หัวข้อ: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 28 สิงหาคม, 2560, 09:34:04 AM
โปรยปราย
กลิ่นดอกไม้โชยลมหอมห่มฟุ้ง ถักทอรุ้งเมฆม่าน สานอักษร ร้อยมาลัยสวยสมประนมกร สื่อสุนทรบริบทพจมาน
อาบอารมณ์คมคายลวดลายศิลป์ เกริกกวินร้อยรับร้องขับขาน ล่องลอยไปกับฝันอันเบิกบาน สู่วิมานเมืองแมนผืนแผ่นฟ้า
อยากจะเอ่ยคำรัก...สลักชื่น ใช่ดาษดื่นพลิกพลิ้วแค่ชิวหา หากรินหลั่งเอ่อล้นท้นอุรา ปราศจากมายาพร่าเคลือบแคลง
คำบอกรัก...แค่รัก ใช่จักต้อง คิดครอบครองคลั่งไคล้ใคร่แสวง ฤาต้องการรักตอบมอบสำแดง อาบพรายแสงแห่งรัก...ประจักษ์พอ
Soul Searcher Inspired to write 28/8/2017
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: Wirin ที่ 28 สิงหาคม, 2560, 01:17:43 PM
:30:
กลิ่นดอกแก้วแถวบ้านเบ่งบานฟุ้ง หอมจรุงยวนใจตอนใกล้ค่ำ ยืนชะแง้แลเห็นเป็นประจำ ทุกถ้อยคำที่เล่าเคล้าดวงจินต์
สื่อสุนทรกลอนกลั่นรันจวนพริ้ม ด้วยรอยยิ้มเปื้อนหน้าคราได้กลิ่น หอมไหนเลยจักเท่าเฝ้าโบยบิน ภูมรินหลงไหลไต่ดมดอม
อาบอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ฤดีเร้า แม้ยามเหงาบางครามาเห่กล่อม ชวนอิงแอบแนบชิดนิดนึงยอม อยากจะน้อมค้อมกิ่งอิงอุรา
สู่วิมานเมืองแมนแดนสวรรค์ มิรู้คืนรู้วันจันทร์ส่องหล้า ระยิบดาวพราวพร่างกลางนภา โชยผกาเอื่อยเอื่อยเรื่อยตามลม
คำว่ารักรักนั้นพลันวาบหวาม กี่โมงยามอย่าหมายจะกลายขม ถึงไม่รักไม่ตอบมอบเกลียวกลม ขอผูกปมรักแน่แม้รางเลือน
วิริน
๒๘/๖/๖๐
:30:
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 28 สิงหาคม, 2560, 04:18:20 PM
คำหอมหวนทวนลมพร่างพรมเอ่ย ดุจหอมเปรยมิร้างสร่างเสมือน แม้คืนวันผันผ่านเนิ่นนานเยือน ยังหอมเตือนตรึงจิตชิดมิวาย
หากเรียงตามนิยามความเบาหนัก ฤาบอกรักจากใจใครว่าง่าย หากเพียงหลงรูปลมคารมพราย สิจักหน่ายมิช้าพร่าเลือนจาง
แม้นว่ารักบทกวีศรีอักษร จักร้าวรอนไปไยให้หม่นหมาง ยามโศกเศร้าเหงาทรวงล่วงใจบาง คลายอ้างว้างหว่างรสพจนา
โลมกวีโปรยปรายรำบายฟุ้ง หมายผดุงเศษซากยากนักหนา พิสูจน์ไร้เคลือบแคลงแฝงมายา พรรณนา...ด่ำรัก...สลักริน
Soul Searcher Inspired to write 28/8/2017
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: Wirin ที่ 29 สิงหาคม, 2560, 09:03:20 AM
:30:
คำหอมหวานซ่านซึ้งคนึงหา ปานชีวาอิ่มอุ่นกรุ่นถวิล ยามสายลมโชยผ่านม่านเมฆินทร์ ธรณินทร์รู้สึกนึกคร่ำครวญ
แม้นหอมเตือนเบือนปิดมิผิดแผก อาจจำแนกแยกได้ในบางส่วน มะโนน้อมย่อมคิดจิตรัญจวน ทุกสิ่งล้วนสร้างสุขลืมทุกข์ไป
ถึงจะเรียงนิยามความเบาหนัก อันว่ารักรักมั่นแสนหวั่นไหว มีกี่คนกันเล่าจักเข้าใจ สี่ห้องดวงฤทัยยังไร้แวว
จึงหันมาหากวีคีตศิลป์ มิยลยินเรื่องเก่าเราเคยแกร่ว เลิกมัวเมาเช้าสายคล้ายหมดแนว เลิกกินแห้วแล้วหนอขออำลา
ยามโศกเศร้าเหงาทรวงทุกช่วงช้ำ เขียนกลอนย้ำบ่อยบ่อยไว้คอยท่า บรรยายความแต่ต้นด้นวาจา เป็นภาษาสื่อรักจากดวงจินต์
วิริน
๒๙/๘/๖๐
:30:
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 30 สิงหาคม, 2560, 10:03:03 AM
ลมโชยกรุ่นกลิ่นกรายกับสายฝน รสสุคนธ์ครวญคร่ำด่ำถวิล ชูกลีบช่อแย้มเยื้อนเย้ยเกลื่อนติณ ก่อนตกดินร่วงลาคราสิ้นแรง
เฉกคำหอมหอมหวนรัญจวนจิต กับลิขิตขื่นขมทมแสลง ก็มิต่างสร่างสิ้นจินต์สำแดง ย่อมเปลี่ยนแปลงผันแปรแลเปลี่ยนไป
หากชื่นรสพจน์คมคารมรัก จนมิหักห้ามจิตคิดหวั่นไหว เมื่อคราสิ้นมนต์ขลังภวังค์ใน คงมิอาจทำใจอาลัยครวญ
โลมกวีโปรยปรายให้หมายชื่น หากหมายอื่นค่าลดพจน์กำสรวล คงเป็นเพียงฉอเลาะเสนาะชวน เล่นสำนวนคารมคมคายคำ
ใคร่ขอเชิญมวลมิตรลิขิตเคล้า ใช่เพียงเย้าหยอกยวนชวนถลำ เรียงประดิษฐ์ชิดช้อยร้อยลำนำ ประทับความทรงจำล้ำค่าเทอญ
Soul Searcher Inspired to write 30/8/2017
ป.ล. กระทู้เฮฮา มีเยอะแล้วครับ มาช่วยกัน "โปรยปราย" สักกระทู้นะครับ
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 31 สิงหาคม, 2560, 09:14:49 AM
รำพึงรำพันร้อย เคลิบเคลิ้มคล้อยคร่ำครวญหา วูบไหวเมื่อไกลตา อุราหวั่นพร่าพรั่นใจ
น้ำคำจำนรรจ์เอ่ย ฤ เปิดเผยซึ่งความนัย สายธารผ่านรินใด บอกลึกหยั่งหลั่งเชี่ยวชล
นิราศร้างแรมรอน พจน์สุนทรกาพย์กลอนกล ยอกย้อนรุ่มร้อนรน ยลยั่วเย้าฤาเคล้าคลอ
บุพบรรพ์บาปเบื้อง บันดาล อดีตชาติรุกราน รุ่มเร้า น้ำคำดั่งสายธาร ลึกหยั่ง ฤาจิตหวังยั่วเย้า หยอกล้อโลมขวัญ
ไกลกันแม้นต่างฟ้า ธรณิน สูงผ่านข้ามเมฆินทร์ ถิ่นเจ้า ต้อยต่ำภาคพื้นดิน กำเนิด ข้าเฮย เพียงคิดขมขื่นเศร้า ไขว่คว้าเกินฝัน
รำพันคล้องจิตร้อย เรียงกัน ปะเหลาะเพราะใจมัน เรียกร้อง หวังโยงผูกสัมพันธ์ สานสื่อ พร่างพจน์พาทีคล้อง บ่วงรั้งทรวงสมร
วอนเพรงบุญโอบเอื้อ อุ่นเนา เพรงบาปยั้งบรรเทา คลาดแคล้ว ให้โอกาสสองเรา หวนสู่ เคียงชื่นสมสุขแพร้ว จวบสิ้นกัลป์สมัย
มาลัยพริ้งเพริศพร้อย มวลภมร ย่อมต่างไหวหวั่นคลอน เคลิบเคลิ้ม ขอคงมั่นบังอร จงหนัก แน่นนา มิปล่อยเผลอหยาดเยิ้ม ถักถ้อยลามถึง
คำนึงอาบเฟื่องฟุ้ง ฟูมฟาย เหตุพร่ำพรรณราย ฝากเจ้า เพื่อเป็นนิมิตหมาย ประจักษ์ แจ้งเนอ คำตอบน้อย จักเฝ้า ตราบสิ้นชันษา
ครวญคำด่ำพินิจ หวังพึงพิจารณา ใช่พลิกพลิ้วชิวหา อุราท้นดลจิตร้อย
หากพากย์ฝากฤาใช่ พากย์อื่นไซร้ที่ใจคอย ชอกช้ำน้ำตาปรอย ฝังรอยบาปตราบสิ้นกาล
Soul Searcher Inspired to write 29/9/2017
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 04 กันยายน, 2560, 08:20:53 AM
ลมหวนทวนอดีต กวะกรีดกลางแดดวง อ่อนไหวฤทัยล่วง ลึกฝังไว้ในทรงจำ
ล่องลอยลมโปรยปรายกับสายฝน เปียกปอนกายสกนธ์จนชุ่มฉ่ำ แล้วพลิกผันสู่ใจในครวญคำ พร่างฝนพรำประสมคมคายคลอ
สราญรื่นชื่นชมคารมขับ เคลิ้มสดับ อ้อยตาลช่างหวานหนอ มาลัยสร้อยดอกรักร้อยถักทอ หอมละออเฟื่องฟุ้งจรุงใจ
ปานสลักผักผลยลประณีต ปลายคมมีดกรีดริ้วช่างพลิ้วไหว บรรจงแกะเกลาเกี่ยวเชี่ยวชาญไว งามวิไลงานศิลป์กวินแล
พรรณนาพจน์พร้อยเป็นรอยรูป วาบไหววูบชิดชวนเย้ายวนแข ทิพย์โอสถชุบฟื้นขมขื่นแปร สมานแผลลึกร้ายรายเรียงร้าว
ผิว์แม้นปลื้มปรารมภ์เพียงห่มฝัน ประโลมขวัญจันทร์จวงแห่งห้วงหาว เชลงรดรินหลั่งเพียงครั้งคราว มิยืนยาวเยื้อนอุษาก็ราโรย
จะเอื้อนอรรถก็ละม้ายคล้ายวิหค บินโผผกหวนไห้อาลัยโหย ครั้นปลดเปลื้องข้องขัดรัดรึงโปรย ก็โบกโบยคืนถิ่นผินจากลา
อาจมีเพียงเท่านี้ที่จักขอ มิต้องรอสมมาตรปรารถนา แม้นมิสบสมหวังดั่งอุรา อาบชีวาสร้างเสริมเติมพลัง
ถึงมาดแม้นชาติชราเยื้อนมาสู่ จากเลิศหรูงดงามยามสพรั่ง ฝากริ้วรอยขีดข่วนให้ชวนชัง วจียังยืนยงคงสะคราญ
มุ่งค้นหานิยามของความรัก มิตระหนักไออุ่นละมุนหวาน เปิดใจรับกับกวีคลี่เบ่งบาน สุขสำราญเกินกว่าสาธยาย
จึงแต่งองค์ห้อมห่มอารมณ์ศิลป์ อาบกวินจินต์ฝันรำพันผาย ประดิษฐ์ร้อยสร้อยเสียงเรียงจำราย ด้วยจิตหมายเพียงเพื่อเอื้อจำนรรจ์
หากคำนำเรียงร้อย มิอ่อนช้อยด้อยประพันธ์ สลดพจน์จาบัลย์ พลันเจียมจิตลิขิตจาร
ผิว์แม้นเพียรประดิษฐ์ ตราตรึงติดสถิตมาน กึกก้องซ้องกังวาน ผสานซึ้งคะนึงคลอ
Soul Searcher Inspired to write 4/9/2017
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 19 กันยายน, 2560, 09:38:24 AM
"หากอาทิตย์ลับโลกโศกสลด" คลุ้มมืดหมดคลี่แผ่ซ่านแห่ห้อม หวาดประหวั่น แข็งขืนฝืนประนอม พยักพร้อมน้อมรับกับห้วงกาล
เยื้องเหยียบย่างค้างคารอยบ่าบั่น ข้ามคืนวันผันเวียนเปลี่ยนฉากม่าน บนหยาดหยดน้ำตาอุราธาร ท่วมถั่งท้นดวงมานร้าวรานนัก
ยลเงารูปวูบไหวใจกระหวัด แย้มเยื้อนอรรถวลีกวีถัก สื่อสวัสดิ์สวาสดิ์พาสามิภักดิ์ เฟื่องฟูมฟักเสกศิลป์จินต์บันดล
อันรักเกิดครั้งใด ใครว่าง่าย ว้าวุ่นวายตื่นหลับคล้ายสับสน รู้ทั้งรู้สุขทุกข์คลุกเคล้าปน แปลกกมลมิคลาย แหนงหน่ายรัก
ครั้นจะเติมแต่งสี ฤ มีสิทธิ์ นิรมิตงดงาม คร้ามตระหนัก ไล้เรื่อแดงแซมปรางสำอางลักษณ์ สะท้อนทักทายคำร่ำพาที...
