม่ประวิง (ธัมมัสสวนะ อ่านว่า ทำ-มัด-สะ-วะ-นะ) มีศีลแปดพักพิงก่อนจะตาย
** หมายความว่าถือศีลอุโบสถ อย่างงามงดไม่ด่างพร้อยเสื่อมสลาย จะถือมั่นจนกว่าชีวาวาย อุทิศกายวาจาใจไม่จืดจาง
** ณ เชตวันมหาวิหาร มหากาลฟังธรรมใกล้รุ่งสาง รู้สึกปวดเมื่อยตัวทั่วสรรพางค์ จึงเยื้องย่างพักกายใกล้ศาลา
** ในคืนนั้นมีโจรขโมยของ ที่บ้านช่องเศรษฐีมีเงินหนา ครั้นเจ้าบ้านรู้ตัวมิรอรา รีบหนีมาพบกับมหากาล
** เมื่อจวนตัวจึงได้ทิ้งของไว้ ตรงใกล้ใกล้ศาลาพาร้าวฉาน เจ้าของตามมาทันมิช้านาน จึงติดว่ามหากาลเป็นขโมย
** จับตัวมาทุบตีด้วยความแค้น มหากาลเจ็บแสนร้องหวนโหย จนกระทั่งสิ้นใจไม่โอดโอย สายลมโชยพลิ้วมาวิญญาณ์จร
** พวกภิกษุมาพบในตอนเช้า จึงได้นำไปเล่าเป็นอนุสรณ์ มหากาลฟังธรรมจนเร้ารอน ชีวิตต้องม้วยมรณ์ไม่ควรเลย
** จึงได้กราบทูลพระศาสดา พระพุทธองค์ได้ตรัสว่าภิกษุเอ๋ย ในชาตินี้เขาตายไม่เสบย แต่ชาติก่อนเขาเคยตายสมควร
** ทรงแสดงอดีตมหากาล ที่มีมายาวนานระลึกหวน ทรงเริ่มต้นจินตนาคราทบทวน จัดให้เป็นกระบวนสาธยาย
** อดีตกาลผ่านมาคราครั้งก่อน จะขอย้อนนำเรื่องมาขยาย มีพวกโจรดักทำอันตราย ผู้ไปมาค้าขายปล้นเงินทอง
** มีราชภัฏพระเจ้าพาราณสี มีหน้าที่รับจ้างคนทั้งผอง เอาใจใส่ดูแลและคุ้มครอง รับส่งพ้นเขตของพวกคนร้าย
** “ราชภัฏ” ที่แน่แน่ย่อมแปลว่า คนของพระราชาเข้าใจง่าย คือข้าราชการอย่างมงาย ท่านทั้งหลายจงเข้าใจในเรื่องราว
** ครั้นวันหนึ่งชายหนุ่มเข้ามาหา ราชภัฏของราชาพร้อมหญิงสาว ผู้ที่เป็นภรรยาสวยแพรวพราว ให้ช่วยเหลือสักคราวนำเดินทาง
** ราชภัฏเห็นสาวสวยรวยเสน่ห์ คิดใช้เล่ห์ถ่วงเวลารอฟ้าสาง ตอนนี้ใกล้ค่ำแล้วปิดระวาง อันตรายต่างต่างมีมากมาย
** ชายหนุ่มจึงขอร้องต้องรีบเร่ง ขืนชักชาหวั่นเกรงผิดนัดหมาย ถ้าไม่ทันจะเกิดความวุ่นวาย พรรณนาผลร้ายให้เขาฟัง
๕๖๐. ** ราชภัฏยืนกรานไปไม่ได้ ที่พักเราจัดไว้ตั้งหลายหลัง อีกอาหารอย่างดีมีพลัง อย่าชิงชังเชิญพักผ่อนก่อนสักคืน
** สองสามีภรรยาน้ำตาไหล เมื่อคิดไปทุกข์หนักสุดจักฝืน มองทางไหนอับจบทนกล้ำกลืน คงไม่มีทางอื่นต้องจำทน
** ในคืนนั้นราชภัฏจัดวางแผน เพื่อใส่ร้ายแย่งแฟนให้หมองหม่น นำมณีไปซ่อนทำเล่นกล ที่เกวียนหนุ่มหน้ามลคนเมียงาม
** แล้วจึงแกล้งโวยวายให้ดังลั่น เสียงอื้ออึงสนั่นตอนตีสาม มีขโมยช่วยด้วยช่วยติดตาม อ้ายคนทรามจงไปจับตัวมัน
** จึงได้สั่งให้คนค้นให้ทั่ว แล้วจับตัวคนโฉดโหดมหันต์ นำตัวมาแล้วฆ่าอย่าช้าพลัน โทษฐานมันทำชั่วตัวกาลี
** ขณะนั้นชายหนุ่มเตรียมสิ่งของ เพราะว่าต้องรีบไปอย่างเร็วรี่ พวกคนงานค้นเกวียนเขาทันที ก็ได้พบมณีของเจ้านาย
** รีบนำตัวมาพบราชภัฏ ขอรวบรัดว่าถูกฆ่าน่าใจหาย ครั้นเวลาราชภัฏถึงคราวตาย ต้องเวียนว่ายในนรกอเวจี
** นี่คือบุรพกรรมหากาล จะต้องถูกทรมานเพื่อใช้หนี้ ตายแล้วเกิดเวียนวนจนพันปี ถูกทุบตีเพื่อใช้กรรมจงนำพา
** พระพุทธองค์ได้ตรัสพระวัจจนะ เป็นข้อความธรรมะดีหนักหนา บาปอันตนทำไว้กาลก่อนมา จะบีฑาให้เดือดร้อนไม่ผ่อนปรน
** ทั้งชาตินี้ชาติไหนไม่ว่างเว้น จึงสมควรหลีกเร้นอกุศล ตั้งใจทำความดีมีมงคล จะช่วยดลให้สุขาสถาพร
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 18 มีนาคม, 2559, 09:58:02 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๒๐ สำรวมจากการดื่มน้ำเมา (มชฺชปานา จ สญฺญโม เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** “สำรวม” มีความหมายเป็นสองส่วน สิ่งอันควรเรียนรู้คำครูสอน หนึ่ง “สำรวมระวัง” ไม่ร้าวรอน สอง “งดเว้น” เอาไว้ก่อนอย่ารอรี
** ขอยกเป็นตัวอย่างพอได้เห็น หรือมองเป็นบรรทัดฐานแห่งสักขี สำรวมการนั่งนอนจะดูดี งดเว้นในการมีสิ่งเลวทราม
** น้ำเมาคือสุราและเมรัย เป็นสองนัยฟังให้ดีมีล้นหลาม ขืนเสพถูกตราหน้าว่าไม่งาม มีโรคภัยคุกคามเสียเงินทอง
** “สุรา” คือน้ำเมาที่กลั่นแล้ว เมื่อดื่มไม่ผ่องแผ้วจะเศร้าหมอง “เมรัย” ยังไม่กลั่นตามครรลอง เป็นเพียงแค่แช่ดองจนถูกใจ
** ดื่มน้ำเมาไม่ดีมีโทษมาก ช่างหลายหลากจะชี้แจงแถลงไข จำแนกมาให้เห็นเป็นดังไฟ คอยเผาผลาญจนมอดไหม้ทำลายลง
** “เสียทรัพย์” นับอนันต์จากการดื่ม ต้องเดือดร้อนอย่าลืมถ้ามัวหลง เงินทองมลายไปไม่มั่นคง ทุกคนคงเดือดร้อนไม่ผ่อนคลาย
** “ก่อการทะเลาะและวิวาท” ทั้งอาฆาตบาดหมางไม่รู้หาย เที่ยวรุกรานเพราะสติถูกทำลาย อาจฆ่าฟันกันตายเพราะน้ำเมา
**”บังเกิดโรค” โรคามาทำร้าย อาจถึงตายพิษสุรามาแผดเผา ต้องอมโรคไม่มีสุขทุกข์ไม่เบา เพราะความเขลาตกเป็นทาสอนาถจัง
** “ถูกติเตียน” ว่าไม่ดีผีสุรา จึงขวางหูขวางตาน่าผิดหวัง ขาดสติดูฮึกเหิมเพิ่มพลัง เกิดพลาดพลั้งเพราะสุราช่างน่าอาย
** “ไม่รู้จักอาย” ย่อมทำเรื่องอื้อฉาว ตกเป็นข่าวก็ไม่กลัวล่มสลาย อาละวาดไม่เกรงอันตราย ความอับอายหายไปไม่เหลือดี
** “ย่อมบั่นทอนปัญญา” พาอับจน เสียสติหมองหม่นหมดศักดิ์ศรี คอยกระทำแต่กรรมชั่วตัวอัปรีย์ ทั้งหมดนี้เพราะสุรามันพาไป
** การสำรวมจากน้ำเมาเป็นมงคล ไม่หลงตายหลงตนว่ายิ่งใหญ่ มีสติปัญญาดีมิเหมือนใคร ปิดกั้นความประมาทได้ใจรื่นรมย์
** อีกทรัพย์สินคงอยู่และเพิ่มพูน ไม่อาดูรด้วยโรคาพาสุขสม ห่างไกลความเป็นบ้าพาระทม ความอุดมสมบูรณ์พูนทวี
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง หลานอนาถะบิณฑิกะเศรษฐี ** ได้ยินมาว่าหลานอนาถะ บิณฑิกะแห่งเมืองสาวัตถี ผู้มั่งคั่งด้วยทรัพย์สินแก้วมณี ทั้งทาสีเงินทองมากนองเนือง
** ได้ทำการผลาญเงินสี่สิบโกฏิ โดยไม่มีประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเงินหมดต้องฝืดเคือง อันสาเหตุสิ้นเปลืองเพราะสุรา
** ในที่สุดกลับมาหาเศรษฐี ผู้เป็นตาแสนดีเพื่อปรึกษา มอบเงินพันกหาปณะให้ทันตา เพื่อทำการขายค้าเลี้ยงชีพตน
** เงินหมดไปเพราะสุราเหมือนคราก่อน จึงได้ย้อนกลับมาหาอีกหน อนาถบิณฑิกะเป็นยอดคน จำใจทนสงเคราะห์เพราะเห็นใจ
** จึงมอบเงินให้อีกหนึ่งวาระ ห้าร้อยกหาปณะเริ่มต้นใหม่ ด้วยหวังว่าค้าขายได้กำไร เลี้ยงชีพไปตามประสาพารื่นรมย์
** ได้เงินมาแทนที่จะค้าขาย กลับแกล้งผลาญทำลายอย่างสาสม ดื่มแต่เหล้าไม่หยุดสุดระทม ต้องล่มจมหายนะแสนสามาลย์
** ครั้นเขาเป็นเช่นนี้หลายหลายครั้ง จึงยับยั้งเยื่อใยไม่สงสาร คนที่ใจมืดมนอนธกาล และขับไล่จากบ้านไม่อาลัย
** เขาจึงกลายเป็นคนอนาถา ต้องไร้ที่พึ่งพาและอาศัย ไม่มีเพื่อนไร้ญาติขาดเมรัย ต้องดับดิ้นในวัยไม่สมควร
** พวกชาวเมืองจึงได้ลากเอาศพ ที่ได้พบไปทิ้งเป็นสัดส่วน ยังนอกเมืองด้วยใจที่คร่ำครวญ เมื่อได้หวนนึกถึงเรื่องผ่านมา
** อนาถะบิณฑิกะเศรษฐี รีบแต่งตัวเร็วรี่เพื่อไปหา องค์สมเด็จพระบรมศาสดา ที่มหาวิหารเชตวัน
** เมื่อไปถึงจึงได้กราบบังคม พระบรมโลกนาถผู้สร้างสรรค์ ทรงสั่งสอนหมู่สัตว์นับอนันต์ ให้หลุดพ้นชั่วกัปกัลป์ตลอดไป
** พระพุทธองค์จึงได้เริ่มตรัสถาม ท่านเศรษฐีเล่าความตามเงื่อนไข ถึงเรื่องราวหลานชายในทันใด ว่าทำไมจึงชั่วช้าสารเลว
** พระพุทธองค์ได้ตรัสบุรพกรรม ที่หลานชายได้ทำตัวแหลกเหลว จึงต้องละโลกนี้ไปโดยเร็ว ดังตกเหวกว้างลึกช่วยไม่ทัน
** ในอดีต ณ กรุงพาราณสี โพธิสัตว์จอมบดีมีสุขสันต์ บังเกิดเป็นเศรษฐีที่โจษจัน มีเงินมากมายครันพร้อมเพชรทอง
** สืบเนื่องด้วยมีใจเป็นกุศล สละทรัพย์ของตนไม่หม่นหมอง บริจาคให้เป็นทานดังใจปอง เมื่อตายไปได้ครอบครองทิพย์วิมาน
** เกิดเป็นท้าวสักกะเทวราช ได้เป็นใหญ่มีอำนาจวาสนา ส่วนลูกชายปลูกปรำดื่มสุรา แสนสนุกทุกทิวาราตรีกาล
** เพลินกับอบายมุขทุกประเภท ซึ่งเป็นเหตุให้เสียทรัพย์เกินขับขาน เงินและทองหมดไปในไม่นาน ต้องอดอยากร้าวรานไม่มีกิน
** ท้าวสักกะทราบเหตุสมเพชมาก เสด็จจากดาวดึงส์ซึ่งเป็นถิ่น ที่อยู่อาศัยมาจนเคยชิน สู่ยังภาคพื้นดินอันโสภา
** มอบหม้อมหาสมบัติให้แก่ลูก ด้วยความรักพันผูกมากหนักหนา จะใช้สอยอะไรไม่นำพา ขอเพียงจงรักษาไว้ให้ดี
** จงใส่ใจดูแลเท่าชีวิต และอย่าคิดทำลายให้ป่นปี้ ตราบใดที่หม้ออยู่คู่ชีวี จะไม่มีอับจนหม่นหมองใจ
** เมื่อสั่งเสร็จได้เสด็จทิพย์สถาน สถิตยังวิมานอันสดใส ส่วนลูกชายดื่มสุราเฮฮาไป เคยเป็นมาอย่างไรไม่เปลี่ยนเลย
** ในวันหนึ่งเมื่อเมาสุรามาก พร้อมกับเพื่อนหลายหลากไม่อยู่เฉย นำหม้อมาโยนเล่นแสนเสบย นิจจาเอ๋ยช่างโชคร้ายให้เกิดเป็น
** รับหม้อพลาดตกดินแตกกระจาย ขุมทรัพย์ถูกทำลายกลับยากเข็ญ ต้องขอทานเขากินแสนลำเค็ญ ชีวิตนี้ช่างยากเย็นเสียจริงจริง
** แล้วก็ถึงอวสานกาลสิ้นสุด ล้วนแต่ถูกสมมุติขึ้นทุกสิ่ง เมื่อเกิดขึ้นต้องดับไปไม่ประวิง ข้ออ้างอิงอนิจจังดังตรัสไว้
** เป็นอันว่าลูกชายท้าวสักกะ ไม่พ้นภัยมรณะต้องมอดไหม้ ในกองฟอนของกิเลสเหตุแห่งไฟ ที่เผาผลาญจิตใจให้วอดวาย
** พระพุทธองค์ได้ตรัสพระคาถา เพื่อฉลองศรัทธาดังมุ่งหมาย แก่เศรษฐีผู้มีทรัพย์อย่างมากมาย แบ่งคาถาออกได้สามประการ
** นักเลงเหล้าได้หม้อชื่อกูฏะ แต่ปราศธรรมะน่าสงสาร รักษาดีมีสุขทุกวันวาร ชีวิตจะสำราญเบิกบานหทัย
** เมื่อใดที่เขาเมาและประมาท ทำหม้อแตกจะถึงฆาตอย่าสงสัย จะยากไร้ทุกสิ่งยิ่งอาลัย ไม่ถึงวัยควรตายก็ต้องตาย
** ผู้ประมาทชื่อว่าปัญญาทราม ย่อมเดือดร้อนทุกยามพาฉิบหาย ใช้ทรัพย์สินที่ได้มาอย่างท้าทาย เหมือนคนติดเหล้าทำลายหม้อทิพย์ตน
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 19 มีนาคม, 2559, 10:17:02 AM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๒๑ ความไม่ประมาทในธรรม (อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** ไม่ตั้งมั่นในธรรมะชื่อประมาท ชีวิตขาดที่พึ่งจึงหมองหม่น ธรรมะช่างประเสริฐเลิศมงคล ไม่ประมาทจะหลุดพ้นจากทุกข์ภัย
** คนประมาทในเหตุสามชนิด มีชีวิตอนาถอย่าสงสัย วันคืนผ่านเป็นการทำลายวัย อายุขัยไร้ค่าอนิจจัง
** หนึ่ง “ไม่ทำเหตุคิดแต่จะเอาผล” ดูมันช่างพิกลไม่มีหวัง เช่นคนไม่ทำงานการจีรัง อยากร่ำรวยเป็นดังคนมีเงิน
** สอง “ทำเหตุเสียแต่จะเอาผลดี” คงไม่มีผู้ใดจะสรรเสริญ ทำความชั่วแต่หวังความเจริญ คนไม่เดินแต่หวังถึงซึ่งปลายทาง
** สาม “ทำเหตุน้อยคอยหวังผลที่มาก” เห็นจะยากมิใช่จะถากถาง เปรียบหิ่งห้อยแสงน้อยเพียงเลือนราง แต่อยากให้แสงสว่างดังจันทรา
** ความประมาทในธรรมย่อมนำทุกข์ ห่างจากสุขเกินใจจะใฝ่หา ต้องตั้งมั่นในธรรมองค์สัมมา ชั่วชีวามีแต่สุขทุกข์ไม่มี
** เหตุสำคัญที่ไม่ควรประมาท เพราะสามารถทำให้ไม่ถ้วนถี่ ความเป็นคนสิ้นไปทุกนาที อเวจีเป็นที่หมายเมื่อตายไป
** หนึ่ง “ประมาทการเลิกกายทุจริต” ปล่อยชีวิตลอยล่องต้องหมองไหม้ ละเลยกายสุจริตไม่ใส่ใจ จะผิดถูกอย่างไรก็ช่างมัน
** สอง “ประมาทเลิกวจีทุจริต” ช่างเป็นคนสิ้นคิดเกินเสกสรร ปล่อยวจีสุจริตผ่านไปพลัน ต้องจาบัลย์โศกเศร้าเฝ้าบั่นทอน
** สาม ”ประมาทเลิกมโนทุจริต” ในดวงจิตโสมมสุดถ่ายถอน ละทิ้งมโนสุจริตจิตร้าวรอน จากกองฟอนต้องไปสู่โลกันต์
** สี่ “ประมาทการเลิกมิจฉาทิฐิ” มีดำริชั่วโฉดโหดมหันต์ ละสัมมาทิฐิชั่วชีวัน โทษอนันต์เพราะประมาทขาดคุณธรรม
** ปัจจัยแห่งความประมาทขาดสติ ซึ่งเป็นเรื่องน่าตำหนิเพราะถลำ สู่วังวนหนทางที่สร้างกรรม เพราะได้ทำตัวตนไม่พ้นมาร
** หนึ่ง “เกียจคร้านไม่ใส่ใจ” จะตรวจตรา ให้รอบคอบทุกเวลาดังกล่าวขาน คอยปล่อยปละละเลยไม่เอาการ จึงทำให้การงานต้องพังภินท์
** สอง “ความประพฤติไม่ดี” จึงเสียหาย ไม่ถูกต้องทำลายทุกสิ่งสิ้น เดินทางผิดคิดชั่วตัวราคิน จึงประมาทเป็นอาจิณสิ้นหนทาง
** สาม “ประพฤติย่อหย่อน” ไม่จริงจัง ทำให้งานต้องพังเกินสะสาง เกิดเสียหายวายวอดจึงอับปาง ความประมาทคือหนทางแห่งความตาย
** สิ่งที่ไม่ควรประมาทปราชญ์ได้กล่าว จงเรียนรู้เรื่องราวก่อนจะสาย ปฏิบัติตามมีประโยชน์อย่างมากมาย โปรดย่างกรายตามมาจะรู้ทัน
** “ไม่ประมาทในเวลา” มีค่านัก พึงตระหนักรีบเดินตามความฝัน อย่าปล่อยให้ล่วงไปวันวัน โดยไม่ได้สร้างสรรค์อะไรเลย
** “ไม่ประมาทในชีวิต” คิดให้หนัก จงประจักษ์สัจธรรมอย่าทำเฉย หนีไม่พ้นความตายนะเพื่อนเอย อย่าเฉยเมยรีบทำดีมีกำไร
** “ไม่ประมาทในกิจการงาน” ทั้งหลาย จะทำมาค้าขายหรืองานไหน มีความรับผิดชอบอย่างจริงใจ ทุ่มเทเวลาให้อย่างจริงจัง
** “ไม่ประมาทในเรื่องการศึกษา” ต้องเรียนรู้ค้นคว้าอย่าโอหัง คอยหมั่นเพียรเพื่อเสริมเพิ่มพลัง พึงมุ่งหวังวิชาพัฒนาตน
** “ไม่ประมาทในเรื่องของธรรมะ” ปฏิบัติเพื่อละอกุศล ทั้งกิเลสตัณหาจะห่างตน ปรากฏผลเลิศล้ำธรรมะครอง
** สิ่งที่ไม่มีใครประกันได้ กล่าวเอาไว้สี่ชนิดคิดสอดส่อง ไม่มีใครที่ไหนกล้ารับรอง เป็นเรื่องของสัจธรรมคำของครู
** “ไม่มีใครกล้าประกันว่าไม่แก่” สังขารไม่เที่ยงแท้เกินจะสู้ ย่อมหมุนเวียนเปลี่ยนไปคล้ายฤดู จะไม่มีวันอยู่อย่างยั่งยืน
** “ไม่มีใครกล้าประกันเรื่องเจ็บไข้” พระพุทธองค์ตรัสไว้ไม่อาจฝืน ความเจ็บไข้ได้ป่วยสุดกล้ำกลืน ไม่อาจจะขัดขืนจำใจทน
** “ไม่ใครกล้ารับประกันว่าไม่ตาย” ชีวิตนี้ต้องวอดวายทุกแห่งหน พบเกิดแก่เจ็บตายกันทุกคน เป็นวังวนของสังขารไม่จีรัง
** “ไม่มีใครกล้าประกันวิบากกรรม” ว่ากระทำความชั่วไร้ทุกขัง กิเลสและตัณหามีพลัง ย่อมจะยังผู้กระทำสู่อบาย
** ที่กล่าวมาก็คือความประมาท ตัวร้ายกาจจะสร้างความฉิบหาย ถ้ามัวหลงอยู่ในความงมงาย ต้องวอดวายหายนะตลอดกาล
** ไม่ประมาทคือยอดอุดมผล เป็นมงคลยิ่งใหญ่แสนไพศาล ย่อมจะถึงอริยมรรคในไม่นาน สำเร็จเรื่องการงานโดยเร็ววัน
**ถ้าเป็นการศึกษาก็สำเร็จ กลเม็ดความสมหวังตั้งใจมั่น เจริญในกุศลธรรมเป็นสำคัญ รับประโยชน์นับอนันต์เกินพรรณนา
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง บันเทิงบุญ ** วิสาขาอุบาสิกาใหญ่ ตั้งใจให้หลานสาวใกล้ศาสนา รับผิดชอบเรื่องพระด้วยศรัทธา เพราะเหตุว่าอายุกาลผ่านเลยไป
