หัวข้อ: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 พฤศจิกายน, 2556, 02:19:25 PM คำนำฉบับร่าง ขณะที่กำลังทำเค้าโครงเรื่อง และสะสมข้อมูลที่จะแต่ง “แม่ศรีวรรณทองภาค ๓” ได้รับสำเนา “พระนลคำฉันท์” จากเพื่อนนักกลอนในเว็บฯสมาคมกวีร่วมสมัย ผู้ที่ใช้นามว่า “ศรีเปรื่อง” อ่านแล้วเกิดความสนใจ จึงเสาะหา “พระนลคำหลวง” มาจนได้ เมื่ออ่านอีกหลายรอบ จนมีข้อมูลพร้อม จึงตัดสินใจที่จะแต่งนิทานคำ กลอนเรื่องนี้ก่อน ตอนแรกคิดว่าคงใช้เวลาสักหนึ่งถึงสองปี แต่เมื่อลงมือจริง ๆ คือทำแบบหยุดไม่ลง อยู่กับงานนี้ทั้งวันทั้งคืน ใช้เวลาไม่ถึงสี่เดือนฉบับร่างก็เสร็จ จึงคิดต่อไปว่า นิทานพระนลคำกลอนเล่มนี้ ถ้าหากเสร็จสมบูรณ์ทัน อาจจะพิมพ์เผยแพร่ ในวันประชุมใหญ่สมาคมกวีร่วมสมัย ปีหน้า และ ปี ๒๕๕๗ ซึ่งหนังสือพระนลคำหลวง ก็จะครบ ๑๐๐ ปีพอดีด้วย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเขียนในคำนำว่า พระองค์แต่ง พระนลคำหลวงเสร็จเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๗ ลักษณ์การแต่งนี้มิได้แปลงฉันทลักษณ์อันหลากหลายในพระนลคำหลวงมาเป็นบทกลอน แต่อ่านเอาเนื้อความแล้วนำมาเล่า ตัดส่วนที่พรรณนาซ้ำ ๆ ออกเพื่อความกระชับฉับไว และมีเสริมเติมแต่งให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงบ้าง ตามจินตนาการของผู้เล่านิทาน หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้รับความกรุณาจากทุกท่านช่วยกันติติง ในข้อที่เห็นผิด หรือไม่เหมาะไม่ควรใด ๆ สำหรับคำสัมผัสซ้ำในกลอนยาวต้องมีบ้าง แต่ขอไม่ให้มีในหน้าเดียวกัน ถ้าเป็นคนละหน้า ต้องห่างกันโดยมีบทกั้นกลาง อย่างน้อย สองบท ขอท่านช่วยดูให้ด้วย และมีตอนไหนที่อ่านแล้วขัด ๆ เข้าใจยาก คลุมเครือ หรือใช้คำศัพท์ที่ไม่ตรงความ หรือสิ่งผิดเพี้ยนใด ๆ ก็ตาม แม้จะไม่ช่วยแก้ไขในจุด นั้น ๆ ก็ขอให้ติติงมาเพื่อจะได้พิจารณาดูต่อไป สื่อสารกลับได้ทางข้อความเว็บฯสมาคมกวีร่วมสมัย หรือ Facebook ขอขอบคุณทุกท่านไว้ ณ ตรงนี้เป็นอย่างสูง ธนุ เสนสิงห์ จะนำมาลง ณ ตรงนี้ ทุกวันอาทิตย์ หรืออย่างช้าวันจันทร์ สัปดาห์ละ ๗ หน้า หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 พฤศจิกายน, 2556, 02:21:20 PM คำนำ พระนลเป็นนิทานเรื่องหนึ่งในคัมภีร์มหาภารตะ ซึ่งกล่าวกันว่า พระมุนีผู้หนึ่งได้เล่าประทานแก่กษัตริย์ปาณฑพนาถ ผู้สุญเสียราชสมบัติ ต้องซัดเซ พเนจร อยู่กลางป่า เพื่อเป็นกำลังใจ ให้มั่นในความดีงาม ต่อสู้ชีวิตด้วยความอดทนเช่นพระนลและทมยันตี เดิมเป็นโศลกภาษาในภาษาสันสกฤต พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแต่งเป็นภาษาไทย โดยใช้ฉันทลักษณ์ไทยหลากหลาย คละกันไปตลอดทั้งเรื่องให้ชื่อหนังสือว่า “พระนลคำหลวง”พระองค์ทรงกล่าวไว้ในคำนำว่า พระองค์แต่งแล้วเสร็จเมื่อ ปีพ.ศ. ๒๔๕๗ ทำการตรวจสอบ ฉบับพิมพ์อีกครั้งหนึ่ง จนได้พิมพ์ออกจำหน่ายในปี พ.ศ. ๒๔๕๙ ในหนังสือมีภาษาสันสกฤตกำกับคู่กันไปตลอดเล่ม ดุจพระองค์จะทรงแปลความแต่ละหน้าแต่ละบทไป หนังสือมีความหนา ๕๗๔ หน้า ราคาจำหน่ายตามปก ๒๕ บาทถ้วน พิมพ์จำหน่ายโดย ศิลปาบรรณคาร มีฉันทลักษณ์ต่าง ๆ ดังนี้ ประเภทร่าย ร่ายสุภาพ, ร่ายยาว, ร่ายโบราณ, กลอนร่าย(อย่างเทศน์มหาชาติ), ประเภทโคลง โคลง ๒, โคลง ๓, โคล ๓ ดั้น, โคลง ๔ สุภาพ, โคลงวิชชุมาลี, โคลงสินธุมาลี, โคลงจิตรดา, โคลงมหาจิตรลดา, โคลงนันทะทายี, โคลงมหาทันทะทายี, โคลงกลบท, ประเภทฉันท์ อินทรวิเชียรฉันท์,วสัตตติลกฉันท์, ภุชงคประยาตฉันท์ ประเภทกาพย์ กาพย์ยานี, กาพสุรางคนางค์, กาพย์ห่อโคลง, กาพย์ดึกดำบรรพ์(ฉบงง) ประเภทกลอน กลอนเพลงยาว, กลอนบทละคร,กลอนเสภา, การแต่งนิทานพระนลคำกลอนนี้ มิใช่การแปลงฉันทลักษณ์ต่าง ๆ ในพระนลคำหลวงมาเป็นกลอนสุภาพแต่อย่างใด หากแต่เป็นการศึกษา เรื่องราวทั้งหลายโดยการแปลศัพท์ต่าง ๆ แล้วนำมาเล่านิทานเป็นคำกลอน ส่วนคำพรรณนาความซ้ำ ๆ เพื่อย้ำให้เกิดอารมณ์ลึกซึ้ง อย่างการเทศน์มหาชาตินั้น ตัดออกไปบ้าง มีการเสริมเติมแต่งในทัศนะของผู้เล่านิทานเองบ้าง ทั้งนี้หมายให้ เกิดเป็นสิ่งที่ดี ด้วยความเทิดทูนบูชา “พระนลคำหลวง” และบูรพกษัตริย์ ซึ่งพระองค์ทรงใช้พระนามตามปกหนังสือว่า สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราวุธ พระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้า เจ้ากรุงสยาม ไว้เป็นอย่างสูงยิ่ง หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 พฤศจิกายน, 2556, 02:23:30 PM หน้าที่ ๑ ณ ธานีนิษัธสถาน ปรางค์ปราสาทราชวังอลังการ ปวงชนสุขเกษมศานต์เนิ่นนานมา ๏ ท้าววีรเสนเคยครองกรุงรุ่งเรืองรัฐ หลายปีผลัดผ่านวันพระชันษา จึงสละพระราชบัลลังก์ดังเจตนา ให้ลูกยาพระนลวิมลนาม ๏ ทรงบุญญาธิการปานเทพไท้ ฤทธิไกรลือภพจบโลกสาม ทั้งรูปลักษณ์ล้ำเลิศประเสริฐงาม เกินนิยามใดใดในมนุษย์ ๏ พระเชี่ยวชาญด้านวิทยะธนูศาสตร์ ทรงสามารถสำแดงเดชวิเศษสุด อัศวโกวิทฤทธิ์รุทร รู้ซึ้งจุดจินตนาอาชาไนย ๏ อันสรรพวิชาพระนลราช ศิลป์และศาสตร์ทุกสิ่งล้วนยิ่งใหญ่ พร่องก็เพียงแต่ว่าองค์ราชัย พระยังไร้คู่บุญญาราชินี ๏ทรงโปรดปรานการสกากีฬาคณิต พอเพลินจิตเหงาคลายได้สุขี รักประพาสแดนดงพงคีรี แลสวนขวัญอันเป็นที่รื่นฤทัย หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 พฤศจิกายน, 2556, 02:24:49 PM หน้า ๒ ๏ อีกนครหนึ่งซึ่งมีนามว่าวิธรรภ์ องค์ราชันทุกข์ทนหม่นไหม้ เฝ้าบวงสรวงเจ้าเขาป่าเทวาลัย ด้วยอยากได้ราชบุตรราชธิดา ๏ วันหนึ่งพรหมฤษีวิเศษสรรค์ จรจรัลลัดดงตรงมาหา เข้าเฝ้าองค์ภีมะกษัตรา พจนามุนีท่านประทานพร ๏ “ขอพระองค์จงสมหวังดังถวิล ด้วยพรแห่งพรพรหมมินทร์อดิศร ได้ราชบุตรสุดเดชาครองนาคร เป็นมิ่งขวัญราษฎรสืบไป ๏ แลเอกองค์ราชธิดาบุญญาล้น เป็นขวัญชนขวัญสุขแห่งยุคสมัย ยอดปิยบุตรีศรีวิไล มิว่าใครเห็นอนงค์พึงหลงรัก ๏ จิตงามดีมีฤทัยใฝ่กุศล ความซื่อสัตย์อดทนโลกประจักษ์ เป็นยอดแห่งนารีมีใจภักดิ์ ศุภลักษณ์นางฟ้าหางามแม้น ๏ ประทานนามทมยันตีศรีสวัสดิ์ นารีรัตน์มิ่งกมลชนหวงแหน นามหอมฟุ้งจรุงใจไปทุกแดน ล้วนสุดแสนรักหลงยอดนงคราญ” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 พฤศจิกายน, 2556, 02:25:46 PM หน้าที่ ๓ ๏ “คุณวิเศษแห่งธิดามารศรี มั่นภักดีสัตยาธิษฐาน วาทีขลังสั่งสาปกำราบมาร พระเกียรติไกรไพศาลเนิ่นนานวัน ๏ ชาวพาราจะผาสุกเกษมศานต์ เกียรติตระการเกริกไกรข้ามไพรสัณฑ์” จบวจีมุนีลาองค์ราชัน ในฉับพลันหายวับกลับแดนดง ๏ ด้วยพรพรหมสมใจในครานี้ ได้ราชบุตรและบุตรีที่ประสงค์ เสริมศักดิ์กษัตริย์ขัตติยวงศ์ พักตร์รูปทรงงามล้ำดั่งคำมุนี ๏ ทมยันตีเจริญวัยในวังราช นุชนาฏพี่เลี้ยงล้อมพร้อมทุกที่ นิรทุกข์สุขเกษมเปรมปรีดิ์ มิได้มีเรื่องข้องหมองฤทัย ๏ พระปิตุรงค์และพระราชมารดา ทรงสุดแสนเสน่หากว่าสิ่งไหน แม้ตะวันจันทราถ้าพึงใจ สรรหาได้หมายให้ชมสมดังปอง ๏ พระโฉมงามทรามวัยเลิศในหล้า เลื่องลือชายิ่งล้นแห่งชนผอง ทวยเทวายุวราชมาดเคียงครอง เกียรติเกริกก้องโลกาถึงฟ้าไกล หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 พฤศจิกายน, 2556, 02:26:40 PM หน้า ๔ ๏ ฝ่ายพระนลหนุ่มแน่นแสนอึดอัด อยู่นิษัธธานีมิสดใส เฝ้าใฝ่หาราชินีอยู่ที่ใด กาลผ่านไปมิเริงรื่นชื่นชีวี ๏ ทรงยินข่าวลือไกลไปทุกแคว้น สาวหนึ่งแม้นนางฟ้ามารศรี เฉิดโฉมงามนามทมยันตี ปฏิพัทธ์รัดฤดีอยากดมดอม ๏ โอ้ว่าปวงมาลีที่ส่งกลิ่น อันอบอวลรวยรินประทิ่นหอม หมายเด็ดดมดอกดวงพวงพะยอม มือน้าวน้อมมาชมสมฤทัย ๏ จักชื่นชมนารีที่ปองหมาย แล้วนี่ชายจักไขว่คว้ามาไฉน หากพานพบประสบพักตร์จักเผยใจ ทำอย่างไรเด็ดดอกรักหนักอารมณ์ ๏ วันหนึ่งท่องวโนทยานใหญ่ พบฝูงหงส์ลงสระใสว่ายสุขสม ตัวหนึ่งผิวแถบทองผ่องขำคม ก่อนเหินลมใช้วิชากระหวัดไว้ ๏ ครานั้นพญาหงส์ส่งภาษา เจรจาเช่นมนุษย์ที่พูดได้ แม้หวานถ้อยสุนทรแต่ซ่อนนัย แถลงไขกล่าวย้ำเรื่องทำงาน หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 พฤศจิกายน, 2556, 02:27:43 PM หน้า ๕ ๏ “ข้าแต่พระผู้ผ่านฟ้ามาพิภพ ขอนอบนบพระเมตตามหาศาล มิพิฆาตอาตม์จะสนองการ แทนคุณท่านสมประสงค์จำนงไว้ ๏ ท่านมีจิตพิศวาสซึ่งมาดหมาย ชมโฉมฉายทมยันตีศรีสมัย ข้าจะเข้าเฝ้านางกลางเวียงชัย กล่าววาทีเทิดไท้ให้นางซึ้ง ๏ เอกอ่าองค์ทรงคุณบุญศักดิ์ เทพลักษณ์งามมิเปรียบใครเทียบถึง ในโลกนี้นารีล้วนหวนคำนึง จิตตราตรึงมอบกายถวายรัก ๏ แต่พระนลมิสนใจหญิงใดแท้ นอกจากแม่ทมยันตีที่สมัคร พระเฝ้าเพ้อเฝ้าฝันมานานนัก หญิงอื่นใดไม่ภักดิ์ใครทั้งปวง ๏ ข้าจะพร่ำรำพันสรรค์สนิท จนฝังจิตทมยันตีที่ใหญ่หลวง คิดมอบกายมอบใจทั้งดวง แลรักหวงเพียงท่านนั้นผู้เดียว” ๏ พระฟังคำหงส์ฟ้ามาเป็นมิตร พรหมลิขิตหรือไฉนใจเฉลียว ทั้งมิหมายทำร้ายแน่แท้จริงเจียว เลิกเกาะเกี่ยวหงส์ลาเหินฟ้าไป หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 พฤศจิกายน, 2556, 02:28:33 PM หน้า ๖ ๏ พญาหงส์รักษาสัญญามั่น บินมุ่งสู่กรุงวิทรรภ์มิเหลวไหล ร่อนลง ณ อุทยานทันใด เหล่าข้าไทโจทย์ขานกันอื้ออึง ๏ ครานั้นทมยันตีธิดาราช ทรงหมายมาดเห็นรูปลักษ์สักน้อยหนึ่ง เมื่อมายังอุทยานตะลานตะลึง ฝูงหงส์ซึ่งงามสีสันพรรณราย ๏ เหล่าข้าราชบริพารทำการต้อน หงส์ค่อยร่อนยั่วข้าไทไปหลายฝ่าย ทุกคนไปไกลธิดาแยกกระจาย พญาหงส์เข้าถวายซึ่งความนัย ๏ “ข้าแต่องค์ทมยันตีธิดาเจ้า อันตัวเราผ่านนิษัธธานีใหญ่ พานพบหน้านลราชะรู้พระทัย พระเปี่ยมในเมตตาบารมี ๏ รูปพระองค์ทรงฤทธิ์พิศแล้วหลง งามกว่าองค์เทวรินทร์ปิ่นโกสีย์ ปฏิพัทธ์ปรารถนายอดนารี รักองค์ทมยันตีเปี่ยมดวงใจ ๏ ทั้งสองท่านนั้นประเสริฐเลิศในหล้า เหมาะสมกันปานฟ้าดลมาให้ สยมพรขจรภพนบอวยชัย ครองรักไปสุขสันต์นิรันดร์กาล” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 