ฤารักเอย...ผูกเย้า ยวนปม เบือนปิดช้ำระบม ปกป้อง ปรารภกี่ปรารมภ์ ขมขื่น มิอาจขืนติดข้อง เสียดค้างปลายศร
หวานกลอนรักชื่นช้อย ชีวี คล้อยเคลิบเคลิ้มพาที พริบแพร้ว คลายหมองหม่นฤดี หดหู่ เปิดประตูใจแล้ว สลัดเปลื้องปลายศัลย์
Soul Searcher Inspired to write 19/9/2017
|
MR-m3wLwM2Y
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 19 กันยายน, 2560, 06:40:05 PM
รำพันทุกค่ำเช้า ร้าวหรือ ผิร่ายคิดคำคือ เสกสร้าง อาจประหนึ่งสองมือ มากว่าง จึงเร่งโศลกร้าง รักได้ห่างหาย
สิริวตี :27:
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 20 กันยายน, 2560, 08:56:05 AM
โปรยปรายเพี้ยงปลดเปลื้อง บ่วงบรรพ์ สลักเพ้อรำพัน พร่างพร้อย อารมณ์ห่มหอบฝัน ฟุ้งเฟื่อง เหินห่างรักมากน้อย หยั่งรู้ฤาไฉน
Soul
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: Wirin ที่ 20 กันยายน, 2560, 11:42:26 AM
:30:
หอมกลิ่นกรุ่นละมุนใจในทรวงลึก ยิ่งตกดึกนึกหวนรัญจวนไหม สายลมพัดแผ่วผ่านสะท้านใจ เยือกเย็นไหวหวั่นอกหมกมุ่นทรวง
มองดวงดาวพราวพร่างกระจ่างฟ้า เห็นเมฆาลอยล่องท่องแดนสรวง ระยิบระยับวับแวมแซมเดือนดวง อยู่ในช่วงปลายฝนปนเหมันต์
วิริน ๒๐/๙/๖๐
:30:
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 21 กันยายน, 2560, 11:15:27 AM
เหม่อมองดาวพราวฟ้านภาแจ่ม ระยิบแซมแสงนวลช่างชวนฝัน ต่างดวงแดแต่ทว่าฟ้าเดียวกัน ท่ามคืนอันรัญจวนยวนใจคิด
เข้าปลายฝนต้นหนาวยาวนานเปลี่ยว ไร้แลเหลียวเดียวดายทั้งกายจิต จับปากกากระดาษวาทพินิจ แล้วลิขิตรำบายโปรยปรายฟุ้ง
Soul
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: Wirin ที่ 21 กันยายน, 2560, 04:37:58 PM
:30:
ประกายดาวคราวค่ำช่างฉ่ำฟ้า เหล่าดาราเรียงรายบนปลายรุ้ง นั่งเหม่อมองหมองหมางกลางเมืองกรุง ยินเสียงยุงบินว่อนร่อนลงมา
กัดเจ็บเจ็บคันคันขยันนัก เปรียบเหมือนคนมีรักจักโหยหา มิเข็ดหลาบวาบหวามยามนิทรา พร่ำเพ้อหาบ้าใบ้ในราตรี
วิริน ๒๑/๙/๖๐
:30:
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 22 กันยายน, 2560, 05:52:49 PM
หอมดอกรักปานหญิงคงจริงอยู่ จึงตราตรูตรึงติดสนิทคลี่ เคล้าคลึงมานซ่านซึ้งรึงฤดี สุดเหลือที่จะปรามห้ามหักใจ
ยามสัมผัสเนื้อนวลนิ่มอวลอุ่น ช่างละเมียดละมุนว้าวุ่นไหว เต้นระทึกตึกตึกลึกทรวงใน เย้ายวนไกลโผผินจินตนา
Soul
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 22 กันยายน, 2560, 05:57:25 PM
หฤหรรษ์ไพเราะเสนาะโสต วลีโปรดแนบชิดสนิทห้วง หทัยอาบซาบซึ้งหนึ่งแดดวง ไร้ผู้ล่วงหวงแหนแดนคะนึง
ขาดอาทิตย์ลับโลกวิโยคแล้ มิอาจเทียบเปรียบแม้แต่ค่อนครึ่ง หากต้องจากเจ้าไปไกลตราตรึง คงจักถึงอวสานก่อนกาลควร
แล้วละหรือเพลงกานท์คำหวานรัก จึงเพียงจักจำนรรจ์นัยผันผวน โปรยพร่างพจน์พรมเช่นเล่นสำนวน เย้าหยอกยวนชิดชู้เพียงครู่ยาม
ยืนมองฟ้าครึ้มฝนทนหนาวเหน็บ เดือนดาวเก็บกายเงียบยะเยียบย่าม แต่ไออุ่นคุ้มอกป้องปกปราม เงื้อมงดงามสดับร้อยสร้อยอาภา
เพราะมีใจดวงเดียวหมายเกี่ยวคล้อง จึงเมินปองอื่นภักดิ์อารักขา ขอคุ้มป้องเพียงขวัญกัลยา ตราบทิวาราตรีพลีทะนง
แม้ค่ำนี้ไร้ดาวในราวฟ้า อวลอุราเต็มตื้นรื่นประสงค์ จักวาดดาวพราวพร่างอย่างบรรจง จรัสแพร้วธำรงยงยั่งยืน ดาววาดมือด้อยงามนิยามศิลป์ หากห่มจินตนาการอันหวานชื่น จักสว่างย่างวันยันย่ำคืน ลบกล้ำกลืนขื่นขมทมเดียวดาย
หอมไอดินกลิ่นแก้วในแนวพฤกษ์ แม้ยามดึกตรึงตรามิราหาย ประหนึ่งคำรักมั่นจนวันวาย มิคืนคลายแม้กาลล่วงผ่านเลย
ละลิ่วลมพัดพายสายฝนฉ่ำ ช่วยพัดนำคำรักจากอกเผย รสสุคนธ์หอมชื่นรื่นรำเพย ช่วยชดเชยหอมรักสลักมาน
จากหนึ่งทรวงห่วงไห้อาลัยหา เพียงภาษาแห่งใจใคร่ประสาน ประภาษอื่นดื่นใดไหนเปรียบปาน เทียบฉ่ำหวานแห่งรักประจักษ์ใจ
ประภาษรักหยดย้อย ประพันธ์ ฝนพร่างพรมฉ่ำปัน ชุ่มชื้น เหมือนหลับอยู่ในฝัน ทุกขณะ มิอยากปลุกให้ฟื้น จากฟุ้งเฟื่องศิลป์
สลิลสลักสร้อย สราญ ลิขิตพลิ้วดั่งธาร เปรียบได้ ความรักเฉกตำนาน ลือลั่น ขอฝากเคียงคลั่งไคล้ ด่ำด้วยเรียมขวัญ
Soul Searcher Inspired to write 22/9/2017
JCTGdB9H-6k
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 22 กันยายน, 2560, 07:25:00 PM
อยากจะหวานกว่าหวานยามเธอใกล้ อยากจะให้และให้โดยไม่หวง เธอมาก่อกองไฟใจทั้งดวง ความเหน็บหนาวร้าวล่วงอันตรธาน
ความโศกเหงาเนิ่นนานและแนบแน่น เธอกระเทาะถึงแก่นให้พ้นผ่าน ปลอบประโลมหัวใจในวิญญาณ ทุกสิ่งบนพื้นฐานของความรัก
สิริวตี
มาร่วมเพ้อ ขออภัยไม่ต่อกลอนด้านบน แหะๆ
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 23 กันยายน, 2560, 08:14:04 AM
ฤาหวานอื่นดื่นเล่าเท่าหวานรัก เกินจะหักห้ามจิตพิสมัย ชโลมหวานอาบซึ้งหนึ่งฤทัย ขื่นอาลัยครั้งหวานถึงกาลลา
ยามโศกเศร้าเหงาทรวงในห้วงลึก เพียงน้อมนึกในฝันรำพันหา ดุจลมรักหวนคืนรื่นรมย์พา สุขนิทราชื่นบานหวานรักเชย...
Soul Searcher Inspired to write 23/9/2017
ป.ล. ขออภัยที่กลอนไม่ต่อสัมผัสข้างต้น
hC2v8ma1CvM
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 26 กันยายน, 2560, 05:35:12 PM
แม้อ้อยตาลหวานจางเมื่อสร่างลิ้ม ประไพพริ้มพจน์พร่างมิสร่างสรวง ภวังค์รักหวานซึ้งเพียงหนึ่งทรวง ดุจโชติช่วงสุริยันมั่นอัมพร
เสมอต้นเสมอปลายมิหน่ายฟ้า แย้มอุษาสวาสดิ์รักเมินพักผ่อน บรรสานศัพท์เสกศิลป์จินต์กำจร เรืองสุนทรฉ่ำรสพจมาน
อันรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส ชวนกระหวัดไหววาบกำซาบซ่าน ยากจะหาสิ่งใดไหนทัดทาน กี่ร้าวรานขื่นขมระทมยอม
หากอักษรย้อนยอกซอนซอกพิษ คงเพราะติดหลงรูปเพียงจูบหอม จึงแปรเปลี่ยนความนัยไพล่ประนอม ทิ้งตรมตรอมครั้นกาลล่วงผ่านลา
หวังก้าวข้ามผัสสะมนแพร้ว แต่มิแคล้วตรึงติดกนิษฐา ร่ำรัญจวนชวนฝันพรรณนา ชื่นชีวาชดช้อยในรอยคำ
เหตุมิได้พานพบประสบพักตร์ จึงใช่รักวาบหวามคมงามขำ พิสุทธ์แพร้วเพียงพจน์ให้จดจำ พร้องลำนำไพเราะเสนาะยล
สุคันธรสรวยรื่นชื่นอกล้วน ฟุ้งอบอวลกำจายขยายหน ผลาญไอแดดแผดเผาเร่าร้อนรน พาลร่วงหล่นสูญสิ้นกรุ่นกลิ่นครัน
หากชดช้อยสุมามาลย์ยืนผ่านภพ คงเพราะหลบหลีกร้างในหว่างฝัน ยั้งสวยสดแย้มยลอุบลวรรณ เคล้าคนธรรพ์บรรเลงไล้เพลงพิณ
จะหาชื่นหมื่นแสนฤาแม้นมาด หากต้องคลาดหอมห่มคมคายศิลป์ กี่สดับนับครั้งกังวานยิน บรรเจิดจินต์พรมพร่างลงหว่างใจ
เพียรพจน์พร่ำรำพันจำนรรจ์นี้ สุดเหลือที่ฝืนประหม่าเปรยปราศรัย หากสัมผัสล่วงซึ้งหนึ่งทรวงใน อุ่นอกไอซึมซาบตราบเท่านาน
ดารกะเพียบพร้อย อาภา ฤาเปรียบแม้จันทรา เพริศแพร้ว พราวพร่างหว่างเวหา เกลื่อนกล่น ประดับกลางใจแล้ว กระจ่างไร้ใดเสมือน
แชเชือนเยือนยั่วเย้า รสสุคนธ์ หลายหลากมากปลอมปน แปดเปื้อน เหลือเพียงหนึ่งกมล สัมผัส โยงจิตลิขิตเยื้อน หยดย้อยในรอยศิลป์
Vnvy7ch_nR0
...ฤาฟ้ากางกีดกั้น ทำลาย บ่มรักบ่ มิคลาย หน่ายร้าง บำราศล่มสลาย สรรพ์สิ่ง ฤาเปลี่ยนปดพจน์มล้าง จากห้วงหทัยถวิล...