** กลายเป็นผู้สูงวัยในวันนี้ อันกำลังที่มีสู้ไม่ไหว เชื่อมั่นตัวหลานสาวมากกว่าใคร จึงมอบให้จัดการแทนตนเอง
** อนาถะบิณฑิกะเศรษฐี จึงเห็นดีที่ลูกสาวจึงรีบเร่ง มอบลูกสาวคนโตไม่หวั่นเกรง นางก็เก่งทำได้เป็นอย่างดี
** นางปฏิบัติงานได้ไม่นานนัก มีคนรักออกเรือนสมศักดิ์ศรี ผู้เป็นพ่อจำต้องเปลี่ยนอีกที ให้นารีลูกคนรองมาทำแทน
** ลูกคนรองทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม อย่างทัดเทียมพี่สาวไปตามแผน ท่านเศรษฐีภูมิใจไม่คลอนแคลน รักลูกสาวแนบแน่นเปี่ยมศรัทธา
** เวลาผ่านโฉมงามมีความรัก มอบใจภักดิ์ต่อกันมั่นหนักหนา ครั้นความรักงอกงามตามเวลา จึงเข้าสู่วิวาห์ครองคู่กัน
** ท่านเศรษฐีจึงต้องเปลี่ยนคนใหม่ มอบนวลใยสุมนาล้างอาถรรพ์ เธอเป็นน้องสุดท้องงามผ่องพรรณ วิลาวัณย์โสภากว่าทุกคน
** นางเต็มใจยอมรับหน้าที่นี้ เพราะนางมีน้ำใจเป็นกุศล อยากทำบุญสุนทานบันดาลดล ให้หน้ามลบรรลุโมกขธรรม
** จึงหลีกห่างความชั่วตัวร้ายกาจ ไม่ประมาทปล่อยใจให้ถลำ สู่อบายเพราะผลของเวรกรรม ทุกเช้าค่ำมุ่งใจใฝ่แต่บุญ
** ทำหน้าที่ได้ดีกว่าพี่สาว งานก้าวหน้าเพริดพราวราวเทพหนุน ทุกอย่างสำเร็จดีมีบุญคุณ เกื้อการุณศาสนาให้ถาวร
** ครั้นวันหนึ่งฟังพระธรรมเทศนา ได้ดวงตาเห็นธรรมตามคำสอน ของสมเด็จพระพุทธชินวร โฉมบังอรบรรลุธรรมในทันที
** คุณธรรมที่ได้นั้นสูงกว่า ในบรรดาคุณพ่อและพี่พี่ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดเรื่องแปลกดี ดังจะเอ่ยวจีให้ท่านฟัง
** กาลผ่านไปสุมนาเกิดป่วยไข้ อยากจะได้พบพ่อจนแทบคลั่ง พวกทาสีที่คอยเฝ้าระวัง รีบตามท่านมายังเรือนของนาง
** พอเห็นพ่อรีบเอ่ยเผยวจี รีบเข้ามาหาพี่อย่าหมองหมาง การเจ็บป่วยครานี้มิอำพราง คงจะต้องวายวางอย่างแน่นอน
** โธ่ลูกเอ๋ยเจ้าคงอาการหนัก จึงได้เพ้อยิ่งนักถึงกับหลอน เอ่ยเรียกพ่อว่าพี่เพราะนิวรณ์ น่าสงสารบังอรเกินประมาณ
** สุมนาพูดว่าข้าไม่หลง เป็นเรื่องจริงอย่าพะวงจึงเรียกขาน ท่านเป็นน้องของข้าอย่าร้าวราน นางยืนยันจนลมปราณนางสิ้นไป
** ท่านเศรษฐีทูลถามพระพุทธองค์ ถึงเรื่องราวจึงทรงแถลงไข เพื่อเศรษฐีและทุกคนได้เข้าใจ เพราะเหตุใดนางจึงเรียกอย่างนั้น
** อนาถะบิณฑิกะเศรษฐี เป็นผู้ที่ใฝ่ธรรมอย่างกวดขัน ท่านบรรลุธรรมขั้นโสดาบัน ส่วนนางสำเร็จขั้นสกทาคามี
** อันนี้คือสาเหตุเรื่องทั้งหมด นางจึงได้กำหนดตัวเป็นพี่ และเรียกพ่อว่าน้องเมื่อพาที ด้วยการที่มีธรรมสูงกว่ากัน
** พระพุทธองค์ได้ตรัสต่อไปว่า บัดนี้สุมนาสู่สวรรค์ ในชั้นดุสิตวิลาวัณย์ จนชั่วนิจนิรันดร์สุขารมย์
** พระพุทธองค์จึงตรัสพระคาถา ว่าด้วยบุญจะพาให้สุขสม ทั้งโลกนี้โลกหน้าพาชื่นชม เอกอุดมเพราะกรรมดีที่ทำไว้
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 19 มีนาคม, 2559, 10:18:25 AM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๒๒ ความเคารพ (คารโว จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** ความเคารพแปลว่าความตระหนัก ในความดีเป็นประจักษ์ที่ยิ่งใหญ่ มีปัญญามองเห็นว่าสิ่งใด ควรเคารพนบไหว้เป็นมงคล
** ในพุทธศาสนาว่ามีหก จึงขอยกมาแสดงให้ท่องบ่น และประพฤติเป็นนิสัยไม่วกวน เพื่อเหล่าชนที่รักจักได้ดี
** หนึ่งเคารพในพระพุทธเจ้า ทุกค่ำเช้าระลึกคุณไม่หน่ายหนี ที่สั่งสอนแนะนำธรรมมากมี เพื่อโลกนี้โลกหน้าสถาพร
** สองมีความเคารพในพระธรรม ที่พุทธองค์ทรงนำมาสั่งสอน ให้ละชั่วทำดีมิร้าวรอน ละนิวรณ์หลีกพ้นวังวนกรรม
** สามมีความเคารพในพระสงฆ์ ผู้มั่นคงในวินัยใจชื่นฉ่ำ ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบกอปรด้วยธรรม และน้อมนำมาเผยแพร่แก่ปวงชน
** สี่มีความเคารพการศึกษา ซึ่งจะพาให้ฉลาดไม่พลาดป่น เป็นคนดีมีคุณค่าสมเป็นคน ไม่อับจนก้าวหน้าพารุ่งเรือง
** ห้าเคารพในความไม่ประมาท จะแคล้วคลาดจากผองภัยใจฟูเฟื่อง คนที่ไม่ประมาจะประเทือง ไปด้วยเรื่องดีดีมีโชคชัย
** หกเคารพในการต้อนรับแขก ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอย่าสงสัย ต้อนรับด้วยไมตรีเหมาะกับวัย ตามสมัยนิยมที่สมควร
** อารยธรรมการแสดงความเคารพ มีนอบนบกราบไหว้ให้ถูกส่วน รวมห้าแบบขอกล่าวตามกระบวน จึงเชิญชวนใส่ใจไม่อำพราง
** “อัญชลี” การยกมือประกบกัน นิ้วมือนั้นแนบชิดทั้งสองข้าง ยกขึ้นระหว่างอกแขนไม่กาง ตอนฟังเทศน์อย่าเลือนรางหรือสวดมนต์
** “วันทา” การเลื่อนมือจากหว่างอก แล้วจึงยกหัวแม่มืออย่าสับสน ไว้ระหว่างทั้งสองคิ้วของตน ใช้สำหรับผู้คนเคารพกัน
** “อภิวาท” นั่นหรือคือการกราบ ศิโรราบจรดพื้นพิถีพิถัน มือทั้งสองต้องวางลงไปพลัน ระยะนั้นต้องห่างหนึ่งฝ่ามือ
** “อุฏฐานะ” การลุกรับด้วยนอบนบ เมื่อได้พบผู้ใหญ่ที่นับถือ ด้วยนอบน้อมกายใจใฝ่ฝึกปรือ พร้อมจับมือประสานให้สวยงาม
** “สามีจิกรรม” ทำการคารวะ เพื่อให้เหมาะตามวาระมิวางก้าม เช่นอ่อนน้อมถ่อมตนไม่วู่วาม ปฏิบัติตามประเพณีมีมานาน
** ความเคารพนับเป็นมงคลยิ่ง เพราะเป็นสิ่งประเสริฐหลายสถาน มีคนรักคนเมตตาตลอดกาล สุคติคือวิมานเป็นที่ไป
** เป็นผู้ที่มีจิตเป็นกุศล นำพาตนให้ก้าวหน้าพาสดใส มีกัลยาณมิตรทั้งใกล้ไกล ชีวิตไม่อับจนพ้นอบาย
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง ลำดับอาวุโส ** สมัยหนึ่งพระพุทธองค์ทรงปรารภ เกี่ยวเนื่องความเคารพเมื่อตอนสาย ณ ธรรมสภาสาธยาย ให้ภิกษุทั้งหลายได้สังวร
** เหตุเกิดขึ้นที่กรุงสาวัตถี จอมโมลีทรงคิดจะสั่งสอน พฤติกรรมฉัพพัคคีย์มิอาทร ความเดือดร้อนใดใดไม่นำพา
** อนาถะบิณฑิกะผู้ใจบุญ สร้างวิหารบูชาคุณศาสนา ถึงเวลาจะถวายพระศาสดา ได้นิมนต์พระองค์มาพร้อมบริวาร
** ฉัพพัคคีย์จึงให้ลูกศิษย์ตน รีบดั้นด้นไปจองที่ยังวิหาร เพื่อพวกพ้องจะได้สุขสำราญ จนเป็นที่เบิกบานทั่วหน้ากัน
** ฝ่ายพระสารีบุตรมาถึงช้า นอนโคนไม้อนาถาดูน่าขัน พวกภิกษุทั้งหลายต่างโจษจัน การกระทำอย่างนั้นเลวสิ้นดี
** พระศาสดาประชุมสงฆ์แล้วตรัสว่า ภิกษุสงฆ์ทรงสิกขามีศักดิ์ศรี พึงกระทำอภิวาทอัญชลี ต่อผู้ที่แก่กว่าทุกคราไป
** อันก้อนข้าวและน้ำอันเลอเลิศ ที่นั่งนอนประเสริฐกว่าสิ่งไหน ควรแก่ผู้อาวุโสกว่าใครใคร ดังขานไขจงฟังตั้งปณิธาน
** จึงนำเอาเรื่องราวมาสาธก ได้หยิบยกเรื่องสามสัตว์มาประสาน เป็นเรื่องราวเมื่อคราวอดีตกาล มาเล่าขานโปรดฟังอย่างตั้งใจ
** ในป่าหิมพานต์กาลครั้งนั้น มีสามสัตว์อยู่ด้วยกันกลางดงใหญ่ ลิงช้างนกกระทาพาไฉไล ต่างยึดเอาต้นไทรเป็นที่นอน
** ต่างคนต่างก็ไม่เกรงใจกัน พัลวันวุ่นวายสุดถ่ายถอน อยากจะเคารพกันถูกขั้นตอน จึงเริ่มต้นกันก่อนสืบเรื่องราว
** ท่านรู้จักต้นไทรนี้กันเมื่อไหร่ ขอจงได้ชี้แจงแถลงข่าว เพียงสั้นสั้นได้ใจความไม่ยืดยาว โปรดบอกกล่าวกันเถิดหนาอย่าช้าที
** ช้างจึงได้รีบเอ่ยเฉลยถ้อย ตอนที่เป็นช้างน้อยด้อยรัศมี ต้นไทรสูงแค่ท้องของข้านี้ ดังวจีกล่าวขานวานคิดดู
** ฝ่ายลิงจึงได้เอ่ยเฉลยบ้าง ต่อจากช้างทันทีมิหลบหลู่ จะขอร่วมรังสรรค์และเชิดชู เคารพผู้แก่กว่าน่าชื่นชม
** นับย้อนหลังเมื่อคราวครั้งยังเป็นเด็ก ตัวเล็กเล็กวิ่งเล่นเสียงดังขรม ไทรต้นนี้ยังเป็นหน่อรอรับลม ช่างเหมาะสมกับการหักเล่นจัง
** นกกระทาก็พร้อมจะบอกกล่าว ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาคราหนหลัง สหายเอ๋ยท่านจงตั้งใจฟัง ก่อนนี้ต้นไทรยังไม่มีเลย
**ตัวเรานี้เป็นผู้กินลูกไทร จากต้นใหญ่เราจะขอเฉลย มาถ่ายไว้ตรงนี้นะท่านเอย มันงอกเงยเติบใหญ่ในวันนี้
** สรุปความลำดับอาวุโส พี่คนโตนกกระทาอย่าหน่ายหนี น้องคนรองคือลิงมิ่งโมลี ช้างตัวโตโก้ดีเป็นสุดท้อง
** แต่นั้นสัตว์ทั้งสามไม่หวั่นไหว เคารพในอาวุโสไม่หม่นหมอง เชื่อฟังกันเคารพกันตามครรลอง ต่างปรองดองน้องพี่ที่ป่าไพร
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 19 มีนาคม, 2559, 10:46:49 AM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๒๓ ความถ่อมตน (นิวาโต จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** การถ่อมตนคือคนไม่เย่อหยิ่ง ละอวดดีเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ปรารภถึงความดีที่ถ่อมใจ มิลำพองกับใครให้วุ่นวาย
** อันสาเหตุที่ทำให้ผยอง จงหมั่นมองไม่ทำให้เสียหาย นับเป็นสิ่งที่ไม่ดีอย่ากล้ำกราย หลีกให้ไกลห่างกายและห่างตน
** “โกธะ” คือความโกรธความเดือดดาล เป็นสัญชาติคนพาลจิตตกหล่น “อุปหานะ” ผูกโกรธโหดสุดทน ไม่อภัยเพราะคนคิดเกลียดชัง
** “มักขะ” การลบหลู่คุณความดี ของผู้อื่นทุกที่อย่าพึงหวัง “ปลาสะ” ตีเสมอไม่อินัง เป็นคู่แข่งลองพลังที่สำคัญ
** ถัมภะ” ดื้อกระด้างอย่างร้ายกาจ ทำวางมาดว่าดีอย่างเข้าขั้น “อติมานะ” คือตัวชั่วมากครัน ดูหมิ่นเขาแต่เรานั้นน่าอับอาย
** ธรรมะที่ส่งเสริมการถ่อมตน ที่ทุกคนควรถือมั่นสู่จุดหมาย ความเป็นคนน่ารักไม่งมงาย มีมากมายเจ็ดข้อขอชี้แจง
** “สัทธา” ความเชื่อความเลื่อมใส ด้วยจริงใจในคำสอนทุกแขนง ในบุคคลสถานที่มิเปลี่ยนแปลง เปรียบดังแสงตะวันและจันทรา
** “อโทสะ” ไม่ดุร้ายไม่ขึ้งโกรธ ไม่ปองร้ายมีโทษมากหนักหนา ไม่เบียดเบียนไม่คิดร้ายทุกเวลา ใจเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแช่เย็น
** “มุทิตา” มีความหมายบันเทิงใจ พลอยยินดีเมื่อเขาได้พ้นยากเข็ญ อีกเจริญก้าวหน้าไม่ลำเค็ญ ไม่ริษยาเมื่อเห็นเขาได้ดี
** “มุทุตา” ความอ่อนโยนในดวงจิต ไม่กระด้างเป็นมิตรกันทุกที่ ความละมุนละม่อมย่อมเกิดมี ความอ่อนน้อมด้วยวจีใจและกาย
** “เมตตา” ปรารถนาให้เป็นสุข ปราศจากทุกข์บรรดาสัตว์ทั้งหลาย เอื้ออารีสงสารไม่รู้คลาย ไม่อาฆาตมาดร้ายให้โศกตรม
** “สติ” ระลึกได้ไม่พลั้งเผลอ ไม่หลงเพ้อไม่หวั่นไหวให้ขื่นขม กำหนดรู้การเคลื่อนไหวไม่ระทม มีสติสังคมไม่วุ่นวาย
** “ปัญญา” ความรอบรู้บุญและบาป รู้จักละกิเลสหยาบให้สลาย อีกทั้งกรรมที่ควรเว้นมีมากมาย ไม่งมงายเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
** การถ่อมตนเป็นมงคลที่ดีแน่ ไม่พ่ายแพ้เป็นทาสของความชั่ว กำจัดความกระด้างที่ในตัว กายและจิตสงบทั่วไร้ศัตรู
** เป็นที่รักของสัตว์และมนุษย์ มีความสุขที่สุดไม่หดหู่ จิตตั้งมั่นอ่อนโยนน่าชื่นชู คุณความดีมีอยู่คู่โลกา
** คนที่แข็งกระด้างหยิ่งเพราะชาติ หยิ่งเพราะทรัพย์อำนาจวาสนา ดูหมิ่นญาติพี่น้องของอาตมา หายนะถามหาทุกนาที
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง ยอดชายนายมานะ ** มียอดชายนายหนึ่งถือตัวจัด ใจผูกพันร้อยรัดในทุกที่ จะยกมือไหว้ใครไม่เคยมี ทั้งพ่อแม่น้องพี่ไม่มีเลย
** อีกครูบาอาจารย์ก็ไม่ไหว้ เก็บมานะเอาไว้ใคร่เปิดเผย จึงชื่อนายมานะผู้เฉยเมย เพราะไม่เคยไหว้ใครในชีวี
** ครั้นวันหนึ่งเดินผ่านธรรมสภา องค์สมเด็จพระสัมมาชินศรี ทรงแสดงเทศนาอยู่พอดี จึงทำทีเข้าไปนั่งดังจำนรรจ์
** เข้าไปนั่งใกล้พระพุทธองค์ แต่ก็คงไม่ไหว้คล้ายเย้ยหยัน ด้วยมานะสมชื่อเขาลือกัน เพราะยึดมั่นทิฐิมิจืดจาง
** ตั้งใจว่าถ้าไม่มีผู้ใดทัก เราก็จักหลีกไปให้ไกลห่าง ครั้นเวลาผ่านไปเหมือนเป็นลาง ต้องอ้างว้างหาคนทักไม่มี
** ขยับกายหมายจะลุกออกไป พระพุทธองค์ทรงรู้ใจว่าจะหนี จึงรีบตรัสทักทายในทันที ในโลกมีคนถือตัวชั่วนักเอย
** ผู้ใดเห็นประโยชน์จากอะไร จงสนใจในสิ่งนั้นอย่าพลันเฉย ทำให้ดีที่สุดอย่าละเลย มานะเอ๋ยเธอจงฟังดังกล่าวมา
** นายมานะตะลึงเหมือนถูกมนต์ ที่มีคนรู้ใจแทบผวา ความเย่อหยิ่งจองหองเต็มอุรา สูญสิ้นไปทันตามอดมลาย
** รีบคลานเข้าไปหาพระพุทธเจ้า ความอวดดีที่รุมเร้าสิ้นสลาย ก้มลงจูบพระบาทไม่เขินอาย ทำให้ชนทั้งหลายต่างแปลกใจ
** ข้าแต่ท่านผู้เจริญเชิญบอกกล่าว ถึงเรื่องราวที่อยากรู้จะได้ไหม เราไม่ควรเย่อหยิ่งกับผู้ใด ควรเคารพยำเกรงใครช่วยบอกที
** พระพุทธองค์ตรัสว่ามานะเอ๋ย อย่าเย่อหยิ่งอวดดีเลยในทุกที่ พ่อแม่ครูอาจารย์อย่ารอรี อีกน้องพี่ผู้มีคุณการุณเรา
** ท่านเหล่านี้สมควรจะเคารพ ทั้งบูชาน้อมนบในตัวเขา จงทำลายมานะให้แบ่งเบา แล้วยึดเอาการอ่อนน้อมและถ่อมตน
** นายมานะกราบทูลตถาคต ว่าเข้าใจทั้งหมดไม่หมองหม่น ขอเข้าถึงพระรัตนตรัยอีกสักคน แต่วันนี้ไปจนชั่วชีวัน
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 19 มีนาคม, 2559, 01:45:15 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๒๔ มีความสันโดษ (สนฺตุฏฺฐี จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** ความสันโดษหมายถึงความพอใจ กับสิ่งของน้อยใหญ่ดังหมายมั่น ซึ่งเป็นของของตนที่มีพลัน นอกจากนั้นไม่สนใจของใครเลย