04 พฤศจิกายน, 2556, 02:30:49 PM หน้า ๗ ๏ ทมยันตีธิดาตราตรึงจิต คำหงส์ติดทรวงในใฝ่สมาน จึงฝากความหงส์นำสู่พระภูบาล ว่า “ยินนามพระองค์นานเช่นกันนา ๏ แลหมายใจจะได้พบประสบพักตร์ องค์ประจักษ์อยู่ในจิตขนิษฐา หากบุญมีที่ร่วมสร้างมิร้างรา คงสมปรารถนาแห่งดวงมาน ๏ ขอให้เชื่อในรักภักดีมั่น คำนี้นั้นเป็นสัตยาธิษฐาน คงสร้างบุญมาร่วมกันแต่บรรพกาล มิพบพานแต่จิตคิดผูกพัน ๏ เมื่อเชื่อมั่นต่อกันได้ฉะนี้ ก็มิมีสิ่งใดต้องไหวหวั่น รอเวลานำพาให้ได้พบกัน ขอฝากคำจำนรรจ์แด่พระนล” ๏ หงส์รับคำอำลาเหินฟ้ากว้าง เร่งเดินทางเมื่อทำงานตระการผล แล้วร่อนลงตรงสระน้ำงามอุบล คำมงคลตอบรักฝากภูมินทร์ ๏ พระนลรู้ข่าวหงส์ลงมาหา เจรจาปราศรัยใจถวิล หงส์ทูลการณ์ทั้งหลายในนครินทร์ ไปจนสิ้นครบถ้วนกระบวนความ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 พฤศจิกายน, 2556, 03:36:33 PM หน้า ๘ ๏ ฟังคำคมทมยันตีที่ฝากถึง พระนลซึ้งทรวงในให้วาบหวาม ซักไซ้หงส์ตรงถวิลสิ้นนิยาม กระจ่างตามจำนงหงส์ทูลลา ๏ ฝ่ายทมยันตีศรีสมร หลังหงส์อ้อนนัยแฝงแห่งภาษา ใจย้อนคิดจิตย้ำคำพูดจา เสน่หาคลั่งไคล้ในพระนล ๏ ใจลอยล่องท่องฝันกระสันถึง วันละหนึ่งเพิ่มเป็นวันละพันหน ยิ่งหมกมุ่นครุ่นคิดจิตกังวล มีกุศลสุขสมหวังหรืออย่างไร ๏ บางครั้งปลื้มลืมผลากระยาหาร แต่มินานกลับกังวลจิตหม่นไหม้ จนผิวพรรณซีดเลือดเผือดสีไป พระหทัยไม่ชื่นเลยเหมือนเคยมา ๏ นางกำนัลบริวารพานพลอยเศร้า จึงเงียบเหงาทั้งวังดังราวป่า เหล่าข้าไทจึงไปทูลองค์ราชา พิจารณาทางช่วยด้วยดุษฎี ๏ ภีมราชจอมไผทได้สดับ จนสิ้นสรรพวาจาแห่งทาสี พระกำสรดแต่กดไว้อยู่ในที องค์ภูมีใคร่คาวญหวนคำนึง หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 พฤศจิกายน, 2556, 03:38:18 PM หน้า ๙ ๏ “โอ้คนดีธิดาของข้าเอ๋ย ก่อนมิเคยขุ่นจิตแม้นิดหนึ่ง ลูกขัดเคืองเรื่องใดไม่รู้ซึ้ง ไฉนจึงเป็นไปได้เพียงนี้ ๏ หรือนงคราญผ่านถึงวัยควรได้คู่ ไว้ชื่นชู้ภิรมย์รักเป็นสักขี จะจัดการสยมพรพิธี ทมยันตีเลือกชู้คู่กมล” ๏ เมื่อทรงเข้าพระทัยให้อำมาตย์ เตรียมการราชพิธีเพื่อมีผล ออกหมายกำหนดการงานมงคล ออกป่าวร้องก้องทุกหนทั้งใกล้ไกล ๏ เชิญท่านไท้ทุกทิศาเทวากษัตริย์ มิข้องขัดชาติภาษาฐานะไหน ต่อเมื่อทมยันตีมีหทัย มอบรักให้จึงจักสมสยมพร ๏ คราใกล้ถึงซึ่งวันดีที่ประกาศ เทวราชเรืองฤทธิ์อดิศร ลูกกษัตริย์ผู้ครองรัฐเจ้านคร ต่างรีบจรกันไปให้อื้ออึง ๏ ผืนพสุธาสะเทือนสะท้าน จากฝีเท้าช้างสารเร่งให้ถึง ราชรถเทียมอาชาฝ่าตะบึง อึงคะนึงเหมือนจะประชันกัน หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 พฤศจิกายน, 2556, 03:39:50 PM หน้า ๑๐ ๏ แต่ละองค์อาภรณ์ประดับเพชร มงกุฎเกศรุ่งราวชาวสวรรค์ ถึงธานีองค์ภีมราชัน ต้อนรับอันสมฐานะประมุขชน ๏.... ณ มัฆวานสมาคมบรมราช วโรกาสประชุมใหญ่ในเวหน ขัตติยะ เทวามาเคยมาล้น แต่ครานี้ลดลงจนน่าแปลกใจ ๏ องค์อินทร์ถามความเทพมุนีท่าน “ชาวโลกทุกข์ สุขสราญ การณ์ไฉน หรือเกิดสิ่งอาเพศเหตุอันใด พิบัติภัยฤๅภาวะรณรงค์” ๏ พระมุนีมีคำพร่ำแถลง ทูลชี้แจงเค้าความตามประสงค์ “มนุษย์ไร้ทุกข์ภัยยุทธพงศ์ ขอท่านจงฟังแจ้งแถลงนัย ๏ สมมุติเทพทั้งหลายภายในหล้า ต่างไคลคลาสู่วิธรรภ์ธานีใหญ่ ซึ่งการณ์นี้ท้าวภีมราชัย ทูลเชิญให้ร่วมพิธีสยมพร ๏ ขององค์ราชธิดามารศรี คือพระนางทมยันตีศรีสมร ศุภลักษณ์เลิศกว่าชาวนาคร ฟ้าอมรก็ยากหามาเปรียบปาน” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 พฤศจิกายน, 2556, 03:41:29 PM หน้า ๑๑ ๏ ในคราพระมุนีชี้แจงเหตุ จอมเทเวศฤทธิ์ไกรศักดิ์ไพศาล อีกสามองค์ตรงมานั่งทันฟังการณ์ ร่วมอุทานพร้อมว่า “ข้าจะไป” ๏ มีองค์อัมรินทร์ปิ่นโกสีย์ ทั้งพระอัคนีที่ยิ่งใหญ่ ยมราชเจ้านรกปรกโลกัย พระวรุณผู้ให้สายนที ๏ ครานั้นจตุพระเทวราช ยุรยาตรแหวกฟ้ามาเร็วรี่ ดั่งแสงตรงลงสู่หล้าฝ่าเมฆี ใกล้ธานีพระทัยสงสัยล้น ๏ สั่งสุรพาหนะชะงักไว้ มิเคลื่อนไหวหยุดระหว่างกลางเวหน เมื่อเห็นราชพาหนะแห่งพระนล วิ่งมาบนพื้นดินถิ่นไผท ๏ ความเร็วเท่าเรามาจากฟ้านั่น ปวงเทวันแคลงจิตคิดสงสัย ราชรถเทียมม้าอาชาไนย แล้วไฉนเทียบกะทิพย์ยาน ๏ อัศวลีลาสง่ายิ่ง พร้อมทุกสิ่งแลวิไลเกินไขขาน เห็นฉะนั้นพลันเทวะโลกบาล จึงประทานสันถวไมตรี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 พฤศจิกายน, 2556, 03:43:11 PM หน้าที่ ๑๒ ๏ “ดูก่อนขัตติยะนามพระนล หยุดร้อนรนหน่อยหนึ่งอย่ารีบหนี จงฟังเราเจรจาพาที จักได้มีเทวราชโองการ ๏ ให้ท่านนั้นเป็นทูตแห่งเทวะ สำเร็จจะอวยชัยให้ไพศาล กิจเทวายากจะให้ใครทำงาน จึงเลือกท่านผู้ที่มีบุญแล” ๏ “ข้าแต่องค์พระเทวราช ข้าพระบาทจะรับใช้ผู้ใดแน่ จักเป็นทูตของใครผู้ใดแท้ ต้องรู้แง่งานนั้นฉันใดนา ๏ “ตัวข้าอัมรินทร์ปิ่นโกสีย์ นั่นเทพอัคคีผู้สร้างพลังกล้า อีกวรุณผู้ให้สายธารา และยมราชผู้พร่าชีวาชน” ๏ “ศักรินทร์ปิ่นเทวาเลิศหล้าโลก ผู้สรรค์โศกเสริมสุขทุกแห่งหน ข้าฯยินดีที่จะถวายตน แต่กังวลอย่าให้นานกาลเวลา” ๏ “เรื่องเวลาข้าช่วยเอื้ออวยให้ ชั่วอึดใจจรดังคิดทุกทิศา ตกลงใจได้จงยั้งฟังวาจา นำความข้าสู่จอมขวัญทมยันตี” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 พฤศจิกายน, 2556, 03:44:48 PM หน้า ๑๓ ๏ “เทวโลกบาลนั้นมาพร้อม แลหมายน้อมสู่ภาวะมเหสี เชิญไปแมนแดนเทวาเหนือธาตรี จักได้มีสุขสันต์นิรันดร์กาล ๏ เลือกเอาเถิดเทวินทร์มหินท์ชาติ ผู้หมายมาดมอบรักสมัครสมาน หรือเทวะอัคนีมีดวงมาน พร้อมประทานรักจอมขวัญกัลยา ๏ หรือเลือกพระวรุณผู้พูนโลก จะร้างโศกสิ้นทุกข์สุขนักหนา หรือเลือกพระยมราชฆาตโลกา จักพ้นภัยบีฑาสุขอานันท์ ๏ ขอให้ทมยันตีนารีรัตน์ ปฏิพัทธ์เทวะจากสวรรค์ สมยศฐานารีศรีวิธรรภ์ จงเลือกสรรตามจำนงสักองค์เทอญ” ๏ จบคำฝากศักรินทร์ปิ่นสวรรค์ นลราชันเทิดเทวะสรรเสริญ แต่ใจนั้นพลันโศกวิโยคเกิน ฤๅเผชิญวิบากกรรมเคยทำมา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 พฤศจิกายน, 2556, 03:46:19 PM หน้า ๑๔ ๏ จึงเอ่ยคำย้ำข้อต่อเทวะราช “มิบังอาจขัดการดังท่านว่า แต่ใคร่วอนผ่อนประสงค์องค์เทวา ท่านแลข้าฯต่างปองน้องนางเดียว ๏ เมื่อฝ่ายท่านวานให้ไปเป็นทูต กลัวจะพูดพลั้งพลาดขาดเฉลียว มิทำได้ดั่งใจท่านนั้นจริงเจียว อย่าฉุนเฉียวนะหม่อมฉันวานปรานี” ๏ “ดูดู๋มิจำคำทำสับปลับ ตะกี้รับกลับตระบัดสัจหรือนี่ คำกษัตริย์ตรัสแล้วไม่กลายวจี ไยทำทีเหมือนตระหนกอกระทึก” ๏ “ขอเดชะองค์เทวะทั้งสี่ คำเอ่ยมาตามข้าฯมีความรู้สึก ท่านยืนย้ำต้องทำแน่แม้ช้ำลึก ยังสำนึกมิตระบัดสัตยา” ๏ “ท่านจงไปตามคำดำเนินกิจ ใครมิปิดกั้นขวางทางข้างหน้า ประกาศิตสัมฤทธิ์สิ้นแห่งอินทรา พระนลมาวับหนึ่งถึงเวียงชัย ๏ ตรงสู่วังดังบัญชาเทวาฤทธิ์ มิมีปิดกั้นขวางหนทางได้ เหล่าทหารขึงขึงกลางวังใน มิสนใจผู้ล่วงผ่านทวารมา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 พฤศจิกายน, 2556, 03:48:37 PM หน้า ๑๕
๏ ถึงห้องใหญ่ใสสว่างกลางปราสาท พบพระราชบุตรีที่เลิศหล้า งามเอวองค์วงพักตร์ลักขณา พิศเพลินตาซ่านซึ้งตะลึงงัน ๏ จับจ้องนิ่งมิผินหน้าไปทางไหน พิศวาสบาดฤทัยไหวหวั่น นึกถึงงานบรรหารแห่งเทวัน พระอดกลั้นอกตรมระทมระทวย ๏ ฝ่ายยุวนารีทาสีสมร ทุกบังอรคัดสรรล้วนสะสวย เมื่อเห็นพระนลกันพลันงงงวย พากันขวยเขินอายชม้ายตา ๏ ครานั้นเยาวมาลย์ทมยันตี หันมาพบภูมีอยู่ซึ่งหน้า แย้มยิ้มน้อยค่อยเอ่ยคำจำนรรจา “ดูก่อนราเอกองค์ผู้ทรงงาม ๏ ท่านมาถึงราชฐานด้านในนี้ ไยมิมีทหารทัดทานห้าม ขอเชิญท่านแถลงแจ้งพระนาม และเหตุความประสงค์จำนงนัย” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17 พฤศจิกายน, 2556, 05:28:42 PM หน้าที่ ๑๖
๏ “ข้าฯพระนลกษัตริย์ขัตติยะ ครองราชธานีนิษัธใหญ่ รีบเดินทางยังวิธรรภ์มั่นฤทัย มอบดวงใจจอมขวัญทมยันตี ๏ แม้เพียงตาจะได้ชมมิสมรัก หรืออกหักทุกข์ทนหม่นเหลือที่ สมใจหวังดั่งรอเป็นแรมปี เพื่อเข้าร่วมพิธีสยมพร ๏ ครั้งหงส์ทองปองสื่อสารสวาท มาปราสาทน้องนั้นเมื่อวันก่อน รับสารไปใจถวิลทั้งกินนอน อกรุ่มร้อนใคร่มาหาคนดี ๏ กุศลหนุนบุญนักพบพักตร์น้อง ถึงด้านในวังทองของโฉมศรี ให้โอกาสเจรจาฟังพจี ตราบชาตินี้ดวงหทัยไม่ลืมเลือน ๏ แม้นรักที่ฤดีปองต้องพลัดพราก รับวิบากกรรมขวางจำร้างเลื่อน เช่นสุรีย์มิมีได้ใกล้ดวงเดือน และดาวเกลื่อนต้องลี้ทิวาจร ๏ ระหว่างทางพบเทวามางานนี้ ใช้ให้พี่เป็นทูตมาล่วงหน้าก่อน ร้าวอุราพยายามพร่ำอ้อนวอน ผู้ครองฟ้าอมรมิอ่อนใจ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17 พฤศจิกายน, 2556, 05:30:05 PM หน้า ๑๗
๏ ต้องทำตามจำนงองค์เทเวศ แลเห็นเจตน์ดวงจิตพิสมัย น้อยนักนะมนุษย์สุดโลกไกล ยากจะได้พระกรุณาเช่นครานี้ ๏ แม้วังในกวดขันเข้มเต็มที่นัก มิอาจจักกั้นพรองค์พระทรงศรี ผู้เป็นทูตเทวาเข้าธานี จึงมิมีผู้ใดได้ทัดทาน ๏ นำความองค์อมรินทร์ปิ่นพิภพ พระวรุณผู้เลอลพคุณพิศาล พระอัคนีผู้ที่อุ่นโลกบาล แลพระยมผู้ผลาญสรรพชีวา ๏ ทวยเทพไท้หมายเจ้าเยาลักษณ์ หมายเชิดศักดิ์บนสวรรค์แสนหรรษา จนชั่วนิจนิรันดร์กาลเวลา พระธิดาจะจำนงพระองค์ใด ๏ ยินดีด้วยอวยชัยไม่อิจฉา เทพอุ้มชูสู่ฟ้าสุขสดใส จะเลือกองค์ใดแน่สุดแต่ใจ พี่เป็นทูตจะกลับไปทูลเทวัน หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17 พฤศจิกายน, 2556, 05:31:28 PM หน้าที่ ๑๘