Soul Searcher Inspired to write 26/9/2017
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: Wirin ที่ 27 กันยายน, 2560, 09:00:28 AM
:30:
โปรยปรายปนเปรอะเปื้อนเรือนร่างหนอ ผ้าสีมอทอถักจากทั่วถิ่น สวมสอดกอดเกี่ยวเหลียวแลดิน ธรณินทร์ร่ำร้องต้องปราชัย
ปกป้องปัดไปไกลสุดกู่ อู้ฟู่ฟูฟ่องอย่าหมองไหม้ รื่นเริงรำร่ายสบายใจ นอนแนบนางสว่างไสวในทรงจำ
วิริน ๒๗/๙/๖๐
:30:
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 28 กันยายน, 2560, 02:58:32 PM
โปรยปรายร่ายพจน์ ชมดชม้อย มิน้อยมิมาก เพียงอยากร่ำ ลีลาทึบทึม เพรื่อพึมพำ ทนฝืนกลืนกล้ำ อย่ารำคาญ
นักกลอนฝึกหัด มีขัดข้อง ระทดจดจ้อง ริลองหวาน ได้แต่เมียงมอง อยู่สองนาน ปลดเปลื้องโปรดปราน หว่านโปรยปราย
โปรยปรายร่ายพจน์พร้อย มิมากน้อยร้อยเรียงคำ ลีลาโพล่งพึมพำ เพรื่อพร่ำบ่นล้นรำคาญ
นักกลอนผู้อ่อนหัด เหมือนข้องขัดปัดรังควาน เอื้อนอรรถมิจัดจ้าน เจียมจิตร้อยปรอยโปรยปราย
Soul |
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: Wirin ที่ 28 กันยายน, 2560, 03:50:32 PM
:30:
โปรยปรายรายเรียงร้อยเริงร่ำ เสียงใครบ่นพึมพำค่ำยันสาย ระวังหน่อยเถิดหนาบ้าน้ำลาย นอนฟูมฟายหมายมองต้องหมางเมิน
เป็นนักกลอนฝึกหัดจัดเข้าที่ มิเห็นมีเรื่องไรให้ขวยเขิน จะแต่งแต้มต่อถ้อยมิน้อยเกิน รุดเร่งเดินตุ่มตุ่มกลุ้มกบาล
วิริน ๒๘/๙/๖๐
:30:
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 04 ตุลาคม, 2560, 11:42:59 AM
ใคร่ลองตอบคำถามนิยามรัก พอรู้จักรู้จำ นำเสนอ จากอดีต ความฝัน ผันผ่านเจอ เคยพร่ำเพ้อรำพัน ครั้งวันเยาว์
ความรักคือสรรพสิ่งในมิ่งหล้า คือแผ่นผืนพสุธา พงป่าเขา คือสายธาร สายลมห่มพัดเบา คือริ้วเงาไอแดดแผดพาดลาน
คือสายตารัญจวนหวนกระหวัด คือสัมผัสไออุ่นละมุนสาน คือกลิ่นแก้มเคลียเคล้าเยาวมาลย์ คือแว่วหวานคำรักสลักริน
คือทุกสิ่งทุกอย่าง ยามพร่างแพร้ว สู่แน่แน่วหนทางมิร้างถิ่น คือเจ็บปวดรวดร้าวด่าวชีวิน ยามพังภินท์พลัดพรากเลือนจากลา
ยากที่จะอธิบายให้คลายข้อง คงจักต้องพานพบประสบหนา เนาแนบซึ้งทรวงชิดจิตวิญญาณ์ จึงรู้ค่าแห่งรักประจักษ์จริง
Soul Searcher Inspired to write 2/10/2017
ป.ล. ขออภัยที่กลอนไม่ได้ต่อข้างต้นครับ
LH3Yw8ENnMk
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 07 ตุลาคม, 2560, 10:03:49 PM
นั่งอมยิ้มกับลมพัดพรม หว่าง- เวิ้งฟ้ากว้างเจือหม่นบนความหวัง ริ้วเมฆเทาเยื้องเหยียดเข้าเบียดบัง แต่ฟ้ายังงดงามเคล้าครามปน
อันรักหนึ่งฤาไซร้ใช่เพียงหวาน จักยาวนาน ข้ามยากลำบากหม่น หากแม้นรัก มิหมดความอดทน เจตจำนนยินยอม ใช่ตรอมตรม
ยามหวานรักย่อมหวานสราญชื่น ครั้นยามอื่นจำพร้อมยอมกลัดขม คาดหวังรักอย่างใจไร้ระทม จักลาญล่มจมลงมิยงยืน
แต่ถ้ากลัวเกรงรักจนหนักจิต ผูกลิขิตเงื่อนปมยั้งขมขื่น คงมิแคล้วเปลี่ยวเหงาเช้ายันคืน คล้อยดึกดื่นพรั่นพจน์สลดคำ
นวลจันทร์แรมแซมช่อ ละออพลิ้ว พัดปลิดปลิวดอกโศกวิโยคฉ่ำ แล้วพัดพาดอกรักมาปักชำ หว่างทรงจำสองใจไม่รู้ลืม
โอ้ความเหงาเบาบางเหมือนพรางหมอก มาเยื้อนหยอกชวนหลงพะวงปลื้ม แต่หมอกเป็นเช่นเงาเย้าหยิบยืม ดลด่ำดื่มเช้าตรู่เพียงครู่ยาม
ฤาใคร่ขวางครรลองของชีวิต หากจุมพิตหอมหวนยวนใจถาม ฤาควรปล่อยสวยสดซึ้งงดงาม เหมือนเมินมองฟ้าครามในยามเย็น
โอ้ความเหงาฉุดรั้ง...........ดวงมาน เหยียบย่ำช้ำยาวนาน........เหนื่อยล้า ดึกดื่นตื่นร้าวราน..............มิหลับ คอยหยอกยวนเหว่ว้า........จวบแจ้งอุษาสาง
เลือนรางคำรักเรื้อ............เพียงเงา ผิวแผ่วพัดบางเบา............หากแม้ บอกรักเพราะความเหงา....ฤาจัก คงมั่นคำรักแท้.................ผ่านแผ้วมรสุม
Soul Searcher Inspired to write 7/10/2017
jcwx-VWnpdk
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: ❀ Sasi ❀ ที่ 08 ตุลาคม, 2560, 11:42:43 AM
ยินข่าวเธอชอกช้ำระกำจิต เพราะหลงคิดรักสาวพราวสดใส อกชายแก่แปรปรวนป่วนทรวงใน หน้าหมองไหม้ระทมนั่งอมทุกข์
สมน้ำหน้าบ้าหนักรักสาวรุ่น ดั่งนายทุนทุ่มยิกทำหลิกหลุก มันมิง่ายอย่างคิดพิษจึงซุก หลบนั่งขลุกซังกะตายระบายพจน์
โอติ๊เลงเต่งตุมกุมขมับ คงปวดตับต่อมไตใจหู่หด เถอะจำไว้ให้ดีที่ท้อทด เจ็บทั้งหมดเหมือนฉันนั่น...วันเธอทิ้ง
ดิน
:29:
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 08 ตุลาคม, 2560, 05:24:31 PM
คุยโขมงโฉงเฉงละเลงข่าว คุ้งแควฉาวหนุ่มใหญ่อาลัยหญิง ที่โอดโอย”โปรยปราย” ใช่หน่ายอิง แค่ฟรุ้งฟริ้งหัวใจ ลั่นใส่กลอน
มิเคยทั้งแสร้งจีบ, โดนถีบทิ้ง ทำทุกสิ่งจริงใจมีให้ก่อน หากคิดผูกสัมพันธ์ มั่นมิคลอน ฟ้าสิรู้เว้าวอน...อ้อนส่งใคร
Soul
:24:
หัวข้อ: ~* ลาวม่านแก้ว *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 09 ตุลาคม, 2560, 12:48:45 PM
~* ลาวม่านแก้ว *~
g2dIdaTqy-0
“...ล่องลอยเอ๋ย...จากพิมาน ข้ามสีทันดร...ตระการ สู่แคว้นแดนไทย...
ปิ่นจอมขวัญ ปักใจพี่มั่น...ตรึงหมาย กี่ชาติกี่ภพ...ไม่มีคลอนคลาย รักเจ้าไม่หน่าย....ไม่คลายจากกัน...”
แว่วคำหวานมิ่งแม้นจากแดนสรวง พลิกสู่ห้วงดวงจิตแนบชิดขวัญ แล้วซึมแทรกอารมณ์ห่มอานันท์ กับคำมั่นหมายซึ้งคะนึงมาน
ยลคำรักจากใจที่ไหวอ่อน ผูกอาวรณ์โลมไล้ใส่ผสาน บรรจงถักพ้องเสียงเผดียงกานท์ กำซาบซ่านหว่านลงตรงหว่างใจ
ดุจกำดัดพลัดหลงท่ามดงรัก มิอาจพักหักห้ามความหลงใหล ยินเสียงร่ำพร่ำเพรียกสำเหนียกใด ก็ล่องลอยตามไปในครวญคำ
วลีเอย...ดั่งศรีมณีแก้ว อาบเจื้อยแจ้วร่ายมนต์ดลชื่นฉ่ำ อวลไออุ่นฉมโฉมชโลมพรำ แฝงเงื่อนงำเร้นหวนชวนรำลึก
ยากแท้หนอล่วงซึ้งหนึ่งความคิด ต่างจริตต่างมองต่างตรองตรึก อาจเพราะเหงาพรางพิศจิตสำนึก ฤาบันทึกเพรงบุญหนุนเนื่องพา
คงต้องปล่อยใจฝันนั้นลอยล่อง วิมานท่องเที่ยวไปในเวหา อิสระความคิดจิตวิญญาณ์ จวบจนกว่าบุพกรรมชี้นำทาง
ล่องลอยเอย สู่เจ้า.........จอมวลี หอมชื่นรื่นฤดี...............มิ่งแล้ ผ่านภพชาติหามี...........วันหน่าย จงรักภักดีแม้................กี่เฝ้ารอขวัญ
สีทันดรจักข้าม..............นำพา เพื่อพบสบกานดา..........หนึ่งนี้ ปิ่นรักปักชีวา................ตรึงติด คงมั่นมิห่างลี้................จวบเคล้าเคียงขวัญ
Soul Searcher Inspired to write 9/10/2017
|
หัวข้อ: ~* อาทิตย์อับแสง *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 20 ตุลาคม, 2560, 09:38:23 AM
ระลอกลมลิ่วคว้างหว่างความคิด โรมรันทั่วสารทิศไร้ปิดกั้น พิมานเมฆฟุ้งฟ้าวิลาวัณย์ สารพันสารพัดปรัดปรารมภ์
เรื้อจันทร์แรมร้างหาราตรีหม่น ดาวร่วงหล่นสู่พื้นรื้นรานข่ม เยื้อนกลอนเก่าพร้อยพร่ำรำพันพรม เพียงชื่นชมชูช่อหล่อเลี้ยงใจ...
ลอยลมระลอกริ้ว.................รำเพย หวานแว่วอาบคุ้นเคย...........ออดอ้อน กลิ่นแก้มกรุ่นหอมเชย..........ชิดชื่น สุดจะฝืนดับร้อน...................ผากแผ้งคะนึงหา
จำปาลาวทัดเกล้า................แซมผม เริงรื่นหอมชื่นฉม..................แช่มช้อย ไออุ่นอาบผสม.....................อิ่มเอิบ นวลเอย ครวญคร่ำเรียงคำร้อย..........ฝากเจ้าจอมขวัญ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ขออัญเชิญ บทเพลงพระราชนิพนธ์ “~* อาทิตย์อับแสง *~” ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
FmPeddEYX8U
“...เคยชม...ร่วมภิรมย์ใจ ด้วยความรักจริงยิ่งใหญ่ ผูกพันหัวใจเรามั่น
รักเอย...เคยอยู่เคียงกัน ร่มเย็นมิเว้นวายวัน ด้วยความสัมพันธ์ยืนยง
ทิวางาม...ยามอยู่เคียงคง สุริยาแสงส่ง ปวงชีวิตในโลกดำรงเริงใจ
ร้างกัน...วันห่างไปไกล มืดมนหมองมัวปานใด เยือกเย็นเข็ญใจรัญจวน
ไกลกัน...พาพรั่นใจครวญ ร่างกายทรุดโทรมทุกส่วน จิตใจร้อนรวนแรงอ่อน
รักเอย...เลยกลับอาวรณ์ ค่ำคืนฝืนใจไปนอน ยิ่งดูเหมือนฟอนไฟลน
ทิวาทราม...ยามห่างดวงกมล สุริยาหมองหม่น ปวงชีวิตในโลกอับจนเสื่อมทราม
หวังคอย...คอยเฝ้าโมงยาม จวบจนทิวาเรืองงาม สบความรักยามคืนคง...”
hIdYedpqEEI
“...Blue day There's no sunshine. Why must you go away, Leaving me here alone?
My own. How I miss you With loving heart so true! That's why I feel so blue.
Dear one, What's the good of Days without the sun, Or peaceful nights Without the moon?
But soon No more blue day. Whenever I meet you Then all my dreams come true.
Blue day Gloomy blue day, When you are far away, Why must we be apart?
Sweetheart, Dear, I love you With all my heart, I do That's why I feel so blue.
My love, Skies are so grey, Cloudy up above, Dear won't you please Come back to me?
There'll be No more blue day. Again the sun will shine. That day I'll make you mine...”
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
“เคยชม...ร่วมภิรมย์ใจ” ด้วยรักจริงยิ่งใหญ่เกินไกลฝัน เหนือกำหนดนิยามความผูกพัน เกินกว่าค่าคำมั่น บรรยาย
“รักเอย...เคยอยู่เคียงกัน” มิเว้นวันคิดถึงคะนึงหมาย ผ่านภพชาติคลาดแคล้วมิคลอนคลาย ฤาแหนงหน่ายเนาอยู่คู่เคลียเคล้า
“ทิวางาม...ยามอยู่เคียงคง” จวบอาทิตย์อัสดงยังหลงเฝ้า แม้นว่าหลงเพ้อนั้นเพียงงามเงา งามรุ่มเร้ารานทรวงมิล่วงลา
“ร้างกัน...วันห่างไปไกล” หม่นฤทัยเทียวร่ำคร่ำครวญหา ป่านฉะนี้จอมขวัญกัลยา มิรู้ว่าเขษมสุขฤาทุกข์ทม
“ไกลกัน...พาพรั่นใจครวญ” ทุกอณูทุกส่วนล้วนขื่นขม ผินหมองฟ้าทึมเทายิ่งเศร้าตรม โชยแผ่วลมพัดพาดเหมือนขาดใจ
“รักเอย...เลยกลับอาวรณ์” ดั่งกองฟอนร้อนผลาญสุดทานไหว คอยชะเง้อแง้มแอบแนบอกใน มิบอกใครเพียงรู้แต่ผู้เดียว
“ทิวาทราม...ยามห่างดวงกมล” จำหมองหม่นสุริยาพร่าเลือนเหลียว เวิ้งเหว่ว้าอารมณ์ระทมเดียว แสนเปล่าเปลี่ยวโหยหาเอื้ออาทร
“หวังคอย...คอยเฝ้าโมงยาม” ยังครั่นคร้ามหัวใจไม่ถ่ายถอน รอคืนวันผันเปลี่ยนหมุนเวียนวอน นิรันดรดื่มด่ำ...ร่ำรักเปรย...