** ลักษณะของสันโดษมีกล่าวไว้ ขอจงได้รับฟังคำเฉลย เมื่อทราบแล้วจงอย่าทำเฉยเมย รีบปฏิบัติกันเลยในทันที
** หนึ่ง “ยินดีตามมี” เป็นของเรา ไม่อยากได้ของเขาเสื่อมราศี เฝ้าชื่นชมกับสิ่งที่เรามี ทำอย่างนี้มีสุขทุกคืนวัน
** สอง “ยินดีตามกำลัง” ที่หาได้ ผลประโยชน์น้อยใหญ่ที่สร้างสรรค์ ในทุกเรื่องทุกราวดังจำนรรจ์ จะสุขสันต์รื่นเริงตลอดไป
** สาม “ยินดีตามควร” ส่วนสันโดษ เกิดประโยชน์ขั้นสูงรุ่งสดใส เป็นมหาสันโดษเรืองโรตน์ไกล กุศลที่ยิ่งใหญ่จักตามมา
** การยินดีตามสมควรประมวลกล่าว เป็นเรื่องราวสามประการวานศึกษา รายละเอียดจงได้พิจารณา ด้วยศรัทธาบริสุทธิ์ดุจดังทอง
** หนึ่ง “ควรแก่ฐานะ” อันควรเป็น ไม่ลำเค็ญยากไร้ไม่หม่นหมอง รู้ฐานะของตัวดีมิลำพอง ดังนั้นต้องเข้าใจคำว่าพอ
** ไม่ทำตัวใฝ่สูงจนเกินศักดิ์ ถือดีเด่นเป็นหลักอยากจะขอ เอาแต่สุขสบายหมายพนอ เพราะความทุกข์นั้นรอให้ผลกรรม
** สอง “ควรแก่กำลัง” สมรรถภาพ หมายถึงทราบความสามารถไม่ถลำ เกินกำลังของตนอย่าริทำ เป็นสื่อนำความยากไร้อย่าหมายปอง
** สาม “ควรแก่ศักดิ์ศรี” ที่มีอยู่ เราต้องรู้รักษาอย่าให้หมอง อย่าให้ความมักมากเข้ามาครอง เกียรติยศเป็นของต้องคำนึง
** ความสันโดษเป็นมงคลที่สูงค่า จะหมดสิ้นตัณหาพาเข้าถึง โลกุตตรธรรมจงรำพึง (โลกุตตรธรรม อ่านว่า โล-กุด-ตะ-ระ-ทำ) เป็นประหนึ่งสิ่งของที่ต้องตา
** เป็นมงคลเพราะถึงความสิ้นทุกข์ มีความสุขสมใจดังใฝ่หา ไม่เดือดร้อนเพราะบาปมาบีฑา แต่เจริญก้าวหน้าด้วยความดี
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง พญานกแจกเต้าผู้สันโดษ ** คราเมื่อครั้งจอมปราชญ์พระศาสดา ประทับที่พาราสาวัตถี เชตวันพระวิหารอันรูจี จึงทรงมีคำตรัสพระวัจนา
** ธรรมดาสมณะเมื่อมาถึง เสนาสนะอันพึงปรารถนา เป็นที่สุขสบายหมายพึ่งพา พักกายาให้รื่นรมย์สมใจปอง
** ไม่ควรโลภโภชนาภักษาหาร รู้สันโดษต่อการกิจทั้งผอง พึงพอใจตามมีมิลำพอง บำเพ็ญธรรมตามครรลองของพุทธา
** ทรงหยิบยกเรื่องราวคราวหนหลัง นำมาเล่าให้ฟังสิ้นกังขา กาลครั้งหนึ่งที่แนวไพรในพนา อยู่ริมฝั่งคงคามหานที
** เป็นป่าไม้มะเดือมากเหลือล้น มีลูกดกเต็มต้นหลากหลายสี เป็นอาหารนกแขกเต้าได้อย่างดี ซึ่งได้มีมากมายหลายแสนตัว
** ฤดูแล้งผลมะเดื่อก็หดหาย นกทั้งหลายพากันเดือดร้อนทั่ว ขาดอาหารมองไปใจมืดมัว ด้วยหวาดกลัวความตายให้ร้อนรน
** จึงพากันหลีกหนีไปที่ใหม่ หวังจะได้อาหารไม่ขัดสน แม้จะต้องเดินทางไกลก็ยอมทน เพื่อผจญโชคชะตาดีกว่าตาย
** แต่ยังมีพญานกแขกเต้า ไม่อาวรณ์โศกเศร้าเหมือนสหาย ถือสันโดษคงมั่นไม่เสื่อมคลาย ถึงชีวิตจะมลายก็ตามที
** ผลมะเดื่อหมดไปไม่เดือดร้อน กินใบเปลือกหน่ออ่อนอย่างถ้วนถี่ แม้กระทั่งสะเก็ดเท่าที่มี เป็นเครื่องเลี้ยงชีวีไปวันวัน
** ร้อนไปถึงท้าวสักกะเทวราช ที่มีอาสน์กระด้างอย่างมหันต์ เมื่อตรวจดูก็รู้สาเหตุพลัน ต้องยับยั้งภยันอันตราย
** จึงบันดาลต้นมะเดื่อตายสนิท เพื่อทดลองความคิดก่อนผันผาย ลงไปช่วยพญานกไม่ดูดาย ก่อนที่จะวางวายลงไปพลัน
๗๔๘. ** ต้นมะเดื่อตายสิ้นในถิ่นป่า มีผงไหลออกมาช่างอาถรรพ์ ตามช่องแตกของต้นไม้มากมายครัน เป็นอาหารหวานมันของนกไพร
๗๔๙. ** จนสุดท้ายต้นไม้เหลือเพียงตอ พญานกไม่ท้อหนีไปไหน ยังถือมั่นสันโดษอย่างเกรียงไกร เกาะตอไม้ด้วยใจที่เบิกบาน
๗๕๐. ** ท้าวสักกะแน่ใจพญานก ไม่โกหกหลอกลวงไร้แก่นสาร ถือสันโดษมักน้อยพอประมาณ ไม่ซมซานหนีไปไกลที่เดิม
** จึงแปรงร่างเป็นหงส์ลงมาหา โดยไม่ช้าด้วยหวังจะส่งเสริม ผู้ที่มีคุณธรรมใช่ซ้ำเติม มีสุขเพิ่มเป็นตัวอย่างสร้างความดี
** แล้วกล่าว่านี่แน่ะพญานก จะวิตกทำไมกับที่นี่ จงหลีกไปยังที่อาหารมี เพื่อชีวีมีสุขทุกวันคืน
** นกแขกเต้าตอบว่าพญาหงส์ ท่านนี่คงคิดว่าข้าทนฝืน แต่ที่จริงสุขดีมิกล้ำกลืน จะนั่งนอนเดินยืนก็สุขใจ
** แต่เมื่อยามเพื่อนทุกข์สุขได้หรือ คำคนจะเล่าลือกันไปใหญ่ ต้นมะเดื่อเป็นเพื่อนดีมาแต่ไร มีทั้งผลดอกใบให้เรากิน
** เป็นทั้งญาติและเพื่อนที่ใกล้ชิด ถ้าเราคิดหนีไปก็ใจหิน เพียงเพราะผลไม่มีเลี้ยงชีวิน ประโยชน์สิ้นเราหนีไม่ดีเลย
** พญาหงส์เข้าใจในความคิด โอ้ช่างมีไมตรีจิตสุดทนเฉย เราให้พร้อมตามปรารถนาน่าชมเชย สหายเอ๋ยจงเลือกเอาตามต้องการ
** พญานกกล่าวว่าข้าอยากขอ ให้ต้นไม้ชูช่อผลหอมหวาน มีชีวิตปกติอันยาวนาน เป็นที่พึ่งวงศ์วานเหล่านกกา
** พญาหงส์ตอบว่าจงสุโข พึงสำเร็จดังมโนปรารถนา เมื่อกล่าวจบก็กลับคืนกายา เป็นมหาเทวราชชาติจอมชน
** แสดงอานุภาพแห่งสักกะ เป็นวาระต้นไม้แห่งไพรสณฑ์ กลับคืนชีพสดใสในบัดดล เป็นมงคลแก่นกกาน่าอัศจรรย์
** พญานกแขกเต้าจึงกล่าวว่า ข้าแต่จอมเทวาจงสุขสันต์ พร้อมวงศาคณาญาติถ้วนหน้ากัน จอมเทวัญกลับคืนสู่วิมาน
** ความสันโดษดีตลอดเป็นยอดทรัพย์ พระพุทธองค์ทรงยอมรับในคำขาน จึงทรงมีมธุรสพจมาน ความสันโดษเป็นการประมาณตน
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 19 มีนาคม, 2559, 01:54:21 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๒๕ มีความกตัญญู (กตญฺญุตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** จะกล่าวถึงมงคลยี่สิบห้า มีชื่อว่ากตัญญูรู้เหตุผล เป็นคุณธรรมที่ประเสริฐของปวงชน ช่างดีล้นหนักหนากว่าสิ่งใด
** ในโลกนี้มีบุคคลหาได้ยาก มีไม่มากสองประการขอขานไข ทำประโยชน์โดยไม่ได้หวังอะไร เป็นผู้มีจิตใฝ่ตอบแทนคุณ
** “บุพการี” คือผู้มีบุญคุณมาก ออกมาจากหัวใจใฝ่เกื้อหนุน คือพ่อแม่ผู้ดูแลและเจือจุน ครูอาจารย์เกื้อการุณสั่งสอนเรา
** “กตัญญูกตเวทิตา” รู้บุญคุณแล้วมาตอบแทนเขา ปฏิบัติตามคำสอนไม่ดูเบา เมื่อแก่เฒ่าเลี้ยงดูผู้ชรา
** คุณธรรมสองประการกล่าวขานไว้ ถ้าทำได้แสนดีมีสง่า เป็นบุคคลหาได้ยากดังกล่าวมา ขอบูชาเทิดไว้เหนือฟ้าดิน
** บุคคลที่ควรกตัญญูรู้เอาไว้ แบ่งออกได้สามประเภทดังถวิล ล้วนแต่เป็นบุพการีชั่วชีวิน จงน้อมจินต์ทดแทนแสนงดงาม
** หนึ่งบิดามารดาสูงค่ายิ่ง นับเป็นสิ่งประเสริฐหนึ่งในสาม ได้เกิดกายเลี้ยงดูอยู่ทุกยาม จะสุขทุกข์ก็ตามเฝ้าห่วงใย
** หนึ่งคุณครูผู้สอนสั่งเปรียบดังบุตร ไม่เคยหยุดเมตตาเล็กจนใหญ่ ตั้งแต่เริ่มขีดเขียนพากเพียรไว้ จวบจนได้ปริญญามาครอบครอง
** หนึ่งรัตนะทั้งสามแสนประเสริฐ ช่างล้ำเลิศเป็นหนึ่งไม่มีสอง ได้เข้าใจเรื่องทุกข์สุขสมปอง ใจผุดผ่องบริสุทธิ์ดุจมณี
** อีกทั้งผู้มีคุณการุณรัก พึงประจักษ์คุณค่าบุญราศี ผู้ช่วยเหลือเกื้อกูลบรรดามี ท่านเหล่านี้พึงกตัญญูรู้พระคุณ
** กตัญญูเป็นมงคลกุศลส่ง มีธรรมะมั่นคงไม่ว้าวุ่น คำสรรเสริญมีมาเพราะว่าบุญ มีสวรรค์เป็นทุนเมื่อตอนตาย
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง ช้างยอดกตัญญู ** คราครั้งหนึ่งสมเด็จพระศาสดา เสด็จมาเพื่อโปรดสัตว์ทั้งหลาย ประทับที่เชตวันพรรณราย ผู้ใฝ่ธรรมมากมายเฝ้าพระองค์
** ทรงปรารภภิกษุผู้ถือสัจ ปฏิบัติมารดาคุณสูงส่ง นำนิทานมาสาธกโดยบรรจง จุดประสงค์เป็นตัวอย่างสร้างความดี
** กาลครั้งหนึ่งบรมโพธิสัตว์ ทรงอุบัติเป็นช้างเผือกตามวิถี บริวารแปดหมื่นในพงพี เลี้ยงดูมารดาที่พิการตา
** นำบริวารออกไปหาอาหาร ต่างชื่นบานสดใสในพฤกษา มีอาหารมากมายสุดพรรณนา เป็นเพราะว่าอุดมและสมบูรณ์
** กินอาหารอิ่มหนำสุขสำราญ แสนเบิกบานหัวใจไม่เสื่อมสูญ เตรียมอาหารให้แม่แผ่เกื้อกูล เพื่อเพิ่มพูนบุญญาบารมี
** แล้วมอบให้บริวารนำไปส่ง แต่มันไม่ซื่อตรงกลับพาหนี เอาไปกินเสียเองไม่เข้าที ทราบเรื่องแล้วพาแม่หนีจากโขลงไกล
** อาศัยอยู่ในถ้ำสองแม่ลูก ด้วยพันผูกเกินกว่าจักหาไหน คอยเลี้ยงดูด้วยรักจากหัวใจ ไม่ยอมให้แม่อดสักเวลา
** ครั้นวันหนึ่งพรานไพรใจฉกาจ เกิดพลั้งพลาดหลงทางที่กลางป่า นั่งร้องห่มร้องไห้ในพนา ไม่รู้ว่าทำอย่างไรในป่านี้
** พญาช้างได้ยินไม่รอช้า จึงรีบเข้าไปหาอย่างเร็วรี่ ด้วยเมตตาจึงช่วยไม่รอรี นำพรานไพรไปส่งที่ริมชายแดน
** ฝ่ายพรานไพรใจโฉดโหดหนักหนา ครั้นเมื่อพ้นออกมาคิดวางแผน ทูลราชาเพื่อหวังของตอบแทน เป็นทรัพย์สินสุดแสนชื่นชีวัน
** วาระนั้นภายในพระราชฐาน ช้างมงคลถึงกาลต้องอาสัญ มาล้มลงทำให้องค์ราชัน ต้องป่าวร้องประกาศลั่นสนั่นกรุง
** ท่านผู้ใดมีช้างรูปร่างสวย ขอได้ช่วยนำมาดังหมายมุ่ง จะมีรางวัลให้เป็นกระบุง ชีวิตจะเรื่องรุ่งไปอีกนาน
** นายพรานไพรได้ทีไม่รอช้า เฝ้ากราบทูลราชาเอ่ยคำขาน มีช้างเผือกอาศัยในดงดาน ลักษณะดีเป็นวงศ์วานช้างมงคล
** ขอพระองค์ทรงส่งนายควาญช้าง ข้าจะขอนำทางเข้าไพรสณฑ์ เพื่อจะจับพญาช้างอย่างแยบยล นำมาเป็นช้างต้นคู่ธานี
** พระราชาอนุมัติตามที่ขอ ควาญช้างไม่รีรอขมันขมี พบพญาช้างที่ริมฝั่งนที กำลังดื่มวารีอยู่ริมธาร
** พญาช้างเห็นพรานก็รู้ว่า คงมีภัยตามมาไม่พ้นผ่าน ตั้งสติไม่คิดโกรธนายพราน สงบนิ่งไม่ระรานคนทั้งปวง
** ควาญช้างจึงได้นำพญาช้าง จากกลางป่าเดินทางเข้าวังหลวง พญาช้างชอกช้ำระกำทรวง คิดเป็นห่วงมารดาเอกากาย
** นับแต่นี้ใครจะใส่ใจแม่ คอยดูแลแม่บ้างไม่ห่างหาย คงอดน้ำอดอาหารจนวางวาย แม่ต้องตายแน่แน่ในเร็วไว
** มารดาพญาช้างโศกเศร้าหนัก อนิจจาลูกรักเจ้าอยู่ไหน พระราชาหรือว่ามีใครใคร มาจับตัวเจ้าไปให้เศร้าตรม
** นับจากนี้กลางป่าจะสดใส ไม้อ้อยช้างไม้อื่นใดจะสุขสม ไม้มูกมันไม้ช้างน้าวไม่ระทม ขาดพญาช้างรื่นรมย์จักงอกงาม
** ฝ่ายควาญช้างส่งสาสน์ถึงราชา ตกแต่งเมืองให้สง่าดูวาบหวาม เพื่อต้อนรับช้างเผือกให้ลือนาม และเพื่อความเป็นสิริที่ยาวนาน
** อีกประพรมน้ำหอมให้หอมฟุ้ง กลิ่นจรุงอบอวนทั่วราชฐาน ทั้งประดับเครื่องทรงอลังการ แล้วจึงนำคชสารเข้าสู่เรือน
** พระราชานำอาหารมีรสเลิศ ที่หวานหอมประเสริฐหาใดเหมือน ด้วยตัวของพระองค์ไม่แชเชือน เปรียบดังเพื่อนรู้ใจมอบไมตรี
** พยายามอ้อนวอนด้วยคำหวาน ว่าพ่อเอ๋ยลองทานอาหารนี่ อย่าชักช้าอยู่เลยเอ่ยวจี เพราะยังมีงานต้องทำร่วมกัน
** พญาช้างจึงพูดลอยลอยว่า นางช้างผู้กำพร้าคงโศกศัลย์ ด้วยตาบอดมองไม่เห็นเดือนตะวัน ต้องล้มลุกเข้าขั้นชวนเวทนา
** พระราชาตรัสถามว่าท่านเอ๋ย นางช้างที่ได้เอ่ยพร่ำบ่นหา เป็นอะไรกับท่านจงบอกมา เผยวาจาบอกกล่าวเล่าให้ฟัง
** พญาช้างจึงเอ่ยเฉลยถ้อย เป็นมารดาข้าน้อยรอความหวัง ทั้งอาหารและน้ำเพิ่มพลัง เลี้ยงชีวังกันตายอยู่ชายดง
** พระราชราได้ฟังตรัสสั่งว่า จงปล่อยช้างเข้าป่าดังประสงค์ ได้เลี้ยงดูมารดาดังจำนง ธ ทรงปลงสังเวชในเหตุการณ์
** พญาช้างดีใจเป็นยิ่งนัก ได้ประจักษ์น้ำพระทัยอันไพศาล จึงได้เปล่งวาจาพาเบิกบาน เป็นธรรมทานเลิศค่ากว่าอะไร
** ขอพระองค์จงเป็นผู้ไม่ประมาท จงอย่าขาดสติที่ฝันใฝ่ แล้วกราบลาราชันดั้นด้นไป ยังพงไพรหาแม่ผู้แก่กาย
** เมื่อไปถึงเอาน้ำไปรดแม่ ผู้นอนแผ่เพราะว่าความกระหาย อดอาหารเจ็ดวันอันตราย จะย่างกรายมองไม่เห็นลำเค็ญจัง
** ช้างมารดาเข้าใจว่าฝนตก โอ้หัวอกของเราหมดความหวัง ฝนคงตกผิดฤดูดอกกระมัง เราคงต้องระวังดูแลตน
** พญาช้างจึงบอกว่าตัวข้าเอง ไม่มีใครข่มเหงอย่าหมองหม่น พระราชาปล่อยลูกมาอย่ากังวล จะรักแม่ท่วมท้นทุกคืนวัน
** นางช้างจึงชื่นชมพระราชา ช่างใจดีหนักหนางามเฉิดฉัน จงรุ่งเรืองก้าวหน้านิจนิรันดร์ ขอให้องค์ราชันทรงพระเจริญ
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 19 มีนาคม, 2559, 02:09:32 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๒๖ การฟังธรรมตามกาล (กาเลน ธมฺมสฺสวนํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** การฟังธรรมตามกาลตามวาระ คือการฟังทุกวันพระน่าสรรเสริญ ทุกแปดค่ำสิบห้าค่ำอย่าหมางเมิน วันว่างว่างขอเชิญฟังธรรมกัน