๏ ครานั้นทมยันตีศรีสมร พนมกรไหว้เทวะจากสวรรค์ แล้วหันหานลราชอภิวันท์ จึงจำนรรจ์คำฝากจากดวงใจ ๏ “โอ้ว่าองค์ภูมินทร์ปิ่นเกศา ฟังเถิดหนาจะแจ้งแถลงไข ความจริงแท้แลมิแสร้งแฝงกลนัย ทูลราชัยตรงคำมิอำพราง ๏ เจตนาขอเป็นข้าพระนลราช พิศวาสฝังฤทัยไม่รู้สร่าง แต่วันหงส์พรรณนาสารพางค์ ทรงสำอางเลิศล้ำลืมมิลง ๏ ทั้งวันคืนตื่นหลับประทับจิต ด้วยแรงฤทธิ์รักล้นจนลุ่มหลง พระบิดามารู้เหตุเจตจำนง จึงพระองค์จัดวาระสยมพร ๏ ตั้งแต่นั้นก็มั่นหมายฤทัยว่า ได้พบหน้านลนริศอดิศร ขออย่าตัดสวาทจนขาดรอน ข้าวิงวอนรักแท้ให้ไร้ราคี ๏ แม้พระองค์ทรงชัยไม่สมัคร สลัดรักหักใจคิดหน่ายหนี เท่ากับองค์ทรงฤทธิ์ปลิดฤดี ข้าจำนงปลงชีวีมิมีกลัว หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17 พฤศจิกายน, 2556, 05:32:47 PM หน้า ๑๙
๏ จักเข้ากองอัคคีปลิดชีวิต ดื่มยาพิษดิ่งนทีมีอยู่ทั่ว ฤๅผูกศอพอแน่นิ่งจึงทิ้งตัว โลกมืดมัวแล้วเมื่อสิ้นปิ่นภูมี” ๏ ฟังความทมยันตีนารีนาถ พิศวาสบาดทรวงพระทรงศรี ซึ้งถึงความเสน่หายอดนารี จิตเปรมปรีดิ์ใคร่ชมภิรมย์ชิด ๏ แต่หน้าที่ปวงเทวามอบมาให้ ทำตามใจปรารถนารู้ว่าผิด จำเอ่ยตามคำเทวาว่า “มิ่งมิตร ขอจงคิดปลงใจให้เทวัน ๏ แม่จะสุขเกินมนุษย์สุดจะกล่าว เป็นท่านท้าวจอมสุรางค์กลางสวรรค์ เพชรภูษาทิพย์มาลีเลิศดีนั้น จักเลือกสรรได้ทั้งสิ้นดังจินดา ๏ เมื่อเป็นความประสงค์ผู้ทรงฤทธิ์ ยากขัดจิตเหมือนจักผลักภูผา เราด้อยค่ากว่าธุลีที่บาทา ฤๅอาจกล้าขัดองค์เอกรินทร์ ๏ เมื่อยินคำย้ำความซ้ำอีกหน อัสสุชลหลั่งไหลไม่สุดสิ้น คำราชันนั้นพิฆาตบาดชีวิน อกพังภินท์ทรุดองค์ลงฟูมฟาย หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17 พฤศจิกายน, 2556, 05:34:09 PM หน้าที่ ๒๐
๏ พระนลพลันหวั่นฤทัยได้กล่าวตอบ เป็นคำปลอบประโลมยอดโฉมฉาย “พี่กล่าวคำซ้ำย้ำเตือนเหมือนดูดาย ต่อไมตรีที่เจ้าหมายมอบให้มา ๏ เพราะเป็นทูตถือสารทำงานนี้ เอ่ยวจีตามใจคล้ายมุสา ผิดคำมั่นอันรับกับเทวา ราชธิดาใจเย็นจงเห็นใจ ๏ ถ้าได้พบน้องรักอีกสักครั้ง จะกล่าวดังดวงจิตพิสมัย มาครั้งนี้มีความสัตย์ผูกมัดไว้ ยอดฤทัยอย่าวิโยคโศกรำพัน” ๏ ยินคำปลอบประโลมทมยันตี ชื่นฤดีเต็มอุระกะทันหัน ยิ้มแย้มทั้งน้ำตาในครานั้น ปานสวรรค์พลันสว่างขึ้นกลางทรวง ๏ เมื่อรู้ซึ้งถึงฤทัยไม่เป็นอื่น รักเต็มตื้นเลิกคิดตะขิดตะขวง สรรเสริญองค์ทรงศักดิ์มิทักท้วง “งานทั้งปวงเสร็จแล้วเวลานี้ ๏ เด็ดเดี่ยวยิ่งมิทิ้งสัจตัดธรรมะ เสียสละดวงใจให้หน้าที่ เป็นการทำสิ่งประเสริฐเลิศภูมี องค์เทวันท่านปรานีสุธีชน” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17 พฤศจิกายน, 2556, 05:35:25 PM หน้า ๒๑ ๏ “ขอพระองค์ทรงทูลเทวฤทธิ์ ด้วยความสัตย์สุจริตจิตกุศล จริงทุกถ้อยวาทีมิซ่อนกล เผยเหตุผลแต่เริ่มจำเดิมมา ๏ เมื่อถึงวันสยมพรบวรพิธี กลางภาคีใหญ่นั้นประชันหน้า เป็นสิทธิ์ของน้องจะเลือกภัสดา องค์เทวามีธรรมพึงอำนวย ๏ เมื่อน้องเลือกพระองค์เพราะจงจิต เกิดโฆษิตแซ่ซ้องร้องเห็นด้วย พรเทวามาลัยชื่นระรื่นระรวย สำเร็จสวยสมดังที่หวังปอง” ๏ พระนลฟังวาจาธิดาราช ชาญฉลาดดีเด่นมิเป็นสอง เอ่ยวาจาลาออกนอกวังทอง อีกมุมมองเหมือนเทวาฟ้าประทาน ๏ ตั้งจิตย้อนกลับหลังดังใจหมาย พระวับหายจากห้องรโหฐาน ถึงหน้าพระพักตร์องค์มัฆวาน รับโองการตอบความตามระบิล หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 17 พฤศจิกายน, 2556, 05:37:09 PM หน้าที่ ๒๒ ๏ องค์เทวาทั้งสี่มีปุจฉา สั่งราชาแถลงไขให้จบสิ้น อย่าตกขาดคลาดเคลื่อนเหมือนเล่นลิ้น พระนลยินจึงกล่าวความตามคดี ๏ ข้าพระองค์ตรงไปในวังราช ใครมิอาจขัดขวางทางวิถี เข้าไปถึงซึ่งหน้ายอดนารี ทำหน้าที่ตามวาจาเทวาวาน ๏ กล่าวเทิดทูลคณะจตุรเทพ เชิญแม่เสพสุขสวรรค์อันไพศาล พรรณนาคุณอักโขโลกบาล ให้นงคราญฟังแถลงจนแจ้งใจ ๏ มากสรรพสิ่งสุขแสนแดนสวรรค์ ข้าฯเฝ้าพรรณนาคำปราศรัย เพื่อชักจูงจิตนางเคลิ้มคลั่งไคล้ อมตาสุขาลัยนิรันดร์กาล ๏ เพิ่มเติมถ้อยวาทีที่เสกสรร เกินกว่าคำเทวันมีบรรหาร แต่เทวีมิชื่นรื่นสราญ ปวดดวงมานทุกข์ตรมระทมระทวย ๏ แล้วกล่าวถ้อยถอยความเมื่อยามหนึ่ง ข้าผู้ซึ่งส่งหงส์ฟ้าเข้ามาช่วย ดุจสื่อรักฝากวาจามหาละลวย ซึ้งรูปสวยเดชาแห่งข้าพระองค์ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25 พฤศจิกายน, 2556, 03:32:15 PM หน้า ๒๓ ๏ แต่นั้นมาทมยันตีฤดีมั่น พิศวาสบาดชีวันจนลุ่มหลง เกิดอาการวิปลาสหวาดพะวง เป็นเหตุให้ปิตุรงค์เกิดสงกา ๏ เมื่อใคร่ครวญทีละข้อก็ประจักษ์ เกิดความรักขึ้นในทรวงจิตห่วงหา จึงสั่งให้ประกาศไปหลายพารา เชิญราชาเจ้าแคว้นใกล้ไกล ๏ ให้เดินทางมาเขตขัณฑ์วิธรรภ์รัฐ เพื่อการจัดสยมพรพิธีใหญ่ มาดหมายว่าธิดายอดยาใจ เลือกคู่ครองต้องพระทัยมอบไมตรี ๏ ครั้นข้าฯบรรยายความซ้ำหลายหน แม่ยิ่งหม่นหมองทุกข์ไร้สุขศรี จำต้องปลอบประโลมให้คลายโศกี นางจึงมีคำจำนรรจ์มาวันทา ๏ เอ่ยอ้างองค์เทวัญอันประเสริฐ ย่อมเลอเลิศทิพย์ชาญรู้การณ์หล้า ทั้งพระองค์ทรงเดชล้ำเมตตา พระองค์มาเพื่อช่วยอำนวยพร ๏ วันพิธีขอให้มีข้าพระพุทธเจ้า เดินทางเข้าไปกับพระอดิศร กลางพิธีอยู่ที่ใจองค์เอมอร จะตัดรอนหรือเลือกใครในครานี้ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25 พฤศจิกายน, 2556, 03:34:05 PM หน้าที่ ๒๔ ๏ ครั้นมาถึงซึ่งวาระศุภฤกษ์ เอิกเกริกผู้คนล้นกรุงศรี จ้าวฯ เทวะ ขัตติยะ ประดามี เต็มโรงธารพิธีวังวิธรรภ์ ๏ แต่ละองค์ทรงเครื่องประเทืองยศ ตามกำหนดสำแดงหมายแข่งขัน เพื่อชูพักตร์ลักขณาวิลาวัณย์ เชิดประชันยั่วตายอดนารี ๏ พระนลนั่งกลางเหล่าเจ้าเมืองใหญ่ ลดหลั่นใกล้เทวบาลนั้นทั้งสี่ ถึงเวลาธิดาขวัญทมยันตี ลงสู่ที่ท้องพระโรงงานมงคล ๏ ทุกสายตา ณ สมาคมบุรุษ เงียบประดุจได้ยินเข็มเล่มเดียวหล่น ตาทุกคู่ดูธิดาเอกอานนท์* เหมือนต้องมนต์สะกดแทบปลดปลง ๏ โอ้แม่งามอร่ามเลิศเฉิดฉะนี้ ชายชาตรีทั่วโลกาจึงมาหลง สารพางค์สะอางสะโอดสะอง เหมือนเจาะจงขยี้ใจทุกชายชาญ ๏ วงพักตร์พริ้มยิ้มละไมสดใสนัก ทุกทีท่าน่ารักวิไลหวาน ถึงเวลาพราหมณ์มาเริ่มเฉลิมการ ผู้ร่วมงานยิ่งรู้สึกระทึกฤทัย หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25 พฤศจิกายน, 2556, 03:35:23 PM หน้า ๒๕ ๏ ครานั้นทมยันตีฤดีหวาด ดวงเนตรกวาดหาพระนลอยู่หนไหน ส่ายสายตาหาอยู่นานละลานใจ ดาษดื่นไปเทพเทวาองค์ราชัน ๏ ล้วนทรงงามล้ำเลิศพรรณเฉิดฉาย งามละม้ายเช่นท้าวชาวสวรรค์ ถือหอกง้าวหลาวตะบองพลองฉกรรจ์ ดาบพระขันธ์หลายหลากแลมากมาย ๏ เขม้นมองจ้องหาพระนลเจ้า อยู่กลางเหล่ารวมกลุ่มหนุ่มทั้งหลาย นางข้องจิตคิดว่าคงตาลาย พระนลคล้ายกันเรียงหน้าห้าพระองค์ ๏ หลับตาลงจงจิตพินิจใหม่ คือองค์ใดพระนลจริงสิ่งประสงค์ ตั้งสติว่ามิใช่ละม้ายทรง แต่มนตรามาเจาะจงให้งงงัน ๏ จึงนบน้อมพร้อมจิตอธิษฐาน ถึงองค์ท้าวโลกบาลเลอสรรค์ ขอเมตตาข้าฯด้วยเถิดท่านเทวัญ ชาตินี้นั้นรักหนึ่งแท้แต่พระนล ๏ ขอมายาลวงตาสร้างจงจางหาย เห็นเพียงชายที่จงรักด้วยสักหน เมื่อเทวาทั้งหลายค่อยคลายมนต์ ก็เป็นผลให้ธิดาเห็นราชัน หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25 พฤศจิกายน, 2556, 03:37:03 PM หน้าที่ ๒๖ ๏ พิศดูสี่เทวาหน้าตาคล้าย แต่วรกายเทวฤทธิ์ผิดสีสัน แจ่มบรรเจิดเพริศพรายประกายพรรณ พระนลนั้นระเรื่อด้วยเหงื่อไคล ๏ เหล่าเทวาคราประทับกับพระแท่น มิได้แบนบุ๋มลงที่ตรงไหน มิกระพริบพระเนตรผ่องทั้งสองนัยย์ เครื่องทรงไร้ผงธุลีมิมียับ ๏ ดอกไม้ในมาลัยดังยังติดต้น ของพระนลมีดอกเฉาเข้าสลับ ความพะวงสงสัยได้ระงับ ธิดาจับพวงมาลีตรงรี่พลัน ๏ คุกเข่าลงตรงหน้าพระนลราช อภิวาทตัดสินใจมิไหวหวั่น เอ่ยวาจา “ข้านี้ฝากชีวัน องค์ราชันขอมีจิตคิดเมตตา” ๏ แล้วชูพวงมาลีสวยสีสด จิตกำหนดคล้องยังพระอังสา พลันกึกก้องเสียงแซ่ซ้องของเทวา กล่าวคาถาถวายพระพรชัย ๏ พร้อมกับคำคร่ำครวญหวนละห้อย จากราชันนับร้อยทั้งน้อยใหญ่ เมื่อสิ้นสรรพสำเนียงเสียงใดใด พระนลได้กล่าวรับขวัญทมยันตี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25 พฤศจิกายน, 2556, 03:38:05 PM หน้า ๒๗ ๏ “โอ้ว่ายอดกัลยาณีของพี่เอ๋ย ขอทรามเชยฟังความคิดจากจิตพี่ ชั่วกัปกาลนานนับตั้งแต่นี้ เป็นภัสดาที่ดีของยาใจ ๏ จะฟังวาจาเจ้าประทับจิต มิลาร้างห่างงฤทธิ์พิสมัย จะเคียงคู่อยู่กันทุกวันไป ดวงฤทัยภักดีตราบนิรันดร์” ๏ ยินสัญญาทมยันตีฤดีปลื้ม ประดุจดื่มทิพย์โอสถเกษมสันต์ โผองค์ตรงเข้าครองประคองกัน อภิวันท์ประธานราชพิธี ๏ เสร็จแล้วหันกลับมากราบพระบาท พระปิตุราชมาตุรงค์พระทรงศรี สองพระองค์อิ่มเอมสุขเปรมปรีดิ์ เอ่ยวจีเลิศล้ำอำนวยพร ๏ นบทุกผู้ที่มีจิตคิดเมตตา วอนขอความกรุณามั่นเหมือนก่อน ปวงเทวาตั้งท่าจะลาจร ประนมกรน้อมส่งองค์เทวินทร์ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25 พฤศจิกายน, 2556, 03:39:17 PM หน้าที่ ๒๘ ๏ เหล่าเทวะทวารบาลตระการฤทธิ์ มาประสิทธิ์พรเทวาจากมหินท์ หนึ่งบวงสรวงทั้งปวงได้ดั่งใจจินต์ ชาวธานินทร์สุขอุราสถาวร ๏ สองให้เป็นที่รักของปวงราษฎร์ ยุรยาตรใดภิญโญสโมสร พระอัคนีมีการุณอวยสุนทร ให้ฤทธิ์รอนเรียกอัคคีด้วยปรีดา ๏ อีกให้เขตนาครอมรรัตน์ เจิดจำรัสกระจ่างสว่างหล้า พระยมท่านทัณฑธรเทวา ตรัสวาจาประทานรสพระยศไกร ๏ แลให้ธรรมะสถิตนิมิตมั่น ปกเขตขัณฑ์ทั่วแคว้นแสนสดใส พระวรุณร่วมด้วยอวยพรชัย เรียกฝนได้ง่ายดายดังใจปอง ๏ ทั้งให้มวลมาลีที่ทรงผ่าน จงชื่นบานสดสีมิมีหมอง พรเลิศล้ำคำเทวะพระนลครอง องค์ละสองเป็นแปดสรรค์สวรรค์มนต์ ๏ จบคำพรองค์เทวัญพลันลับหาย เห็นเพียงสายแสงเรืองเบื้องเวหน มิทันล่วงลับลาจากสากล ในบัดดลพบกลีและทวาบร หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25 พฤศจิกายน, 2556, 03:41:31 PM หน้า ๒๙ ๏ องค์มัฆวานยั้งตั้งคำถาม “จงตอบความให้แจ้งแถลงก่อน ดูท่าทีลีลาน่ารีบร้อน ท่านจักจรไป ณ สถานใด” ๏ “สู่สยมพรธิดาภีมกษัตริย์ วิธรรภ์รัฐเขามีพิธีใหญ่” จตุรบาลท่านว่า “มาช้าไป เราต่างได้เสร็จผ่านพ้นงานมา” ๏ กลีฟังดังพักตร์จะหักแยก หทัยแหกประดุจฉีกชิ้นภูษา “มันผู้ใดที่ข้ามหน้าข้ามตา ข้าหมายมาดปรารถนายอดนารี” ๏ “ราชธิดาเลือกพระนลเป็นคนรัก แสนเหมาะสมกันนักด้านศักดิ์ศรี ทั้งสององค์ทรงรักกันมั่นภักดี เราทั้งสี่นี้ให้พรก่อนเลิกงาน” ๏ กลียิ่งเดือดดาลพาลอาฆาต “มันบังอาจหยามข้ามหาศาล อย่าคิดสุขสมหวังจะรังควาญ ให้มลานแยกพ้นคนละทาง” ๏ องค์อินทราฟังวาทีกลีกล่าว เตือนว่า “ท้าวกลีที่หมองหมาง ความอิจฉาริษยาพาจิตคว้าง ถ้ามิวางหัวใจท่านนั้นร้อนรน” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 25 พฤศจิกายน, 2556, 03:42:54 PM หน้า ๓๐ ๏ ยิ่งคิดร้ายท้ายแล้วท่านนั้นยิ่งต่ำ ผลบาปกรรมงำจิตปิดกุศล ท่านอาฆาตมาดร้ายใส่พระนล ใจท่านเองแลต้องทนทุกข์ทรมา ๏ ด้วยพระนลคือองค์ผู้ทรงสัตย์ บำเพ็ญดีปฏิบัติธรรมแข็งกล้า พุทธคุณประเสริฐเลิศโลกา มีพระธรรมรักษาบริบาล ๏ ยิ่งเตือนย้ำเหมือนยิ่งทำกลีแน่น กระอักแค้นเพิ่มพละมหาศาล องค์อินทร์ว่าวิสาสะกะคนพาล มิเป็นการจึงสู่ฟ้าลับตาไกล ๏ ยิ่งย้อนคิดจิตกลีทวีคลั่ง พระนลยังครองสุขแสนอยู่แดนไหน เราดุจอยู่โลกันต์โดนหั่นใจ อกเร่าร้อนดั่งไฟไหม้ฤดี ๏ “ทวาบรเพื่อนข้ามหามิตร จงซึ้งจิตข้าทุกข์สิ้นสุขี ขอจงช่วยข้าด้วยมิตรไมตรี เป้าหมายมีข้าจะสิงพระนล” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 ธันวาคม, 2556, 12:20:53 PM หน้า ๓๑ ๏ “ทุกเช้าค่ำย้ำจิตมันคิดเขว จำห่างเหนารีจนมีผล วานเพื่อนข้าสิงสกาพาพลิกกล ให้ทรงพลเสียสินสิ้นพารา ๏ จนเสียหมดมณฑลมลรัฐ ราชสมบัติสูญพงศ์แลวงศา ต้องออกจรร่อนเร่ไปในพนา จักขยี้บีฑาให้สาใจ ๏ ด้วยมั่นหมายคลายแค้นนี้มิมีย่อ จักทนรอให้ถึงกาลนานแค่ไหน ต้องชำระสะสางล้างกันไป มิยอมให้ตายอย่างเคืองค้างคา ๏ ไม่สมหวังดังหมายมิหายแค้น หากมาดแม้นมีฤทธิ์จะคิดฆ่า แต่ด้อยด้วยบารมีที่สร้างมา ผิว์วิชาเราดียิ่งสิงภายใน ๏ ตกลงเน้นเร้นกายไปทุกที่ อันพระนลทมยันตีอาศัย จังหวะมีหมายมั่นสิงทันใด ถึงเนิ่นนานเพียงไรใจทนรอ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 ธันวาคม, 2556, 12:21:55 PM หน้า ๓๒ ๏ ในครานั้นธานีวิธรรภ์รัฐ ภีมราชกษัตริย์จัดห้องหอ ทุกกระเบียดต้องละเอียดงามลออ เติมแต่งเน้นเป็นที่พอพระหทัย ๏ พระตรัสสั่งทั้งธานีพิธีราช ทุกเชื้อชาติปรองดองฉลองใหญ่ คู่ขวัญหล้าวิวาห์การงานเกริกไกร พระนลกับทรามวัยทมยันตี ๏ สองกษัตริย์สุขสันต์สวรรค์สวาท ภูวนาถมิห่างรักสักดิถี เฝ้าชิดชมโฉมสุดายอดนารี ทรงเปรมปรีดิ์ปลาบปลื้มลืมเวลา ๏ วันหนึ่งนึกถึงนิษัธธานีสถาน บริพารญาติพงศ์ร่วมวงศา เข้าถวายบังคมภีมราชา จักเชิญยอดชายากลับเวียงชัย ๏ โปรดอำมาตย์ยาตราส่งเสด็จ โดยสำเร็จยังนิษัธนิรัติศัย ถึงธานีพิธีฉลองข่าวก้องไกล ราชาได้ราชินีที่สมบูรณ์ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 ธันวาคม, 2556, 12:23:02 PM หน้า ๓๓ ๏ องค์ราชาและพระมเหษี ครองธานีสดใสเลิศไอศูรย์ ดวงฤดีมีธรรมแจ่มจำรูญ ยิ่งเพิ่มพูนธรรมทุนบุญความดี ๏ สิ่งชั่วร้ายราคีมิกรายกล้ำ ทั้งเช้าค่ำนิรทุกข์ปี่ยมสุขี มิเปิดช่องจังหวะให้กลี สิบห้าปีผ่านไปเหมือนใจจง ๏ ทรงได้ราชบุตรราชธิดา สิ่งที่ปรารถนาสมประสงค์ “อินทระเสน” สุตกุมารองค์ สืบเชื้อวงศ์กษัตริย์ขัตติยา ๏ และ“อินทระเสนา” ธิดารัตน์ ผู้ผ่องภัทรโศภิตขนิษฐา สองโสภีปานเทวีองค์เทวา เป็นที่สุดเสน่หาเท่าชีวิน ๏ กิจวัตรประจำวันนั้นพระนล ดื่มน้ำมนต์บวงสรวงองค์โกสินทร์ เทวาลัยไปบูชาเป็นอาจินต์ พระภูมินทร์เสริมเดชะบารมี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 ธันวาคม, 2556, 12:24:15 PM หน้า ๓๔ ๏ จนวันหนึ่งซึ่งองค์ทรงพลาดพลั้ง มิเป็นดังเคยทำประจำดิถี ถ่ายมูตรแล้วต้องชำระพระกายี ล้างพระบาทอย่างดีทุกครั้งไป ๏ ในครานั้นพระราชามาลืมหลง มิชำระพระองค์ให้ผ่องใส เข้าบวงสรวงในพระเทวลัย เป็นเหตุให้เสียศรีอันดีงาม ๏ ได้จังหวะกลีที่รอท่า เข้าสิงองค์ราชามิพูดพล่าม ดลจิตใจให้ลืมตัวทำชั่วทราม ณ เมื่อยามใจพระองค์ทรงอ่อนแอ ๏ เริ่มแผนการที่มารร้ายวางไว้ก่อน ทวาบรสิงสกาได้แน่วแน่ ควบคุมได้ดั่งใจไม่มีแพ้ ทั้งสองแลดลบุรุษ “บุษกร” ๏ ผู้เป็นพระอนุชามาคลั่งไคล้ อยากจะได้ราชสมบัติประภัสสร เกิดดวงจิตริษยาอุราร้อน ท้าภูมิธรลงปะทะทอดสกา ๏ ทวาบรหย่อน ดึงให้ตรึงจิต เพื่อทรงติดใจกระสันใฝ่ฝันหา ค่อยดูดดึงซึ่งทรัพย์นับคณา ด้วยการท้าเพิ่มทรัพย์นับพนัน หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 ธันวาคม, 2556, 12:25:13 PM หน้า ๓๕ ๏ เสียมากล้นพระนลยิ่งจมดิ่งนัก จนลืมหลักการบวงสรวงสวรรค์ ทิ้งพระราชกิจจาแห่งราชัน จิตผูกพันการเล่นทุกเวลา ๏ ทมยันตีวิตกอกไหวหวั่น คอยจำนรรจ์ชี้เหตุพระเชษฐา ให้พระองค์พินิจพิจารณา ประหนึ่งว่ามีกลโกงโยงใยการณ์ ๏ พระนลฟังนั่งนิ่งมิติงมิตอบ เพราะถูกครอบงำจิตเรื่องคิดอ่าน กลีร้ายหมายแต่พาไปหาพาล ยิ่งเนิ่นนานพระยิ่งกลายคล้ายวิกล ๏ ทุกหมู่เหล่าเสนามหาอำมาตย์ กราบพระบาทยั้งไว้มิได้ผล ต่างร้องร่ำกำสรดสลดกมล ว่าพระนลตกภาวะเผชิญภัย ๏ ทมยันตีมีแต่ครวญหวนละห้อย “เมียบุญน้อยสุดปัญญาจะแก้ไข โอ้อกเอ๋ยเคยเฝ้าคอยเอาใจ เดี๋ยวนี้ไยไม่ผินหน้ามาหาน้อง ๏ ยังจงรักพระองค์อยู่คงมั่น ทั้งคืนวันอดทนความหม่นหมอง ในตอนนี้สุดที่ตรมระทมครอง หวั่นจักต้องเสียสินสิ้นธานี” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 ธันวาคม, 2556, 12:26:25 PM หน้า ๓๖ ๏ พระมิฟังดังครานั้นพระกรรณดับ มิได้รับรู้ภาษามารศรี กลีพาลมลาญจิตปิดฤดี เหมือนมิมีวิญญาณพิจารณ์ใด ๏ ยังมุ่งมั่นการสกามิราหยุด แลใครหรือจะยื้อยุดฉุดรั้งได้ ทมยันตีมีรายงานพระคลังใน ราชทรัพย์ร่อยหรอไปใกล้หมดแล้ว ๏ ทรงบัญชาอำมาตยสมาคม เร่งระดมชาวพารามาวังแก้ว ขอเข้าเฝ้าก็มิให้ไร้วี่แวว ทั้งทแกล้วรายรอบขอบเวียงชัย ๏ ได้แต่ส่งเสียงร้องก้องปราสาท ถวายพระพรภูวนาถวินิจฉัย ปริเวทนาระอาใจ สุดคิดการณ์อย่างไรช่วยพระองค์ ๏ ทมยันตีสิ้นวิธีทัดทานต่อ พระมิพอยิ่งทวีฤดีหลง หวนไห้หามาตุราชปิตุรงค์ ขอพระทรงเป็นร่มฉัตรแก่นัดดา ๏ ด้วยลูกน้อยกลอยใจเยาว์วัยนัก จึงยากจักร่อนเร่ห่างเคหา จำต้องฝากกุมารีกุมารา ให้องค์พระเจ้าตาอภิบาล หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 ธันวาคม, 2556, 12:27:43 PM หน้า ๓๗ ๏ ส่วนหม่อมฉันมั่นคงยังจงรัก แม้จำจักพลัดพรากจากสถาน ขอเคียงคู่ภูวดลผจญมาร ยอมร้าวรานชีพมลายตายด้วยกัน ๏ เมื่อคิดได้ทรงให้หาวาร์ษไณย เตรียมราชรถม้าไวให้แข็งขัน “ขอจงช่วยด้วยเถิดการอันสำคัญ นำสองนัดดาวิธรรภ์กลับธานี ๏ ถ้าภีมกษัตริย์ท่านตรัสถาม จงตอบความเป็นไปให้ถ้วนถี่ เมื่องานเสร็จสำเร็จลุล่วงดี ท่านหลีกลี้ไปหนใดตามใจจง” ๏ วาร์ษไณยถนัดอัศวะ คู่ทรงพระรถทำตามประสงค์ ด้วยจงรักภักดีที่ซื่อตรง ทุกจำนงงานเสร็จสมฤทัย ๏ กราบทูลความตามทมยันตีสั่ง แล้วลาวังสู่อโยธยาใหญ่ ดังราชินีสั่งความตามแต่ใจ ด้วยเหตุผลนลราชัยลืมพระองค์ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 ธันวาคม, 2556, 12:28:49 PM หน้า ๓๘ ๏ นับแต่นั้นการสกาดังว่าปล้น ฝ่ายพระนลทรัพย์มลายไม่เหลือหลง เอาการครองราชย์สมบัติขัตติยวงศ์ มาวางลงเป็นเดิมพันพนันสกา ๏ ก็เสียสิ้นดังทุกทีมิมีได้ พระนลไซร้ทุกข์หนักยิ่งนักหนา บุษกรเย้ย “สิ้นทรัพย์แล้วราชา ฤๅพนันชายาทมยันตี” ๏ พระนลฟังคลั่งแค้นแน่นอกสั่น มึงหยามหยันถึงชายามารศรี ละเครื่องทรงกษัตราประดามี พันกายีด้วยผ้าเพียงผืนเดียว ๏ ทมยันตียอดนารีก็เช่นกัน ผ้าครองหนึ่งเช่นราชันด้วยเด็ดเดี่ยว พร้อมจะตามภัสดาอย่างกลมเกลียว สุดป่าร้างทางเปลี่ยวมิหวั่นใจ ๏ สององค์ย่างร้างไปไกลนิเวศน์ มิรู้เจตนาว่าไปไหน เหลียวแลหลังลิบลิบยังเห็นเวียงชัย ทรงโศกาอาลัยเหลือคณา ๏ เคยอยู่ดีนิรทุกข์สุขเหลือหลาย ต้องจำใจไปตายเอาดาบหน้า สองกษัตริย์ซัดเซร่อนเร่มา ก็ค่ำลงตรงชายคาประตูเมือง หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม, 2556, 05:14:48 PM หน้า ๓๙ ๏ นายทวารอภิบาลองค์ภูมินทร์ บุษกรได้ยินข่าวลือเลื่อง ออกประกาศราชกิจจาด้วยขุ่นเคือง ใครกระด้างกระเดื่องจักลงทัณฑ์ ๏ ผู้ดูแลช่วยเหลือพระนลหนอ มันผู้นั้นแลคอต้องโดนบั่น มีโทษฐานกบฏต่อราชัน ณ ครานั้นนลราชาจำลาจร ๏ พระเดินทางร้างไกลในชนบท โศกกำสรดด้วยมิเป็นเช่นแต่ก่อน ชนมิกล้าสนองคุณโดยสุนทร ด้วยบุษกรประกาศฆาตชีวี ๏ กระยาหารอันใดไม่ตกท้อง ชวนกันท่องเรื่อยไปในวิถี พบสายธารจึงได้ดื่มชลธี ให้พอมีกำลังประทังกาย ๏ ทั้งสองทรงมุ่งไปกลางไพรสัณฑ์ ซึ่งเผือกมันยากจักหายิ่งห่างหาย กินยอดไม้ผลไม้ขอพอรอดตาย เป็นอยู่คล้ายวานรป่าฝ่ารกร้าง หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม, 2556, 05:16:59 PM หน้า ๔๐ ๏ แล้วพบนกฝูงหนึ่งอยู่ซึ่งหน้า ไร้ทีท่าเร้นกายออกไปห่าง ยังกระโดดโลดเต้นเล่นใกล้ทาง ดูเชื่องต่างธรรมดาน่าแปลกใจ ๏ หิวโหยหลายไร้ที่หากระยาหาร พระนลพิศคิดอยู่นานนี่ไฉน หรือนกนี้คืออาหารประทานไว้ แด่เราไซร้และชายายุพาพาล ๏ คิดดังว่าราชาเปลื้องผ้าทรง ตระหลบลงคลุมปิดมิดทุกด้าน ครั้นจะจับดังจิตที่คิดการ นกใจมารคาบผ้าทรงตรงขึ้นฟ้า ๏ บินร่อนไปร่อนมาเริงร่าอยู่ กล่าวเยาะเย้ย “เหวยเหวยดู อนาถา มิเหลือแม้ผ้าอันพันกายา เป็นราชาโง่เง่าเขลากระไร ๏ นกนี้หรือคือลูกสกานั้น บอกกล่าวกันจะได้หายสงสัย ลูกสกาทวาบรซ่อนภายใน ต้องการให้ท่านนี้มีแต่ตัว ๏ สกุณชาติลูกบาศก์แห่งสกา กล่าวเย้ยหยันสรรหาวาจายั่ว ก่อนบินไกลให้ทั้งสองยิ่งหมองมัว หายตื่นกลัวทมยันตีพิรี้พิไร หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม, 2556, 05:18:33 PM หน้า ๔๑ ๏ “โอ้ว่าพระภัสดาคราตกยาก แสนลำบากเราสองต้องทนไหว ผ้าเพียงผืนขอแบ่งพันคู่กันไว้ อย่าโศกาอาลัยอันใดเลย” ๏ เมื่อฟังทมยันตีมีคำปลอบ พระนลตอบ “ดวงฤดีของพี่เอ๋ย พี่ลืมตัวชั่วยิ่งเสียจริงเอย เจ้ามิเคยขุ่นจิตคิดชิงชัง ๏ โอ้ชะตามาต่ำทรามเพียงนี้ ต่อไปมีอันใดจะให้หวัง พเนจรร่อนเร่เที่ยวเซซัง แล้วน้องยังติดตามพี่ทำไม ๏ น้องเองมีบ้านเมืองอันเรืองศักดิ์ ใช่จมปลักอย่างพี่นี้เมื่อไหร่ ควรที่คิดบ่ายหน้าแล้วคลาไคล ปล่อยพี่ไปตามทางผู้สร้างกรรม” ๏ “ไปเมืองน้องพระองค์ต้องเสด็จด้วย พระปิตุรงค์คงช่วยอุปถัมภ์ ให้น้องพรากพี่ไปเหมือนใจดำ เมียมิอาจกระทำความไม่ดี ๏ พระองค์สุขน้องนี้หนอก็พลอยสุข พระองค์ทุกข์ควรร่วมใจไม่หน่ายหนี หน้าที่เมียภักดีผัวชั่วชีวี มิคิดเห็นเป็นราคีชั่วชีวัน หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม, 2556, 05:20:05 PM หน้า ๔๒ ๏ โอสถ ฤๅรักษาโรคโศกระงับ ได้เท่ากับใกล้มิ่งมิตรชิดเมียขวัญ ประคองกายใจอยู่ดูแลกัน ถึงทุกข์นั้นหนักหนาพาผ่อนคลาย ๏ พี่เสด็จแดนใดน้องไปด้วย บุญมิช่วยก็ยอมดับลับสลาย ถ้าไม่มีถิ่นใดให้พักกาย ขอมั่นหมายวิธรรภ์หลักพักฤทัย” ๏ “พี่มิดึงพระบิดามาเกี่ยวข้อง ถึงหม่นหมองทุกข์หนักสักปานไหน สยมพรวิวาห์เช่นราชัย ฤๅกลับไปดั่งวณิพกพเนจร ๏ พาเสื่อมศักดิ์ญาติพงศ์เหล่าวงศา เมื่ออื้อฉาวชาวพาราจะขอดค่อน พระบิดาพลอยเศร้าเฝ้าอาทร โอ้มิ่งมิตรอย่าคิดวอนมิอ่อนใจ ๏ จักก้มหน้ารับกรรมในยามนี้ จนพบทางกู้ธานีคืนมาได้ พี่ขอให้คำมั่นสัญญาไว้ เราสองคืนโภไคย์ดั่งใจปอง” ๏ ทรงชี้ทางจะย่างมุ่งกรุงวิธรรภ์ ลำดับขั้นที่พักพิงสิ้นทั้งผอง บุญรักษาโอบอุ้มคุ้มครองน้อง แม้หม่นหมองหลายวันวารมินานปี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม, 2556, 05:22:04 PM หน้า ๔๓ ๏“ขอพระองค์อย่าทรงไล่ให้ไกลห่าง แม้นเสียวังรั้งร้างห่างกรุงศรี แค่หวาดหวั่นครั้นจะเสียสวามี อกน้องนี้คงจะพังทลาย” ๏ พระนลชี้ทางไปให้หลายหน นฤมลหวั่นร้างรักห่างหาย อกไหวหวั่นพานสั่นสะท้านกาย จนวุ่นวายดวงใจไม่จืดจาง ๏ พระนลมีสติมินานนัก เห็นความรักกลีร้ายหมายขัดขวาง จึงงำจิตพระนลหนักมิพักวาง ออกเดินทางลัดทิวเขาเนาวนา ๏ บังเอิญพบกระท่อมร้างกลางไพรสาณฑ์ คงพวกพรานไพรสร้างไว้กลางป่า พอดีค่ำพำนักพักกายา สักชั่วคืนก่อนจะลาร้างแรมดง ๏ “เชิญมิ่งมิตรยอดสนิทเสน่หา ผู้ภักดีภัสดาจนลุ่มหลง พักเถิดหนามานั่งเล่นเอนกายลง ขอให้วงแขนพี่เป็นที่พิง ๏ เนินดินนี้แลแทนพระแท่นแก้ว หม่นเหลือแล้วดวงแดแม่ยอดหญิง เครื่องปูลาดมิอาจหาระอาจริง ย่ำค่ำยิ่งหนาวร่างน้ำค้างพราย” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม, 2556, 05:23:24 PM หน้า ๔๔ ๏ โอ้อกทมยันตีนารีรัตน์ กายเหนื่อยล้าสาหัสและเพลียหลาย เพียงครู่หนึ่งนิทรานิ่งมิติงกาย แต่พระนลจิตวุ่นวายไม่หลับนอน ๏ นึกย้ำคิดโอ้เราผิดถึงพียงนี้ เสียธานีเคยสุโขสโมสร ต้องแรมร้างห่างเหพเนจร พลอยเดือดร้อนทมยันตีศรีสุดา ๏ โอ้กรรมนี้ที่สร้างอย่างมหันต์ ต้องทุกข์อีกนานวันในภายหน้า ถ้ามิทิ้งยอดมิ่งขวัญภรรยา ก็จักพากันอดสูมิรู้พอ ๏ พระครุ่นคิดจิตเป็นห่วงดวงสมร แสนอาวรณ์จักแก้ไขไฉนหนอ ได้จังหวะกลีมิรีรอ เข้ามาก่อกวนจิตให้ผิดเพี้ยน ๏ พระนลสิ้นเกียรติยศหมดศักดิ์ศรี ทมยันตีรักมั่นมิผันเปลี่ยน จะให้พรากจากกันหมั่นเบียดเบียน เพิ่มความเพียรเร่งกระทำงำพระนล ๏ วุ่นวายจิตคิดหว่างทางสองแพร่ง ฝ่ายไหนแรงฝ่ายนั้นบันดาลผล ใจอ่อนแอแพ้กลีทวีมนต์ พระออกค้นได้มีดเก่าหยิบเอามา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม, 2556, 05:25:13 PM หน้า ๔๕ ๏ ค่อยค่อยเข้าไปหายอดนารี มีดที่มีอยู่นั้นเฉือนปันผ้า พอห่อกายผันผายออกนอกชายคา ยังห่วงหาหันกลับหลังแสนกังวล ๏ “โอ้แม่นิ่มนวลน้องรักของพี่ เคยอยู่ดีศรีสวัสดิ์พิพัฒน์ผล แม้ลมแดดมิเคยแผดเผาผิวตน ต้องมาทนอ้างว้างอยู่กลางไพร ๏ ฝูงเหลือบไรยุงริ้นกินโลหิต ผ้าครึ่งผืนหาปกปิดกายมิดไม่ เคยยิ้มหัวต่อนี้หายกลายอาลัย มีแต่ไห้หวนร่ำระกำทรวง ๏ ผัวเคยอยู่เป็นชู้ชิดก็คิดจาก แกล้งลาพรากจากไกลเหมือนไม่ห่วง แม่ตื่นมาผวาหวั่นสะท้านทรวง โอ้พุ่มพวงคงแทบจะมรณา ๏ ใจร้ายจริงทิ้งนุชประดุจแกล้ง ให้เหี่ยวแห้งอับปางอยู่กลางป่า นึกยิ่งผิดคิดยิ่งแค้นแน่นอุรา ทรงโศกาเต็มตื้นฝืนกมล หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 11 ธันวาคม, 2556, 05:26:42 PM หน้า ๔๖ ๏ โอ้ว่าองค์เทวะผู้ประเสริฐ การณ์บังเกิดด้วยข้าบาทขาดกุศล ขอยอมรับบาปชั่วเพียงตัวตน อย่ามีผลถึงผู้ใดได้ไหมเอย ๏ ขอเทพไท้ผู้สถิตทุกทิศที่ คุ้มครองทมยันตีเถิดท่านเอ๋ย ส่วนหม่อมฉันนั้นมิต้องมองแลเลย ผลกรรมเคยสร้างหนักจักผจญ” ๏ ใจจะจากพรากพาก้าวขาหนี พลิกฤดีย้อนใหม่อยู่หลายหน ดุจชิงช้าแกว่งไปมาอลวน พระทรงพลมิเป็นตัวของตัวเอง ๏ จิตและกายพระองค์ทรงอ่อนล้า กลีเพิ่มฤทธาคร่าข่มเหง ให้มุ่งมั่นดั้นไปไม่โคลงเคลง บีบให้เร่งฝีเท้าเข้าป่าลึก ๏ ครานั้นทมยันตีศรีสมร พลิกเอวอ่อนสักครู่เริ่มรู้สึก ข้างกายไร้สวามีฤดีระทึก มิอยากนึกถึงการณ์เคยหวั่นใจ ๏ เริ่มเอ่ยคำพร่ำเพรียกร้องเรียกหา ภัสดาคนดีอยู่ที่ไหน มาหาเมียเถิดนะจะช้าไย น้องหวั่นภัยที่เผชิญเหลือเกินแล้ว หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 ธันวาคม, 2556, 10:19:44 AM หน้า ๔๗ ๏ ทมยันตีนิรมลวิ่งค้นหา รอบชายคากระท่อมร้างทางเถื่อนแถว โอ้พี่ยาเมตตาเลิศใจเพริศแพร้ว พระผัวแก้วอย่าล้อเล่นอยู่เช่นนี้ ๏ กำบังองค์หลังพงโคนพฤกษา หรือโขดเขินเนินผาข้างวิถี มาเถิดหนอพ่อยอดชู้องค์ภูมี เร็วก่อนที่น้องดับดิ้นสิ้นใจลง ๏ “โอ้ว่าทูลกระหม่อมพ่อจอมขวัญ เคยรักมั่นแล้วไฉนไยลืมหลง ที่ผ่านมาสัญญานักรักยืนยง ต่อหน้าองค์อินทราเทวฤทธิ์ ๏ พระองค์สิ้นสัจจะหรือไฉน สิ่งอันใดน้องนี้มีความผิด จะมาดร้ายกายใจไม่เคยคิด มิเบือนบิดจิตละจากพระนล ๏ เมื่อภูมีหนีจากพรากเมียรัก เมียคงจักดับชีวินสิ้นกุศล ภัสดาคราต้องครองทุกข์ทน แล้วต่อไปใครเป็นคนประโลมใจ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 ธันวาคม, 2556, 10:20:54 AM หน้า ๔๘ โอ้ว่าทูลกระหม่อมเอ๋ยอย่าเลยลับ พี่มิกลับน้องมิรู้อยู่ไฉน อย่าให้ต้องโศกาเศร้าอาลัย มลายในพนาลีฉะนี้นา” ๏ นางครวญคร่ำร่ำร้องก้องไพรสณฑ์ “ระทมทุกข์เทวษล้นแล้วพี่จ๋า” ไม่มีใครตอบคำพร่ำวาจา ปากเรียกหามิพักสักนาที ๏ ในครานั้นปานว่าจวนบ้าแล้ว เสียงแหบแผ่วโหยหายคล้ายเสียงผี ซัดเซไปในป่าพนาลี ทิศใดที่จะไปมิได้รู้ ๏ ยังเชื่อแน่แท้รักพระนลราช จะมิขาดคำมั่นผูกพันอยู่ สิ่งชั่วร้ายใดสำแดงแฝงดนู มาเป็นผู้ก่อภัยให้เกิดกรรม ๏ จึงได้ตั้งสัจจะอธิษฐาน พวกหมู่มารตนใดที่กรายกล้ำ อัปลักษณ์กักขฬะลอบกระทำ คืนเจ็บช้ำพันเท่าทบทวี ๏ ถึงชาติไหนในกมลไม่พ้นทุกข์ เพลิงนรกกลางอกลุกจงทุกที่ จบคำแช่งด้วยแรงเศร้าเหงาฤดี ออกเรียกหาสวามีก้องป่าไป หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 ธันวาคม, 2556, 10:22:21 AM หน้า ๔๙ ๏ โอ้ว่าทูลกระหม่อมจอมใจฉัน มิเคยพรากจากกันแม้วันไหน ตั้งแต่เริ่มเข้าวิวาห์กับราชัย อยู่ชิดใกล้ทุกโอกาสมิคลาดคลา ๏ ผัวทิ้งร้างห่างเมียเสียดังนี้ แล้วชีวีเป็นฉันใดในวันหน้า กลับเถิดนะพระองค์ขอจงมา แสนโศกาลำเค็ญโปรดเอ็นดู ๏ เหนื่อยจนพับหลับมิชื่นตื่นร่ำร้อง ขายังย่องย่างไปไม่หยุดอยู่ ซัดเซกายไปปะพญางู เข้าตระหวัดรัดดนูมิรู้ตัว ๏ สุดหวั่นหวาดคาดว่าจะดับดิ้น ใจถวิลเรียกหาพ่อทูนหัว กายแทบแตกเป็นเสี่ยงเสียงสั่นรัว ต่อนี้ผัวต้องเปลี่ยวอยู่เดียวดาย ๏ พระองค์จักโศกเศร้าเกินกล่าวขาน เมื่อเมียยอดเยาวมาลย์ชีพสลาย โอ้เมื่อยามพ้นสาปบาปกรรมร้าย พระองค์หมายจะรับกลับเวียงชัย หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 ธันวาคม, 2556, 10:24:31 AM หน้า ๕๐
๑ งูพิฆาตหม่อมฉันเสียวันนี้ แล้ววันนั้นมันจะมีได้ที่ไหน นางครวญคร่ำร่ำลาอย่างอาลัย สุดจักคิดแก้ไขใจงงงัน ๏ เผอิญมีนายพรานผู้ชาญป่า ตามเสียงนางถึงข้างหน้ากะทันหัน มีดสะบัดตัดคองูขาดโดยพลัน ช่วยชีวันพระนางทมยันตี ๏ พรานหาน้ำชำระพระโลหิต ที่สาดติดองค์พระมเหสี หาผลไม้มาให้ลิ้มชิมอย่างดี แล้วพาทีสอบถามกับทรามวัย ๏ “โอ้เนื้อเย็นเป็นใครจากไหนหนอ งามลออเกินนางกลางป่าใหญ่ ร่อนเร่มาจากแคว้นดินแดนใด หมายเดินไพรหรืออนงค์หลงวนา ๏ ครานั้นทมยันตีมีคำตอบ กล่าวโดยชอบขอบคุณบุญรักษา ปลื้มน้ำจิตมิตรไมตรีช่วยชีวา แต่ทว่าพรานไพรใจลำพอง ๏ หลงโฉมงามเกินห้ามข่มอารมณ์ไหว เกิดอยากใคร่สมสู่เป็นคู่สอง นางมาเดียวเปลี่ยวกายไร้คนครอง เราจักต้องมิปล่อยแม่ถอยจร หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 14 ธันวาคม, 2556, 10:26:41 AM หน้า ๕๑ ๏ เอ่ยว่า “ยอดเยาวพามารศรี ฟังเถิดหนานารีมิ่งสมร เราเองจักโอบอุ้มคุ้มบังอร มิให้ต้องเดือดร้อนเหมือนก่อนมา ๏ จัดให้ทานอาหารป่าดารดาษ มิให้ขาดทุกวันจักสรรหา ขอเป็นคู่อยู่ชิดเคียงนิทรา มิต้องลาแรมไกลหนใดแล้ว” ๏ ในครานั้นองค์ทมยันตี ผู้จงรักภักดีแต่ผัวแก้ว เห็นพรานพล่ามสามหาวมิเข้าแนว สิ้นวี่แววผู้หวังดีช่วยชีวิต ๏ จึงยกมือพนมก้มเกศา อ้างเอาคำแห่งฟ้าประกาศิต หม่อมฉันรักภักดีองค์พระทรงฤทธิ์ ผู้ที่คิดชั่วช้าลามลาย ๏ สิ้นคำชายาพระนลราช ดั่งฟ้าฟาดพรานดับดิ้นสิ้นสลาย มิสงบเสงี่ยมรู้เจียมกาย รับความตายเป็นค่าบรรณาการ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 ธันวาคม, 2556, 08:34:55 AM หน้า ๕๒ ๏ ครั้นสิ้นเคราะห์เฉพาะหน้าที่ปรากฏ ความกำสรดยังเห็นเป็นแก่นสาร ซัดเซกายในแดนแสนกันดาร ทั้งล้มลุกคลุกคลานซมซานไป ๏ ต้องว้าเหว่เอกากลางป่าเปลี่ยว เฝ้าแลเหลียวหาพระนลอยู่หนไหน มีแต่เสียงสัตว์สำเนียงหริ่งเรไร เหมือนเยาะเย้าเย้ยฤทัยให้ตรอมตรม ๏ ผ่านฝูงสัตว์ที่ลัดทางอยู่กลางป่า พยัคฆาลิงค่างกวางสวยสม หมู่นกกาถลาคอนร่อนเล่นลม ดั่งชวนชมพฤกษานานาพรรณ ๏ ถ้ามากับภัสดาในคราสุข คงสนุกปานว่าวนาสวรรค์ แต่บัดนี้อกมีไฟบรรลัยกัลป์ เศษสุขสันต์กลางฤทัยจึงไม่มี ๏ จิตประหวัดภัสดาหาสุดสิ้น ครั้งชีวินหวานคู่อยู่สุขี “สัญญารักจักดำรงองค์บดี