“อาทิตย์อับแสง”สิแล้ว...ใจเอย หอมฝากลมฝันเปรย.......ไป่รู้ คืนค่ำรำพันเผย..............ยามห่าง ยังชื่นชวนชิดชู้...............อุ่นเอื้อฤาไฉน
ไกลพรางกางกีดกั้น........พาที ไหววาสน์เหมือนอาจมี.....คราสคลุ้ม หนอทวยเทพปรานี..........พันผูก พรหมลิขิตโอบอุ้ม...........คลาดแคล้ว...คืนสรวง
Soul Searcher Inspired to write 20/10/2017
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: มนต์คำ ที่ 20 ตุลาคม, 2560, 11:17:41 AM
ทั้งคำกลอนและเพลงบรรเลงรื่น แม้ขมขื่นทุกคำที่ร่ำเผย ถ้อยรำพันผ่านลมพรมรำเพย คงมิเลยล่วงลับไปกับลม
เพลงกลอนงดงามมากครับท่าน
หัวข้อ: Re: ~* อาทิตย์อับแสง *~
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 20 ตุลาคม, 2560, 12:01:12 PM
ระลอกลมลิ่วคว้างหว่างความคิด โรมรันทั่วสารทิศไร้ปิดกั้น พิมานเมฆฟุ้งฟ้าวิลาวัณย์ สารพันสารพัดปรัดปรารมภ์
เรื้อจันทร์แรมร้างหาราตรีหม่น ดาวร่วงหล่นสู่พื้นรื้นรานข่ม เยื้อนกลอนเก่าพร้อยพร่ำรำพันพรม เพียงชื่นชมชูช่อหล่อเลี้ยงใจ...
ลอยลมระลอกริ้ว.................รำเพย หวานแว่วอาบคุ้นเคย...........ออดอ้อน กลิ่นแก้มกรุ่นหอมเชย..........ชิดชื่น สุดจะฝืนดับร้อน...................ผากแผ้งคะนึงหา
จำปาลาวทัดเกล้า................แซมผม เริงรื่นหอมชื่นฉม..................แช่มช้อย ไออุ่นอาบผสม.....................อิ่มเอิบ นวลเอย ครวญคร่ำเรียงคำร้อย..........ฝากเจ้าจอมขวัญ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Soul Searcher Inspired to write 20/10/2017
|
จำนรรจ์ขวัญฝากไว้ บทกวี ละลิ่วล่องวิถี หลับคล้าย เรียงอุระวจี มาเพื่อ ตอบนา ใจมิเคยโยกย้าย เกี่ยวคล้อยตามใคร สุขใดจะเท่านี้ ที่รัก วิสุทธิ์สามิภักดิ์ ถักร้อย ถนอมความประจักษ์ วิเศษ นี้นา โคลงนี้คือคำถ้อย เผื่อร้างห่างหาย สิริวตี ปล. คนเล่นเปียโน กะสีไวโอลิน รุ่นพี่วตีเอง ลุงชอบเหรอ
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 21 ตุลาคม, 2560, 09:19:45 AM
ทั้งคำกลอนและเพลงบรรเลงรื่น แม้ขมขื่นทุกคำที่ร่ำเผย ถ้อยรำพันผ่านลมพรมรำเพย คงมิเลยล่วงลับไปกับลม
เพลงกลอนงดงามมากครับท่าน
เพียงถ่ายทอดมนัสหมาย เป็นลายสือ เพียงฝึกปรือขีดเขียน พากเพียรบ่ม เพียงมีผู้พบพาน ได้อ่านชม เพียงเท่านี้อภิรมย์ สมใจแล้ว หากคำครวญชวนชื่น รื่นเริงภักดิ์ ร่วมทายทักพาที มิมีแผ่ว สบกวีไพเราะ เสนาะแพรว ฤาคลาดแคล้วร้อยเรียง เคียงจำนรรจ์ ...ขอบพระคุณสำหรับคำให้กำลังใจ และขอบพระคุณที่ให้เกียรติร่วมต่อกลอนครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ... Soul Searcher Inspired to write 21/10/2017
หัวข้อ: Re: ~* อาทิตย์อับแสง *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 21 ตุลาคม, 2560, 09:24:06 AM
ระลอกลมลิ่วคว้างหว่างความคิด โรมรันทั่วสารทิศไร้ปิดกั้น พิมานเมฆฟุ้งฟ้าวิลาวัณย์ สารพันสารพัดปรัดปรารมภ์
เรื้อจันทร์แรมร้างหาราตรีหม่น ดาวร่วงหล่นสู่พื้นรื้นรานข่ม เยื้อนกลอนเก่าพร้อยพร่ำรำพันพรม เพียงชื่นชมชูช่อหล่อเลี้ยงใจ...
ลอยลมระลอกริ้ว.................รำเพย หวานแว่วอาบคุ้นเคย...........ออดอ้อน กลิ่นแก้มกรุ่นหอมเชย..........ชิดชื่น สุดจะฝืนดับร้อน...................ผากแผ้งคะนึงหา
จำปาลาวทัดเกล้า................แซมผม เริงรื่นหอมชื่นฉม..................แช่มช้อย ไออุ่นอาบผสม.....................อิ่มเอิบ นวลเอย ครวญคร่ำเรียงคำร้อย..........ฝากเจ้าจอมขวัญ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Soul Searcher Inspired to write 20/10/2017
|
จำนรรจ์ขวัญฝากไว้ บทกวี ละลิ่วล่องวิถี หลับคล้าย เรียงอุระวจี มาเพื่อ ตอบนา ใจมิเคยโยกย้าย เกี่ยวคล้อยตามใคร สุขใดจะเท่านี้ ที่รัก วิสุทธิ์สามิภักดิ์ ถักร้อย ถนอมความประจักษ์ วิเศษ นี้นา โคลงนี้คือคำถ้อย เผื่อร้างห่างหาย สิริวตี ปล. คนเล่นเปียโน กะสีไวโอลิน รุ่นพี่วตีเอง ลุงชอบเหรอ มิคลายจางเจตสิ้น..........ระบิลรัก คงว่ายเวียนวนวรรค........กระหวัดซ้ำ เวิ้งกาลเนิ่นนานนัก..........หาหน่าย กอบเก็บรานบอบช้ำ........เชื่อมร้อยอักษร
เชลงกลอนปลดเปลื้อง......อารมณ์ สัมผัสผิวพรายพรม..........แผ่วพลิ้ว สดับคลื่นระทม................ขมขื่น ละล่องลอยตามริ้ว...........โศกสร้อยเสกสรร
จำนรรจ์ฤาอาจเพี้ยง.........เพลงวลี เก่งกาจแกล้วกวี...............กล่อมเกื้อ เสมือนมากฤทธี...............โน้มเหนี่ยว น้าวหนักคล้อยอ่อนเอื้อ....เคลิบเคลิ้มขับขาน
วันวานพ้นผ่านแล้ว..........มิไย หวนคิดโหยอาลัย............เกี่ยวคล้อง จำพรากห่างเหินไกล........เกินกู่ ยังมิหยุดร่ำร้อง...............อดีตรั้งคืนถนอม
Soul Searcher Inspired to write 21/10/2017
ป.ล. ช่าย เสียงไวโอลินเสียดซึ้งจับขั้วหัวใจยิ่งนัก
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 21 ตุลาคม, 2560, 09:32:42 AM
ร้อยรสท่วงถ้อยวลีส่ง เจตน์คำดำรงที่คงมั่น คือกลอนชีวิตนิจนิรันดร์ สวรรค์คงเห็นเป็นเช่นนี้
สิริวตี
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 22 ตุลาคม, 2560, 08:43:29 AM
เสกสรรฟั่นร้อยสร้อยเกี่ยว ผูกแน่นแก่นเกลียวเหนี่ยวชี้ กำสรดกำสรวลกวี พาถ้อยพาทีปรีชา
รสคำร่ำครวญหวนห่วง เสียดสรวงต่ำดินผินหล้า สดับคมสันมันตรา วิญญาณ์เคลิ้มคล้อยลอยลม
ลุล่วงเมืองแมนแดนฟ้า ผู้ล้าเหนื่อยนักพักบ่ม สู่ฝันสุขชื่นรื่นรมย์ อาศรมนักกลอนรอนแรม...
Soul Searcher Inspired to write 22/10/2017
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 22 ตุลาคม, 2560, 03:56:47 PM
ใจเอยเคยชื่นชมชิด ยังคิดครวญความตามแต้ม เติมต่อต้นรักปักแซม ใจแจ่มจึงละเมอพลัน
โดนปลุกตอนตัวเผลอหลับ ที่เกิดนั้นกลับเป็นฝัน รอยยิ้มชื่นหน้า, จาบัลย์ อีกความสุขอันตรธาน
สิริวตี
หัวข้อ: ~* จันทร์ *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 23 ตุลาคม, 2560, 08:17:12 AM
~* จันทร์ *~
“...จันทร์เอ๋ยจันทร์ที่ลอยเด่นฟ้า จะมีน้ำตาหลั่งมาเหมือนฉันบ้างไหม
คงมีวันที่จันทร์เจ้าจะเต็มใบ แต่ว่าหัวใจฉันจะมีไหมวันนั้น
ฤารักฉันจะเป็นเพียงความฝัน ไม่มีวันนั้น วันที่ใจเต็มดวง...”
sb2ogMKmIyI
“จันทร์คืนแรมวับแวมอยู่บนปลายฟ้า” คงอ่อนล้า คล้อยลับกลับแมนสรวง จะหวังแสงหิ่งห้อยก็น้อยปวง จมสู่ห้วงอุ้งหัตถ์ รัตติกาล
มืดสลัวจับจ้องมองมิเห็น ยากลำเข็ญนัยน์ตาพร่าเลือนผ่าน สัมผัสอื่นอาบซึ้งติดตรึงมาน เพียงโสตฆาน กลิ่นเสียงคลอเคียงเคล้า
ห่มละเมียดละไม เมื่อไร้ทัศน์ เหมือนไร้ข้อจำกัดรัดรึงเก่า ขจ่างศิลป์บรรเจิดพริ้งเพริศเพรา เชื่อมงามเงารูปพราง อย่างใจย้อม
ยามสดับ แว่วหวานกังวานยิ่ง สัมผัสลมอ้อยอิ่ง มิ่งถนอม หลงกรุ่นกลิ่นบุหงา กว่าดมดอม เอิบอาบห้อมหทัย วาบไหวนัก
หลับตาปล่อยแผ่วผิวละลิ่วล่อง ทั่วถิ่นท่องเขตแคว้น แม้นประจักษ์ จวบสุดท้ายปลายทาง หว่างใจภักดิ์ คงมั่นรักหนึ่งนี้ ที่อาวรณ์
โชยอวลอุ่นไอดินกลิ่นดอกหญ้า เรื้ออกร้าจำพรากจากสมร รำพึงฝากบุหลัน ร่ำ”จันทร์”กลอน ร้าวรานรอน แรมบั่น จันทร์เต็มดวง
FB-RCl_W9eE
จันทร์เจ้าเอยเด่นฟ้า..............ลอยดวง หายลับกลับคืนสรวง.............ผละหล้า จันทร์เสี้ยวเปลี่ยวเหงาลวง....โลมจิต เมื่อไหร่จันทร์แจ่มฟ้า.............จักแจ้งกลางใจ
อาลัยรุ่มรุกเร้า......................รานราย เหงาข่มขมใจกาย.................แหลกแล้ ฝากลมห่มหนาวคลาย...........ทุกข์โศก จนกว่าคืนรักแท้....................สู่เจ้าจันทร์สมร
อาวรณ์เวียนเฝื่อนเฝ้า............คะนึงหา บอกรักจากภาษา..................จิตน้อม ปรารมภ์ปรารถนา.................ไออุ่น อกพี่ เอื้อปลอบหายโศกพร้อม........ร่วมร้อยเคียงขวัญ
Soul Searcher Inspired to write 23/10/2017
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 23 ตุลาคม, 2560, 11:55:20 AM
คืนจันทร์จันทร์ลับหล้า เวหน ดาวพร่างพรายเพียงยล แยบใกล้ ราตรีเหว่ว้าคน- เคียงจิต ลิขิตเขียนฝากให้ หนึ่งนี้นิจนิรันดร์
สิริวตี
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 24 ตุลาคม, 2560, 11:45:27 AM
คืนจันทร์แรมบั่นเสี้ยว........เปลี่ยวเหงา ชวนจิตแห้งเหี่ยวเฉา..........เหว่ว้า ทะเลหม่นขุนเขา................เวิ้งหวั่น มัวแต่เหม่อหมองฟ้า...........พร่ำเพ้อรำบาย
Soul
|
หัวข้อ: ~* คิดถึง ( Gypsy Moon ) *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 30 ตุลาคม, 2560, 07:45:58 AM
~* คิดถึง ( Gypsy Moon ) *~
“...จันทร์กระจ่างฟ้า นภาประดับด้วยดาว โลกสวยราวเนรมิตประมวลเมืองแมน ลมโชยกลิ่นมาลากระจายดินแดน เรียมนี้แสนคะนึงถึงน้องนวลจันทร์
งามใดหนอ จะพอทัดเทียบเปรียบน้อง เจ้างามต้องตาพี่ไม่มีใครเหมือน ถ้าหากน้องอยู่ด้วยและช่วยชมเดือน โลกจะเหมือนเมืองแมนแม่นแล้วนวลเอย...”
MEuB6Myvn6k
...เพลง “Gypsy Moon “ หรือชื่อเดิมว่า “Zigeunerweisen” หรือ “Gypsy Airs” โดย Pablo de Sarasate คีตกวีชาวสเปนได้ประพันธ์เพลงนี้ขึ้นในปี ค.ศ.1878
และเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ได้ประพันธ์ เนื้อร้องเป็นเพลง “คิดถึง” เมื่อ พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934)...