** พระพุทธองค์ได้ตรัสพระวัจจนะ ทรงมุ่งผลธรรมะเพื่อสร้างสรรค์ มีอยู่สามประการคุณอนันต์ ขอจำนรรจ์เอ่ยอ้างสร้างศรัทธา
** ทรงมุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ในโลกนี้ อีกยังมีประโยชน์ในโลกหน้า พร้อมทั้งสิ่งสำคัญติดตามมา คือหลุดพ้นจากตัณหามาแผ้วพาน
** ผู้มีธรรมะย่อมละซึ่งกิเลส อันเป็นเหตุหมองเศร้าเข้าเผาผลาญ ไม่เดือดร้อนใจกายให้ร้าวราน เพราะอานิสงส์ของการได้ฟังธรรม
** ผู้ฟังธรรมที่ดีมีดังนี้ เป็นผู้ที่มีเมตตาอย่าเหยียบย่ำ ไม่ดูหมิ่นผู้พูดให้ระกำ ไม่ดูหมิ่นเรื่องที่นำมาแสดง
** ฟังด้วยจิตสงบไม่ฟุ้งซ่าน ตรึกตรองตามด้วยดวงมานเสาะแสวง ไม่คิดว่าปัญญาน้อยคอยเคลือบแคลง การฟังธรรมเปรียบดังแสงส่องนำทาง
** การฟังธรรมเป็นมงคลเลิศล้นนัก จะประจักษ์เมื่อได้พบแสงสว่าง จิตใจย่อมผ่องใสไม่เลือนราง ความทุกข์จางสิ้นไปไม่ร้อนรน
** ทั้งบังเกิดความเห็นที่ถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรมเป็นกุศล บรรเทาความสงสัยในกมล ได้เรียนรู้เพื่อหลีกพ้นแหล่งอบาย
** ขอเชิญชวนมวลมิตรจิตหรรษา มาฟังธรรมเทศนาดังมั่นหมาย สำรวมจิตสำรวมใจไม่รู้คลาย จวบจนชีพวางวายสุขสำราญ
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง จะเทศนาต้องดูนิสัยคน ** กาลครั้งหนึ่งสมเด็จพระศาสดา ประทับใกล้นาลันทาอัครฐาน ปาวาริกะอัมพวันอันตระการ สนทนากับนายบ้านอสิพันธ์
** อสิพันธ์ถามว่าข้าแต่พระองค์ ท่านย่อมทรงเกื้อกูลเป็นแม่นมั่น แก่สัตว์โลกทั้งหลายทั่วหน้ากัน โดยไม่แบ่งชนชั้นของผู้คน
** พระพุทธองค์ตรัสว่าถูกต้องแล้ว เรายึดถือเป็นแนวไม่สับสน เพื่อสงเคราะห์เวไนยสัตว์พ้นอับจน ขจัดความหมองหม่นจากภายใน
** อสิพันธ์ถามว่าถ้าอย่างนั้น พระองค์ทรงเลือกสรรเหตุไฉน ไม่แสดงธรรมบางคนเพราะเหตุใด ข้าพระองค์ไม่เข้าใจในพระองค์
** พระพุทธองค์ตรัสว่าอสิพันธ์ ถ้าอย่างนั้นขอถามตามประสงค์ ใช่หรือไม่ ตอบได้ดังจำนง ตอบตรงตรงตามที่คิดพิจารณา
** ธรรมชาติของนาสามชนิด ตามแนวคิดมาตรฐานนานหนักหนา คือนาดีนาปานกลางอ้างกันมา ทั้งนาเลวที่ไร้ค่าพาล่มจม
** ท่านคิดว่าชาวนาควรหว่านไถ ในที่นาอย่างไรเป็นปฐม เพื่อได้ผลที่ดีน่าชื่นชม และเป็นที่นิยมของผู้คน
** นายบ้านจึงกราบทูลพระศาสดา คิดว่าพวกชาวนาในทุกหน คงหว่านไถในนาดีมิวกวน เพราะได้ผลคุ้มค่ากว่าแปลงใด
** พระศาสดาตรัสว่าถูกต้องแล้ว อันนาดีเปรียบดังแก้วที่สดใส เป็นสิ่งที่ต้องการของใครใคร เพราะทำไปย่อมได้ผลที่ดี
** อันตัวเราก็เหมือนกับชาวนา เลือกแสดงเทศนาให้ถูกที่ จึงเกิดผลประโยชน์ที่พึงมี ด้วยเหตุนี้จำเป็นต้องเลือกคน
** อสิพันธ์เข้าใจในอุบาย จึงมอบกายด้วยใจหวังเกิดผล เป็นอุบาสกในศาสนาจนวายชนม์ เพื่อหลีกพ้นกิเลสเหตุหมองมัว
** อานิสงส์การฟังธรรมนั้นดีเลิศ แสนประเสริฐหนักหนาละความชั่ว มีความสุขทุกข์ไกลไม่พันพัว หลงเกลือกกลั้วอบายให้อาดูร
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 19 มีนาคม, 2559, 02:33:38 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๒๖ การฟังธรรมตามกาล (กาเลน ธมฺมสฺสวนํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** การฟังธรรมตามกาลตามวาระ คือการฟังทุกวันพระน่าสรรเสริญ ทุกแปดค่ำสิบห้าค่ำอย่าหมางเมิน วันว่างว่างขอเชิญฟังธรรมกัน
** พระพุทธองค์ได้ตรัสพระวัจจนะ ทรงมุ่งผลธรรมะเพื่อสร้างสรรค์ มีอยู่สามประการคุณอนันต์ ขอจำนรรจ์เอ่ยอ้างสร้างศรัทธา
** ทรงมุ่งมั่นเพื่อประโยชน์ในโลกนี้ อีกยังมีประโยชน์ในโลกหน้า พร้อมทั้งสิ่งสำคัญติดตามมา คือหลุดพ้นจากตัณหามาแผ้วพาน
** ผู้มีธรรมะย่อมละซึ่งกิเลส อันเป็นเหตุหมองเศร้าเข้าเผาผลาญ ไม่เดือดร้อนใจกายให้ร้าวราน เพราะอานิสงส์ของการได้ฟังธรรม
** ผู้ฟังธรรมที่ดีมีดังนี้ เป็นผู้ที่มีเมตตาอย่าเหยียบย่ำ ไม่ดูหมิ่นผู้พูดให้ระกำ ไม่ดูหมิ่นเรื่องที่นำมาแสดง
** ฟังด้วยจิตสงบไม่ฟุ้งซ่าน ตรึกตรองตามด้วยดวงมานเสาะแสวง ไม่คิดว่าปัญญาน้อยคอยเคลือบแคลง การฟังธรรมเปรียบดังแสงส่องนำทาง
** การฟังธรรมเป็นมงคลเลิศล้นนัก จะประจักษ์เมื่อได้พบแสงสว่าง จิตใจย่อมผ่องใสไม่เลือนราง ความทุกข์จางสิ้นไปไม่ร้อนรน
** ทั้งบังเกิดความเห็นที่ถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรมเป็นกุศล บรรเทาความสงสัยในกมล ได้เรียนรู้เพื่อหลีกพ้นแหล่งอบาย
** ขอเชิญชวนมวลมิตรจิตหรรษา มาฟังธรรมเทศนาดังมั่นหมาย สำรวมจิตสำรวมใจไม่รู้คลาย จวบจนชีพวางวายสุขสำราญ
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง จะเทศนาต้องดูนิสัยคน ** กาลครั้งหนึ่งสมเด็จพระศาสดา ประทับใกล้นาลันทาอัครฐาน ปาวาริกะอัมพวันอันตระการ สนทนากับนายบ้านอสิพันธ์
** อสิพันธ์ถามว่าข้าแต่พระองค์ ท่านย่อมทรงเกื้อกูลเป็นแม่นมั่น แก่สัตว์โลกทั้งหลายทั่วหน้ากัน โดยไม่แบ่งชนชั้นของผู้คน
** พระพุทธองค์ตรัสว่าถูกต้องแล้ว เรายึดถือเป็นแนวไม่สับสน เพื่อสงเคราะห์เวไนยสัตว์พ้นอับจน ขจัดความหมองหม่นจากภายใน
** อสิพันธ์ถามว่าถ้าอย่างนั้น พระองค์ทรงเลือกสรรเหตุไฉน ไม่แสดงธรรมบางคนเพราะเหตุใด ข้าพระองค์ไม่เข้าใจในพระองค์
** พระพุทธองค์ตรัสว่าอสิพันธ์ ถ้าอย่างนั้นขอถามตามประสงค์ ใช่หรือไม่ ตอบได้ดังจำนง ตอบตรงตรงตามที่คิดพิจารณา
** ธรรมชาติของนาสามชนิด ตามแนวคิดมาตรฐานนานหนักหนา คือนาดีนาปานกลางอ้างกันมา ทั้งนาเลวที่ไร้ค่าพาล่มจม
** ท่านคิดว่าชาวนาควรหว่านไถ ในที่นาอย่างไรเป็นปฐม เพื่อได้ผลที่ดีน่าชื่นชม และเป็นที่นิยมของผู้คน
** นายบ้านจึงกราบทูลพระศาสดา คิดว่าพวกชาวนาในทุกหน คงหว่านไถในนาดีมิวกวน เพราะได้ผลคุ้มค่ากว่าแปลงใด
** พระศาสดาตรัสว่าถูกต้องแล้ว อันนาดีเปรียบดังแก้วที่สดใส เป็นสิ่งที่ต้องการของใครใคร เพราะทำไปย่อมได้ผลที่ดี
** อันตัวเราก็เหมือนกับชาวนา เลือกแสดงเทศนาให้ถูกที่ จึงเกิดผลประโยชน์ที่พึงมี ด้วยเหตุนี้จำเป็นต้องเลือกคน
** อสิพันธ์เข้าใจในอุบาย จึงมอบกายด้วยใจหวังเกิดผล เป็นอุบาสกในศาสนาจนวายชนม์ เพื่อหลีกพ้นกิเลสเหตุหมองมัว
** อานิสงส์การฟังธรรมนั้นดีเลิศ แสนประเสริฐหนักหนาละความชั่ว มีความสุขทุกข์ไกลไม่พันพัว หลงเกลือกกลั้วอบายให้อาดูร
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 19 มีนาคม, 2559, 02:46:01 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๒๗ ความอดทน (ขนฺตี จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** “ขันติ” แปลว่าความอดทน เป็นคุณธรรมเลิศล้นไม่เสื่อมสูญ ทำให้คนทุกคนสุขสมบูรณ์ อีกเพิ่มพูนความดีงามตามสมควร
** ขันตินี้แบ่งเป็นสี่ประเภท ตามลักษณะของเหตุเป็นส่วนส่วน จะขอกล่าวให้เข้าใจในกระบวน จึงเชิญชวนจงรับฟังอย่างตั้งใจ
** หนึ่งอดทนความลำบากความตรากตรำ ต้องระกำเหนื่อยยากก็ทนไหว หิวกระหายหนาวร้อนไม่เป็นไร ประกอบการงานไปสำเร็จพลัน
** สองอดทนต่อทุกข์เวทนา เมื่อถึงคราเจ็บไข้ไม่โศกศัลย์ ไม่ทุรนทุรายเป็นสำคัญ ถ้าอดทนจะสุขกันในบั้นปลาย
** สามอดทนความเจ็บใจไม่เดือดร้อน ใครขอดค่อนไม่ถือสาจะเสียหาย ใครด่าว่าช่างเขาเราสบาย คงไม่ตายเพราะนินทาอย่าร้อนรน
** อดทนต่อกิเลสเหตุเศร้าหมอง ไม่ใส่ใจใฝ่ปองอกุศล ละรักโลภโกรธหลงเป็นมงคล บังเกิดผลเป็นสุขทุกข์ห่างไกล
** สิ่งทำลายความอดทนให้ป่นปี้ ฟังให้ดีไม่ใช่เรื่องเหลวไหล มีโทสะความโกรธโปรดหลีกไป โลภะความอยากได้ร้ายพอกัน
** โกสัชชะเกียจคร้านงานทั้งหลาย ความมักง่ายเหี้ยมโหดโทษมหันต์ โมหะความลุ่มหลงมีโทษทัณฑ์ ใครตกเป็นท่าสมันต้องวอดวาย
** ความอดทนเป็นมงคลที่ยิ่งใหญ่ เป็นสาเหตุทำให้มีสหาย เป็นที่รักของมวลมิตรไม่เสื่อมคลาย ไม่หลงตายมีสติคอยตริตรอง
** สุคติเป็นที่ไปในวันหน้า อีกเวรภัยไม่มาคอยเกี่ยวข้อง มีความสุขปลอดภัยสมใจปอง บุญสนองสู่สวรรค์ชั้นวิมาน
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
ความโกรธเหมือนรอยขีด ** ภิกฺขเว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย (ภิกฺขเว อ่านว่า พิก-ขะ-เว) อันผู้คนมากมายมหาศาล ที่อาศัยในพื้นจักรวาล แบ่งได้สามประการพึงสังวร
** หนึ่งบุคคลเหมือนรอยขีดในหิน มีความโกรธนิจสินสุดถ่ายถอน ความโกรธนั้นฝังใจไม่คลายคลอน ถึงม้วยมรณ์ไม่เหือดหายคลายโกรธเลย
** เหมือนรอยขีดในหินย่อมลำบาก ลบแสนยากหนักหนาจะเฉลย น้ำจะเซาะลมจะพัดก็เฉยเมย ขอเปิดเผยไม่มีทางจะล้างมัน
** สองบุคคลเหมือนรอยขีดในดิน ย่อมลบเลือนสูญสิ้นดังใฝ่ฝัน กระแสน้ำหรือลมลบได้พลัน ไม่นานวันริ้วรอยจะน้อยลง
** เปรียบความโกรธของเหล่าชาวมนุษย์ ย่อมสินสุดหมดไปดังประสงค์ ไม่คงทนถาวรและยืนยง ดังรอยขีดไม่มั่นคงยืนยาวนาน
** สามบุคคลเหมือนรอยขีดในน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนถูกไฟเผาผลาญ ไร้ร่องรอยให้เห็นเพื่อประจาน ร่องรอยมีไม่นานเหมือนสิ่งใด
** บุคคลฆ่าอะไรได้ย่อมเป็นสุข ปราศจากทุกข์มีแต่ความสดใส ย่อมมีสุขทั้งร่างกายและจิตใจ โปรดจงไขปริศนาอย่าช้าที
** พระพุทธองค์กล่าวพระคาถา ใจความว่าฆ่าความโกรธโชติรัศมี นอนเป็นสุขทุกทิวาและราตรี ความโกรธนี้เป็นมลทินสิ้นกาลนาน
** ดูก่อนพราหมณ์พระอริยะย่อมสรรเสริญ ผู้เจริญวิปัสสนากัมมัฏฐาน ฆ่าความโกรธลงได้อย่างแหลกลาญ ไม่เศร้าโศกตลอดกาลนิจนิรันดร์
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง ความโกรธของราชสีห์คน ** ครานั้นพระพุทธองค์เสด็จมา ถึงกูฏาคาลศาลาริมไพรสัณฑ์ ณ ที่ป่าชื่อว่ามหาวัน เวสาลีนครันทรงพักกาย
** ทรงปรารภลูกชายช่างตัดผม ผู้ระทมอกหักรักสลาย เกิดน้อยใจขึ้นมาฆ่าตัวตาย เป็นเบื้องต้นสาธยายเรื่องผ่านมา
** ขอย้อนกลับนับกาลนานมาแล้ว โพธิสัตว์ผ่องแผ้วสุดหรรษา จุติเป็นราชสีห์ชื่นชีวา อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์
** สถิตในถ้ำทองกับน้องรัก มีความสุขยิ่งนักสมัครสมาน ต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกันมานาน พารื่นรมย์สำราญกว่าใครใคร
** มีน้องชายน้องสาวรวมเจ็ดตัว เป็นครอบครัวราชสีห์สมัยใหม่ มีหน้าที่รับผิดชอบแบ่งกันไว้ พี่พี่ให้น้องสาวเฝ้าถ้ำทอง
** พวกพี่พี่เป็นผู้หาอาหาร ให้น้องรับประทานไม่หม่นหมอง วันนี้พี่ออกป่าตามครรลอง เพื่อปากท้องน้องพี่ที่รักกัน
** ที่ใกล้ใกล้ถ้ำทองมีถ้ำแก้ว งามเพริดแพรวสวยดีมีสีสัน หมาจิ้งจอกอาศัยมานานวัน หวังผูกพันสิงห์สาวเฝ้าเคลียคลอ
** เมื่อสิงห์พี่ออกไปยังไพรพฤกษ์ จึงทำใจเหิมฮึกเข้าไปขอ ความรักจากราชสีห์มิรีรอ หวังพะนออิงแอบแนบกายา
** สาวน้อยเอ๋ยฟังวจีพี่จะกล่าว เราเป็นสัตว์สี่เท้าอย่าถือสา ว่าใครสูงใครต่ำในพสุธา จงยอมเป็นภรรยาข้าเถิดเอย
** นางสิงห์สาวผู้หยิ่งในศักดิ์ศรี ฟังพูดจาพาทีที่เฉลย น่าน้อยอกน้อยใจเสียจริงเอย มาภิเปรยหยามเหยียดน่าเกลียดจัง
** อยากจะฆ่าตัวตายเสียยิ่งนัก อ้ายจิ้งจอกมาบอกรักหวังฝากฝัง ช่างดูถูกเหยียดหยามเกินกำลัง แต่ต้องคิดยับยั้งรอพี่ชาย
** ฝ่ายจิ้งจอกเห็นนางไม่ตอบรับ หันหลังกลับถ้ำแก้วแพรวเฉิดฉาย เพื่อพำนักพักใจและพักกาย ตามสบายเคยเป็นเช่นก่อนมา
** ราชสีห์ทั้งหกเมื่ออิ่มแล้ว ก็คิดถึงน้องแก้วในคูหา ได้เนื้อสัตว์รีบพากันไคลคลา เพื่อไปพบกัลยาน้องสาวตน
** เมื่อมาถึงน้องสาวก็เล่าเรื่อง แสนขุ่นเคืองหนักหนาอุราหม่น ถามน้องสาวถึงที่อยู่หมาจอมซน ด้วยความโกรธเหลือล้นจะฆ่ามัน
** น้องสาวบอกว่าอยู่กลางแจ้ง ไม่เคลือบแคลงกระโจนไปด้วยโทสัน ถลาวิ่งจากถ้ำมิช้าพลัน ชนถ้ำแก้วแพรวพรรณคอหักตาย
** ตกตอนเย็นพี่ใหญ่ไม่รอช้า รีบกลับมาถ้ำทองผ่องเฉิดฉาย รู้เรื่องที่น้องสาวกล่าวบรรยาย ไม่งมงายเริ่มวิเคราะห์ให้เหมาะดี
** อันจิ้งจอกไม่ชอบอยู่กลางแจ้ง ต้องกำบังแอบแฝงอย่างถ้วยถี่ คงอยู่ในถ้ำแก้วกลางพงพี ใกล้ถ้ำทองเรานี้อย่างแน่นอน
** จึงมุ่งหน้าไปยังที่เชิงเขา เห็นศพเหล่าน้องชายให้ทอดถอน อยู่อยู่ต้องตายไปใจอาวรณ์ อกเร้ารอนโศกเศร้าร้าวดวงมาลย์
** คงเป็นเพราะขาดปัญญาชีวาสิ้น ต้องด่าวดิ้นชีวันสิ้นสังขาร ด้วยโมหะพาให้ต้องแหลกลาญ จึงกล่าวขานเป็นคาถามาเตือนใจ
** การงานย่อมจะเผาซึ่งบุคคล ผู้ร้อนรนไม่พิจารณาว่าเล็กใหญ่ หยาบละเอียดยากง่ายหรืออย่างไร รีบทำไปเพียงตัดความรำคาญ
** เปรียบของร้อนรีบใส่เข้าในปาก มันคงยากที่จะรู้รสคาวหวาน ถูกลวกเผารู้สึกทรมาน เหมือนทำงานขาดปัญญาพาให้พัง
** เมื่อกล่าวจบขึ้นไปที่ปากถ้ำ เพื่อตอกย้ำร้องคำรามตามที่หวัง เสียงกึกก้องกัมปนาทหวาดเสียวจัง ด้วยพลังเจ้าป่าหูตามัว
** ฝ่ายจิ้งจอกผวาพาใจหวั่น เสียงคำรามร้องลั่นดังไปทั่ว หัวใจวายตายไปด้วยความกลัว ใครทำชั่วได้ชั่วมาตอบแทน
** ราชสีห์กลับไปหาน้องสาว พูดปลอบใจยืดยาวด้วยห่วงแสน อย่าคิดมากอย่าหวั่นไหวไม่คลอนแคลน เราหวงแหนชีวิตไว้จะได้บุญ
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 19 มีนาคม, 2559, 02:56:13 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๒๘ เป็นผู้ว่าง่าย (โสวจสฺสตา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** คนว่านอนสอนง่ายนั้นดีนัก มีคนรักคนเมตตาบุญญาหนุน สถาพรก้าวหน้าชนการุณ มีผู้คอยค้ำจุนสุขสบาย