โอ้ป่านนี้มิเหลือแล้วเยื่อใย ๏ แต่ก่อนกาลถึงวันสยมพร หงส์ทองร่อนลงหาแล้วปราศรัย เทิดแต่เกียรติแห่งองค์พระทรงชัย คำน้อยไม่ติต้องให้หมองมัว” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 ธันวาคม, 2556, 08:37:14 AM หน้า ๕๓ ๏ “ปักใจจงปลงมาเป็นข้าบาท ร้างนิราศให้อาดูรไยทูนหัว น้องผิดพลั้งใดก็ขอแก้ตัว ร่ำเรียกผัวอยู่หนไหนไม่พาที ๏ มิตอบคำที่พร่ำหากว่าพันหน เกินทุกข์ทนใจเสียแล้วเมียพี่ รอยข่วนตำช้ำสิ้นทั้งอินทรีย์ คลุกธุลีเปื้อนโคลนจนเกรอะกรัง ๏ ผ้าพอปิดกายามาขาดวิ่น หากมีปิ่นบดียังมีหวัง ตะโกนก้องร้องสุดเสียงเพียงลำพัง สุดจะยั้งชีวีแล้วพี่เอย” ๏ ยิ่งนานวันเทวีวิปริต เมื่อใจคิดวจีมินิ่งเฉย ไร้ผู้คอยตอบคำที่พร่ำเปรย เฝ้าเอื้อนเอ่ยพรรณนามาแดเดียว ๏ จิตห่วงใยใจกังวลถึงคนรัก ตนทุกข์หนักแท้แท้ยังแลเหลียว ขึ้นแนวเนาเขาวงกฎที่คดเคี้ยว บุกป่าเปลี่ยวเรียกหาสวามี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 ธันวาคม, 2556, 08:42:17 AM หน้า ๕๔ ๏ แลทั่วไพรไล่พฤกษ์มฤคร้าง ถามรายทางสิ่งใดใกล้วิถี มวลพฤกษาผาหินถิ่นนที องค์เทวีเพ้อรำพึงกึ่งวิกล ๏ “โอ้ว่าจอมคีรีที่สูงเยี่ยม เห็นเท่าเทียมเมฆาเวหาหน วานช่วยจ้องมองมาหาพระนล พบทรงพลแจ้งด้วยช่วยข้าน้อย ๏ ชั่วชีวันมั่นไว้มิไกลจาก เมื่อพลัดพรากรักเศร้าสุดเหงาหงอย เฝ้าชะแง้แลหาตั้งตาคอย หวนละห้อยร่ำหาพี่มาพบ ๏ ถามลำธารที่ขวางหนทางเอ๋ย สายน้ำเลยรินไหลไม่รู้จบ ห่วงหาไหมคราไกลหายในอรรณพ ว่าประสบเค็มขมหวานประการใด ๏ ศารทูลผ่านทางย่างเข้าหา ลืมชีวาตามติดจนชิดใกล้ เอ่ยถามทักพยัคฆาหาทรงชัย พบพระนลอยู่หนใดในป่านี้ ๏ จอมอรัญพลันจ้องมองพินิจ คงมิคิดตอบความพระมเหสี ชะรอยซึ้งถึงเดชะบารมี ค่อยหลีกลี้เร้นร่างไปกลางดง หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 ธันวาคม, 2556, 09:51:11 AM หน้า ๕๕ ๏ แล้วล่วงถึงซึ่งวนาแนวป่าทิพย์ แลละลิบงามล้วนชวนลุ่มหลง ยอดสิงขรตระอรสู่สุริยง สุรีย์รงค์พราวพริบระยิบระยับ ๏ เห็นนานาโลหะชาติประหลาดล้ำ ดุจเทพทำศิลป์สวรรค์สรรประดับ แสงหินสีมณีรัตน์จรัสวับ ซ้อนสลับเพชรแก้วเพริศแพร้วพราย ๏ คณานับสรรพสัตว์จตุบาท สิงหราช คชสารผ่านผันผาย มวลหมู หมี เก้ง กวาง เยื้องย่างกราย เชื่องช้าท่าสบายสำอางองค์ ๏ ทวิชชาติเช่นวิหกผกเวหา ยูงไก่ฟ้ารำแพนหางคู่นางหงส์ มากพฤกษาโศภินรูปศิลป์ทรง พื้นลานดงเตียนโล่งปลอดโปร่งดี ๏ มะลิวัลย์กรรณิกาหอมระรื่น แลดาษดื่นกลีบร้างพื้นพร่างสี มวลผลไม้หลายหลากเห็นมากมี วนาลีดั่งดลด้วยมนตรา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 ธันวาคม, 2556, 09:55:43 AM หน้า ๕๖ ๏ แต่อารมณ์ทมยันตีมิชมชื่น ยังสะอื้นเพ้อพร่ำคร่ำครวญหา เลือนสติพิไรร่ำพร่ำพรรณนา วอนเจ้าเขาเข้าป่าโปรดปรานี ๏ “ฟังข้านะจะแถลงแจงสาเหตุ จำจากเขตแรมร้างห่างกรุงศรี ตัวข้าหรือคือวิธรรภ์กุมารี แห่งองค์ภีมราชจอมราชัน ๏ ราชบุตรท้าววีรเสนนิษัธราช นามพระนลภูวนาถครองเขตขัณฑ์ สยมพรร่วมชีวาแต่ครานั้น ชื่นชีวันกันมาสิบห้าปี ๏ เกิดภาวะพระหลงผิดติดสกา มิลืมหูลืมตาทิ้งหน้าที่ ละราชกิจบวงสรวงปวงพลี ดวงฤดีมุ่งชนะการพนัน ๏ มีแต่เสียก็ยิ่งหมายได้คืนกลับ จนสิ้นทรัพย์หมดพระคลังยังมุ่งมั่น วางฐานะกษัตริย์เสริมเป็นเดิมพัน ก็แพ้มันจนต้องออกนอกพารา ๏ ข้าจงรักภักดีมิมีหน่าย ตามพระองค์จำนงหมายตายดาบหน้า เหลือฝ้ายทอห่อกายนั้นร่วมกันมา ทรงเฉือนผ้าแบ่งปันแล้วผันจร หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 ธันวาคม, 2556, 09:58:56 AM หน้า ๕๗ ๏ ข้าเดินหลงดงแดนแสนอ้างว้าง ดุจลูกกวางพลัดแม่แต่วัยอ่อน กราบเจ้าเขาเจ้าป่าพนาดร โปรดอาทรช่วยฉุดลากจากโลกันต์ ๏ เผยวาจาเถิดพระนลอยู่หนไหน ข้านี้เหลืออาลัยใจโศกศัลย์ พรรณนาพร่ำร่ำพลางกลางอรัญ ไร้วาจามาประจันจำเดินเดียว ๏ ผ่านหลายป่าพนาลีฤดีหมอง ยังกู่ร้องก้องหาตาแลเหลียว ทุกข์กายแย่ยังแพ้ในฤทัยเทียว ไล่เลาะเลี้ยวเนินพนัสซัดเซมา ๏ จนถึงป่าแหล่งดาบสทรงพรตเลิศ ศีลประเสริฐธรรมะอหิงสา ครองเปลือกไม้ใส่หนังขลังสิทธา เหล่ามหาโยคีมีมากครัน ๏ ต้อนรับราชธิดาวณิพก ผู้มาตกยากอับแทบดับขันธ์ ต่างปลงอนิจจาฟ้าลงทัณฑ์ กรรมหรือเวรใดนั้นบันดาลดล หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 ธันวาคม, 2556, 10:02:34 AM หน้า ๕๘ ๏ นางทมยันตีอภิวาท อยู่แทบบาทผู้ทรงศีลปิ่นกุศล เกิดยินดีที่หว่างกลางกมล จักมีผลได้ถามหาสวามี ๏ คารวะคณะองค์ผู้ทรงพรต ตามแบบบทแห่งธิดามารศรี วิสาสะกับเหล่าพระองค์มุนี แลโยคีอำนวยอวยพรชัย ๏ ถามไถ่นามความเป็นมาก่อนหน้านั้น การณ์สำคัญนำพามาไฉน เหตุและผลต้นทางมาอย่างไร จงกล่าวให้มุนีกรรมยินทั่วกัน ๏ ครานั้นทมยันตีมีแถลง เค้าความแห่งพระนลรังสรรค์ แลดนูผู้จงรักภักดิ์ราชัน ตั้งแต่วันที่ต้องพรากจากพารา ๏ “เชื่อพระองค์ทรงสัตย์แน่สนิท มิมีผิดคำมั่นอันแน่นหนา ด้วยเคยได้ประกาศเป็นสัจจา ไว้เมื่อคราวาระสยมพร ๏ จะภักดีนางเดียวจนชีพดับ หม่อมฉันรับคำมั่นปานสิงขร เชื่อแน่แท้มิแปรผันหรือสั่นคลอน อย่างแน่นอนยืนยันมั่นฤทัย หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 22 ธันวาคม, 2556, 10:04:16 AM หน้า ๕๙ ๏ แต่พระองค์หลงผิดติดสกา เหตุนั้นน่าต้องมีผีร้ายใหญ่ เข้ามาครอบงำจิตผิดเพี้ยนไป โดยหมายชัยครองราชย์ชาติประชา ๏ พระเกิดความวิปริตด้วยคิดหนัก กลัวเมียรักลำบากนานมากกว่า ให้หม่อมฉันกลับวิธรรภ์พลันอย่าช้า พระองค์มีเจตนารับกรรมนั้น ๏ ปันผ้าฝ้ายใช้ร่วมแต่แค่เพียงผืน ตกกลางคืนพระไปกลางไพรสัณฑ์ เมื่อตื่นต้องครองโศการ่ำจาบัลย์ จึงด้นดั้นดงดอนร่อนเร่มา ๏ คือสัจจังดังเผยเฉลยนี้ องค์มุนีโปรดช่วยด้วยเจ้าขา เมื่อวันไหนได้พบปะภัสดา จึงกลับชื่นรื่นอุราร่าเริงใจ ๏ ภริยาต้องมาร้างห่างสามี ฤๅจะสุขฤดีที่ใดได้ ชีพคงดับอับปางอยู่กลางไพร โปรดช่วยไวเถิดหนาสิทธาจารย์” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 ธันวาคม, 2556, 11:40:38 AM หน้า ๖๐ ๏ พระดาบสฟังความตามที่กล่าว เป็นเรื่องราวกรรมนำพาน่าสงสาร จึงเล็งไปด้วยเนตรวิเศษญาณ อนาคตกาลของราชินี ๏ และพระนลราชาเบื้องหน้านั้น จะสุขสันต์ปรีดิ์เปรมเกษมศรี ทำนายชอบปลอบขวัญทมยันตี เพื่อเกิดมีความหวังคลายกังวล ๏ “โอ้เอกองค์ทมยันตีนารีนาถ จงฟังอาตมาอย่าสับสน คำทำนายหมายสิรินิรมล พอผ่อนปรนทุกข์นางกลางอรัญ ๏ มินานนักจักเรืองรุ่งดั่งมุ่งมาด คืนครองราชย์ยิ่งใหญ่ไอศวรรย์ สองพระองค์ทรงสุขศานต์ปานเทวัญ ความสำคัญนี้จงโน้มประโลมใจ” ๏ สิ้นคำลงทรงฤทธิ์พระสิทธา พลันหายวับไปกับตาหาเหลือไม่ อาศรมแล้แม้อายอุ่นกรุ่นควันไฟ เหลือแต่ไพรพฤกษานานาพรรณ ๏ องค์ทมยันตีมิรอช้า เดินพนาต่อไปอกไหวหวั่น รำลึกการณ์ที่ผ่านมาพางงงัน ลืมตาฝันหรือว่าข้าเพ้อพก หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 ธันวาคม, 2556, 11:41:41 AM หน้า ๖๑ ๏ หากภาพฝันนั้นมิน่าจ้ากระจ่าง นี่สว่างกลางจิตคิดไม่ตก พระคิดเพลินเดินพลางกลางพงรก ในหัวอกร่ำหาสวามี ๏ ผ่านไทรใหญ่รากย้อยห้อยระย้า เฝ้าถามหาพระนลมิหน่ายหนี พบอโศกยิ่งโศกทับนับทวี พนาลีมีแต่ตรมระทมฤทัย ๏ ผ่านอรัญอันลำบากยากนักหนา ข้ามละหารธารผาหลืบไศล ช่องบรรพตคดเคี้ยวลดเลี้ยวไป ถึงทางใหญ่กลางอรัญคนสัญจร ๏ จึงพบกลุ่มพ่อค้าชาวพานิช แถวตามติดจอแจแลสลอน รถเทียมม้ายานล้อหมุนเทียมกุญชร หลังอูฐซ้อนสัมภาระกองพะเนิน ๏ มากผู้คนขนของต้องแบกหาม เดินมาตามแนวทางหว่างเขาเขิน หลากหลายวัยแต่ไม่แก่แลเด็กเกิน ชำนาญเดินมิถลาละล้าละลัง หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 ธันวาคม, 2556, 11:42:46 AM หน้า ๖๒ ๏ ทมยันตีดีใจหมายไต่ถาม สืบเค้าความสวามีที่คาดหวัง ภายหน้าทุกข์อาจจะพอประทัง จึงไปยังหมู่ประชาคาราวาน ๏ สารรูปซูบผอมแสนซอมซ่อ บ้างหัวร่อ บ้างพะวงคิดสงสาร บ้างสมเพชเวทนาหลายอาการ มีที่พาลเย้ยว่าอีบ้าบอ ๏ มีมิน้อยถอยตัวกลัวเป็นผี ถือไม้อยู่ขู่จะตีเข้าจี้จ่อ ตัวอัปรีย์ชี้หน้าแล้วด่าทอ พร้อมมาออด้วยท่าทางต่างกันไป ๏ ยินเอะอะโวยวายนายพ่อค้า แหวกวงล้อมเข้าหาแล้วปราศรัย เป็นสุนทรอ่อนหวานซ่านซึ้งใจ “จงเผยนัยแจ้งกมลคนเดินทาง” ๏ เมื่อฟังนายพ่อค้าว่ากระนั้น จึงจำนรรจ์พาทีมิอางขนาง “เราทุกข์ทนด้นมากลางป่าร้าง อกหมองหมางเพราะพลัดภัสดา ๏ เวรกรรมพรากจากกันไปในพนัส อัตคัดไกลถิ่นสิ้นวงศา มิรู้ทิศรู้ที่มีมรรคา ซัดเซมาพบท่านเป็นการณ์ดี” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 ธันวาคม, 2556, 11:44:42 AM หน้า ๖๓ ๏ “เคยพบเห็นภัสดาข้าหรือเปล่า ตามลำเนาสองข้างทางวิถี อันพระองค์ทรงผ้าพันกายี ผืนเดียวกันอันข้านี้ใช้อยู่นั้น” ๏ นายพ่อค้าว่า “ระหว่างอยู่กลางป่า สัตว์นานาเล็กใหญ่เนาไพรสัณฑ์ นกชะนีหมีช้างกวางหลากพันธุ์ พยัคฆาเจ้าอรัญผู้ดุร้าย ๏ ท่านบุญปลอดรอดมามิน่าเชื่อ สัตว์ร้ายเหลือภูตผีป่าน่ากลัวหลาย ผู้คนใดไม่เคยพบประสบกาย ตลอดสายเดินทางกลางพงไพร” ๏ “ท่านยินลูกค้าที่ปฏิสันถาร เขาโจษขานถึงพระนลอยู่หนไหน หรือยินข่าวแพร่งพรายมาว่าฉันใด โปรดเห็นใจให้สำแดงแจ้งวาจา ๏ ถ้ามิมีที่ท่านไปหนใดเล่า ขอให้เราติดตามไปได้ไหมหนา เอาพระคุณอุ่นใจยามไคลคลา เปลี่ยวกายาเดินเดียวเสียวใจเกิน” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 ธันวาคม, 2556, 11:45:56 AM หน้า ๖๔ ๏ “อันที่จุดหมายปลายทางข้างหน้านี้ แคว้นเจทีใหญ่กว้างหลังเขาเขิน ระยะทางประมาณเจ็ดวันเดิน ผิดประเมินจากนี้มิมากมาย ๏ สุพาหุราชันอันเรืองศักดิ์ ทรงปกปักปวงชนสุขล้นหลาย เมืองรุ่งเรืองโอฬารร้านโรงราย การค้าขายคล่องดีมีกำไร” ๏ จบคำว่าสั่งคาราวานเคลื่อน เข้าสู่เถื่อนแถวทางหว่างไศล ขึ้นแล้วลงเนินชันลดหลั่นไป จวนเย็นได้มาถึงบึงบัวงาม ๏ สาโรชสวยรวยรินส่งกลิ่นหอม