(ขอบพระคุณ ข้อมูลจาก http://bangkrod.blogspot.com และ YouTube ครับ) ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
แสงสูรย์ สูงสุดเอื้อมเงื้อมมือคว้า ห้วงหาว ดาวโพ้นฟ้านภาแหน รุจิเรข มลังเมลืองดุจเมืองแมน ฤ ควรคู่ ข้นแค้นต่ำแดนดิน
งามใดหนอฉ่ำหวานกังวานแว่ว งามเพริศแพร้วขับพ้อละออศิลป์ งามหยดย้อยแย้มอรรถระบัดจินต์ งามสุบินเฟื่องฟุ้งจรุงจาร
งามต้องตาต่างนี้หามีเหมือน ผิ ดาวเดือนเลื่อมพรายคล้ายผสาน สุขอักษรเพทผลดลบันดาล เคลิบเคลิ้มปานพลัดล่วงห้วงภวังค์
นวลจันทร์พร่างกระจ่างฟ้าราตรีค้น ดุจต้องมนต์คำสาปกำซาบสั่ง ให้เพ้อพร่ำคร่ำครวญซวนเซซัง มิหยุดยั้งพลั้งเอ่ยเผยความนัย
หากรสทิพย์รักซ้อนซุกซ่อนพิษ ตราตรึงจิตดื่มกินสิ้นสงสัย แม้นต้องตายวายวอดมอดประลัย ด้วยเต็มใจเพราะรักจักยินยอม
ถูกศรรักปักแล้วฤาแคล้วคลาด ชะตาขาด มิคลายหน่ายถนอม รู้ทั้งรู้ขื่นขมนั้นตรมตรอม ก็ยังพร้อมแพ้พ่ายแม้วายปราณ
06xxd_LXBno
แสงสูรย์สูงสุดเอื้อม............มือถึง ฝืนข่มข้ามขีดขึง.................ไขว่คว้า ถาโถมหยั่งร้าวรึง...............ยามห่าง ขืนขัดไหวอ่อนล้า................หักห้ามใจฝัน
นวลจันทร์กระจ่างฟ้า...........ราตรี ฉมเฉิดฉินมาลี....................มลากฟุ้ง โฉมฉายด่ำรดี....................ประดับ ริ้วฉาบทอแถบรุ้ง................เจิดจ้ารำบายสรวง
ดาวดวงคืนค่ำนี้..................ละลาน สวยส่องแสงตระการ............เกลื่อนฟ้า ระยิบระยับคาน...................จันทร์แจ่ม ลบขื่นรื้นเหว่ว้า....................ผ่านถ้อยพะวงถึง
หวนคะนึงขณะเคล้า............โคลงครวญ ราญจิตร้อยรัญจวน..............เจ็บช้ำ หวานรักบ่ เรรวน.................หลอนหลอก เยื้อนบอกย้อนตอกย้ำ..........อกละม้ายมิวายหวาม
Soul Searcher Inspired to write 30/10/2017
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 03 พฤศจิกายน, 2560, 06:54:40 AM
ไอแดดเวิ้งฟ้าล้าลม ไหวอ่อนอารมณ์ห่วงหา หว่างวุ้งวงศ์วรรณมรรคา พัดพาคลาคล่ำร่ำครวญ
มากครั้งจิตตกหมกมุ่น คิดครุ่นสำนึกลึกส่วน ครั้นคราภาพฝันรัญจวน เย้ายวนหวนใคร่คะนึง
กระหวัดกระวนกวี พาทีถักถ้อยร้อยถึง ราตรีเปลี่ยวเศร้าเหงาจึง รำพึงรำเพยเปรยนวล
Soul Searcher Inspired to write 3/10/2017
|
หัวข้อ: เดือนเพ็ญ : คืนเหงากระทงครวญ
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 04 พฤศจิกายน, 2560, 09:30:13 AM
เดือนเพ็ญ : คืนเหงากระทงครวญ
lGBCW7He-_A
คืนเดือนเพ็ญเด่นฟ้าราตรีเลื่อม เกินสุดเอื้อมไขว่ค้นท้นกำสรวล มิวายปลอบขวัญคล้อยคอยรัญจวน ยามเซซวนจำพรากผันจากลา
กระทงคลาด ปลาตเสียงจำเรียงหมาย หนาวลมลู่สู่กายพัดป่ายหน้า เคยซบเอื้อไออุ่นกรุณพา จำเหว่ว้าล่องเลี้ยวกร่างเชี่ยวชล
ทั้งคลื่มลมโถมถั่งหยั่งกระทบ ขับพระลบหลีกร้างหว่างเวหน พลันโดดเดี่ยวเพ้อพร่ำด้วยจำนน ในเวิ้งวนเวียนว่ายแห่งสายธาร
หวั่นจันทร์เจ้าเพลินหลงอสงไขย ทิ้งเยื่อใยเฝ้าปลูกผูกผสาน คราต้องร้างห่างเหินไกลเนิ่นนาน ฤาคำหวานรักนั้นคงมั่นยืน
หนาวลมระเรื่อยเย้า.........ยวนเพ็ญ หนาวอกยะเยียบเย็น........ยอกย้อน หนาวใจบ่ มิเห็น...............ขวัญอยู่ ฤาสุขใดทุกข์ร้อน.............ห่วงไห้พะวงถึง
รำพึงร่ำพจน์เคล้า............คลอจันทร์ นวลแจ่มหากสัมพันธ์........ต่างต้อง จำหายห่างเหินกัน............พิสูจน์ คำมั่นคงจิตคล้อง.............ใช่เพี้ยงภวังค์หลง
Soul Searcher Inspired to write 4/10/2017
ป.ล. แม้ว่าเดือนเพ็ญ เวอร์ชั่น อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ นี้ได้ถูกนำมาลงหลายครั้ง แต่ขณะแต่งกลอนไป ใจก็หวนคิดถึง จึงขอนำมาลงอีกครั้งครับ
|
หัวข้อ: ~* ในดวงใจนิรันดร์ (Still on my mind) *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 07 พฤศจิกายน, 2560, 11:10:55 AM
ขออัญเชิญ บทเพลงพระราชนิพนธ์ “~* ในดวงใจนิรันดร์ (Still on my mind) *~” ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
FhwRhz-RPWk
“...อยากลืม...ลืมรักลืมมิลง กลับพะวงหลงเพ้อ...เงา เปรียบปาน...เพลิงรักรุมสุมเศร้า เปลี่ยวเปล่าร้าวรอน แต่เพียงกาลเวลา...อันหมุนเวียน ฤๅอาจผลัดเปลี่ยน เบียนรักคลอน รสรักจาก กรสอดสวมกร ยังถาวรติดเตือน
uY0UmPJvfbo
เมื่อยามอาทิตย์...ลอยคล้อยต่ำ ย่ำยามท้องฟ้า...เลือน ยังหวัง...เชยชิดกันฉันเพื่อน ติดเตือนตรึงใจ สุดประพันธ์บรรเลง...ให้ครบครัน วันอาจจะผ่าน เวียนผันไป รักนั้น จะเนาแน่นแฟ้นใน ดวงใจ...นิรันดร์...”
d18eYk2xAwA
“...I can't get you off my mind, However I try. The flame kindled in my heart Keeps burning high. Though time has the power to quell, It really cannot dispel The magic touch of your hand, So gentle in mine.
0gHr0nZDLZo
When night's curtain starts to fall And light fades away, My thoughts fly back to that day, You were so near. This song will never, never end. And time we cannot suspend. You'll be ever and ever, Still on my mind...”
RaUCqQeZ_rA
อยากลืม ลืมรักแม้...........มิลง ห้อมรักห่วงพะวง..............ห่มเพ้อ แฝงเงาอาบลุ่มหลง...........ท้นท่วม เปล่าเปลี่ยวเหลียวชะเง้อ...จดจ้องมองหา
ยามอาทิตย์ต่ำคล้อย........ตราตรึง เตือนจิตหวนคำนึง............ตราบเจ้า กรสวมสอดกรกลึง............กรายกรุ่น จนกว่ารานรุ่มเร้า..............อกนี้พึงสมาน
ชุบดวงมานชื่นนี้..............กระไร ความถอด ถ้อยกินใจ.......เคลิบเคลิ้ม กำซาบลึกซ่อนใน............กำสรด เพลงรักร้อยหยาดเยิ้ม......แน่นแฟ้นนิรันดร์สอง
IpzBIV-UH9A
....เพลงพระราชนิพนธ์เพลงนี้ ทำนองแจ๊สออดเอื้อน แฝงความสนุกสนาน กับคำที่นำมาใช้ในเนื้อเพลง ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ช่างละเมียดละไม มีความหมายกินใจเหลือประมาณ
ลองหลับตาฟังเพลง ร้องคลอตาม แล้วปล่อยให้ความหมายของคำแทรกซึมไปในห้วงคิด... จนต้องถอนหายใจ...ออกมาเบาเบา
ช่างถ่ายทอดอารมณ์ของคนที่ตกอยู่ในห้วงภวังค์ แห่งความรักได้อย่างซาบซึ้งเสียนี่กระไร...
Soul Searcher Inspired to write 7/11/2017
ป.ล. ขออนุญาตนำมาลงหลายเวอร์ชั่น เพราะแต่ละเวอร์ชั่น ให้ความรู้สึกซาบซึ้งใจ กันไปคนละแบบ
L-a6do98yfs
...แต่ครั้นพอฟังจบ...ความอาลัยรำลึกถึงพระองค์ท่าน กลับหลั่งไหลมา...สุดจะหักห้ามได้...
|
หัวข้อ: ~* หากฉันรู้สักนิด *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 11 พฤศจิกายน, 2560, 09:38:03 AM
~* หากฉันรู้สักนิด *~
gS-JMc3S6Ug
“...หากฉันรู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน บอกกันวันนั้นให้รู้สักหน่อย ว่าดวงใจที่ฉันเฝ้าคอย คงไม่เลื่อนลอย เป็นของใคร...”
หากว่าเพียงหยั่งรู้..........สักนิด สัมผัสดื่มด่ำคิด..............หนึ่งได้ แม้มิอาจเชยชิด.............โฉมอย่าง ใจเนอ ดอกรักร้อยส่งให้............ค่ำเช้าเสมอเหมือน
คราเยือนเหย้าทุกข์ร้อน....รานใด แหนรักห่วงอาลัย.............โอบล้อม เสมือนกอดอุ่นไอ..............อกพี่ คอยปลอบน้าวจิตน้อม......คราบน้ำตาสลาย
หมายใจมอบส่งเจ้า..........จันทร์งาม แม้อาจเพี้ยงฝันความ........หยั่งรู้ ลิขิตรักลุกลาม..................ล้นหลั่ง ฉมชื่นอวลชิดชู้.................อาบเยื้อนอักษร
หากว่าเพียงหยั่งรู้อยู่สักนิด หากว่าเพียงล่วงคิดลิขิตมั่น หากว่าเพียงนิดนัยหนึ่งใจนั้น หากว่าเพียงคือฉัน หายหวั่นวน
หากใช่เพียงครวญคร่ำรำพันเพ้อ หากใช่เพียงกริ่งเก้อเผลอสับสน หากใช่เพียงไหวอ่อนเร่าร้อนรน หากใช่เพียงกลอนกลดลจิตน้อม
หากว่าใจล่วงรู้คู่เคียงแล้ว มิเคลื่อนแคล้วคลาไคลใคร่ถนอม ปลูกต้นรักสวยสมไว้ดมดอม มิหน่ายตรอมแม้กาลเนิ่นนานรอ
ดอกรักเอยเบ่งบานโชยหวานชื่น หอมกลิ่นรื่นยวนภมรเย้ายอนช่อ หากว่าดาษดื่นใดไล้โลมคลอ พึงละออเด็ดเดี่ยวยั้งเกี่ยวคล้อง
ฝากบทกลอนบทนี้ถึงที่รัก ผู้พิทักษ์ล้อมใจในทุกห้อง เพียงหนึ่งนี้ปรีดิ์เปรมเกษมปอง เป็นคู่ครองเคียงขวัญนิรันดร์กาล
“...หากฉันรู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน บอกกันวันนั้นว่ารักสักหน่อย ยอดดวงใจที่ฉัน เฝ้าคอย คงไม่เลื่อนลอย จากสุดที่รักเอย...”