** คนว่าง่ายมีอยู่สองประเภท แบ่งตามเหตุสมควรต้องขวนขวาย หนึ่งต้องการอามิสที่มากมาย หนึ่งว่าง่ายเพราะอยากเป็นคนดี
** การทำตนเป็นคนที่ว่าง่าย คนทั้งหลายชื่นชมไม่ข่มขี่ มีลักษณะสามประการขอพาที ดังวจีที่จะเอ่ยเผยให้ฟัง
** หนึ่งรับคำสอนด้วยใจที่มุ่งหมาย น้อมใจกายนั่งนอนตามสอนสั่ง รับรู้แล้วปฏิบัติอย่างจริงจัง คอยระวังไม่เกลือกกลั้วมั่วสิ่งเลว
** สองรับทำความดีหนีสิ่งชั่ว ให้ห่างไกลไม่มั่วความแหลกเหลว ลดละเลิกอกุศลอย่างรวดเร็ว หนีจากเหวอบายตายทั้งเป็น
** สามรับรู้คุณของผู้ให้โอวาท มีโอกาสจะตอบแทนแม้แสนเข็ญ คิดถึงคุณที่มีทุกเช้าเย็น ชีวิตมิลำเค็ญเพราะน้ำใจ
** การว่านอนสอนง่ายเป็นมงคล จะมีผลแสนดีที่ยิ่งใหญ่ มีแต่ได้กับได้ไม่ว่าใคร เป็นกำไรที่สูงค่าน่านิยม
** การเป็นคนว่านอนและสอนง่าย เป็นมงคลมากหลายจะสุขสม เป็นความดีสูงค่าน่าชื่นชม จะรื่นรมย์สุขใจในบั้นปลาย
** มีจิตพร้อมสำหรับธรรมขั้นสูง เป็นที่รักของฝูงมิตรสหาย อีกทั้งผู้ใกล้ชิดอย่างมากมาย ชนทั้งหลายเมตตาและปรานี
** ได้รับรู้วิทยาศิลปะ ทั้งธัมโมธัมมะเป็นวิถี แห่งการเดินตามครรลองของชีวี สิ่งเหล่านี้ได้มาเพระไร
** เพราะว่านอนสอนง่ายไม่ใช่หรือ ผลมันคือความสุขใช่หรือไม่ ไม่เป็นคนกระด้างเหนืออื่นใด และยอมรับความจริงได้ทุกกรณี
** นับได้ว่าการสอนง่ายช่างดีล้น อุดมผลยิ่งนักในทุกที่ ละใฝ่ต่ำริษยากันเสียที ทั้งโอ้อวดตระหนี่คิดปิดบัง
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง พระราธเถระ ** เอกัง สะมะยัง สมัยหนึ่ง ตถาคตทรงรำพึงถึงเบื้องหลัง พระราธะเถระผู้ชรัง เมื่อคราวครั้งที่ท่านยังครองเรือน
** เคยเป็นพราหมณ์เข็ญใจอาศัยพระ เพื่อเลี้ยงดูอาตมะเพราะขาดเพื่อน ช่วยปัดกวาดพระวิหารไม่แชเชือน เปรียบเสมือนหน้าที่ตนอดทนทำ
** พระพุทธองค์ทอดพระเนตรอุปนิสัย พระอรหันต์ฉัตรชัยใจชื่นฉ่ำ ทรงพูดจากับพราหมณ์ด้วยน้ำคำ ที่น้อมนำให้สุขสันต์ในบั้นปลาย
** พระราธะจึงทูลว่าข้าฯ อยากบวช แต่คงชวดคิดไปแล้วใจหาย ไม่มีใครสงเคราะห์เพราะวุ่นวาย ข้าฯ คงตายจากไปในไม่นาน
** พระพุทธองค์ทรงให้ประชุมสงฆ์ เพื่อหาองค์อุปถัมภ์ค้ำประสาน ให้ราธะได้บวชตามต้องการ จึงตรัสถามทุกท่านโดยทันที
** ท่านผู้ใดคิดถึงอุปการะ ของท่านพราหมณ์ราธะบ้างไหมนี่ จะมีใครไหนบ้างหรือไม่มี โปรดจงเอ่ยวจีพจมาน
** ในครั้งนั้นพระอัครสาวก (อัครสาวก อ่านว่า อัก-คะ-ระ-สา-วก) ได้หยิบยกเรื่องราวมากล่าวขาน ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นประธาน ราธะท่านเคยให้ข้าวหนึ่งทัพพี
** แก่ตัวข้าพระองค์ในกาลก่อน คราวเมื่อตอนบิณฑบาตในกรุงศรี ในครั้งนั้นท่านพราหมณ์ฐานะดี บุญคุณนี้ข้าพระองค์ไม่ลืมเลย
** ถ้าอย่างนั้นดีล่ะสารีบุตร เป็นเรื่องดีที่สุดกล้าเปิดเผย รับภาระการบวชอย่าเฉยเมย เพื่อราธะที่เคยอุดหนุนมา
** ฝ่ายราธะพราหมณ์แก่แม้ได้บวช ไม่เย่อหยิ่งโอ้อวดริษยา มีขันติคารวะและศรัทธา มีเมตตาเป็นธรรมค้ำจุนตน
** เป็นคนที่ว่านอนและสอนง่าย น้อมใจกายเพื่อละอกุศล ยอมรับฟังคำแนะนำของทุกคน ครั้นไม่นานผ่านพ้นสุขโลกีย์
** ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ชั่วกัปกัลป์ไร้ทุกข์เป็นสุขี อาสวะสิ้นไปไกลราคี ความเศร้าหมองไม่มีช่างดีเกิน
** ครั้นเวลาผ่านไปในครั้งนั้น พวกภิกษุพากันกล่าวสรรเสริญ ว่าราธะอ่อนน้อมจึงจำเริญ ได้เพลิดเพลินในธรรมองค์สัมมา
** อีกทั้งพระสารีบุตรสุดประเสริฐ กตัญญูเป็นเลิศดีหนักหนา ประกอบกับกตเวทิตา ตอบคุณบูชาราธะพราหมณ์
** พระพุทธองค์ได้ตรัสพระวัจจนะ เป็นธรรมะจากโอษฐ์อย่ามองข้าม ผู้ใดเป็นบัณฑิตจงติดตาม พยายามคบหาสมาคม
** จงมองเห็นเช่นคนบอกขุมทรัพย์ ที่มีคุณคณานับไม่ทับถม ไม่มีโทษใดใดให้หมองตรม จะรื่นรมย์เพราะบัณฑิตนิจนิรันดร์
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 19 มีนาคม, 2559, 03:06:50 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๒๙ การเห็นสมณะ (สมนานญฺ จ ทสฺสนํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** สมณะแปลว่าความสงบ ซึ่งประสบทางสว่างที่สร้างสรรค์ สำรวมกายวาจาใจไม่ผูกพัน กับกิเลสนับอนันต์ในโลกา
** อันการเห็นคือการที่เคารพ เมื่อได้พบน้อมกายใจเข้าไปหา การบำรุงการระลึกด้วยศรัทธา ฟังวาจาแนะนำธรรมคุณ
** สมณะมีลักษณะต่อไปนี้ เป็นผู้ที่ไม่ว่าร้ายให้เคืองขุ่น ไม่เบียดเบียนผู้อื่นคอยค้ำจุน เป็นบรรพชิตจิตการุณอบอุ่นใจ
** รู้จักประมาณในปัจจัยสี่ ทั้งยินดีความสงัดวัตรยิ่งใหญ่ หมดกิเลสทั้งปวงสิ้นห่วงใย หนีความชั่วห่างไกลอย่างยืนยง
** เห็นสมณะควรจะนอบน้อมไหว้ นิมนต์ให้แสดงธรรมตามประสงค์ พึงถวายสิ่งของดังจำนง อุปถัมภ์มั่นคงด้วยศรัทธา
** อานิสงส์มากมีที่พึ่งได้ เกิดจากความสงบใจควรใฝ่หา ได้ทำบุญสร้างกุศลผลตามมา ทั้งชาตินี้ชาติหน้าชั่วกัปกัลป์
** ได้รับการอบรมและสั่งสอน ละนิวรณ์หลีกอบายหมายสวรรค์ ละความชั่วทำความดีชั่วชีวัน มีความสุขนิรันดร์ไม่สั่นคลอน
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง คุณธรรมอันทำให้เป็นสมณะ ** ในครั้งหนึ่งสมเด็จพระชินศรี ทรงเกิดมีพระประสงค์จะสั่งสอน ให้เหล่าพระภิกษุได้สังวร จะยืนเดินนั่งนอนต้องสำรวม
** จึงตรัสว่าพวกเธอเป็นสมณะ ต้องเป็นผู้สมถะไม่หละหลวม ทั้งหิริโอตตัปปะอย่ากำกวม (กำกวม = คลุมเครือ) เธอจงสวมหัวใจใส่ด้วยธรรม
** สมณะต้องเป็นผู้มีสัจจะ ยึดถือธรรมของสมณะจะคมขำ เราบอกแล้วพวกเธอต้องจดจำ เพื่อน้อมนำไปปฏิบัติตัดบ่วงมาร
** อันข้อความธรรมหมวดนี้ที่จะกล่าว คือเรื่องราวดีเด่นเป็นรากฐาน การประพฤติปฏิบัติมาช้านาน พวกเธอจงสืบสานให้ยืนยาว
** หนึ่ง “กายสมาจาร” การระวัง ไม่ให้กายพลาดพลั้งต้องอื้อฉาว จะรักษาให้บริสุทธิ์ประดุจดาว ที่ผ่องใสสุกสกาวไร้ราคิน
** ประพฤติตนเป็นคนที่เปิดเผย ไม่มีช่องใดเลยให้ติฉิน สำรวมกายไร้ตำหนิเป็นอาจิณ งามผ่องใสสูญสิ้นคำนินทา
** สอง “วจีสมาจารบริสุทธิ์” งามผ่องผุดกล่าวขานไม่มุสา ไม่ส่อเสียดไม่เพ้อเจ้อให้ระอา มีปิยวาจาชั่วฟ้าดิน
** สาม “มโนสมาจารบริสุทธิ์” ระวังใจประดุจไข่ในหิน ไม่ยกตนข่มท่านจะเคยชิน เกิดเป็นรอยมลทินสิ้นความอาย
** สี่ “อาชีวะบริสุทธิ์” ดุจผ้าขาว ที่ไม่เปื้อนราคีคาวงามเหลือหลาย การเลี้ยงชีพสุจริตไม่กล้ำกราย พาตัวห่างหนีหายการโกงกิน
** ห้า “สำรวมอินทรีย์หก” ไม่หมกมุ่น ไปติดในกามคุณจะถูกหมิ่น ถ้าเผอเรอศีลขาดธรรมพังภินท์ สติบินหนีไปไกลจากกาย
** ไม่ยินดียินร้ายให้ไหวหวั่น เมื่อตานั้นเห็นรูปงามเฉิดฉาย เมื่อหูได้ยินเสียงทั้งหญิงชาย ไม่งมงายสำรวมใจไว้เร็วพลัน
** จมูกได้รับกลิ่นทั้งเหม็นหอม ก็ไม่ยอมหวั่นไหวใจตั้งมั่น หรือลิ้นได้รับรสทั้งหวานมัน ไม่ผูกพันยินดีและปรีดา
** หก “รู้จักประมาณการบริโภค เพราะความหิวเป็นโรคต้องรักษา ด้วยอาหารที่เราหาได้มา แต่จงอย่าติดใจในรสเลย
** ทานอาหารเพื่อขจัดอาการหิว ไม่ใช่เพื่อประเทืองผิวขอเฉลย ไม่ใช่เพื่อมัวเมานะเธอเอย เพื่อพรหมจรรย์ขอเอ่ยจงจดจำ
** เจ็ด “ประกอบความเพียรอยู่เสมอ” ไม่เลยละเผอเรอจนระส่ำ ไม่เห็นแก่หลับนอนให้ระกำ เพียรบำเพ็ญสมณะธรรมอยู่ร่ำไป
** แปด “มีสติสัมปชัญญะ” เป็นธรรมมีอุปการะที่ยิ่งใหญ่ ระลึกได้ว่าเคยทำซึ่งสิ่งใด รู้สึกตัวว่าอะไรกำลังทำ
** เก้า ”อยู่ในเสนาสนะอันสงัด” เพื่อขจัดกิเลสที่กระหน่ำ มีนิวรณ์ทั้งห้าพาชอกช้ำ ละเสียได้จะนำความสุขมา
** ใจบริสุทธิ์ผ่องใสไม่เศร้าหมอง ดุจนำโซ่ที่คล้องนานหนักหนา ออกจากคอทรมานทุกเวลา รู้สึกเบากายาหาใดปาน
** ละนิวรณ์ได้แล้วผ่องแผ้วยิ่ง เป็นความสุขแท้จริงขอกล่าวขาน ทำฌานสี่ให้เกิดทุกประการ ถึงอาสวักชยยานสำเร็จพลัน (อาสวักขยญาณ = อา-สะ-วัก-ขะ-ยะ-ยาน)
** หมดตัณหาสิ้นกิเลสเหตุแห่งทุกข์ พบความสุขได้ชื่อว่าพระอรหันต์ นี่แหละธรรมที่สมณะประพฤติกัน สุขนิรันดร์นั่นหรือคือนิพพาน
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 19 มีนาคม, 2559, 03:18:21 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๓๐ การสนทนาธรรมตามกาล (กาเลน ธมฺมสฺสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** สนทนาธรรมตามกาลบันดาลให้ เพิ่มความรู้ความเข้าใจให้ไพศาล เรื่องไม่รู้จะได้รู้อย่างเบิกบาน ไม่หดหู่ฟุ้งซ่านจนร้อนรน
** หลักการสนทนาธรรมจำเอาไว้ แบ่งออกได้สามชนิดจิตกุศล จะได้บุญจุนเจือเป็นมงคล มีสุขล้นเพลิดเพลินเกินพรรณนา
** หนึ่ง “สนทนาในธรรม” คำของพระ เรื่องที่จะพูดคุยหรือปรึกษา จะต้องเกี่ยวกับธรรมของศาสดา จึงสมควรนำพามาจำนรรจ์
** สอง “สนทนาด้วยธรรม” จำเถิดหนา ผู้ที่จะพูดจามีธรรมมั่น เช่นสัมมาคารวะสร้างสัมพันธ์ กราบไหว้กันตามฐานะจะอำนวย
** สาม “สนทนาเพื่อธรรม” นำมาใช้ เพื่อจะได้สุขใจเพราะธรรมช่วย จะศึกษาเรียนรู้ไม่งงงวย พ้นความซวยด้วยธรรมช่วยนำทาง
** เรื่องที่ควรสนทนานำมากล่าว เป็นเรื่องราวของธรรมะเพื่อสะสาง ทั้งกิเลสและตัณหาให้จืดจาง จะพบทางสว่างอย่างแน่นอน
** หนึ่ง “คุยกันในเรื่องความมักน้อย” เพื่อปลดปล่อยความอยากได้ให้ถ่ายถอน ทั้งเอารัดเอาเปรียบก็แคลนคลอน ต้องม้วยมรณ์เพราะมักน้อยคอยกีดกัน
** สอง “คุยกันในเรื่องความสันโดษ” เพราะฟุ้งเฟ้อมีโทษอย่างมหันต์ ไม่ดิ้นรนอยากได้ทรัพย์อนันต์ ใช้ชีวิตประจำวันแบบพอดี
** สาม “คุยกันในเรื่องความสงัด” เพื่อขจัดอกุศลหม่นหมองศรี ความสงบเป็นบ่อเกิดบารมี หนทางชี้พ้นอบายคลายกังวล
** สี่ “คุยกันในเรื่องไม่คลุกคลี” เป็นวิธีให้เกิดบรรลุผล คลุกคลีกันจะทำให้วกวน โลภโกรธหลงที่ร้อนรนจะตามมา
** ห้า “คุยกันในเรื่องทำความเพียร” เพื่อขจัดสิ่งเบียดเบียนคือตัณหา และกิเลสทั้งปวงในโลกา ให้เบาบางร้างราลดน้อยลง
** หก “คุยกันในเรื่องรักษาศีล” ไม่ต้องปีนต้นงิ้วดังประสงค์ พ้นนรกทุกขุมเมื่อปลดปลง ศีลมั่นคงอบายอย่าหมายเลย
** เจ็ด “คุยกันในเรื่องสมาธิ” ตั้งจิตมั่นมีสติอย่านิ่งเฉย ประพฤติธรรมภาวนาอย่าเฉยเมย ให้คุ้นเคยเป็นนิสัยไปชั่วกาล
** แปด “คุยกันในเรื่องของปัญญา” เพื่อนำพาให้รอบรู้กัมมัฏฐาน โลกธรรมวิปัสสนาญาณ ได้พบพานความจริงสิ่งไม่ตาย
** เก้า “คุยกันในเรื่องของวิมุตติ” ใจผ่องผุดสมหวังดังจันทร์ฉาย สิ้นตัณหาไร้กิเลสเหตุวุ่นวาย เมื่อหลุดพ้นสบายทั้งกายใจ
** สิบ “คือเรื่องภาวะการพ้นทุกข์” ใจเกษมคือสุขที่ยิ่งใหญ่ ปราศจากมลทินสิ้นเยื่อใย ละโลกไปสุคติมีแน่นอน
** การพูดคุยเป็นเบื้องต้นพ้นอาสวะ แต่ผลจะบังเกิดด้วยการถอน ทั้งกิเลสทั้งตัณหาและนิวรณ์ ปฏิบัติไม่ขาดตอนมองเห็นธรรม
** สนทนาธรรมเป็นมงคลผลที่ได้ จะทำให้จิตผ่องใสใจอิ่มหนำ ขจัดข้อสงสัยใจน้อมนำ ไม่ให้หลงในทางต่ำจิตสำราญ
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
ทางเสื่อม – ทางเจริญ ** ในสมัยที่องค์พระศาสดา เสด็จมาเชตวันพระวิหาร สาวัตถีพาราทรงเบิกบาน ท่ามกลางบริวารของพระองค์
** ในครั้งนั้นเมื่อล่วงปฐมยาม เทวดารูปงามร่างระหง มาเข้าเฝ้าด้วยเหตุเจตจำนง เพื่อเจาะจงถามปัญหาพระภูมี
** บังคมแล้วยืนในที่อันควร ซึ่งเป็นส่วนที่เหมาะสมก้มเกศี ประณมมือขึ้นทำอัญชลี บังคมแล้วเอ่ยวจีทูลถามมา
** ภนฺเต ข้าแต่ท่านผู้เจริญ (ภนฺเต อ่านว่า พัน-เต) ตัวข้าน้อยบังเอิญมีปัญหา จึงใคร่ที่จะขอความเมตตา โปรดทรงวิสัชนาตามเห็นควร
** อะไรที่เป็นทางของคนเสื่อม ซึ่งจะเชื่อมสู่อบายได้หลายส่วน อีกทั้งความเจริญไม่เรรวน โปรดใคร่ครวญสงเคราะห์ตามเหมาะเทอญ
** พระพุทธองค์ได้ตรัสถึงสาเหตุ แยกประเภทด้วยลีลาดังหงส์เหิน เหล่าพุทธบริษัทฟังกันเพลิน ใคร่ชวนเชิญมวลประชามาฟังกัน
** คนจะเสื่อมเพราะประมาทขาดธรรมะ ทั้งทอดทิ้งธุระละเรื่องขันธ์ ไม่สำรวมอินทรีย์ทุกวี่วัน ขอจำนรรจ์สาธกยกถ้อยคำ
** “ผู้ชังธรรม ผู้รู้ชั่ว” พามัวหมอง เป็นครรลองของอบายหมายกระหน่ำ ความเสื่อมทรามถามหาพาระกำ ต้องชอกช้ำทุกข์โหมโทรมใจกาย
** ชอบใจธรรมของอสัตบุรุษ” จะยื้อยุดปัญญาพาเสียหาย ความชั่วร้ายจะคลอบคลุมซุ่มทำลาย ความสุขหายกิเลสหนาพาร้อนรน
** “คนชอบนอนเกียจคร้านและโกรธง่าย” ตกเป็นเหยื่อแพ้พ่ายให้หมองหม่น อกุศลกรรมนำพาให้อับจน เกิดเป็นคนมีธรรมะจะรุ่งเรือง
** “ไม่เลี้ยงบิดามารดา” ชั่วช้านัก ไม่คิดถึงความรักอันฟูเฟื่อง ที่มอบให้ทั้งชีวิตจิตประเทือง ทั้งสิ้นเปลืองข้าวปลาหาให้กิน
** “คนที่ลวงสมณะ” มุสาวาท ทำลายปราชญ์รอบรู้ผู้ทรงศีล การพูดปดตกนรกเป็นอาจิณ มีมลทินติดกายจนวายปราณ
** “ผู้ตระหนี่” ไม่มีมิตรสหาย เหมือนทำลายทางชีวิตติดสงสาร ความตระหนี่คือพิษจิตเป็นพาล ละสันดานตระหนี่เถิดสุขเกิดมา
** “นักเลงหญิงหรือสุรา” จะพาวุ่น มีความทุกข์เป็นทุนเศร้าหนักหนา เสียทรัพย์สินเงินทองหมองอุรา สิ้นชีวาไฟนรกหมกไหม้ตัว
** “ไม่พอใจในภรรยาสามีตน” เที่ยวซุกซนกับใครใครเขาไปทั่ว หลงระเริงลูกเมียเขาเพราะเมามัว เดินทางผิดจึงชั่วสร้างกรรมเวร
** “เป็นคนทะยานอยากมากตัณหา” คือเหตุพาอับอายชั่วหลานเหลน ใช้ชีวิตในทางเสื่อมไร้กฎเกณฑ์ นับเป็นเดนสังคมจมโลกันต์
** ส่วนข้อธรรมตรงกันข้ามตามที่กล่าว เป็นเรื่องราวทางเจริญเดินสู่ฝัน ที่ยิ่งใหญ่ในโลกาค่าอนันต์ มีสวรรค์เป็นแดนเกิดเลิศธาตรี
** ผู้รู้ดีมีบัณฑิตเป็นที่รัก มีความเพียรยิ่งนักขมันขมี เลี้ยงบิดามารดาเป็นอย่างดี มีปิยะวจีเป็นพลัง
** มีจิตใจเอื้อเฟื้อและเผื่อแผ่ ไม่ท้อแท้หยิ่งยโสหรือโอหัง รักสันโดษมักน้อยอย่างจริงจัง ปลูกสำนึกให้ฝังอย่างมั่นคง
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 19 มีนาคม, 2559, 04:59:27 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๓๑ การบำเพ็ญตบะ (ตโป จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** “ตปะ” แปลว่าการเผาบาป กรรมที่หยาบให้หมดไปไม่ไหลหลง ทำให้ใจบริสุทธิ์ด้วยการปลง ปล่อยวางลงจะสว่างห่างอบาย