น้าวจิตน้อมทมยันตีฤดีหวาม คล้ายบุหงาอบผ้าทรงของนงราม โอ้ในยามนี้ผ้าปิดมิมิดตัว ๏ กลุ่มพ่อค้าทั้งหลายได้อาบน้ำ เขาชื่นฉ่ำคลอเคลียคู่เมียผัว ดูเริงรื่นชื่นฤดีมิหมองมัว อกระรัวตัวเราคว้างคู่ร้างรา ๏ ริมสระน้ำงามล้วนมวลดอกไม้ อยู่วังในได้เชยชมดมบุปผา รื่นรมย์กลางสวนขวัญตระการตา ยามนี้มาไกลห้องหมองกมล หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 ธันวาคม, 2556, 11:47:05 AM หน้า ๖๕ ๏ มวลผลไม้สุกงอมน้อมกิ่งห้อย บ้างร่วงลอยลงพื้นดื่นเกลื่อนกล่น ลิ้มชิมหวานมิซ่านจิตคิดกังวล พระทรงพลแลป่านนี้มิมีกิน ๏ อยู่วังทองน้องจัดคัดสรรให้ ผลไม้สลักประจักษ์ศิลป์ น้องคอยป้อนอ้อนเล่นเป็นอาจิณ โอ้ภูมินทรมาอ้างว้างกลางอรัญ ๏ หลังอาบน้ำเสร็จสรรพขยับย้าย มิห่างหลายเส้นนักจากบึงนั่น ด้วยมาถึงซึ่งเวลาย่ำสายัณห์ สั่งตั้งหลักพักค้างกันอีกหนึ่งคืน ๏ อูฐ ช้าง ม้าพาผูกไว้ได้ที่แล้ว ขึงฉากนั้นกันแนวที่ร่มรื่น ตั้งกระโจมกางมุ้งสาดปูลาดพื้น แลกลมกลืนผวยผ้าน่าพักนอน ๏ ทมยันตีเดินรี่มองจองที่หมาย เพื่อซุกกายเป็นเรือนเหมือนคืนก่อน คนตกยากฝากชีวาพนาดร โอบสองกรคุดคู้อยู่โคนไทร หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 ธันวาคม, 2556, 11:48:34 AM หน้า ๖๖ ๏ แล้วมาเกิดเหตุร้ายในกลางดึก มิมีใครรู้สึกนอนหลับใหล ด้วยเหนื่อยเกินเดินทางมากลางไพร มิมีเวรระวังภัยที่คืบคลาน ๏ โขลงช้างป่ามากินน้ำประจำอยู่ กลุ่มตัวผู้ตกมันพลันฮึกหาญ ได้กลิ่นช้างที่มาคาราวาน เกิดอาการคลั่งเตลิดกระเจิดกระเจิง ๏ นำโขลงวิ่งดิ่งไพรตรงไปหา โถมถลาตามกันถลันเหลิง กองค้านั้นพลันระเบิดแตกเปิดเปิง เร็วกว่าเพลิงเผาผลาญแหลกลาญลง ๏ ที่เจ็บหนักแขนขาหักน่าหดหู่ บ้างเดินดูทรัพย์แหลกแตกเป็นผง บ้างครวญคร่ำกำสรดแทบปลดปลง เพราะสูญพงศ์บุตรบิดาเมียสามี ๏ ยังวุ่นวายสับสนจนฟ้าสาง คนเดินทางมากมายกลายเป็นผี ยากคิดอ่านการใดต่อไปดี ทมยันตีรู้ข่าวใจร้าวราน ๏ แม้อยากจะเอื้ออวยช่วยเหลือบ้าง แต่ตัวนางไร้พลังของสังขาร สุดวิโยคโศกซึ้งถึงดวงมาน มิเคยพานเหตุร้ายใหญ่ก่อนมา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 28 ธันวาคม, 2556, 11:49:44 AM
หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 มกราคม, 2557, 10:15:14 AM หน้า ๖๘ ๏ ทมยันตีนิ่งมิติงไหว ของเล็กใหญ่ลอยมาเหมือนห่าฝน สักครู่หนึ่งจึงพ่อค้าทุรชน ค่อยค่อยขนสินค้าลาลับไป ๏ โอ้ว่าทมยันตีขวัญหนีสิ้น คลำกายินปูดโปนโดนตรงไหน บุญคงป้องมิต้องของสิ่งใด ถอนฤทัยปลงจิตอนิจจัง ๏ เหล่าเทวัญนั้นคงลงมาคุ้ม ผู้ที่รุมทำร้ายไม่สมหวัง กุศลมีแต่ที่ช้ำพราะกรรมบัง โศกจึงฝังกลางใจไม่สร่างซา ๏ ยามรุ่งเรืองเฟื่องสุขทุกสถาน มากคนปองต้องการปรารถนา พอตกยากย่ำย่างกลางพนา เขาก็หาว่าชั่วตัวอัปรีย์ ๏ เป็นเสนียดจัญไรไม่อยากเห็น นำโชคร้ายคล้ายเป็นเช่นภูตผี คิดแล้วทุกข์ทับถมตรมทวี ทมยันตีร่ำไห้ไปตามทาง ๏ เผอิญมีคณะพราหมณ์ตามมาพบ เมื่อนอบนบอำอวยช่วยทุกอย่าง ด้วยประพฤติพรหมจรรย์มั่นมิวาง หมายสรรค์สร้างความดีมีเมตตา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 มกราคม, 2557, 10:16:25 AM หน้า ๖๙ ๏ เมื่อจุดหมายปลายทางนั้นไปกันได้ ตกลงให้คณะพราหมณ์ออกนำหน้า ทมยันตีเดินห่างห่างตามหลังมา ท่องมรรคคาสู่เจทีบุรีธรรม ๏ ครบเจ็ดวันดังว่าก็มาถึง เมืองใหญ่ซึ่งกล่าวนั้นมิทันค่ำ กำแพงพร้อมป้อมปราการโอฬารล้ำ เคียงคูน้ำเรียงรายชายกำแพง ๏ ปากทางเข้าเหล่าทหารตรวจการณ์อยู่ ทุกประตูพร้อมทั้งงามความแข็งแกร่ง เหมือนคนดงหลงมาท่าระแวง กระย่องกระแย่งสาวเท้าเข้าเมืองไป ๏ เมื่อพบปะผู้คนเขาสนเท่ห์ ค่อยร่อนเร่ไปยังกลางเมืองใหญ่ จะเอ่ยจำนรรจาเขาลาไกล มิมีใครที่พบคิดสบตา ๏ เดินเงอะงะกระเซอะกระเซิงเร่ ทั้งตุปัดตุเป๋เซถลา ชาวเมืองวังทั้งสิ้นกล่าวนินทา ล้วนคิดเห็นเป็นคนบ้าพากันเมิน หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 มกราคม, 2557, 10:17:57 AM หน้า ๗๐ ๏ มีแต่คนหัวเราะเยาะเย้ยว่า เป็นใบ้บ้าเพราะดูแต่แค่ผิวเผิน เด็กเด็กมาเป็นหมู่กรูกันเดิน สนุกเกินแหย่เล่นกันรำคาญใจ ๏ ได้แต่เบี่ยงเลี่ยงหนีมิโต้ตอบ มาถึงขอบกำแพงแห่งวังใหญ่ ตรงบัญชรพระมารดาแห่งราชัย น้ำพระทัยมีจิตคิดเมตตา ๏ ชี้ชวนพลางนางในให้เพ่งพิศ แม่มิ่งมิตรคงทุกข์หนักอนาถา จึงมีรับสั่งให้ไปชวนมา บุญนำพาบรรเทาเศร้าฤดี ๏ กุศลหนุนบุญพาเข้าปราสาท แห่งพระราชมารดากษัตริย์ศรี อภิวาทกราบพระบาทองค์เทวี ทรงถามทมยันตีสุพจนา ๏ “โอแม่พิมพ์ประไพวิไลรัตน์ เพชรจรัสติดตมธุลีหนา ดังจันทรซ่อนยังหลังเมฆา แม้กายาเปื้อนมลทินมิสิ้นงาม ๏ ช่วยแถลงแจ้งใจได้ไหมเจ้า กระไรเล่าความเป็นมาข้าขอถาม ด้วยฉงนจนงงแล้วนงราม เฉลยความเป็นมานั้นมีฉันใด” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 มกราคม, 2557, 10:19:20 AM หน้า ๗๑ ๏ แลครานั้นองค์ทมยันตี จึงตอบพระชนนีที่สงสัย ตรงตามความเป็นจริงทุกสิ่งไป แต่ละไว้เค้าเรื่องเมืองวิธรรภ์ ๏ ด้วยยังมิจำนงจงใจย้อน คืนนครในวาระกะทันหัน เอ่ยวาจานอบน้อม “หม่อมฉันนั้น คือผู้ที่โศกศัลย์เหลือคณา ๏ ทุกสาหัสพลัดพระสวามี หวาดฤดีเคว้งคว้างอยู่กลางป่า ล้วนเรื่องราวพิสดารที่ผ่านมา จะกล่าวความตามสัจจาจากดวงใจ ๏ หม่อมฉันคือราชินีของพระนล พระทรงพลครองรัฐนิษัธใหญ่ สิบสองปีวิวาห์องค์พระทรงชัย สุขฤทัยเรื่อยมาจวบครานี้ ๏ เมื่อพระองค์ทรงสกาพาวิบัติ ศักดิ์กษัตริย์สูญค่าสิ้นราศี การพนันผลาญทรัพย์สินสิ้นธานี เลยต้องลี้แรมร้างกลางพนา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 มกราคม, 2557, 10:20:36 AM หน้า ๗๒ ๏ หม่อมฉันรักภักดีมิเสื่อมสิ้น ตามภูมินทร์เผชิญภัยในราวป่า ลูกบาศก์ร้ายทำลายล้างมิร้างรา จนเราสองต้องใช้ผ้าผืนเดียวกัน ๏ พระองค์รู้สึกผิดจิตวิตก ดุจนรกหมกใจให้ไหวหวั่น อยากรับกรรมที่ทำไว้ทั้งหลายนั้น ให้ลงทัณฑ์ดั่งจำนงพระองค์เดียว ๏ มิอยากให้หม่อมฉันนั้นลำบาก ยอมรับกรรมจำพรากไปโดดเดี่ยว หวังดีแน่แต่ใจร้ายแท้เทียว ทิ้งเมียเปลี่ยวเดียวดายเดินร่ายไพร ๏ เชื่อพระองค์คงมีภูตผีร้าย เข้าสิงกายงำจิตผิดเพี้ยนใหญ่ มิเป็นตัวของตัวเองแต่อย่างใด หม่อมฉันนั้นมั่นพระทัยในความรัก ๏ นางเล่าความยามยากวิบากยิ่ง ทั้งเดินวิ่งลุกล้มลงจมปลัก มากภัยหมายทำลายชีพบีบคั้นนัก บุญพิทักษ์จึงรอดปลอดภัยมา ๏ เล่าความโศกสุดฝืนสะอื้นไห้ ชลนัยน์ไหลรินต้องผินหน้า จึงครานั้นวรราชมารดา พระทรงจำนรรจาปลอบยาใจ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 มกราคม, 2557, 10:21:41 AM หน้า ๗๓ ๏ “แม่จงวางเรื่องเศร้าชั่วคราวก่อน ชำระองค์เปลี่ยนอาภรณ์ให้สดใส แล้วพักอยู่ด้วยกัน ณ วังใน การณ์ต่อไปจักตามหาสวามี ๏ มิต้องคิดให้หนักเราจักช่วย คอยอำนวยให้นางอย่างเต็มที่ ทวยทหารชาญชัยในเจที อีกเสนาบดีผู้ปรีชา ๏ ออกสืบค้นทั่วไปในชนบท และกำหนดเป้าหมายเข้าในป่า ทุกมณฑลทุกหนทางต่างพารา ช่วยตามหาพระนลอยู่หนใด” ๏ “โอ้พระราชมารดาปรานีนัก ชวนอยู่พักทั้งจักหาสามีให้ ฉันยังมีเรื่องมิควรกวนพระทัย ขอประทานอภัยใคร่ครวญดู ๏ ข้อกำหนดให้ละและปฏิบัติ เป็นคำสัจสืบมารักษาอยู่ จึงแจ้งไว้ให้พระแม่ได้รู้ จะเชิดชูหรือชังโปรดสั่งมา” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 มกราคม, 2557, 10:23:19 AM หน้า ๗๔ ๏ “แม้นพระราชมารดาอนุมัติ จะมิขัดความปรานีที่ปรารถนา คือการปฏิบัติวัตรกิจจา มิกินอาหารเป็นเดนของใคร ๏ มิล้างเท้าผู้ใดให้เสียศรี สวามีพระบิดา มารดาได้ หม่อมฉันมิวิสาสะกะชายใด ที่เป็นไปในด้านการเกี้ยวพา ๏ หากผู้นั้นล่วงล้ำเมื่อห้ามแล้ว ยังมิแคล้วยับยั้งเหมือนดังว่า ขอพระองค์ลงโทษผู้โฉดช้า ป้องเกียรติภัสดาบูชาภักดิ์” ๏ พระมารดาชอบใจจึงได้ตรัส ว่า “กษัตริย์เจทีก็มีหลัก เหมือนร่วมบรรพ์กันมาน่าชื่นนัก จะพิทักษ์เป็นคำมั่นและสัญญา” ๏ แล้วจึงสั่งนางในไปทูลเชิญ พระธิดาดำเนินเข้ามาหา กุมารีมีพระนามสุนันทา เฝ้าฟังคำบัญชาพระมารดร ๏ “พระนางนี้มีเลือดเนื้อเชื้อกษัตริย์ ที่ต้องพลัดพรากหลักแหล่งแห่งสมร เจ้าเป็นน้องวัยมิห่างอย่างแน่นอน จงอาทรเอื้อจิตมิตรไมตรี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 05 มกราคม, 2557, 10:24:15 AM หน้า ๗๕ ๏ ครานั้นองค์สุนันทาธิดาเจ้า พาทมยันตีเข้าปราสาทศรี พักกายาสมฐานะพระเทวี ทุกข์ใดที่ช่วยได้หมายผ่อนปรน ๏ ฝ่ายเสนาบดีเจทีสั่ง ตรงไปยังพลกายหลายแห่งหน ออกสืบเสาะทุกเวลาหาพระนล ต่างเมืองบ้านย่านตำบลจนอรัญ ๏ มารายงานการค้นไปแดนใดบ้าง แล้วเดินทางกลับหลังยังไพรสัณฑ์ ย้อนแกะรอยถอยหลังครั้งราชัน เดินทางกันจากนิษัธซัดเซมา ๏ หมู่ชาวเมืองโจษจันกันสะพัด สองกษัตริย์จรในไพรพฤกษา เหมือนไปดับลับหายมลายลา มิพบหน้ายินข่าวคราวนานวัน ๏ รู้ซึ้งว่าเหล่าเสนาบดี ทั้งเจทีทุ่มเทให้ใจมุ่งมั่น เมื่อคืบหน้ามาเล่าข่าวคราวนั้น จึงนับวันที่หวังตั้งตารอ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 มกราคม, 2557, 09:13:11 AM หน้า ๗๖ ๏ ย้อนถึงฝ่ายพระนลราชผู้พลาดผิด คล้ายจริตวิปลาสอนาถหนอ เดินกู่ก้องร้องร่ำน้ำตาคลอ แล้วหัวร่อเย้ยโลกโชคชะตา ๏ โอ้ทมยันตีของพี่เอ๋ย กระไรเลยทิ้งนางเสียกลางป่า ยอดรักหวงดวงฤดีของพี่ยา คงโศกาหวั่นหวาดแทบขาดใจ ๏ รำพึงพลางย่างไพรไม่หยุดหย่อน ข้ามเขาขอนโขดเขินเนินไศล มิคำนึงถึงปลายทางแต่อย่างใด อยู่ที่ไหนก็อกหมกโลกันตร์ ๏ แว่วเสียงร้องก้องป่ามาโหยหวน อันมิควรมีได้กลางไพรสัณฑ์ “ช่วยด้วยเถิดพระองค์วงศ์เทวัญ ตัวเรานั้นทรมานนานเต็มที” ๏ พญานาคไฉนโดนไฟเผา ดิ้นเร่าเร่าแต่ไยไม่คิดหนี ไฟเป็นวงเจาะจงเผาเจ้านาคี มิได้มีเผาผลาญพันธุ์พฤกษ์ไพร ๏ พระนลเพ่งพินิจคิดฉงน นาคพูดภาษาคนพ้นสงสัย “ข้าทรมานนานช้าแล้วราชัย ความเป็นไปทั้งหลายใคร่ชี้แจง” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 