Soul Searcher Inspired to write 11/11/2017
|
หัวข้อ: ~* ขอพบในฝัน *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 15 พฤศจิกายน, 2560, 08:50:44 PM
~* ขอพบในฝัน *~
หวาน ใดหวานจับขั้ว..........ดวงมาน หวาน ผ่องแผ้วพบพาน........พากย์พริ้ง หวาน ผลักทุกข์ร้าวราน.......พ้นโศก หวาน ถกวิโยคทิ้ง...............สยบเศร้าสราญหวน
ยวน ใจยามหยดย้อย..........เยือนยล ยวน อาบซึ้งกมล.................ยากยั้ง ยวน หยั่งรุ่มร้อนจน..............มิอาจ ยวน หยุดยื้อฉุดรั้ง................ถักถ้อยระวิงไหว
ใจ เอยเคยหนักน้อม............มั่นคง ใจ รักแหนงหน่ายปลง..........ปลดเปลื้อง ใจ ย้อนห่วงพะวง.................หลงอยู่ ใจ ผูกเย้าโยงเบื้อง..............บ่วงสร้อยอักษร
ยามต้องเขียนกลอนรักให้หนักจิต หวั่นลิขิต ท่วมทุกข์น้อยสุขสาน หากพจน์กลอนนั้นเป็นเช่นสะพาน จักพาดผ่านเชื่อมสู่ประตูใจ
ยามแสงทองรองเรือง ค้างเคืองขุ่น- แหลกเป็นจุณ รายร้างพลางสดใส เยื้อนอุษาสวาสดิ์เย้า เบียดเหงาไกล คลอขับไพร แย้มรับกับตะวัน
คล้อยยามบ่ายพ่ายแรงแสงแผดล้า เรื้องเจิดจ้ารังสีรพีบั่น ฝืนกลอน กลับคลับคล้ายหน่ายประพันธ์ ท่ามกลางเปลวสุริยัน พาดพรั่นพรึง
ครั้นเคลื่อนครบตะวันยันยอแสง ส้มแสดแดงเหลืองเหลือบไปเกือบครึ่ง เพ้อตัดพ้อรำเพยเปรยรำพึง ดังอื้ออึงข้างหูอู้ลมพลัน
พอตกดึกพระลบจบผืนฟ้า เยื้องจันทราหยั่งแม้นถึงแดนฝัน ดุจเงียบเหงาเศร้าส่งมาลงทัณฑ์ คร่ำครวญหันหารัก ปรัก*คืน
ทุกคำกลอนสื่อให้จากใจนี้ มิได้มีหมายมุ่งยุ่งโยงอื่น อกสะท้อนอ่อนไหวใจกลัดกลืน ก็ปรุงชื่น, ขื่น ถ้อยมาร้อยเรียง
ยั้งสดับยกพร่ำรำพันแล้ว วอนกานท์แก้วอย่าหายคิดบ่ายเบี่ยง แม้คำรักมิหวานเทียบขานเคียง ทุกสุ้มเสียงจริงใจส่งให้กัน
เปรียบคำหวานมิอิงสิ่งแอบแฝง กลัดกินแหนงแคลงใจให้ป่วนปั่น ฝากลมเคล้าเคลียคลอพะนอจันทร์ แนบเนาขวัญเคียงหมอนก่อนนิทรา
Soul Searcher Inspired to write 15/11/2017
Ij2xvFczCOE
ประภาษประพจน์พร้อย..ประพนธ์ ประดิดประดอยยล........ประดุจได้ ประสูตประสิทธิ์ดล.........ประเสริฐ ประสงค์แล ประลุประลุงไล้..............ประเล้าประโลมหมาย
ป.ล. *ปรัก : [ออกเสียง ปะหรัก] หัก ประภาษ : บอก, พูด ประพจน์ : ข้อเสนอ, ข้อความที่กล่าว ประพนธ์ : ผูก, แต่ง, เรียบเรียง ประดิดประดอย : บรรจงทำให้งดงามละเอียดลออยิ่งขึ้น ประดุจ : เช่น, คล้าย, เหมือน, ดัง ประสูต : ขวนขวาย ประสิทธิ์ : ความสำเร็จ ประเสริฐ : วิเศษ, ดีเลิศ ประสงค์ : มุ่งหมาย ประลุ : บรรลุ ประลุง : ปลาบปลื้ม, ยินดี ประเล้าประโลม : เล้าโลม, ปลอบโยนเอาอกเอาใจ
|
หัวข้อ: ~* โลกมายา *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 16 พฤศจิกายน, 2560, 11:36:37 PM
~* โลกมายา *~
“...รุ่งสุริยาขอบฟ้าขลิบทอง วิหคเร่าร้องเสียงก้องพงไพร ม่านฟ้าเรืองแสงทองยองใย โลกตื่นจากหลับไหล สู่ความโสภา
รุ่งแจ้งแสงทองแซ่ซ้องปักษิน บ้างก็ผกผินเหินบินเมฆา โลกสวยด้วยแสงสุริยา มองสุขสันต์หรรษา ดูน่าภิรมย์
โลกเรานี้ ล้วนมีมายา เฮฮาหัวร่อ แล้วก็ระทม มัวเศร้าอยู่ใย ร้องไห้ ร้องห่ม ทำไมให้เสียน้ำตา
รุ่งสุริยาม่านฟ้าตระการ วิหคขับขานก้องดานดงป่า โลกฝันมายิ้มกันดีกว่า ลืมโลกแห่งมายา มาร่าเริงกัน...”
4Ve2blSkV8M
เพียงคำร้อยแต่งแต้ม.....เติมความ ดูง่ายแต่งดงาม.............มิ่งแม้ มายาโลกนิยาม.............เหมือนดั่ง สุขทุกข์ปนเปแท้............โศกเศร้าเสสรวล
โชยหอมอวลอบฟุ้ง.........มาลี เยื้องหยั่งเย้าสตรี............อยู่ใกล้ ชวนแช่มชื่นฤดี...............ประดุจ น้ำทิพย์ชโลมไล้............ดับแห้งกระหายโหย
คำโปรยปรายอาบซึ้ง......ปานใจ จะหลุดร่วงตามไป...........ฉะนี้ เอ๋ยรักห่วงอาลัย.............ว้าวุ่น ทรวงแล หาญหักหายหลีกลี้..........ยิ่งร้าวรานถวิล
“รุ่งสุริยาขอบฟ้าขลิบทอง” เสียงเร่าร้องวิหคพ้องผกผิน ขยับปีกป้ายหางหว่างเมฆินทร์ ล้อปักษินแกร่งกล้าท้าแดดลม
อันโลกแห่งมายาพายวนเย้า มีสุขเคล้าทุกข์โศกวิโยคห่ม มีเงียบเหงาฟูมฟายหน่ายระทม ตามอารมณ์คลื่นพัดซัดสาดเท
“รุ่งสุริยาม่านฟ้าตระการ” สดับขานเจื้อยแจ้วแล้วหันเห เหมือนหลงทิศหลงทางกลางทะเล กับมายาเสน่ห์เล่ห์ลวงพราย
ดุจชะงักชะงันในวันฟ้า แม้ฉาบทาทึมเทา พริ้งเพราฉาย แสงตะวันลอดช่องส่องประกาย คงความหมายหนึ่งนี้ในชีวิน
Soul Searcher Inspired to write 16/11/2017
|
หัวข้อ: ~* ยามเมื่อลมพัดหวน *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 25 พฤศจิกายน, 2560, 08:47:48 AM
~* ยามเมื่อลมพัดหวน *~
“...จากคนละฟ้า จากคนละแผ่นดิน กลับมาโบยบิน ข้ามไปสุดฟ้า จน ได้พบ กัน อาจเป็นเพียงลม ที่พาเรา พบพาน ให้เราได้รัก กัน และให้ฉัน ต้อง ฝืนใจ ลา
อาจเป็นเพราะรัก ที่ผ่านมากับลม ผ่านมาเชยชม เพียงแผ่วพริ้ว แล้วมันก็จาง ไป เก็บความทรงจำ เก็บงำ ใน หัวใจ อยู่เพียงเดียวดาย ในเมื่อรัก จากไปพร้อมสาย ลม
เมื่อเป็นความ รัก ที่ไม่อาจ เผยใจ เก็บมันเอา ไว้ เก็บมันเอา ไว้ ไม่อาจยอม ให้เธอรู้ เมื่อใดที่ลม พัด ให้ผ่านมาหน่อยได้ ไหม อยากให้คืนวัน ที่ดี เหล่านั้น ได้หวนมา เมื่อใดที่ลม หวน ที่เธอจะกลับมา หา เฝ้ารอเวลา ที่ลมแห่งรัก นั้น จะพัดพา มาอีกครั้ง...”
94vpDdM8xKY
จากคนละฟากฟ้า...........ฝั่งฝัน พานพบสร้างเสกสรร......สุขซ้อง แม้เพียงช่วงเธอฉัน.........เผลอเปิด ใจเนอ ความรักยังเรียกร้อง.......จากห้วงหทัยสงวน
หวนลมพัดห่มย้อน........โยงพา ผิวแผ่วชื่นอุรา................ผูกรั้ง แม้อดีตล่วงลา...............มิอาจ หวนกลับคืนอีกครั้ง........หักห้ามเลือนไฉน
อาลัยในรักเย้า...............ยวนเคียง คืนห่อนยินสำเนียง..........สุขล้ำ กลอนรัก บ่ หวานเรียง.....เหมือนเก่า พกแต่ความชอกช้ำ.........ฉาบไล้ลมหวน
จากคนละ ฟากฟ้าสุธาถิ่น ใจรวยรินโบกโบยโชยมาถึง ผ่านลมพัดหวนหาคราคะนึง แล้วปักตรึงกลางทรวงก่อนล่วงลา
ทิ้งเพียงความทรงจำคำหวานชื่น กับรสรื่นอุ่นอวลชวนหรรษา ปานสลักภาพสวยด้วยวิญญาณ์ ให้รักตราตราบไว้...ในนิรันดร์
Soul Searcher Inspired to write 25/11/2017
|
หัวข้อ: ~* น้ำตาฟ้า *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 29 พฤศจิกายน, 2560, 07:24:22 AM
~* น้ำตาฟ้า *~
พิรุณพร่ำฉ่ำฟ้าน้ำตาหยาด ลบริ้วหมาดเรื่อจางสองปรางหม่น หากมิเลือนชอกช้ำน้ำคำคน พจน์ประพนธ์พัดเพพาเซซัง
ฝนหลงทิศหลงทางหว่างลมหนาว ลามปวดร้าวรุกเยือนสู่เรือนหยั่ง รี่ไหลล้นชลนาประดาดัง ลมพลัดพลั้งหอบฝนหล่นกลางใจ
กลีบมาลีแบบบางพร่างแพรพลิ้ว ก็ปลิดปลิวปี้ป่นมิทนไหว ยามลมพรากจากช่อกอกิ่งใบ ระดะไปร่วงสู่ธุลีดิน
หวั่นวูบวาบอ่อนไหวเกินใจรับ มิแปรปรับเปราะบางพ้นหมางหมิ่น วลีเหือดแห้งหายกลายชาชิน ไร้รวยรินคำรักอักษรา
อ้อยอิ่งโยกโย้ไยคงไม่ช่วย เอื้ออำนวยภพชาติวาสนา หากยื้อยุด ฉุดท้อทรมาฯ คงปล่อยเพี้ยงโชคชะตาพาดำเนิน
เมื่อยามรักเลือนหายมลายลพ ดุจตะวันชิงพลบกลบเก้อเขิน น้ำตาฟ้าพรูพรั่งดั่งเชื้อเชิญ ล้างยับเยินซากรักปรักลาญ
คราฝนพรำฉ่ำฟ้า.......กลายสกล มืดมิดสนิทจน............หม่นท้อ ความรักร่วงหายหน....เหินห่าง ยินแต่เสียงตัดพ้อ.......ฝ่าริ้วลมหนาว
Soul Searcher Inspired to write 29/11/2017
JX9yTb7zAH4
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: มนต์คำ ที่ 29 พฤศจิกายน, 2560, 08:31:22 PM
รักเอยหยัดหยั่งแล้ว.......ยามเลือน มัวหม่นดังดับเดือน...............จากฟ้า ตาวันมิเยี่ยมเยือน................สาดส่อง โลกถล่มล่มจมถ้า-...............ห่างเจ้าจอมขวัญ มนต์คำ
ขออนุญาตครับ
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 30 พฤศจิกายน, 2560, 07:04:19 AM
อันความรักหยั่งรู้..............อื่นใคร ครวญคร่ำคำรักใด............เอ่ยอ้าง โคลงกลอนเรื่ออ่อนไหว......ฤ ใช่ จริงเนอ ประดับใจหนึ่งสร้าง...........เสกร้อยรังสรรค์
วรรณกรรมพร่างพร้อย......พรรณนา ช้อยฉ่ำฤ มายา................จิตแสร้ง สวยสื่อภาพพะงา.............โหยห่ม ฤาจิตฟุ้งกลั่นแกล้ง............ออดเอื้อนอารมณ์ศิลป์
...ยินดีครับ... Soul
|
หัวข้อ: ~* ทัดทาน *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 06 ธันวาคม, 2560, 05:46:14 PM
~* ทัดทาน *~
“...มีเธอเสมออยู่เคียงใจ รับรู้ รับฟัง ที่เป็นไป ยามมีปัญหา ยังอุ่นใจ ช่วยกันไขช่วยเป็นเช่นกำลัง ทำหนักให้เบา
ยังมีรอยยิ้ม แต่ใจหมอง เหมือนดั่งของสำคัญต้องพรากไป ในใจมันค้าน สั่งดึงไว้ เพราะจุดหมายที่ไปด้วยจำเป็น เกินใจทัดทาน
ยามที่เธอเดินลับตาไป ใจก็หายตามไป สิ่งที่เยือนคล้ายเป็นเพื่อนเก่า เข้ามาแทนโดยไม่ได้เชื้อเชิญ คือความเหงา ไม่ตั้งใจ ไม่ตั้งใจ ยังทัดทาน
ทุกค่ำคืน ฝากกับความมืดไป กอดเธอไว้ อย่าให้ร้าวรอน บอกตะวันที่ทอแสงอ่อน จะร้อนหนาวเย็นห่วงเธอรักษาตัว
ในใจหวิว ๆ ไม่เคยเป็น ทั้งที่เห็นผู้คนก็มากพอ นัยน์ตามีน้ำมาคลอๆ แล้วยังขอร้องเธอไม่ให้ไป เกินใจทัดทาน
เคยแง่งอนผลัดและยอมง้อกัน สิ่งเหล่านั้นผูกพันมัดใจ จากกันไปเพื่อมาพบใหม่ ใจหายเพราะเป็นห่วงเธอ รักษาตัว
ทุกค่ำคืน ฝากกับความมืดไป กอดเธอไว้ อย่าให้ร้าวรอน บอกตะวันที่ทอแสงอ่อน จะร้อนหนาวเย็นห่วงเธอ...รักษาตัว...”