** ความหมายของการบำเพ็ญตบะ คือการใช้ธรรมะเผาสลาย ซึ่งกิเลสเหตุพาให้วุ่นวาย กิเลสสิ้นทุกข์คลายสบายใจ
** ตบะธรรมในพุทธศาสนา ขอยกมาให้รู้แจ้งแถลงไข เป็นแนวทางปฏิบัติขจัดไฟ ที่เผาไหม้ในอุรามานานครัน
** คือ “อินทรีย์สังวร” อ้อนเฉลย ขอเปิดเผยสิ่งจะมารังสรรค์ ช่วยประหารอภิชฌามาโรมรัน คอยฟาดฟันทำลายให้ร้อนรน
** “อาตาปี” คือความเพียรและมุ่งมั่น ช่างขยันทำงานไม่หมองหม่น คอยกำจัดความเกียจคร้านให้อับจน ชีวิตไม่มืดมนและหมองมัว
** “ขันติ” ความอดทนเพื่อพ้นทุกข์ เมื่อผลสุกจะสลายซึ่งความชั่ว คือย่อท้ออ่อนแอและความกลัว ปิดรอยรั่วของใจที่ไหวเอน
** ธุดงค์วัตร” จะขัดเกลากิเลส ซื่งเป็นเหตุมักมากอยากดังเด่น ธุดงค์จะทำให้ไม่เหลือเดน จะป้องกันกรรมเวรให้ห่างไกล
** “ศีล” รักษาซึ่งกายและวาจา ให้สงบดูสง่าและสดใส อีกหมดจดจากทุจริตผ่องอำไพ อกุศลใดใดไม่เกี่ยวพัน
** “สมาธิ” ความตั้งมั่นแห่งดวงจิต จะพิชิตนิวรณ์ห้ามาขวางกั้น ไม่ให้บรรลุความดีนิจนิรันดร์ ตกนรกปิดสวรรค์และนิพพาน
** “วิปัสสนาปัญญา” ความรู้รอบ ส่วนประกอบที่สำคัญของสังขาร มีเกิดแก่เจ็บตายไปตามกาล จะเผาผลาญความเห็นเป็นอัตตา
** การบำเพ็ญตบะมีอานิสงส์ ให้มั่นคงในพุทธศาสนา ป้องกันบาปและกำจัดบาปนานา บรรลุฌานสิ้นตัณหามาครอบงำ
** พร้อมทำให้รู้แจ้งอริยสัจ เป็นธรรมะปรมัตถ์อันดื่มด่ำ จะทำลายความทุกข์ความระกำ ที่ล่วงล้ำจิตใจผู้ใฝ่ดี (http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
เรื่อง การบำเพ็ญตบะ ** เมื่อครั้งพระพุทธองค์ได้ประทับ ณ ที่บรรพตาพาสุขี ชื่อภูเขาคิชฌกูฏขุนคีรี ราชคฤห์ธานีที่งดงาม
** สันธานคหบดีมีศรัทธา ได้มุ่งหน้าไปเฝ้าเพื่อทูลถาม ข้อสงสัยในธรรมที่ลุกลาม เพื่อลดความร้อนรนกระวนกระวาย
** เมื่อเดินถึงปริพาชการาม ของนิโครธผู้ลือนามกับสหาย ร่วมประชุมคุยกันอย่างมากมาย จึงแวะเข้าทักทายเชื่อมไมตรี
** พวกนิโครธต่างสรวลเสและเฮฮา คำพูดจาชวนให้น่าบัดสี หาสาระสักนิดก็ไม่มี เห็นสันธานคหบดีหยุดคุยกัน
** สันธานจึงได้เอ่ยเผยวจี ปริพาชกนี้ช่างขยัน พูดคุยไร้สาระทุกวี่วัน เสียงดังลั่นโวยวายคล้ายคนพาล
** ส่วนองค์สมเด็จพระโคดม น่าชื่นชมชอบสงบได้ประสาน ความสงัดวิเวกเป็นประธาน เป็นความสุขสำราญของพระองค์
** นิโครธปริพาชกจึงกล่าวว่า พระศาสดาทรงมีจุดประสงค์ จะหลบหลีกผู้คนอย่างเจาะจง เพราะท่านคงไร้ปัญญามาพูดคุย
** ถ้าพระองค์ทรงอยู่ในที่นี่ จะต้อนให้หัวหมุนจี๋จนหลุดลุ่ย เหมือนหม้อเปล่าถูกหมุนจนกระจุย เราจะลุยจนพระองค์ทรงเหนื่อยแรง
** พระพุทธองค์ทรงสดับสนทนา ด้วยทิพย์โสตอภิญญาไม่หน่ายแหนง รู้เรื่องราวทั้งหมดไม่เคลือบแคลง อยากแสดงให้เห็นความเป็นจริง
** จึงเสด็จมาจงกรมริมสระน้ำ ที่งามล้ำสดใสไปทุกสิ่ง ชื่อสุมาคธาน่าพักพิง ทั้งค่างลิงสัตว์นานาระเริงไพร
** นิโครธได้มองเห็นจึงสั่งศิษย์ เลิกคุยโววิปริตเรื่องเหลวไหล พระพุทธองค์จึงได้ทรงคลาไคล เสด็จไปที่ประชุมกลุ่มสัมพันธ์
** สมเด็จพระพุทธองค์ได้ตรัสถาม ถึงเนื้อความที่ปรึกษาเฮฮาลั่น นิโครธจึงเล่าถวายไปโดยพลัน ทุกถ้อยคำที่จำนรรจ์กับบริวาร
** ปริพาชกทูลถามซึ่งปัญหา กับสมเด็จพระศาสดาอย่างอาจหาญ ว่าทรงสอนสาวกให้เบิกบาน ในพรหมจรรย์อันโอฬารด้วยธรรมใด
** พระองค์จึงได้ตรัสพระวัจจนะ ว่าธรรมะที่สอนนั้นยิ่งใหญ่ แม้เราบอกพวกท่านไม่เข้าใจ เพราะลัทธิต่างไปคนละทาง
** เรามาคุยในเรื่องที่ท่านรู้ เราคิดดูเหมาะสมกันทุกอย่าง เพราะท่านรู้ท่านเข้าใจไม่ระคาง จะได้ไม่ต้องอ้างถูกรังแก
** อันพวกเราพอใจรังเกียจบาป บำเพ็ญตบะเพื่อปราบสิ้นกระแส จึงอยากทราบความคิดเห็นที่แน่แท้ อย่างไรแน่สมบูรณ์ไม่สมบูรณ์
** พระพุทธองค์ตรัสว่าฟังนะท่าน อันว่าการล้างบาปให้สิ้นสูญ เป็นสิ่งที่ประเสริฐเจิดจำรูญ จะเพิ่มพูนซึ่งบุญอันสุนทร
** ตบะที่พวกท่านนั้นบำเพ็ญ ไม่ว่าเป็นเปลือยกายให้ล่อนจ้อน ไร้มารยาทเลียมือเฝ้าอ้อนวอน ให้คนจรสนใจใคร่ศรัทธา
** ไม่กินเนื้อไม่กินปลาอดอาหาร ทรมานนอนบนหนามให้กังขา ในบรรดาตบะที่กล่าวมา ท่านคิดว่าสมบูรณ์แล้วหรือยัง
** ฝ่ายนิโครธตอบว่าสมบูรณ์แล้ว เพราะเป็นแนวรังเกียจบาปที่ฉมัง แต่เราว่ายังบกพร่องโปรดจงฟัง ท่านจงนั่งเราจะอรรถาธิบาย
** พระพุทธองค์ทรงกล่าวเป็นข้อข้อ ครั้นบำเพ็ญไม่ทำต่อเพราะเบื่อหน่าย จึงยึดมั่นตบะละใจกาย เพราะมั่นหมายว่าสำเร็จตามต้องการ
** ยกตนข่มผู้อื่นเพราะหลงผิด มัวหลงคิดมัวเมาเป็นกิ่งก้าน ติดในลาภสักการะเป็นสันดาน ติดรสชาติอาหารจนเมามัว
** บำเพ็ญตบะเพียงให้คนเคารพ แล้วประจบเอาหน้าพายิ้มหัว คอยรุกรานสมณะให้เกรงกลัว กล่าวโอ้อวดไปทั่วตบะเรา
** ไม่ยอมรับในเรื่องที่ควรรับ มักผูกโกรธประกอบกับความโง่เขลา ลบหลู่คุณถือตัวจัดไม่ขัดเกลา ยึดถือเอาความตระหนี่มีมายา
** นิโครธเอ๋ยสิ่งที่เรากล่าวมานี้ ตัวบ่งชี้อุปกิเลสเหตุปัญหา ของผู้บำเพ็ญตบะในโลกา ที่เรียกว่าความเศร้าหมองใช่หรือไร
** ฝ่ายนิโครธฟังจบสงบนิ่ง ก้มหน้ารับความจริงว่าใช่ใช่ บางคนมีอุปกิเลสทุกอย่างไป แล้วแต่ใครจะฝึกฝนให้พ้นมัน
** ดูกรนิโครธโปรดฟังเถิด (ดูกร=คำทักทาย อ่าน ดู-กะ-ระ) จะได้เกิดความเข้าใจไม่ไหวหวั่น ยึดตบะแต่บริสุทธิ์มีเหมือนกัน อุปกิเลสไม่มีวันเศร้าหมองเลย
** เช่นสาวกของเราเป็นตัวอย่าง มีสังวรคอยขัดขวางขอเปิดเผย ได้แก่ความระวังจนคุ้นเคย ความเศร้าหมองถูกสังเวยด้วยคุณธรรม
** สังวรสี่มีฤทธามหาศาล กำจัดมารทำหน้าที่อุปถัมภ์ แก่ผู้บำเพ็ญตบะเป็นประจำ ได้ชื่นฉ่ำบริสุทธิ์ดุจเดือนเพ็ญ
** หนึ่ง “งดเว้นจากการฆ่าหมู่สัตว์ เที่ยวประหัตประหารเป็นของเล่น ไม่ดีใจเมื่อผู้อื่นต้องลำเค็ญ ทุกข์ทรมานแสนเข็ญทั้งใจกาย
** สอง “ไม่ลักทรัพย์หรือใช้ให้ลักทรัพย์” เป็นการทำที่นับว่าเสียหาย ไม่ยินดีพฤติกรรมน่าอับอาย ผิดศีลธรรมอย่างเลวร้ายในสังคม
** สาม “ไม่พูดปดหรือใช้ให้พูดปด” พูดเพ้อเจ้อจะรันทดพาขื่นขม ตกนรกอบายให้โศกตรม เว้นเสียได้น่าชื่นชมสุขกายใจ
** สี่ “ไม่เสพกามหรือใช้ให้เสพกาม” ดูไม่งามจะหมกมุ่นและฝันใฝ่ อยู่ในกามตัณหาอยู่ร่ำไป เป็นสาเหตุทำให้เกิดมลทิน
** เมื่อเกิดมีสังวรทั้งสี่แล้ว ดวงจิตจะผ่องแผ้วเป็นนิจสิน พึงเสพความสงัดอยู่อาจิณ ชำระจิตตัดสิ้นจากนิวรณ์
** จิตสงบตั้งอยู่ในพรหมวิหาร ครบทั้งสี่ประการไม่ทอดถอน คือเมตตากรุณาครบวงจร และคำสอนอุเบกขามุทิตา
** ธรรมเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคำสอน เป็นขั้นตอนเริ่มต้นแสวงหา โมกขธรรมอันล้ำเลิศของศาสดา สอนสาวกเรื่อยมาทั่วหน้ากัน
** ธรรมเหล่านี้ที่เราใช้สอนสั่ง ให้สาวกลุกนั่งหฤหรรษ์ ทุกคนจึงสดใสในพรหมจรรย์ มีคืนวันล่วงไปอิ่มในบุญ
** ถึงตอนนี้สันธานได้ไต่ถาม ที่นิโครธลวนลามให้เคืองขุ่น ว่าพระพุทธองค์ไร้ปัญญามาเจือจุน จะแกล้งให้หัวหมุนจนเสียคน
** นิโครธได้ประจักษ์อย่างแน่วแน่ พุทธองค์เป็นเพชรแท้ไม่มัวหม่น ทรงเลิศด้วยปัญญาในสากล ผู้หลีกพ้นสังสารวัฏตัดบ่วงมาร (สังสารวัฏ อ่านว่า สัง-สา-ระ-วัด)
** จึงได้เอ่ยวาจาขมาโทษ ขอจงโปรดอโหสิที่กล่าวขาน ได้ล่วงเกินเพราะความโง่ดักดาน ขอพระองค์ทรงประทานความเมตตา
** พระพุทธองค์ตรัสว่าช่างมันเถิด เรื่องที่เกิดผ่านไปไม่ถือสา จงลืมมันเถอะนะอย่านำพา แล้วเสด็จไคลคลาไม่ช้าพลัน
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 20 มีนาคม, 2559, 08:39:13 AM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๓๒ การประพฤติพรหมจรรย์ (พรฺหฺมจริยญฺจ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** พรหมจรรย์คือความประพฤติอันประเสริฐ เป็นแดนเกิดของพรหมในสวรรค์ คือความดีน่าสรรเสริญเกินจำนรรจ์ และหนทางสร้างสวรรค์สู่นิพพาน
** พรหมจรรย์นั้นมีความหมายว่า ปรมัตถโชติกาได้กล่าวขาน ขุททกนิกายคือตำนาน มีอยู่สี่ประการโปรดจงฟัง
** หนึ่ง “เมถุนวิรัติ” จัดว่างาม เว้นจากการเสพกามอย่างขึงขัง แม้ภรรยาของตนอย่างจีรัง ไม่อินังในกลกามโลกีย์
** สอง “สมณธรรม” เป็นธรรมที่สดใส เหมืออื่นใดคือคำสอนพระชินศรี ปฏิบัติธรรมสมณะไร้ราคี เจริญกัมมัฏฐานนั่นดีไม่ขุ่นมัว
**สาม “ศาสนา” คือคำสอนพระพุทธองค์ ปฏิบัติตรงปฏิบัติดีหนีความชั่ว จิตผ่องใสใจสงบค้นพบตัว กิเลสที่พันพัวถูกฆ่าพลัน
** สี่ “อริยมรรค” คือหนทางที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเดินไปสู่นิพพานอันสุขสันต์ ความเห็นชอบดำริชอบคุณอนันต์ อรหันต์สุดท้ายพึงหมายปอง
** ส่วนในมังคลัตถทีปนี กล่าวว่ามีสิบข้อขอสนอง เป็นความรู้เสริมศรัทธาให้เรืองรอง พรหมจรรย์ไม่บกพร่องจนเสียการ
** “ทาน” คือการเสียสละและแบ่งปัน เพื่อมนุษย์ด้วยกันเพราะสงสาร ทั้งสิ่งของความรู้มาเจือจาน ให้อภัยเป็นทานด้วยเมตตา
** “เวยยาวัจจะ” คือการขวนขวาย ทำประโยชน์หลากหลายไม่กังขา ให้บังเกิดแก่ผู้อื่นด้วยเจตนา เพื่อสังคมล้ำค่าทุกข์ไม่มี
** “เบญจศีล” ตั้งอยู่ในศีลห้า จะควบคุมกายวาจาให้ถ้วนถี่ ไม่ลักทรัพย์ฆ่าสัตว์ตัดชีวี ไม่เบียดเบียนด้วยวจีให้ร้อนรน
** “อัปปมัญญา” แผ่เมตตาแก่หมู่สัตว์ ในสังสารวัฏทุกแห่งหน ไม่จำเพาะเจาะจงตัวบุคคล แบ่งส่วนบุญและกุศลด้วยเต็มใจ
** “สทารสันโดษ” โปรดเมียตน พอใจไม่ดิ้นรนไปมีใหม่ มีรักเดียวใจเดียวตลอดไป ไม่เยื่อใยใฝ่หามาครอบครอง
** เมถุนวิรัติ” เว้นจากเสพเมถุน กามคุณจะทำให้เศร้าหมอง อย่าเอาแต่สนุกควรไตร่ตรอง เพราะผลของสนุกจะทุกข์นาน
** “วิริยะ” ทำความเพียรชำระบาป ที่แสนหยาบชั่วช้ามาเผาผลาญ ให้ใจใสสะอาดตลอดกาล อกุศลวายปราณจบสิ้นลง
** “อุโบสถ” รักษาศีลอุโบสถ ที่กำหนดข้อห้ามปรามโลภหลง ให้มีกายวาจามั่นดำรง อยู่ในองค์ความดีที่ยงยืน
** อริยมรรค” คือแนวทางที่ใหญ่ยิ่ง เป็นความจริงเพื่อหลุดพ้นอันราบรื่น คือการเดินสายกลางไม่หวนคืน สุขอื่นอื่นเทียบไม่ได้หาไม่มี
** “ศาสนา” คือปฏิบัติธรรมทุกข้อ ไม่ย่อท้อตั้งมั่นเพื่อสุขี ปฏิบัติตามคำสอนองค์ภูมี ไม่ให้ทุกข์ย่ำยีจงตริตรอง
** ทั้งหมดนี้ข้าศึกพรหมจรรย์ ที่ห้ำหั่นทำให้ใจเศร้าหมอง สามประการสำคัญหมั่นยึดครอง คอยจ้องมองทำลายให้ยับเยิน
** “กามตัณหา” คือความทะยานอยาก เกิดยินดีมักมากต่อสรรเสริญ ทั้งรูปเสียงกลิ่นรสจนเพลิดเพลิน หลงมัวเดินในวังวนจนหลงทาง
** “ปมาทะ” ประมาทในวัยเวลา ด้วยคิดว่ายังหนุ่มสาวราวฟ้าสาง ยังอีกนานชีวิตจึงวายวาง บุญกุศลไม่สร้างปล่อยว่างฟรี
** “โกธะ” ความขัดเคืองและอึดอัด ที่ต้องถูกจำกัดเฉพาะที่ ให้อยู่แต่ในกรอบของความดี สุดแสนที่จะรำคาญบ่นพึมพำ
** จงฟังก่อนเถิดภิกษุทั้งหลาย มีมนุษย์มากมายที่ถลำ ปล่อยให้อวิชชาเข้าครอบงำ ดังม่านดำบังตาให้มืดมน
** เห็นสิ่งที่ไม่ดีว่าเป็นดี ปัญญามีเหมือนไม่มีขาดเหตุผล เสมือนทารกน้อยที่ซุกซน หลงเข้าป่าผจญอันตราย
** อันมนุษย์ในโลกของเราไซร้ ดูร่าเริงสดใสมีความหมาย แต่ส่วนลึกของใจแสนวุ่นวาย ว้าเหว่และเดียวดายสักปานใด
** ถ้าหากว่าว้าเหว่ในชีวิต ไม่มีสิ่งจะยึดติดเป็นหลักให้ เหมือนไม้หลักปักเลนที่เอนไกว เป็นที่พึ่งไม่ได้โปรดจงฟัง
** ธรรมคือสิ่งสำคัญมากที่สุด ในชีวิตมนุษย์สุดจะหยั่ง จะเพศใดภาวะใดมั่นจิรัง ประดุจดังเกราะหุ้มคุ้มกันภัย
** แม้ว่าจะประสบความทุกข์ยาก จะลำบากหมดสิ้นที่อาศัย ไม่ทิ้งธรรมทิ้งคำสอนหมดอาลัย ทุกเพศและทุกวัยจงจดจำ
** พรหมจรรย์เป็นมงคลที่ดลให้ เมื่อตายไปก็เกิดในสวรรค์ เป็นปัจจัยเพื่อบรรลุธรรมสำคัญ อนาคตปัจจุบันตลอดกาล
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 20 มีนาคม, 2559, 08:39:28 AM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๓๓ การเห็นอริยสัจ (อริยสจฺจาน ทสฺสนํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** “อริยสัจ” เป็นปรมัตถ์ธรรมชั้นสูง เครื่องลากจูงมีค่ามหาศาล คือสภาวะเป็นจริงอันยาวนาน จะกล่าวขานพอเข้าใจในเนื้อความ
