เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..

คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน => คุยได้ทุกเรื่อง => ข้อความที่เริ่มโดย: share ที่ 30 สิงหาคม, 2559, 09:22:52 PM



หัวข้อ: กลอนเปล่า (Free verse)
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 30 สิงหาคม, 2559, 09:22:52 PM
Verse is formally a single metrical line in a poetic composition.
Free verse is an open form of poetry,
which in its modern form arose through the French vers libre form.
It does not use consistent meter patterns, rhyme, or any musical pattern.[1]
It thus tends to follow the rhythm of natural speech.

Prose poetry is poetry written in prose instead of using verse
but preserving poetic qualities such as heightened imagery,
parataxis and emotional effects.
Parataxis is a literary technique, in writing or speaking,
that favors short, simple sentences

Wikipedia

prose [n.] ร้อยแก้ว ความเรียง
verse [n.] กลอน, กาพย์, โคลง, ฉันท์

กลอนเปล่า ใกล้เคียงกับ ร่ายยาว

ร่ายยาว ไม่จำกัดวรรคและคำ
แต่ละวรรคไม่ควรน้อยกว่า ๕ คำ
นิยมส่งสัมผัสส่งท้ายวรรคหน้า และรับสัมผัสในวรรคถัดไปที่คำใดก็ได้
สัมผัสเชื่อมกันไปเช่นนี้จนจบ
เพียงแต่
เมื่อจบนิยมลงท้ายด้วยคำว่า แล้วแล นั้นแล นี้เถิด โน้นเถิด ฉะนี้ ฉะนั้น ฯลฯ เป็นต้น


หัวข้อ: Re: กลอนเปล่า (Free verse)
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 31 สิงหาคม, 2559, 11:09:40 AM

...กลอนเปล่า ไม่เน้นรูปแบบ (ฉันทลักษณ์)
เน้นจังหวะการอ่าน และ
เลือกใช้คำที่คม โดนใจ
ความคิดอ่านลึกซึ้ง
เป็นสำคัญครับ



....ชื่อฉัน ชลาลัย หรือก็คือ แหล่งแห่งน้ำ
....ปู่ให้คำ ขยายความ เป็นสายน้ำ ไม่ไหลกลับ
....เป็นคนคอย ชอบจะรับ ฟังปัญหา ของเพื่อนเพื่อน
....มีน้ำใจ ไม่รู้เลือน
....ไม่ขัดเคือง โกรธใคร ได้นานนาน
....ไม่ใช่คน ขี้รำคาญ เเต่เป็นมิตร จิตใจดี
....ตัวฉันนี้ รักเด็ก
....ฉันตัวเล็กเล็ก ผอมไม่สูง สายตาสั้น
....ใฝ่ฝัน เป็นนิสิต คณะอักษร
....ฝากร่ายกานท์กลอน เป็นบันทึกแสดง

ตัวอย่างที่นำเสนอ ได้ปรับแก้พอประมาณครับ


หัวข้อ: Re: กลอนเปล่า (Free verse)
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 31 สิงหาคม, 2559, 09:57:08 PM
จากคุณ "ร่ายยาว ไหมคะ"

อืม จะว่าอย่างไรดี
เอาเป็น "รับได้" ครับ

รวงข้าวในทุ่งท้องนา
(อัน)สวยงามพาสดใส
ความรู้สึกในใจ(นั้น)เหมือนเดินอยู่บน(ท้อง)นภา
ฉันเดินไปตามทางคันนา(แล้วจึง)รู้สึกสุขใจ
เดินเพลินเพลินไปในทุ่งนาดั่งสวรรค์แห่งพื้นดิน
ยังมีกลิ่นหอมฟุ้งของนาข้าวอันสีทอง
อันเรืองรอง(ทุ่งทอง)น่าพิสมัย
สุดจะห้ามใจไม่ให้หลงรัก
เมื่อ(หันหลัง)ตั้งหลักมองไปเห็น(แสง)ตะวันอยู่บนฟ้า
ส่องประกายลงมาดังมีเพชรมาอยู่บนรวงข้าว
แวววาวเห็นแล้วสวยสุดสะดุดตา
จนเวลาล่วงเลยไปไกล
ฉันจึงต้องกลับถิ่นอาศัยแล้ว แลนา

คำในวงเล็บ ตัดออก
ตัวเอียง เติมเพื่อให้ สัมผัส
จบร่ายยาว มักลงเสียง แลนา


หัวข้อ: Re: กลอนเปล่า (Free verse)
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 05 กันยายน, 2559, 07:14:36 PM
ขอขยายเรื่อง "ร่ายยาว" อีกสักหน่อยครับ

ขอยกคำแนะนำจาก http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2006/07/K4529307/K4529307.html