GOLc4v-vVkE
เคยเสมอยืนอยู่เคียงคู่ขวัญ คอยแต่งแต้มเติมฝันในสรรพ์สิ่ง แต่เมื่อครั้งตื่นรับกับความจริง จำต้องทิ้งผินพรากผันจากลา
มิเคยมีวันใดไม่ห่วงถึง หัตถ์แห่งความเร้ารึง ตรึงใจหา ขอเพียงแค่จอมขวัญกัลยา ทุกทิวาราตรีปรีดิ์สราญ
แม้มิอาจสื่อความยามหนาวเหน็บ ได้แต่เก็บเว้าวอนสะท้อนผ่าน เศษซึ้งซาบเฟื่องฝันของวันวาน คอยโอบเอื้ออภิบาลก่อนลาญจม
หากเจ้าอยู่เป็นสุขมิทุกข์ร้อน พี่จักนอนตาหลับคลายคับข่ม หากแม้นเจ้าเศร้าโศกวิโยคทม พจน์พร่างพรมจากพี่พลีประโลม
ฤดีเอยสุดแร้นแค้นอัดอั้น เหมือนบาปบรรพ์บั่นบ่าเข้าถาโถม ริบหรี่เลือนรางล้าระย้าโคม รอทรุดโทรมถอยถดสิ้นหมดแรง
คงมีเพียงโคลงกลอนอักษรถัก จารสลักเก็บไว้นัยพรางแฝง บันทึกรักเล่มนี้มิเปลี่ยนแปลง จวบสิ้นแสงสุริยันนิรันดร์เนา
ยามมีเธออยู่ข้าง..........เคียงใจ ประสบทุกข์รานไร........ร่วมแก้ จำพรากจากกันไป........มิกลับ หวนนา กอบเก็บทรงจำแม้........ตราบนี้นิรันดร์
รำพันกลอนกลัดเกื้อ.....การุณย์ ไล้ลูบอาบละมุน...........ทั่วทั้ง เรือนกายจิตอดุล..........ใดเทียบ จำรัสจำเรียงยั้ง............จวบสิ้นกาลสมัย
Soul Searcher Inspired to write 6/12/2017
|
หัวข้อ: ~* อสงไขย *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 11 ธันวาคม, 2560, 11:21:05 PM
~* อสงไขย *~
“...ปล่อยความคิดถึงปลิวไปในอากาศ ล่องลอยหัวใจสะอาด ปล่อยไปแสนไกล กรุ่นกลิ่นบุหงาพัดมาด้วยรักจากใจ เพียงหวังให้ถึงใคร คนที่รอคนนั้น
ส่งความคิดถึงปลิวไปในอากาศ คิดถึงใจจะขาด เธออาจไม่เข้าใจ แค่อยากให้รู้ ไม่ได้ต้องการสิ่งใด เธอไม่ต้องขืนใจ ถ้าเธอไม่ต้องการ
ฝากเป็นเพลง ให้ลอย เล่นลมไป ล่องลอย ผ่านไปถึงเธอ แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ ตราบนานอสงไขยเวลา
หากเพลงคิดถึงที่ปลิวไปในอากาส เพียงถ้ามันพลั้งพลาด ไปไม่พบเธอ ให้บทเพลงนี้ล่องลอยไปเสมอ รอสักวันที่เจอ คนที่เขาต้องการ
ฝากเป็นเพลง ให้ลอย เล่นลมไป ล่องลอย ผ่านไปถึงเธอ แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ ตราบนาน อสงไขยเวลา
แม้จะเนิ่นนาน ยังรักเธอ ตราบนาน อสงไขยเวลา...”
g4RbF9_74oU
ฝากคิดถึงหว่างเวิ้ง.........เวหน ฝ่าหมอกม่านเมฆฝน.......หม่นฟ้า ผินทางผ่านถนน.............สายเปลี่ยว โดดเดี่ยวว้างเหว่ว้า........ออดเอื้อนลมหวน
ชวนกันคืนค่ำนี้...............นับดาว แสงส่องสุกสกาว.............เจิดจ้า มีหลายหลากเรื่องราว......จะบอก อบอุ่นใต้ห่มผ้า................สุขเพี้ยงเราสอง
ดั่งกลองเสียงตึกเต้น........หัวใจ ด่ำลู่ลึกลงใน...................เสียดซ้อง คีตกวีใด........................หวานเปรียบ เสียงกระเส่าเร่าร้อง.........ผ่านริ้วลมหนาว
“ปล่อยความคิดถึงปลิวไปในอากาศ” เผลอไผลพลาดหัวใจไกลหล่นหาย กว่าจะรู้ผิดพลั้งนั่งฟูมฟาย เมื่อรักกลายผกผันอันตรธาน
โชยบุหงากรุ่นกลิ่นประทินร่ำ ปากก็พร่ำเว้าวอนกลอนผสาน หวังสนิทชิดเชื้อช่วยเจือจาน ฝากดวงมานน้อยน้อยให้คอยแล
ครั้นจะเอ่ยคำรักเหมือนมักง่าย บอกกลายกลายก็คล้ายกวนป่วนกระแส ครั้นสงบเล่าเหมือนนิ่งเชือนแช คิดจะแก้อย่างไรไม่เข้าที
เลยจำปล่อยตามลมพลิ้วห่มพัด ครากระหวัดหวนหาอุราปรี่ โปรยหว่านล้อมคำสวยด้วยปรานี ลมใจพี่โอบเอื้อเกื้อการุณย์
อสงไขยเพลาพาห่มห้อม ผ่านตรมตรอมตรังตรา มาเนื่องหนุน หวังลมโบยโบกพัดคัดกองบุญ ช่วยค้ำจุนรักมั่นนิรันดร์เทอญ
Soul Searcher Inspired to write 11/12/2017
|
หัวข้อ: ~* สายลมแห่งความคิดถึง *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 03 กุมภาพันธ์, 2561, 05:59:11 PM
~* สายลมแห่งความคิดถึง *~
ลมแห่งความคิดถึงรำพึงเอ่ย ห้องหับเผยตรึงจิต ขนิษฐา พลิ้วกิ่งโศกโยกไหว นัยนา อาบน้ำตาปิ้มหยาดสีชาดเจือ
เคยอยู่คู่เคียงเคล้าเนากาลก่อน กลับระเหเร่ร่อนไร้หมอนเสื่อ ดุจชะตารุ่มร้ายคล้ายคลุมเครือ เผาพริกเกลือแช่งสาปเซ่นบาปบรรพ์
กายใจสุขทุกข์ไหมให้เป็นห่วง ใช่หึงหวงปิดป้องละอองขวัญ แม้นประสบพบอื่นหมื่นร้อยพัน ยังเชื่อมั่นวารเวียนมิเปลี่ยนแปลง
ต้องลมโบยโปรยฝนจนปอนเปียก ป้องป่าวเรียกคอแสบเสียงแหบแห้ง แต่ตัวอยู่ไกลโพ้นเกินโชนแรง แผดลำแสงแห่งรักวักวาดไป
คืนเพ็ญร่ำพร่ำกลอนอักษรเร่า หวังว่าเจ้าผินมองถ่องฟ้าใส ท่ามกลางแสงนวลโสมประโลมใจ ห่มลูบไล้แพรพรรณกัลยา
พร้องสลักอักษรกลอนแต่งแต้ม ส้มแสดแซมสีสันเพิ่มหรรษา แม้นอาจเพียงคล้อยลมห่มพัดพา เต็มประดาใจพี่...พลีครอบครอง
พราวเพ็ญคืนค่ำนี้.........เพลินมอง ผาดผุดพิสุทธิ์ทอง.........ทั่วฟ้า จูงจิตคิดเคียงครอง.......คว้าไขว่ แตกต่างต้อยต่ำหล้า.....ข่มถ้อยทวย*ถวิล
x8JINCkMss0
Soul Searcher Inspired to write 3/2/2018
*ทวย ใช้ในความหมาย ระทวย
|
หัวข้อ: ~* ใช่? *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 24 มีนาคม, 2561, 10:10:51 AM
~* ใช่ ? *~
ใช่...ครวญเพลงเพ้อฝันในวันฟ้า- เทาแถบทา คลุ้มฝนปนเปลี่ยนสี ใช่...เชลงรันทดบทกวี หลากวลีพ้องเสียงเผดียงดัง
ใช่...ขลุ่ยผิวพลิ้วผ่านลานพระลบ เยื้อนสยบหมองหม่นด้วยมนต์ขลัง ใช่...สังคีตไพเราะเสนาะฟัง โลมภวังค์โหยหวนรัญจวนเนา
ใช่...ปรารมภ์สร้อยศิลป์จินต์เศวต ปลุกสังเวชขื่นขมระทมเศร้า ใช่...ปรารภกลบเกลื่อนเงื่อนคำเงา จวบรุ่งเช้าอัดอั้นพรรณนา
ใช่...ลุ่มหลงอื่นใครคราใกล้ชิด อาบลิขิตพลิกพลิ้วเพียงชิวหา ใช่...หมดแม้เยื่อใยยามไกลตา นงพะงาคล้องจิตนิจนิรันดร์
ใช่...อดีตอนาคตหมดสิ้นแล้ว ยังเพริศแพร้วต่อเติมเสริมแต่งฝัน ใช่...คล้อยเคลื่อนเลือนบทพจน์อานันท์ คงผูกพันแนบชิดสนิทปราง
ใช่...ว่ารักจักต้องหวังครองคู่ เพียรเฝ้าดูห่วงใยอยู่ไม่ห่าง ใช่...เวลาไกลกันมั่นคงจาง รักมิสร่างเทียมฟ้าและธาตรี
ใช่...จำรัสจำเรียงเพียงเสพสุข ถึงยามทุกข์ปลอบขวัญมิผันหนี ใช่...เสน่ห์เล่ห์ร้ายปรายวาที ดุษฎีบรรสานสู่มานเดียว
ใช่...หยาดคำจารรดด้วยหยดหมึก หากจารึกดวงแดด่ำแลเหลียว ใช่...จบสิ้นสีสันพลันซีดเซียว คล้องก้อยเรียวเกี่ยวกันจนวันตาย... ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ใช่คืนวันปล่อยทิ้ง.........ทรมาฯ(ทรกรรม) ปลุกตื่นโชคชะตา..........ค่ำเช้า สติและปัญญา...............เคียงอยู่ เติมแต่งแรงใจเข้า.........ขาดสิ้นเสียขวัญ
ตราบจันทร์นวลแจ่มฟ้า...ราตรี ย่ำรุ่งโรมรวี...................เจิดจ้า ตราบลมจากใจมี...........แรงสั่ง แม้เหนื่อยท้ออ่อนล้า......หยัดสู้นรสีห์
พาทีพาถักร้อย..............ความเรียง ปันโสตสุขสำเนียง........ เพื่อนพ้อง จากใจฝากประเดียง......ประดิษฐ์ ลิขิตคำขับร้อง..............หลากสร้อยลานศิลป์
Soul Searcher Inspired to write 24/3/2018
PwJN0ceNINk
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 24 มีนาคม, 2561, 12:04:51 PM
รินรินเรื่อยเรื่อยแล้ว กวีใคร ฝากส่งถึงบางใจ ที่นี้ ลิขิตฤทธิ์รักใด กำหนด ฟ้าขีดชีวิตชี้ จึ่งเร้นลับหาย
แค่กายเพียงเท่านั้น หรอกนา ใจสิยังห่วงหา เสน่ห์ไซร้ โคลงจึ่งประดิษฐ์มา เติมตอบ ความรักยังอยู่ใกล้ ไม่แม้ลืมเลือน
สิริวตี
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 24 มีนาคม, 2561, 10:04:28 PM
มีลืมเลือนเลี่อนเปี้อน. บางคราว หน้าต่างเปิดเนื้อหนาว. ตลาดน้ำ บางรายเบิ่งตาวาว. ลับล่อ ดีแต่ผู้เลิศล้ำ. กล่าวถ้อยบอกความ
เนิน จำราย |
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: สิริวตี ที่ 25 มีนาคม, 2561, 12:18:45 PM
ช่องสามเรารีบเข้า มาดู พี่หมื่นซิกแพคหรู อิ่มกล้าม ยิ่งคิดยิ่งตราตรู ถึงพี่ หมื่นนา อย่านะอย่ามาห้าม จักร้องไห้โฮ
สิริวตี :27:
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: Wirin ที่ 26 มีนาคม, 2561, 12:01:29 PM
:30:
เพียงเสียงดังแว่วหวานสะท้านไหว เพียงหัวใจร้าวรานผ่านเวหา เพียงเพราะเราระทมตรมอุรา เพียงนิทรามิหลับกลังภวังค์
เพียงเท่านี้จริงจริงมิกลิ้งกลอก เพียงอยากบอกคนไกลด้วยใจหวัง เพียงได้พบสบหน้าอย่าชิงชัง เพียงเพราะยังมีจิตที่ติดทรวง
เพียงอดีตผิดพลาดแม้อาจสาย เพียงเพราะกายลุ่มหลงทนงสรวง เพียงเพราะยังเยาวัยในแดดวง เพียงเพราะช่วงวัยรุ่นอย่าขุ่นเคือง
วิริน ๒๖/๓/๖๑
:30:
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 30 มีนาคม, 2561, 09:31:53 PM
รินรินเรื่อยเรื่อยแล้ว กวีใคร ฝากส่งถึงบางใจ ที่นี้ ลิขิตฤทธิ์รักใด กำหนด ฟ้าขีดชีวิตชี้ จึ่งเร้นลับหาย