** การเห็นอริยสัจต้องใช้ญาณ มีทั้งหมดมาประสานรวมเป็นสาม จงตั้งใจเรียนรู้อย่าวู่วาม จะรู้เห็นเป็นไปตามกฎความจริง
** “สัจจญาณ” รู้ความจริงอริยสัจ อย่างเด่นชัดแต่ละข้อหมดทุกสิ่ง เช่นรู้ว่ามีทุกข์คอยพักพิง จะเดือดร้อนอย่างยิ่งเมื่อทุกข์มา
** “กิจจญาณ” รู้หน้าที่จะพึงทำ ควรเว้นควรน้อมนำควรใฝ่หา กำหนดรู้เรื่องทุกข์ทุกเวลา รู้แจ้งนิโรธพาให้สุขใจ
** “กตญาณ” รู้ว่ากิจเหล่านั้น ได้ทำมันให้สำเร็จดังฝันใฝ่ พยายามทำตามขั้นตอนลุล่วงไป ไม่มีส่วนใดขาดตกบกพร่องแล้ว
** อริยสัจมีอยู่สี่ประการ สามารถตัดบ่วงมารให้ผ่องแผ้ว หมดกิเลสสิ้นตัณหาพาเพริดแพรว ปราศจากวี่แววของมลทิน
** หนึ่ง “ทุกข์” ความเดือดร้อนใจและกาย ทรมานมากมายไม่จบสิ้น ต้องทุรนทุรายเป็นอาจิณ จะนั่งนอนเดินกินก็กังวล
** อันทุกข์นั้นมีอยู่สองสถานะ องค์พุทธะตรัสไว้อย่าสับสน ขอนำมาเผยแพร่แก่ปวงชน จะได้ยลและเข้าใจไปนานวัน
** “สภาวะทุกข์” คือทุกข์ของสังขาร มีเกิดแก่วายปราณคอยห้ำหั่น เป็นปัจจัยปรุงแต่งและผูกพัน ไม่มีวันที่ใครจะหนีพ้น
** “ปกิณณกะทุกข์” คือทุกข์จร ที่เข้ามาหลอกหลอนให้หมองหม่น เช่นผิดหวังเศร้าใจและร้อนรน ทั้งท้อแท้เกินทนจนร้อนใจ
** สอง “สมุทัย” เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ไร้ความสุขโศกเศร้าไม่สดใส เกิดจากความทะยานอยากอยู่ภายใน เรียกเสียใหม่ว่าตัณหามาครอบครอง
** อกุศลมูลนิวรณ์และกิเลส ก็เป็นเหตุทำให้ทุกข์หม่นหมอง อีกมลทินทุจริตผิดทำนอง เป็นเหตุของการเกิดทุกข์อีกมากมาย
** ตัณหาแบ่งเป็นสามประเภท จะนำเอาขอบเขตมาขยาย เพื่อให้เกิดความเข้าใจไม่งมงาย ขอบรรยายวิสัชนาจะหายงง
** “กามตัณหา” หมายความว่าความอยากได้ คือปัจจัยทำให้เกิดความหลง ในโลกีย์วิสัยอย่างมั่นคง โดยเจาะจงกามคุณหมกมุ่นกาม
** “ภวตัณหา” คือความอยากเป็น ที่พึงมีพึงเห็นในโลกสาม อยากเป็นนั่นเป็นนี่อยู่ทุกยาม อยากคงอยู่ไม่เป็นตามอนิจจัง
** “วิภวตัณหา” ไม่อยากเป็น ดังเฉกเช่นไม่อยากพบความผิดหวัง ไม่อยากแก่ไม่อยากตายอย่างจิรัง ไม่เจ็บป่วยไม่ภินท์พังจนชั่วกาล
** สาม “นิโรธ” การดับทุกข์ที่รุกเร้า มาคลอเคล้าให้สิ้นไม่เผาผลาญ ด้วยทำลายสมุทัยเจ้าตัวการ ตัดรากฐานของตัณหาทุกข์วอดวาย
** สี่ “มรรค” คือหนทางการดับทุกข์ ให้เกิดสุขชั่วฟ้าดินสูญหาย คือนิพพานไม่เกิดแก่เจ็บตาย เป็นการดับสลายนิรันดร์กาล
** “สัมมาทิฏฐิ” คือความเห็นชอบ ตามระบอบอริยมรรคเป็นแก่นสาร มีปัญญาเป็นตัวตั้งในหลักการ และประสานกับความจริงดียิ่งนัก
** “สัมมาสังกัปปะ” ดำริชอบ ต้องประกอบด้วยคิดดีที่ตระหนัก ไม่พยาบาทออกจากกามจงประจักษ์ ไม่เบียดเบียนแต่รักซึ่งความดี
** “สัมมาวาจา” เจรจาชอบ ให้รอบคอบวาจางามตามวิถี การพูดเท็จพูดคำหยาบต้องไม่มี พูดส่อเสียดเป็นที่น่าชิงชัง
** “สัมมากัมมันตะ” การงานชอบ อยู่ในกรอบของธรรมที่ไหลหลั่ง เว้นจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวัง การฉ้อโกงไม่อินังเพราะเลวทราม
** สัมมาอาชีวะ” เลี้ยงชีวิตชอบ ต้องนอ้มนอบจิตกุศลคนไม่หยาม ไม่ผิดธรรมผิดวินัยน้ำใจงาม ปฏิบัติตามคำสอนองค์สัมมา
** “สัมมาวายามะ” ความเพียรชอบ จงรอบคอบระวังบาปที่หยาบหนา ไม่ให้เกิดและละบาปที่เกิดมา เพียรรักษากุศลกรรมไม่ย่ำยี
** “สัมมาสติ” การระลึกชอบ เพื่อรู้รอบสติปัฏฐานให้ถ้วนถี่ ว่าร่างกายต้องเน่าเปื่อยไปทุกที ความสุขทุกข์เกิดมีเป็นอารมณ์
** “สัมมาสมาธิ” ความตั้งใจชอบ ตามเขตขอบของฌานสี่ให้เหมาะสม เพื่อวิตกวิจารณ์พาลระทม ผลาญให้จมเข้าสู่ฌานเบิกบานจริง
** การเห็นอริยสัจเป็นมงคล เป็นเรื่องที่เลิศล้นกว่าทุกสิ่ง เข้าถึงเรื่องสังขารไม่ประวิง ใช้อ้างอิงเรียนรู้ธรรมให้ชำนาญ
** ทำให้ได้เป็นพระอริยะเจ้า ไม่หมองเศร้าด้วยกิเลสมาเผาผลาญ เพราะเข้าถึงความดับคือนิพพาน ทั้งกำจัดตัวมารเกิดแก่ตาย
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
ใบประดู่ลายในมือ ** สมัยหนึ่งสมเด็จจอมโมลี ได้ทรงมีพระทัยอย่างมั่นหมาย ในการจะเสด็จเยื้องย่างกราย โกสัมพีเพื่อผ่อนคลายแห่งอารมณ์
** ทรงประทับ ณ สีสปาวัน ในการนั้นทรงมีแต่สุขสม จึงประสงค์แสดงธรรมอันอุดม ให้เป็นที่ชื่นชมตลอดกาล
** ครั้นจะทรงเปรียบเทียบธรรมที่สั่งสอน ในบวรศาสนามาไขขาน กับธรรมที่ตรัสรู้มาเนิ่นนาน ว่าอย่างไหนปริมาณมากกว่ากัน
** ทรงหยิบใบประดู่ลายมาสองใบ มาวางไว้บนพระหัตถ์หฤหรรษ์ แล้วตรัสถามความเห็นเป็นสำคัญ กับภิกษุเหล่านั้นในทันที
** ดูก่อนภิกษุทั้งหลายจงฟังเรา เปรียบเทียบเอาใบไม้ในมือนี่ กับใบไม้บนต้นเขียวขจี ที่ไหนมีมากกว่าจงยืนยัน
** ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่ต้นมีมากเกินจะเสกสรร บนพระหัตถ์น้อยกว่าเป็นร้อยพัน ขอจำนรรจ์กราบทูลความที่ถามมา
** อย่างนั้นเหมือนกันภิกษุทั้งหลาย เราตรัสรู้ธรรมหลากหลายมากหนักหนา แต่ที่นำมาสั่งสอนทุกเวลา มีน้อยกว่าที่เรารู้อีกมากมาย
** เพราะเหตุใดจึงไม่นำมาสอนเล่า เพราะไม่เร้าให้เกิดความเบื่อหน่าย อีกทั้งความกำหนัดก็ไม่คลาย ความสงบไม่ย่างกรายมาให้ครอง
** ไม่เป็นไปเพื่อการตรัสรู้ ไม่ตั้งอยู่เพื่อนิพพานตอบสนอง เพื่อความรู้ที่ใหญ่ยิ่งสิ่งควรปอง ตามครรลองความหลุดพ้นผจญมาร
** ดูก่อนบรรดาภิกษุทั้งหลาย เรามุ่งหมายนำธรรมมาประสาน ให้ได้รู้นี่คือทุกข์อันร้าวราน อีกทั้งการดับทุกข์ให้สิ้นไป
** นี่คือทางให้ถึงความดับทุกข์ เกิดความสุขชั่วนิรันดร์อันยิ่งใหญ่ นี้คือสิ่งที่เราสอนอย่างตั้งใจ ให้ใครใครได้เรียนรู้อยู่ทุกวัน
** เพราะเหตุใดเราจึงเอาสิ่งเหล่านี้ มาแนะชี้เพราะหวังให้สุขสันต์ ได้ก้าวสู่เบื้องต้นพรหมจรรย์ เพื่อรู้ยิ่งสิ่งสำคัญคือดับทุกข์
** ดูก่อนบรรดาภิกษุทั้งหลาย เราก็ได้อธิบายเพื่อสร้างสุข เพื่อให้เธอเข้าใจไม่เจ่าจุก เลิกสนุกละตัณหาจะพ้นภัย
** เมื่อรู้แล้วขอให้จงได้คิด บำเพ็ญเพียรจนติดเป็นนิสัย ละกิเลสตัณหาไม่อาลัย สู่เส้นชัยแห่งชีวิตคือนิพพาน
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 20 มีนาคม, 2559, 11:58:23 AM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๓๔ การทำให้แจ้งพระนิพพาน (นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** การออกจากตัณหาเครื่องร้อยรัด เหมือนการตัดพ้นจากเครื่องประหาร จะร่มเย็นเป็นสุขนิรันดร์กาล เรียก “นิพพานสัจฉิกิริยา”
** คือการทำนิพพานให้รู้แจ้ง รู้ถึงแหล่งของทุกข์ที่โถมถา รู้วิธีการดับทุกข์ที่เกิดมา ด้วยคำสอนพระศาสดาของปวงชน
** ลักษณะของนิพพานกล่าวขานไว้ เพื่อจะได้เข้าใจไม่สับสน ขออนุญาตนำเสนอแก่ทุกคน ตามที่ได้สืบค้นและเล่าเรียน
** หนึ่ง “ความสิ้นตัณหา” ทะยานอยาก ซึ่งเกิดจากอยากได้คุมบังเหียน ความอยากเป็นไม่อยากเป็นที่หมุนเวียน มาเบียดเบียนทำลายให้ร้าวราน
** สอง “จุดจบของความทุกข์” ที่รุกเร้า เกิดถูกเผาให้มอดไหม้ไร้รากฐาน ด้วยนิโรธตัวดับทุกข์ให้วายปราณ ดังตัณหาถูกเผาผลาญสิ้นเชื้อไฟ
** สาม “ความดับแห่งภพชาติ” ไม่มีเหลือ หมดสิ้นเชื้อการตายแก่และเกิดใหม่ ดับจนสิ้นไม่เหลือแม้เยื่อใย ครั้นผ่านไปสังขารได้สลายลง
** ภาวะของผู้บรรลุนิพพานแล้ว มีดวงจิตผ่องแผ้วไม่ไหลหลง มีสติเป็นพื้นฐานที่มั่นคง จะดำรงยึดพระรัตนตรัย
** “ภาวะทางปัญญา” สามารถมอง สิ่งทั้งผองตามเป็นจริงไม่สงสัย รู้เท่าทันเรื่องสังขารและโพยภัย ไร้เลศนัยเห็นข้อดีว่าเป็นดี
** “ภาวะทางจิต” มีอิสระ จากกิเลสที่จะมาเสียดสี ไม่เป็นทาสของอารมณ์ที่ยวนยี ไม่หวั่นไหวดุจเสาทีมั่นแข็งแรง
** “ภาวะทางการดำเนินชีวิต” รักษาศีลเป็นนิจในทุกแห่ง ให้สมบูรณ์ไม่เสียหายไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เคลือบแคลงเพราะกิเลสเป็นเหตุนำ
** การที่ทำให้แจ้งแห่งนิพพาน เป็นมงคลในจักรวาลที่คมขำ ทำให้พ้นจากทุกข์ไม่ระกำ ปราศจากสิ่งมาตอกย้ำหรือย่ำยี
** เป็นผู้ไม่มีเวรกับใครใคร ชีวิตดำเนินไปอย่างสุขี ไม่มีความประมาทในชีวี สิ้นภพไปไม่มีเกิดแก่ตาย
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
ความสงบ ** ภิกษุทั้งหลายฟังเรานะ ในบรรดาธรรมะที่หลากหลาย ไม่มีความสุขใดจะมากมาย ที่จะคล้ายหรือเสมอ “สงบ” เลย
** ความสุขนี้มีอยู่ในตัวเรา เพราะความเขลาจึงทิ้งไปเฉยเฉย เอาแต่วุ่นวิ่งหาเพราะคุ้นเคย นิจจาเอ๋ยไม่เคยจะไล่ตามทัน
** จะไม่พบความสุขที่แท้จริง เพราะมัววิ่งตามอารมณ์เป็นอาถรรพ์ วุ่นกับกามกับกินและเกียรติกัน จนลืมเรื่องสำคัญคือจิตตน
** ดวงจิตที่ผ่องใสหรือผ่องแผ้ว ดุจดังแก้วเจียระไนไม่หมองหม่น สามารถให้ความสุขแก่ทุกคน ไม่ต้องมัววิ่งวนคอยไล่ตาม
** ผู้มองแต่ความเจริญของวัตถุ ในใจร้อนระอุอย่างล้นหลาม ไม่สงบเยือกเย็นเพราะไฟลาม จมในความเหม็นคาวของโลกา
** เปรียบดังผู้ที่แบกซึ่งของหนัก วิ่งโดยไม่หยุดพักเหนื่อยหนักหนา เท้าวิ่งไปปากบ่นไปจนระอา แต่ไม่วางลงมาเพื่อผ่อนปรน
** ดูกรบรรดาภิกษุทั้งหลาย ในโลกนี้ที่วุ่นวายและสับสน ใส่หน้ากากหลอกกันอลวน โลกหมองหม่นเพราะพิษร้ายจนเรื้อรัง
** ดังอาคารดุจปราสาทแห่งกษัตริย์ มีลมพัดเย็นสบายทั่วทั้งหลัง มีดนตรีเสียงเพลงกล่อมให้ฟัง ไพเราะดังคนธรรพ์คอยบรรเลง
** ผู้คนที่อาศัยใจเร่าร้อน ดุจนั่งนอนในกองไฟด้วยรีบเร่ง ไม่มีสุขระแวงภัยให้หวั่นเกรง ใจตัวเองหวาดผวาพาลุกลน
** ไม่สงบจิตใจไม่มีสุข ต้องเจ่าจุกในปราสาทไร้กุศล ผู้สงบอยู่โคนไม้ไม่ร้อนรน มีความสุขมากล้นหาใดปาน
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 20 มีนาคม, 2559, 12:31:56 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๓๕ จิตไม่หวั่นไหว (ผุฏฺฐสฺส โลกธมฺเมหิ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** คำ “จิตตะ” แปลว่านึกหรือคิด ถ้าคิดถูกคือสุจริตดีไพศาล ถ้าคิดผิดคือไม่ดีเหมือนมีมาร คอยล้างผลาญให้โศกเศร้าร้าวระบม
** อันจิตนี้มีหน้าที่สามประการ ตามหลักฐานบอกไว้อย่างเหมาะสม มาเถิดหนาศึกษากันและชื่นชม เพื่อเพาะบ่มจิตใจให้ใฝ่ดี
** หนึ่งทำหน้าที่นึกคิดหรือปรุงแต่ง ตามวัตถุที่แสดงเป็นสักขี เช่นสวยหรือไม่สวยที่เกิดมี มาย่ำยีดวงจิตนิจนิรันดร์
** สองรับรู้อารมณ์ที่ผ่านมา ทั้งทางหูทางตาพาไหวหวั่น อีกทั้งลิ้นกายใจก็เหมือนกัน สัมผัสพลันรับรู้ได้ทันที
** อันอารมณ์ทั้งหกยกมากล่าว เป็นเรื่องราวต้องสัมผัสในทุกที่ คือรูปรสกลิ่นเสียงที่ยวนยี โผฏฐัพพะมีธรรมารมณ์มา
** สามสั่งสมหรือเก็บสิ่งที่ทำ พูดคิดเป็นประจำมากหนักหนา ทั้งอารมณ์ต่างต่างชั่วชีวา เก็บสะสมทุกคราตลอดกาล
** “โลกธรรม” ทำให้จิตหวั่นไหว ซึ่งใครใครหลีกไม่ได้ในสงสาร มีประจำกับชีวิตมาเนิ่นนาน เวลาผ่านยังอยู่คู่โลกา
** โลกธรรมมีอยู่รวมแปดข้อ แต่เมื่อย่อจะเป็นสองต้องศึกษา คือฝ่ายที่ต้องการทุกเวลา ภาษาธรรมเรียกว่า “อิฏฐารมณ์”
** คืออารมณ์ที่พีงปรารถนา แยกออกมาสี่ประการล้วนสุขสม คือได้ลาภได้ยศน่าชื่นชม สรรเสริญสุขยอดนิยมของทุกคน
** “อนิฏฐารมณ์” คือธรรมตรงกันข้าม เรียกตามตามกันว่าอกุศล คือเสื่อมลาภเสื่อมยศรันทดทน ถูกนินทาตกทุกข์จนเดือดร้อนใจ
** ธรรมเหล่านี้มีสภาพที่ไม่เที่ยง ย่อมแปรปรวนสุดจะเลี่ยงไปทางไหน ไม่แน่นอนแปรผันทุกวันไป แล้วแต่ใครจะยอมรับกับความจริง
** ท่านผู้ใดมีสติมีปัญญา ยอมรับว่าเรื่องเหล่านี้ทุกทุกสิ่ง ย่อมแปรเปลี่ยนไม่คงอยู่ให้พักพิง ไม่หยุดนิ่งเป็นธรรมดาอย่ากังวล
** เมื่อใดที่อนิฏฐารมณ์มากระทบ ก็สยบมันได้ไม่หมองหม่น มีจิตไม่หวั่นไหวให้ร้อนรน เรียกว่าคนมีจิตที่ฝึกแล้ว
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
หมาจิ้งจอกขี้เรื้อน ** สมัยหนึ่งสมเด็จพระศาสดา เสด็จมาประทับอย่างผ่องแผ้ว ณ พระเชตวันอันเพริดแพรว ในเมืองแก้วสาวัตถีที่มั่นคง
** ทรงปรารภเรื่องลาภสักการะ ซึ่งครอบงำหมู่พระภิกษุสงฆ์ ยกตัวอย่างหมาจิ้งจอกโดยจำนง ซึ่งมันแก่ตัวลงที่เชตวัน
** ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเอ๋ย เห็นไหมเอ่ยหมาจิ้งจอกที่ยืนนั่น อาศัยอยู่ที่นี่มานานครัน ตัวของมันเป็นขี้เรื้อนเปื้อนทั่วกาย
** มันเป็นสัตว์ที่ดูน่าสงสาร ยืนตัวสั่นสะท้านน่าใจหาย เมื่อมันอยู่ลานดินไม่สบาย จึงได้ย้ายที่นอนเพื่อผ่อนปรน
** ไปอาศัยนอนอยู่โคนต้นไม้ หวังจะให้ดีขึ้นคงได้ผล แต่ปรากฏว่าคิดผิดที่ดิ้นรน สุดจะทนเหมือนกันกับวันวาน
** แม้จะเปลี่ยนที่นอนไปหลายที่ ก็ไม่มีที่ใดไม่ร้าวฉาน ความเจ็บปวดไม่สบายทรมาน มาก้าวร้าวรุกรานอยู่เหมือนเดิม
** เหมือนภิกษุบางรูปในศาสนา ใช้ชีวิตกันมาอย่างฮึกเหิม ติดในลาภสักการะจนเหิมเกริม ไม่ฝึกเพิ่มความเพียรสิ่งควรทำ
** ผู้ที่ถูกลาภสักการะย่ำยีแล้ว ก็ไม่แคล้วถูกตัณหามากระหน่ำ จะนั่งนอนที่ไหนก็ระกำ ต้องชอกช้ำเพราะทุกข์บุกทำลาย
** ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเอ๋ย อย่ามัวเฉยให้ชีวิตล่มสลาย ลาภสักการะทารุณและหยาบคาย เป็นอันตรายต่อการบรรลุธรรม
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 20 มีนาคม, 2559, 12:42:05 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๓๖ จิตไม่โศก (อโสกํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** จิตไม่โศกคือจิตไม่แห้งผาก มีความชุ่มชื้นมากจนเย็นฉ่ำ ไม่หดหู่ระทมด้วยผลกรรม เพราะไม่ทำความชั่วตัวอัปรีย์