การแต่งร่ายยาวต้องรู้จักเลือกใช้ถ้อยคำและสัมผัสในให้มีจังหวะรับกันสละสลวย
เมื่ออ่านแล้วให้เกิดความรู้สึกมีคลื่นเสียงเป็นจังหวะๆอย่างที่เรียกว่า "เสียงดิ้น" หรือ "เสียงมีชีวิต"
และจำนวนคำที่ใช้ในวรรคหนึ่งก็ไม่ควรให้ยาวเกินกว่าช่วงระยะหายใจครั้งหนึ่งๆ
คือควรให้อ่านได้ตลอดวรรคแล้วหยุดหายใจได้โดยไม่ขาดจังหวะ
ดูตัวอย่างได้ในหนังสือ เวสสันดรชาดก

ร่ายยาวนี้ใช้แต่งเทศน์หรือบทสวดที่ต้องว่าเป็นทำนอง เช่น เทศน์มหาชาติ เทศน์ธรรมวัตร
เมื่อจบความตอนหนึ่งๆมักลงท้ายด้วยคำว่า :- นั้นแล, นั้นเถิด, นี้แล, ฉะนี้แล, ด้วยประการฉะนี้
คำว่า "นั้นแล" นั้นนิยมใช้เมื่อสุดกระแสความตอนหนึ่งๆหรือจบเรื่อง
เมื่อลง "นั้นแล" ครั้งหนึ่งเรียกว่า "แหล่" หนึ่ง ซึ่งเรียกย่อมาจากคำ "นั้นแล" นั่นเอง
เพราะเวลาว่าทำนองจะได้ยินเสียง "นั้นแล" เป็น "นั้นแหล่"

=====

หากเรานำเกณฑ์มาปรับใช้กับ กลอนเปล่า
ก็อาจกล่าวได้ว่า

การแต่ง กลอนเปล่า ต้องรู้จักเลือกใช้ถ้อยคำ
และ (สัมผัสใน - มีหรือไม่ก็ได้) ให้มีจังหวะรับกันสละสลวย
เมื่ออ่านแล้วให้เกิดความรู้สึกมีคลื่นเสียงเป็นจังหวะๆอย่างที่เรียกว่า "เสียงดิ้น" หรือ "เสียงมีชีวิต"
จำนวนคำที่ใช้ในวรรคหนึ่งก็ไม่ควรให้ยาวเกินกว่าช่วงระยะหายใจครั้งหนึ่งๆ
คือควรให้อ่านได้ตลอดวรรคแล้วหยุดหายใจได้โดยไม่ขาดจังหวะ



หัวข้อ: Re: กลอนเปล่า (Free verse)
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 09 พฤศจิกายน, 2561, 08:52:16 AM
ในห้องใหญ่นั้น
วิญญาณอันตื่นรู้
ซ่านทั่วอณูร่างกาย
ตระหนักถึงเสียงแห่งหิวกระหาย
ซึ่งคงความวุ่นวาย

ตัดสะบั้น ตัดสะบั้น
ทันที


* บันดาลใจจาก
คุณ ผู้ชนะสิบเอ็ดทิศ
pantip.com/topic/38244958


หัวข้อ: Re: กลอนเปล่า (Prose poetry)
เริ่มหัวข้อโดย: share ที่ 09 พฤศจิกายน, 2561, 04:06:12 PM
"เกิดมาเยี่ยงกษัตริย์ขัตติยราช
แต่อนิจจา...อนาถนัก
ต้องพลัดพรากถิ่นฐานแหล่งกำเนิด
ซมซานพเนจรไปทั่วเขตแคว้นแดนกันดาร
ทุกหุบห้วยละหานลำเนาไพร
ข้าบุกบั่นไปปิ่มเลือดตากระเด็น
มีดวงดารากรแทนประทีปส่อง
ฝากอนาคตไว้กับหมู่เมฆอันเลื่อนลอย
สุริยา...ประทานพลังฤทธิ์ให้แก่ข้า
จันทราเปรียบเสมือนเพื่อนใจ
หากสวรรค์ส่งข้ามาเกิดจริงแล้วไซร้
ข้าคงกลับคืนไปสู่เจ้าได้สมจินต์
รอข้าก่อน อาณาจักรสีทอง อันผ่องใส
"รอข้าก่อน" ...ประชากรทั้งหลาย และ
"รอข้าก่อน" ...ศัตรูหมู่อมิตร
"ข้า" กำลังจะกลับไป...กลับไป...กลับไป..."

พนมเทียน

 
แงซายมุ่งมั่นที่จะกลับมาตุภูมิ
เพื่อกอบกู้เอกราช  อิสระภาพของชาวมรกตนคร

จากคุณ : Par&Par   Pantip
14 พ.ค. 50