แค่กายเพียงเท่านั้น หรอกนา ใจสิยังห่วงหา เสน่ห์ไซร้ โคลงจึ่งประดิษฐ์มา เติมตอบ ความรักยังอยู่ใกล้ ไม่แม้ลืมเลือน
สิริวตี
ดาวเดือนลัดเลื่อนคล้อย....คคนานต์ โกมุทโกมลมาลย์.............กลิ่นแก้ว กรายกรุ่นทั่วทั้งลาน..........ใจพี่ ตรึงติดโยงใจแพร้ว..........พากย์พริ้มพะวงหวน
รัญจวนเปรยฝากเย้า. ........เชิญชวน แม้นเปรียบคมปลายทวน....ปักดิ้น เจ็บแปลบแทบเจียนจวน.....วายดับ มิหักหาญลืมสิ้น..................ขุดคุ้ยแผลรัก
Soul Searcher Inspired to write 30/3/2018
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 30 มีนาคม, 2561, 09:36:27 PM
มีลืมเลือนเลี่อนเปี้อน. บางคราว หน้าต่างเปิดเนื้อหนาว. ตลาดน้ำ บางรายเบิ่งตาวาว. ลับล่อ ดีแต่ผู้เลิศล้ำ. กล่าวถ้อยบอกความ
เนิน จำราย |
งามตาคราเบิ่งแจ้ง...........จางปาง เว้าแหว่งวรรคซ่อนวาง......เก็บไว้ พราวระยิบระยับพราง.......ดารกะ ผาดผุดพิสุทธิ์ไร้................ขุ่นข้องมองเห็น
Soul Searcher Inspired to write 30/3/2018
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 30 มีนาคม, 2561, 09:38:32 PM
ช่องสามเรารีบเข้า มาดู พี่หมื่นซิกแพคหรู อิ่มกล้าม ยิ่งคิดยิ่งตราตรู ถึงพี่ หมื่นนา อย่านะอย่ามาห้าม จักร้องไห้โฮ
สิริวตี :27:
มิกล้าโชว์แพคพลุ้ย.........โฉมตรู เกรงเปล่าเปลี่ยววธู.........รุ่มเร้า พี่หมื่นเอกดนู..................ไกลห่าง ชั้นเฮย คิดช่วงชิงออเจ้า..............พี่ล้านกบาลใส
Soul Searcher Inspired to write 30/3/2018
:27:
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 30 มีนาคม, 2561, 10:19:48 PM
:30:
เพียงเสียงดังแว่วหวานสะท้านไหว เพียงหัวใจร้าวรานผ่านเวหา เพียงเพราะเราระทมตรมอุรา เพียงนิทรามิหลับกลังภวังค์
เพียงเท่านี้จริงจริงมิกลิ้งกลอก เพียงอยากบอกคนไกลด้วยใจหวัง เพียงได้พบสบหน้าอย่าชิงชัง เพียงเพราะยังมีจิตที่ติดทรวง
เพียงอดีตผิดพลาดแม้อาจสาย เพียงเพราะกายลุ่มหลงทนงสรวง เพียงเพราะยังเยาวัยในแดดวง เพียงเพราะช่วงวัยรุ่นอย่าขุ่นเคือง
วิริน ๒๖/๓/๖๑
:30:
เพียงเสียงนวลครวญคร่ำรำพันไหว เพียงดับไฟอุกาฟ้าขลิบเหลือง เพียงแอบแวะกระแนะกระแหนแม่โปรยเปลือง เพียงนองเนืองเว๊ปกลอนอักษรพรม เพียงจับแพะชนแกะชำแหละกึ๋น เพียงหน้ามึนหน้าหมองดองยาขม เพียงหน้าบึ้งหน้าบูดสูดยาดม เพียงหน้ากลมหน้าเหลี่ยมเจี๋ยมเจี้ยมมาน เพียงอดีตอดุลอะดักอะเดื่อ เพียงมิเหลือทะนงปลงสังขาร เพียงเลิกฟาดเลิกฟันอันธพาล เพียงนานนานขอทีปล่อยผีกลอน Soul Searcher Inspired to write 30/3/2018 :27:
หัวข้อ: ~* ทางหนึ่งซึ่งหวัง *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 04 เมษายน, 2561, 08:18:49 AM
~* ทางหนึ่งซึ่งหวัง *~
“...หยาดแห่งความรักอบอุ่นที่หลั่งริน สู่หัวใจที่สิ้นศรัทธา แม้หนทางใหม่อาจไกลสุดลิบตา ฉันจะฝ่าเรื่อยไปไม่ไหวหวั่น
ด้วยใจยึดมั่นตราบวันผันผ่าน เพื่อให้ฝันนั้นเป็นจริง...”
JcpyjZVDhbs
...”ตะวันลับไป” เหมือนเส้นทางห่างไกลไร้จุดหมาย เมื่อชีวิตล่วงวัยใกล้วางวาย พร่าเลือนหายความฝันอันตรธาน
ดุจเดินทางหว่างหนชลมารค เหลือเพียงซากธุลีดินผกผินผ่าน รสสัมผัสรุจิเรขเมฆตระการ ทั้งดินดานโคลนปลักมักคุ้นเคย
หากว่าทางซึ่งหวังยังห่างนัก แสนเหนื่อยหนักเกินทนจนเหลือเอ่ย เพียงหยาดหยดไออุ่นละมุนเปรย จักชดเชยปลอบขวัญ ปันศรัทธา
ตะวันลับล่วงแล้ว..............ราโรย ฤาจักร้องโอดโอย............อ่อนล้า สายฝนหลั่งปรายโปรย.....ยังหยด- หยาดรักสู่ใจว้า-..............เหว่ว้างบนทางหวัง
...ได้ย้อนฟังเพลงเก่าๆ ก็ยังมีพลังที่ให้ความรู้สึกดีดี เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง...
Soul Searcher Inspired to write 4/4/2018
|
หัวข้อ: ~* ประโลมคำ *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 06 เมษายน, 2561, 01:07:55 PM
~* ประโลมคำ *~
วะวับวามพริบพรายกำจายแสง “เจิดแจรง”แต่งโสมโลมไถง ทั่วทุกทิศทุกทางกระจ่างไป พราวไสวโชติช่วงห้วงอัมพร
แสนสวยสดงดงามในความเงียบ รงทองเฉียบลายศิลป์ปิ่นอักษร รับเอ่อล้นชลธีสีทันดร เชื่อมสิงขรประลุพระสุเมรุ
หลากวลีวิ่นว้างหว่างเวหน กลั้วฉงนป่นเกลือเจือพิมเสน เปลี่ยนโยกย้ายซ้ายขวาหาชัดเจน ลู่ระเนนเอนเอียงระเบียงลม
ครั้นลำดับจับเสียงมาเรียงร้อย ชื่นชดช้อยคล้อยตามว่างามสม ทรงคุณค่าชวนชิดพินิจชม เคลิ้มอารมณ์รัญจวนในครวญคำ
ผิว่าพึงใจชิดสนิทแพร้ว ขออย่าแคล้วคลาดเสียงเผดียงร่ำ ประภาษพจน์พร่างผลดุจฝนพรำ รื่นเริงรัมย์ร่มเย็นเช่นสายธาร
คลุ้มหมอกบางทางเปลี่ยวที่เลี้ยวลด เพียงรินบทรสคำชื่นฉ่ำหวาน ลบหม่นม้างหมดสิ้นระบิลมาน สอดประสานซาบซึ้งเป็นหนึ่งเดียว
rJlQXVuJWn0
เพลงดอกลั่นทม
“...โอ้ดอกลั่นทมสีขาวสะอาด งามสวยราวกับวาด ไม่อาจหักใจไม่มอง...”
งามสวยปานวาดแล้......ลั่นทม อกพี่ร้าวระบม...............บอบช้ำ สายตาคัดขื่นขม...........หมองเหม่อ คอยหยาดชื่นสุขล้ำ.......หยดไล้ประโลมขวัญ
จำนรรจ์จำนับนี้.............จากใจ จำแนกจาระไน..............เจตสิ้น จำพรากจากกันไกล.......เหินห่าง จำจวบลุด่าวดิ้น.............ไป่ร้างเลือนสมร
Soul Searcher Inspired to write 6/4/2018
ป.ล. “เจิดแจรง” : ขออนุญาตหยิบยืมคำ มาจากบทกวี “ใบศรี” ของ ท่านอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ครับ
|
หัวข้อ: ~* คำหวาน *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 07 พฤษภาคม, 2561, 05:08:56 PM
~* คำหวาน *~
cto2AUkL4FA
เสียงกรุ๊งกริ๊งกระดิ่งลม ผสมผเส กับหวนเหอาวรณ์ อันอ่อนไหว ยามต้องลมแว่วหวาน กังวานไกล ปลุกริ้วรอยอาลัยในทรงจำ
มโนนึกหอมกรุ่น คุ้นนาสิก ห่อนระริกเคียงขาน สราญร่ำ หากว่าด้อยวาสนา ชะตากรรม จึงได้เพียงพร้อยพร่ำ พรรณนา
เอกเขนกเอนเอียง ระเบียงตั่ง เปลี่ยวประดังเคลิ้มจิต คิดห่วงหา แว่วโสตคล้ายกานท์ศิลป์ รวยรินมา หลับนิทราฤานั่น จึงฝันไป
ฝันว่าหนุนตักนอน เกี้ยวกลอนแต่ง แดดอ่อนแรงลมล่อง ฟ้าผ่องใส ช่างปลอดโปร่งความคิด และจิตใจ ยามอยู่ใกล้เคียงกัน แม้ฝันเอา
สุขนี้เพียงแค่ร่ำ คำหวานรัก มิหน่ายพัก ผ่อนผายเมื่อคลายเหงา แผ่วกระซิบยินเสียง เพียงสองเรา บอกเบาเบา...ว่าฉันนั้นรักเธอ...
คำหวานซ่านโสตซึ้ง.......วจี ฤาดื่มด่ำฤดี...................หนึ่งได้ ศิโรราบพร้อมพลี...........รักมอบ สัมผัสลึกล่วงไซร้............สุดห้วงหทัยสอง
Soul Searcher Inspired to write 7/5/2018
|
หัวข้อ: ~* รักมิรู้ดับ *~
เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 18 พฤษภาคม, 2561, 12:26:29 PM
~* รักไม่รู้ดับ *~
“...ถึงจะสิ้น วิญญาณกี่ครั้ง ฉันก็ยัง รักเธอฝังใจ แม้จะสิ้น ดวงจันทร์ไฉไล ไม่เป็นไร เพราะยังมีเธอ
ฟ้าจะมืด จะมัวช่างฟ้า ขอให้มี สายตาหวานละเมอ ถึงจะสิ้น แผ่นดินนะเธอ ให้ได้เจอ ยิ้มเธอชื่นใจ
ไม่ได้ชิด ก็ขอเพียงได้ชม ไม่ได้สม ไม่เห็นแคร์อะไร ขอให้ได้รัก ข้างเดียวเอาไว้ ไม่เช่นนั้น ใจฉันคงหลุดลอย
ถึงโลกแตก แหลกราญสิบครั้ง ฉันก็ยัง หวังใจรอคอย แม้นจะสิ้น วิญญาณเลื่อนลอย ก็จะคอย พบเธอชาติอื่นเอย...”
JUYmDF1MJXs
รักมิรู้ดับยั้ง...................ยืนนาน แม้จวบสิ้นสุดกาล..........เคลื่อนคล้อย หลอมหล่อจิตวิญญาณ....สองสู่ เคียงรักสลักร้อย............ตราบนี้นิรันดร์
ฟ้าจะมืดหม่นมัวสลัวฟ้า เพียงพบหน้า ก็คลายหายไหวหวั่น เหมือนดั่งมีอาณัติอัศจรรย์ ส่งถึงกัน หยัดอยู่มิรู้เลือน
ถึงโลกแตกแหลกลาญกี่วารวัฏฏ์ เกิดวิบัติพสุธาคลาคล้อยเคลื่อน ถึงดาวดับลับล่วงแม้ดวงเดือน- จะมิเยือนก็มิว่าถ้ามีเธอ
“ไม่ได้ชิดก็ขอเพียงได้ชม” แค่สุขสม หัวใจแอบไผลเผลอ กลั่นเป็นกลอนรักล้นท้นละเมอ กี่พลาดเจอ นานนับ...มิดับเลย
Soul Searcher Inspired to write 18/5/2018
|
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: มนตรี ประทุม(2) ที่ 19 พฤษภาคม, 2561, 12:13:57 PM
แม้กายลาลับแล้ว รักคง อยู่นา กายร่วงจิตพะวง รักไว้ ร่างหายห่างยังหลง สู้ต่อ รักมิดับสิ้นได้ คู่ฟ้าดินสลาย
|
มนตรี ประทุม “มันแกว” ๑๙ พ.ค.๖๑
หัวข้อ: Re: โปรยปราย
เริ่มหัวข้อโดย: Wirin ที่ 25 พฤษภาคม, 2561, 09:11:49 AM
:30:
กายดับลับล่วงแล้ว นานเนา จิตก็ยังซึมเซา เช่นนี้ ลืมเลือนเลื่อนเพราะเรา ไหวหวั่น จิตนิ่งเกินเลยซี้ ดั่งได้้ขียนมา
วิริน ๒๕/๕/๖๑
:30:
|