** จิตไม่โศกคือจิตที่หลุดพ้น จากวังวนของวัฏฏะมาเสียดสี ปราศจากราคะสิ้นราคี ทั้งโทสะที่มีก็สิ้นไป
** อีกโลภะก็สละมันจนสิ้น ไม่มีเหลือให้เกาะกินเกิดหวั่นไหว จะไม่ติดในกามตัดสายใย อกุศลบาปใดใดไม่ข้องมัน
** แม้อารมณ์ต่างต่างไม่เกี่ยวข้อง ปล่อยให้ลอยละล่องไม่ใฝ่ฝัน ละกิเลสละตัณหาสารพัน ดังคำภควันต์ได้ตรัสมา
** ผู้ถึงธรรมไม่เศร้าโศกถึงความหลัง ไม่ฝันเพ้อสิ่งที่ยังอยู่ข้างหน้า คืออนาคตมองไม่เห็นอยู่ไกลตา อยู่กับปัจจุบันดีกว่าอย่าดิ้นรน
** อีกนัยหนึ่งความโศกเกิดจากรัก ถ้าห้ามหักเสียได้ไม่หมองหม่น ผู้บรรลุนิพพานบันดาลดล ให้หลุดพ้นจากรักที่ปักใจ
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
น้ำตามากกว่าน้ำทะเล ** พระพุทธองค์ทรงประทับอย่างสุขสันต์ ณ พระเชตะวันวิหารใหญ่ ที่กรุงสาวัตถีเรืองวิไล เพื่อจะได้แสดงธรรมเสริมปัญญา
** ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โลกนี้ช่างวุ่นวายเสียหนักหนา สัตว์ทั้งหลายต้องใช้กรรมที่ทำมา ไปจนกว่าจะหมดกำหนดกรรม
** สังสารวัฏของสัตว์โลก มีทั้งโศกทั้งสุขทุกข์ร้องร่ำ ต้องวนเวียนเปลี่ยนไปเป็นประจำ ล้วนแต่เป็นสัจธรรมไม่ว่าใคร
** สังสารวัฏยาวไกลตั้งเหลือหลาย ไม่รู้เบื้องต้นเบื้องปลาอยู่ที่ไหน เพราะสรรพสัตว์เกิดตายมีทั่วไป นับไม่ได้ว่ากี่ชาติกี่ภพกัน
** ภิกษุทั้งหลายพวกเธอคิดอย่างไร น้ำตาของสัตว์ที่ไหลเพราะโศกศัลย์ ต้องคร่ำครวญร้องไห้อยู่ทุกวัน ในแต่ละชาตินั้นมีมากมาย
** มีมากกว่าน้ำในมหาสมุทร อันกว้างใหญ่ที่สุดไร้จุดหมาย ซึ่งเกิดจากความทุกข์มากล้ำกราย เพราะการเจ็บการตายเป็นตัวการ
** พวกข้าพระองค์เคยได้ศึกษา ตามพระองค์สั่งสอนมาเป็นพื้นฐาน ว่าน้ำตาสรรพสัตว์ในจักรวาล มีมากเกินประมาณจะคำนวณ
** ถูกแล้ว ถูกแล้ว ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเกิดแล้วต้องตายสุดถ่ายถอน เสียน้ำตาเพราะพ่อแม่มาม้วยมรณ์ มากกว่าน้ำในสาครทั่วโลกา
** อีกทั้งญาติหลายหลากก็ไม่น้อย ที่พวกสัตว์ต้องคอยละห้อยหา เมื่อพวกเขาละโลกเศร้าโสกา ก็ต้องเสียน้ำตาด้วยอาลัย
** นอกจากนี้ยังมีอีกนานับ ความทุกข์โศกที่ได้รับเกินสงสัย มากัดกินรุมเร้าในฤทัย จนตลอดอายุขัยไม่สร่างเซา
** ความเสื่อมลาภโรคภัยมาเบียดเบียน อุตส่าห์เพียรค้าขายก็เงียบเหงา จะทำไร่ไถนาสุดบรรเทา เป็นรากเหง้าของการเสียน้ำตา
** ภิกษุเอ๋ย รู้แล้วไฉนหนอ จึงไม่หยุดไม่พอเสน่หา ในสังสารวัฏที่เกิดมา เพราะมันพาให้หลงวงเวียนมาร
** ด้วยเหตุนี้ควรที่สัตว์ทั้งหลาย ควรคิดจะเบื่อหน่ายในสังขาร ที่เกิดเกิดตายตายอีกแสนนาน อีกกี่ชาติจึงพ้นผ่านทุกข์ทั้งปวง
** จิตไม่โศกเป็นมงคลผลดีนัก จะประจักษ์ได้ด้วยใจไม่ต้องห่วง รับรองว่าดีจริงจริงมิใช่ลวง มีผลพวงอีกมากมายเล่าให้ฟัง
** ทำให้จิตมั่นคงดุจดังเขื่อน ความทุกข์เลือนการเกิดสิ้นดังที่หวัง ด้วยกิเลสต้นเหตุเกิดมาภินท์พัง ผลของมันถูกยับยั้งให้สิ้นเชื้อ
** เป็นที่สักการะและเคารพ แก่ผู้ที่ได้พบอย่างล้นเหลือ อีกทั้งเทวดาไม่คลุมเครือ เพราะเขาเชื่อความหมดจดของจิตใจ
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 20 มีนาคม, 2559, 12:59:11 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๓๗ จิตหมดธุลี (วิรชํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** ธุลี คือกิเลสเหตุหมองเศร้า คอยรุมเร้าให้เดือดร้อนนอนไม่ไหว ต้องร้อนรุ่มทั้งภายนอกและภายใน คอยลวกไหม้จนวอดวายตายทั้งเป็น
** ทีสำคัญมีอยู่สามประการ จะไขขานยกมาให้ได้เห็น หลีกให้พ้นหนีให้ไกลไม่ลำเค็ญ ก็จะเป็นผู้หมดจดจากธุลี
** หนึ่ง “โลภะ ความโลภ” หรืออยากได้ ซึ่งทรัพย์สินน้อยใหญ่เป็นเศรษฐี อันความโลภความอยากได้เมื่อเกิดมี จะรวมตัวเป็นธุลีคอยกัดกิน
** สอง “โทสะ ความโกรธ” พยาบาท ความเจ็บแค้นอาฆาตและหยามหมิ่น คิดปองร้ายเดือดดาลเป็นอาจิณ ทำลายสิ้นความดีที่เคยทำ
** สาม “โมหะ ความหลง” ความเห็นผิด เป็นยาพิษตัวร้ายคอยกระหน่ำ ความถือตัวความฟุ้งซ่านเกิดประจำ ความไม่รู้สัจธรรมเฝ้ารุกราน
** ใจหมดธุลีคือใจหมดกิเลส ซึ่งเป็นเหตุทำลายหลายสถาน ให้หมดสิ้นเปรียบได้ดังตัวมาร สามประการข้างต้นให้พ้นไป
** การปฏิบัติเพื่อกำจัดธุลี ต้องศึกษาให้ดีเพราะเรื่องใหญ่ ถ้าทำได้กิเลสหนีไปไกล คงเหลือไว้ความผ่องแผ้วในกมล
** ไตรสิกขาคือข้อธรรมต้องศึกษา เพื่อนำมากำจัดจะได้ผล ธุลีจะหมดไปไม่ร้อนรน เชิญทุกคนลองมาศึกษากัน
** ไตรสิกขามีอยู่รวมสามข้อ เป็นรากฐานตัดตอได้คงมั่น ความวุ่นวายภายในสิ้นไปพลัน คงมีสุขทุกวันตลอดกาล
** “ศีล” ทำให้กายวาจานั้นเรียบร้อย ไม่ด่างพร้อยด้วยมลทินสิ้นร้าวฉาน ชีวิตจะมีสุขทุกวันวาร เพราะตัวการไม่กล้ามารบกวน
** ศีลสามารถกำจัดกิเลสหยาบ ไม่ให้มาจ้วงจาบจนผันผวน ไม่มีศีลกายวาจาถูกลามลวน ด้วยกิเลสคอยกวนไม่เบิกบาน
** “สมาธิ” คือภาวะจิตที่สงบ จะได้พบความจริงของสังขาร ว่าเป็นทุกข์ไม่เที่ยงไม่ยืนนาน ภาวะกาลไม่แน่นอนเปลี่ยนได้ไว
** ไม่ขุ่นมัวเศร้าหมองไม่ร้อนรุ่ม คอยควบคุมกิเลสอย่างกลางได้ จะอิ่มเอิบร่าเริงสิ้นเยื่อใย และอยู่ในภาวะที่สมดุล
** “ปัญญา” ความรอบรู้อริยสัจ รู้วิธีการตัดความเคืองขุ่น อีกทั้งตัดกิเลสขาดเป็นจุณ เป็นธรรมที่ให้คุณกับทุกคน
** ปัญญาขจัดกิเลสอย่างละเอียด ไม่ให้เฉียดเข้าใกล้ในทุกหน เพราะรู้เห็นตามเป็นจริงไม่วกวน จะหลุดพ้นจากกิเลสเหตุรัดรึง
** จิตปราศจากธุลีแสนดีนัก จะประจักษ์โมกขธรรมที่ยากถึง เป็นผู้ไม่หวั่นไหวไม่พรั่นพรึง คอยทำลายเครื่องรัดรึงอันตรธาน
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
ที่ใดมีความรักที่นั่นมีทุกข์ ** ครั้งเมื่อองค์สมเด็จพระชินศรี ประทับที่บุพพารามพระวิหาร ใกล้นครสาวัตถีเมื่อมินาน พร้อมด้วยบริวารติดตามมา
** ในกาลนั้นอุบาสิกาใหญ่ เป็นผู้มีน้ำใจชื่อวิสาขา เข้าไปเฝ้าสมเด็จพระศาสดา ด้วยใบหน้าเศร้าโศกวิโยคครวญ
** เนื่องด้วยหลานรักถึงตักษัย ประสพภัยเจ็บไข้อาลัยหวน ยังตัดใจไม่ได้ให้รัญจวน โอ้เนื้อนวลจากไปไม่กลับคืน
** พระพุทธองค์ตรัสถามเนื้อความว่า ดูก่อนวิสาขาเธออย่าฝืน ชีวิตของคนเราไม่ยั่งยืน เวลาย่อมจะกลืนชีวิตคน
** ได้ยินว่าเธอมีความปรารถนา ให้ลูกหลานเกิดมาเป็นห่าฝน มีจำนวนมากมายหลายหมื่นคน เท่าจำนวนประชาชนในนคร
** ใช่เจ้าค่ะ พระองค์โปรดทรงทราบ ข้าพระองค์ขอกราบช่วยสั่งสอน พระองค์โปรดพิจารณาเป็นขั้นตอน อย่าอาทรความนึกคิดข้าพระองค์
** พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูก่อนวิสาขาเธออย่าหลง เธอทราบไหมจำนวนคนที่ปลดปลง ในนครต้องตายลงวันเท่าไร
** วิสาขากราบทูลพระศาสดา ในพาราสาวัตถีทั้งไกลใกล้ ต้องพบความเศร้าโศกและเสียใจ เพราะมีคนตายไปทุกทุกวัน
** พระพุทธองค์จึงตรัสวิสาขา ตามที่เธอกล่าวมาถูกแล้วนั่น เธอต้องซับน้ำตาชั่วนิรันดร์ เพราะลูกหลานเธอนั้นต้องมาตาย
** เมื่อรักมากความทุกข์ก็มีมาก ความพลัดพรากเกิดทุกข์ความสุขหาย ถ้ารักร้อยทุกข์ร้อยไม่ผ่อนคลาย รักมลายหายสิ้นทุกข์ภินท์พัง
** คนผู้ใดไม่มีสิ่งเป็นที่รัก ผู้นั้นจักไม่มีทุกข์เป็นบ่อฝัง ให้ติดในสังสารวัฏทรงพลัง เป็นทาสของอนิจจังอนัตตา
** เรากล่าวว่าไม่มีทุกข์ไม่เศร้าโศก เปรียบดังโลกได้รับการรักษา หมดกิเลสดุจธุลีชั่วชีวา ทั้งโลกนี้โลกหน้าสุขสำราญ
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 20 มีนาคม, 2559, 01:18:08 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) มงคลที่ ๓๘ จิตเกษม (เขมํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ) ** จิตเกษม คือปลอดภัยจากกิเลส ซึ่งเป็นเหตุให้ผ่องใสไม่เผาผลาญ เพราะกิเลสถูกทำลายจนแหลกลาญ ด้วยโยคะสี่ประการถูกตัดไป
** โยคะคือเครื่องผูกให้สังขาร ต้องวนเวียนทรมานในห้วงใหญ่ คือวัฏฏะสงสารที่กว้างไกล ต้องขจัดให้ได้จะร่มเย็น
** “กามโยคะ” เครื่องผูกคือความใคร่ หรือพอใจกามคุณวุ่นเหลือเข็ญ มีความอยากในรูปรสทุกประเด็น และกลิ่นเสียงก็ไม่เว้นอีกมากมาย
** “ภวโยคะ” เครื่องผูกคือความยินดี เพราะอยากเป็นอยากมีอย่างเหลือหลาย ติดในภพคือเกิดแก่และตาย ต้องวุ่ยวายวนเวียนเปลี่ยนไปมา
** “ทิฏฐิโยคะ” เครื่องผูกคือความเห็น เห็นผิดเป็นเรื่องถูกเศร้าหนักหนา ตัวอย่างเช่นเห็นสังขารเป็นอัตตา หรือเห็นว่าสังขารเที่ยงแน่นอน
** “อวิชชาโยคะ” คือความบอด ขาดปัญญาพาวายวอดสุดทอดถอน ไม่รู้เหตุไม่รู้ผลทนร้าวรอน ชีวิตต้องสั่นคลอนนอนไม่ลง
** โยคะนี้เปรียบได้เชือกสี่เกลียว ผูกรัดอย่างแน่นเหนียวให้ไหลหลง ในโลกีย์วิสัยอย่างมั่นคง หนีจากวงล้อมของภัยไม่ได้เลย
** ต้องเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้น จวบสูญฟ้าสิ้นดินอย่านิ่งเฉย รีบตัดขาดจากโยคะจะเสบย หวังเกาะเกยสวรรค์ชั้นวิมาน
** จิตเกษมเป็นมงคลกุศลนัก ปราศจากทุกข์สุขประจักษ์ทุกสถาน เป็นสาวกที่สมบูรณ์ควรกราบกราน เป็นแบบอย่างของวงศ์วานองค์พุทธา
** หมดเหตุและปัจจัยแห่งการเกิด เป็นสิ่งที่ประเสริฐเกินจักหา พบขุมทรัพย์ที่ยิ่งใหญ่ในโลกา สูงคุณค่าที่สุดดุจจักรวาล
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
ธรรมะมีค่าดังทอง
** อดีตกาลผ่านมาหลายพันปี ณ กรุงพาราณสีอันไพศาล มีชาวนาคนขยันทำการงาน ไม่ปล่อยเวลาผ่านอย่างเลื่อนลอย
** ได้จับจองที่ดินซึ่งรกร้าง เป็นที่ดินปล่อยว่างไม่ใช้สอย เพื่อถากถางเป็นที่นาไว้รอคอย ปลูกข้าวกล้าพอได้พลอยอาศัยกิน
** อันที่ว่างแห่งนี้มีประวัติ ปรากฏชัดของเศรษฐีดังถวิล ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนบนที่ดิน จวบจนได้ย้ายถิ่นเมื่อก่อนนั้น
** ชายหนุ่มได้ออกไปเพื่อไถนา เป็นประจำทุกวันมาอย่างมุ่งมั่น ครั้นวันหนึ่งเกิดเหตุอัศจรรย์ ผานไถชะงักงันหยุดทันที
** คล้ายกับติดท่อนไม้ที่ฝังอยู่ เพราะอยากรู้รีบขุดอย่างเร็วรี่ พบแล้วจึงรีบคว้าไม่รอรี เอ๊ะ....มันทองหรือนี่น่าแปลกจัง
** ตามประวัติกล่าวว่าทองคำนี้ เป็นของท่านเศรษฐีในหนหลัง ด้วยกลัวจะไม่ปลอดภัยต้องระวัง จึงได้ฝังเอาไว้ให้ไกลตา
** ชายชาวนาตั้งใจเอากลับบ้าน แต่แท่งใหญ่เกินการราวหินผา จึงแบ่งเป็นสี่ส่วนด้วยเจตนา จะจัดสรรให้คุ้มค่าตามสมควร
** ส่วนที่หนึ่งขายนำทรัพย์มาเลี้ยงตัว พร้อมทั้งเลี้ยงครอบครัวอย่างครบถ้วน ส่วนที่สองฝังไว้ไม่เรรวน ยามขัดสนได้หวนเอาไปกิน
** ส่วนที่สามเป็นทุนเพื่อค้าขาย หากำไรใช้จ่ายเพิ่มทรัพย์สิน ส่วนที่สี่ทำบุญล้างราคิน ให้ตระหนี่สูญสิ้นหมดจากใจ
** ชายชาวนาไม่บอกให้ใครรู้ การเป็นอยู่ก็เหมือนเดิมไม่หลงใหล ไม่ลืมตัวใช้จ่ายผ่องอำไพ จนใครใครคิดว่ารวยด้วยทำงาน
** พระพุทธองค์จึงตรัสพระคาถา ใจความว่าชนใดมีพื้นฐาน บำเพ็ญธรรมเป็นกุศลอย่างสำราญ จิตเบิกบานสดใสและร่าเริง
** ชนนั้นพึงบรรลุสิ้นสังโยชน์ เป็นประโยชน์จิตเกษมอย่ามัวเหลิง อีกโยคะทั้งหลายเปรียบดังเพลิง จะมอดไหม้สิ้นเชิงหมดเชื้อไฟ
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
หัวข้อ: Re: *** มงคล ๓๘ ประการ ***
เริ่มหัวข้อโดย: สมพงศ์ ชูสุวรรณ ที่ 20 มีนาคม, 2559, 01:26:07 PM
(http://www.mx7.com/i/95b/Wss6Xi.jpg) (http://www.mx7.com/view2/yWWNU1iwZ94LTVFi) มงคล ๓๘ ประการคำกลอน โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ (http://www.mx7.com/i/adb/fNaSbv.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYXkt2qg5xHkBz0H) บทส่งท้าย
** หลังจากที่องค์สมเด็จพระศาสดา จบการแสดงเทศนาทรงผ่องใส รัศมีแผ่ดังทองเป็นยองใย เป็นที่พึ่งของเวไนยสัตว์ทั้งปวง
**อันหมู่เทวดาและมนุษย์ รับประโยชน์สูงสุดอย่างใหญ่หลวง ได้กระทำมงคลชื่นฉ่ำทรวง จนสำเร็จลุล่วงมีในตน
** จึงเป็นผู้ไม่พ่ายแพ้ในทุกที่ กิเลสตัณหาไม่มีเป็นกุศล จิตสะอาดผ่องใสไร้กังวล ความมืดมนเพราะโอฆะก็มลาย
** ถึงความสุขสดใสในชีวิต ปลอดภัยจากมลพิษบาปทั้งหลาย เจริญธรรมสั่งสมบุญไม่วุ่นวาย นรกไม่กล้ำกรายหมายนิพพาน
** ทั้งหมดนี้ประโยชน์ของมงคล จะให้ผลสูงค่ามหาศาล แสนประเสริฐเลิศล้นจักรวาล พระพุทธองค์ทรงประทานเพื่อโลกา
** พระพุทธองค์ได้ตรัสเพื่อทิ้งท้าย การที่สัตว์ทั้งหลายปรารถนา ได้กระทำมงคลดังกล่าวมา เป็นผู้ปราบปัจจาให้พ่ายแพ้
** ถึงความสวัสดีทุกสถาน จะชนะหมู่มารได้แน่แน่ มีความสุขเริงรื่นชื่นดวงแด เป็นเพชรแท้ของชาวโลกโชคอำนวย
** ขอขอบคุณที่อ่านผลงานนี้ ดีไม่ดีชมว่าสละสลวย ขอให้ท่านผู้อ่านจงร่ำรวย อุดมด้วยธรรมะพระพุทธองค์
** ปรารถนาสิ่งไหนได้สิ่งนั้น สำเร็จพลันตามที่ใจประสงค์ มีฐานะการงานที่มั่นคง เงินทองจงมากมีตามที่ปอง
** ตั้งมั่นในองค์ธรรมคำสั่งสอน ของบวรพุทธศาสนาอย่าเป็นสอง ให้แสงธรรมนำส่องใจใสเรืองรอง บรรดาผองชาวไทยจงไพบูลย์
(http://www.mx7.com/i/a0c/HIl7Y4.gif) (http://www.mx7.com/view2/yYWShne27AafyYN6)
ธรรมะมีค่าดังทอง
|
|
(http://www.mx7.com/i/368/nRhkG.gif) (http://www.mx7.com/view2/iYfm) สมพงศ์ ชูสุวรรณ บ้านกัลปังหา
(http://upic.me/i/wz/5ssom.gif) (http://upic.me/show/54281492)
|