มกราคม, 2557, 09:14:39 AM หน้า ๗๗ ๏ “ที่ผ่านมาข้านั้นสำคัญผิด ตนเลอฤทธิไกรไร้ใครแข่ง เหลิงทะนงหลงตนจนรุนแรง ถึงสำแดงเดชท้ามหามุนี ๏ พระองค์ทรงกำราบสาปแช่งไว้ โดนเผาไฟมิอาจพากายาหนี ให้รอท่านเหมือนรู้การณ์ภายหน้าดี จนวันนี้พระนลดั้นด้นมา ๏ เพียงพระองค์เมตตาต่อข้าแล้ว จักคลาดแคล้วทุกข์นี้ที่หนักหนา ข้าวอนเถิดพระนลท่านอย่าฉันทา โปรดช่วยพาพ้นคำสาปสิ้นบาปร้าย ๏ จักตอบแทนการุญพระคุณท่าน กระทำการกอบกู้สู่เป้าหมาย เพื่อหวนคืนไอศวรรย์ ณ บั้นปลาย มิกลับกลายกล่าวนั้นสัญญาแท้ ๏ ข้าย่อกายลงให้ได้เท่าอังคุฐ ท่านดึงฉุดไปได้ง่ายดายแน่” เมื่อรับคำพระนลทำการดูแล เพื่อช่วยแก้คำสาปด้วยช่วยนาคี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 มกราคม, 2557, 09:15:51 AM หน้า ๗๘ ๏ ลุยกองไฟไม่ร้อนแม้สักนิด พระนลคิดมนต์หรือสาปฤๅษี จับพญานาคเบาราวสำลี วางลงกลางพงพีก็สิ้นกรรม ๏ นาคานบเศียรลงตรงพระบาท แห่งพระนลภูวนาถพร้อมพูดพร่ำ ข้าเหมือนทาสแห่งองค์ผู้ทรงธรรม จักน้อมนำทุกข์จากพระหทัย ๏ ขอดำเนินนับย่างไปข้างหน้า กิจนี้ช่วยพระราชาอย่าสงสัย สิบย่างก้าวเท้าพอดีที่เดินไป แลทันใดนาคราชกัดพระนล ๏ พลันเรือนร่างสำอางองค์แห่งทรงศักดิ์ ก็กลายกลับอัปลักษณ์น่าฉงน พระตะลึงจึงพิศพินิจตน ในบัดดลนาคามาบรรยาย ๏ กล่าวโดยสัจกัดราชา ณ ครานี้ เป็นกุศลผลดีที่มากหลาย ข้อหนึ่งคือจำแลงเปลี่ยนแปลงกาย เหมือนพระองค์สูญหายจากโลกา ๏ ข้อสองพิษมิต้องพระกายท่าน สิ่งชั่วร้ายในดวงมานซ่านพิษข้า จักถึงกับรับทุกขเวทนา ร้อนยิ่งกว่าโดนไฟประลัยกัลป์ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 มกราคม, 2557, 09:16:51 AM หน้า ๗๙ ๏ มิอาจดลผลร้ายให้ท่านเพิ่ม พลังเสริมจิตภูมีทีละขั้น ขอประทานนามใหม่ให้ท่านนั้น ครองฉายา“วาหุก” สรรค์สืบต่อไป ๏ ต่อแต่นี้มีเป้าหมายให้เสด็จ มิระเห็จระเหหนด้นแดนไหน มุ่งสู่อโยธยารอราชัย ถวายตัวแก่ท้าวไทฤตุบรรณ ๏ ต้องแสดงอัศวโกศล ให้ท่านซึ้งถึงผลเลิศเฉิดฉัน หัวใจแห่งสกาของราชัน ผิแลกกันเมื่อใดได้สมฤดี ๏ เมื่อท่านสบสุขสมอารมณ์หมาย จักคืนกายเดิมอันวรรณฉวี ขอให้ใช้ภูษาวิเศษนี้ อัญชลีนึกถึงข้าคลุมกายิน ๏ พระกลับร่างดังเดิมได้โดยแท้ มิเปลี่ยนแปรอันใดให้ถวิล จบวาจาถวายผ้าแล้วนาคินทร์ พลันดำดินหายวับกลับบาดาล หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 มกราคม, 2557, 09:18:18 AM หน้า ๘๐ ๏ พระนลคิดจิตหวนทบทวนย้ำ ถึงน้ำคำนาคีที่กล่าวขาน จักพาทมยันตีศรีนงคราญ คืนสู่สุขสำราญมินานนัก ๏ มเหสีชีวีรอดปลอดภัยแน่ หากดวงแดยังวิโยคเศร้าโศกหนัก รู้สึกผิดอย่างยิ่งทิ้งเมียรัก เหมือนดังผลักเอกอนงค์ลงห้วงทุกข์ ๏ พี่เชื่อมั่นยิ่งนักน้องรักพี่ ทมยันตีเมื่อผัวไกลไม่มีสุข ต้องแดเดียวเดินดงดอนซอกซอนซุก ถูกเร้ารุกจากภัยร้ายในอรัญ ๏ จะลำบากยากจะเข็ญเป็นไฉน มิมีใครช่วยชีวาพ้นอาสัญ พระหทัยทุกข์เกินเดินรำพัน ครบสิบวันถึงอโยธยา ๏ ทำตัวเป็นเช่นชนคนตกยาก แสนลำบากมิท้อรอคอยท่า จวบจนได้เข้าเฝ้าเจ้าพารา อันพระองค์ทรงโปรดม้ามโนมัย ๏ ครั้นราชามาทรงอัศวราช จึงแสดงความสามารถถวายให้ เห็นเหนือกว่าชีวลและวาร์ษไณย ที่รับใช้พระภูธรอยู่ก่อนแล้ว หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 มกราคม, 2557, 09:19:25 AM หน้า ๘๑ ๏ ท้าวฤตุบรรณนั้นพอพระทัยยิ่ง ห้าวหาญจริงใจคอก็แน่แน่ว ฝีมือนั้นชั้นครูดูพราวแพรว ตรงตามแนวมุ่งหมายในภูมี ๏ วาหุกได้ถวายตัวต่อท้าวท่าน พร้อมรายงานแก่องค์พระทรงศรี “ความสามารถของข้าพเจ้านี้ นอกวิชาภาชีมีอนันต์ ๏ การปรุงแต่งอาหารอันรสเลิศ ซึ่งก่อเกิดจากภาวะพรสวรรค์ ธนูศาสตร์ปราดเปรื่องเรื่องโรมรัน เชิญราชันเรียกใช้ตามใจจง” ๏ ฤตุบรรณฟังคำจึงย้ำว่า “อยู่กับข้าเถิดนะจะเสริมส่ง ทั้งเงินทองตำแหน่งแหล่งดำรง ชนม์มั่นคงทำงานสืบสานไป” ๏ จึงวาหุกคลายทุกข์บ้างในบางครั้ง แต่จิตยังคร่ำครวญเฝ้าหวนไห้ ร้องร่ำหาแต่น้ำตานั้นตกใน แสนห่วงใยมิ่งขวัญทมยันตี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 มกราคม, 2557, 09:20:32 AM หน้า ๘๒ ๏ ยามใดว่างนั่งคิดวุ่นจิตนัก พระนลมักถอนฤทัยไร้สุขี บางครั้งเผลอเพ้อพร่ำร่ำโศกี จนเป็นที่สงกาของสองเกลอ ๏ จึงซักถามความเป็นมาว่า “เพื่อนเอ๋ย ไฉนเลยวิปโยคโศกเสมอ สามเรามิตรชิดใกล้ใช่ไหมเออ หากเสนออาจสนองจนต้องใจ ๏ จงเล่าความตามที่มีในจิต ทุกปัญหาหน้าที่มิตรคิดแก้ไข เพื่อนกันนาอย่าเห็นเป็นอื่นไกล เฉลยนัยเถิดจะนั่งคอยฟังความ” ๏ วาหุกจึงซึ้งจิตมิตรเป็นห่วง ปิดบังต่อก็คงทวงคอยพร่ำถาม จำเปิดปากหากมิเอ่ยเผยพระนาม เล่าเรื่องตามเป็นจริงทุกสิ่งอัน ๏ “โอ้ว่าเราคือผัวที่ชั่วช้า เกิดฟั่นเฟือนเหมือนบ้าน่าหยามหยัน ตกยากพาเมียมาค้างกลางอรัญ แล้วหุนหันหนีเมียเสียกลางทาง ๏ ช่างใจดำทำได้ร้ายกาจยิ่ง ทั้งที่จริงเมียพี่ดีทุกอย่าง เราตกอับเมียรับทุกข์สุขละวาง ยอมลาร้างพารามากลางไพร หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 12 มกราคม, 2557, 09:22:03 AM หน้า ๘๓ ๏ จึงหม่นหมองครองเศร้าเพื่อนเราเอ๋ย ร้างคู่เชยมิรู้นางอยู่ไหน อาจยังหลงดงหรือด้นถึงหนใด กลางฤทัยข้าตรมระบมจริง” ๏ สองมิตรพลอยสร้อยเศร้าฟังเล่าแล้ว มิเห็นแนวช่วยใดได้สักสิ่ง “เมื่อก่อนนั้นฟั่นเฟือนไม่จงใจทิ้ง เพื่อนจงนิ่งเถิดหนาอย่าอาวรณ์ ๏ บุญมีพอก็คงสมอารมณ์หมาย พบโฉมฉายร่วมสุขสันต์เหมือนวันก่อน” ได้แต่ปลอบเพื่อนให้คลายรุ่มร้อน ทุกข์เหลือถอนกำหนดให้อดทน ๏ นึกคำนึงซึ้งในน้ำใจมิตร ที่มีจิตผ่องเพ็ญเป็นกุศล ทุกข์อุรากับหน้าที่มิปะปน ยังเป็นคนอภิบาลการอาชา ๏ ทุ่มเทให้ใจภักดิ์พิทักษ์ราช กษัตริย์ชาติฤตุบรรณขันอาสา แม้นทุกข์หนักจักไม่ท้อรอเวลา เป็นจริงจังดังวาจาของนาคี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 มกราคม, 2557, 12:02:33 PM หน้า ๘๔ ๏ ย้อนถึงเมืองวิทรรภ์ครั้นรู้ข่าว ถึงเรื่องราวแต่ต้นหม่นเหลือที่ ทั้งพระนลและทมยันตี เสียธานีระหกระเหินดำเนินไพร ๏ องค์จุมพลภีมราชประกาศว่า พราหมณ์ทั้งหลายให้มาฟังปราศรัย เรื่องพระนลราชาหายหน้าไป พร้อมทรามวัยทมยันตีธิดานั้น ๏ “ท่านทั้งหลายกระจายตนไปค้นหา พระนลและชายากลางไพรสัณฑ์ ใครพากลับคืนวังมีรางวัล โคหนึ่งพันตัวมอบให้ตอบแทน ๏ แม้มิได้กลับมาเพียงว่ารู้ สององค์อยู่แดนใดให้มั่นแม่น ทรัพย์สินนั้นสรรให้ไม่ขาดแคลน เกินหมื่นแสนตำลึงจนพึงใจ” ๏ ในครานั้นเหล่าพราหมณ์ทำตามตรัส เที่ยวเลาะลัดค้นหากลางป่าใหญ่ บ้างเดินทางต่างแคว้นสุดแดนไกล ทั้งถามไถ่สืบค้นจุดจนสุดแคว้น ๏ กลับมาเฝ้ารายงานการณ์ทั้งหลาย แล้วแยกย้ายกันอีกคราอย่างหนาแน่น ไปถึงแทบทุกถิ่นทั่วดินแดน แต่มาตรแม้นมิสมตั้งความหวังมา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 มกราคม, 2557, 12:06:29 PM หน้า ๘๕ ๏ ในครานี้สุเทพทิชพราหมณ์ ซึ่งออกตามทั่วไปในแดนป่า ย้อนกลับหลังยังเจทีพารา ติดตามหามาถึงซึ่งวังทอง ๏ จึงพบทมยันตีธิดาราช น่าอนาถราศีที่มัวหมอง ตั้งสติพินิจพิศตริตรอง ว่าถูกต้องเหมือนจิตที่คิดแท้ ๏ รำพึงในใจว่านิจจาเอ๋ย วงพักตร์เคยเปล่งปลั่งดั่งดวงแข บัดนี้หมองหม่นไหม้อาลัยแล เหมือนบัวแผ่กลีบร้างอยู่กลางดิน ๏ คงครองทุกข์สาหัสที่พลัดพราก ทั้งจำจากภัสดามาไกลถิ่น เนตรเคยงามกว่าตามฤคคิน เดี๋ยวนี้สิ้นแววสุขทุกข์ล้นใจ ๏ แม้นกลับคืนธานีภีมรัฐ คงมิตัดโศกสลดออกหมดได้ หากมิพบภัสดานลราชัย แต่อย่างไรทุกข์นั้นก็พอทุเลา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 มกราคม, 2557, 12:07:59 PM หน้า ๘๖ ๏ จนมั่นใจไม่คิดผิดว่าผิดพลาด พราหมณ์สามารถติดต่อขอเข้าเฝ้า คารวะพระธิดาพรรณนาเค้า ความครั้งเก่าแต่เริ่มจำเดิมมา ๏ “องค์ภีมราชาคราทราบข่าว ทุกเรื่องราวพระทรงศักดิ์เศร้านักหนา ตรัสให้พราหมณ์ทั้งหลายในนัครา ออกตามหาสองพระองค์จำนงใจ ๏ เวลาเกินเนิ่นนานมิพานพบ พระนลหลบกายพ้น ณ หนไหน ตัวหม่อมฉันนั้นเดินทางถึงกลางไพร ย้อนกลับได้พบเทวีวันนี้เลย” ๏ ทมยันตีครานี้พิไรร่ำ “เป็นเวรกรรมพระบิดรมารดาเอ๋ย มิน่าพลอยโศกเศร้าจริงเล่าเอย แล้วทรามเชยบุตรสองเราเล่าสุขดี ๏ ถามทุกข์สุขถ้วนพระประยูรญาติ ถึงทวยราษฎร์ทั่วไปในกรุงศรี ขอพราหมณ์โปรดได้แถลงแจงวาที อกข้านี้คิดถึงคะนึงครวญ” ๏ สุเทพพราหมณ์เอื้อนเอ่ยเผยความว่า “พระบิดรพระมารดาสุขทุกส่วน เพียงเรื่องของพระธิดาเป็นชนวน ทรงกระอักกระอ่วนพระหทัย” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 มกราคม, 2557, 12:09:18 PM หน้า ๘๗ ๏ “กุมารากุมารีสองศรีนั้น เพื่อนเล่นห้อมล้อมกันสุขสดใส พระราชวงศ์ทุกองค์ยังห่วงใย ชนทั่วไปเป็นอยู่ยั้งดั่งเคยมา” ๏ พราหมณ์กล่าวความตามนัยแต่ใจแห้ง มิอาจแจ้งข่าวพระนลใดคืบหน้า ทมยันตียังมีความโศกา ร้อนอุราด้วยห่วงหวงพระนล ๏ จำทูลเชิญเดินทางยังวิทรรภ์ โศกคงบรรเทาไปในเบื้องต้น สนทนาพาหม่นหมองทั้งสองคน เห็นพิกลสุนันทากุมารี ๏ กราบทูลพระราชมารดารู้ แล้วทั้งคู่รีบมาหาถึงที่ แลตรัสถามสุเทพพราหมณ์แต่โดยดี “สองท่านนี้รู้จักกันหรือฉันใด ๏ ขอชี้แจงแถลงความไปตามสัจ ปฏิพัทธ์สัมพันธ์กันไฉน” พระราชเสาวนีย์ให้เผยนัย พราหมณ์จึงได้ถวายความตามสัจจา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 มกราคม, 2557, 12:11:01 PM หน้า ๘๘ ๏ “ขอเดชะพระมารดาอย่าสงสัย จะเผยนัยให้ฟังดังปุจฉา พระนางนี้ทมยันตีราชธิดา แห่งภีมราชากรุงวิทรรภ์ ๏ สยมพรกับพระนลราชาชัย ครองนิษัธกรุงไกรไอศวรรย์ สิบสองปีสุขีมาจนครานั้น ต้องมีอันย่อยยับอัปรา ๏ ด้วยพระนลกมลจิตผิดปกติ สิ้นดำริราชกิจปิดยิหวา ทรงมุ่งมั่นแต่จะเล่นสกา จนต้องเสียพาราออกแรมไพร ๏ พร้อมชายาธิดาทมยันตี ความจงรักสวามีนั้นยิ่งใหญ่ เกิดวิบัติพลัดพรากจากกันไกล องค์พระนลอยู่ไหนยังไม่พบ ๏ ภีมราชระดมพราหมณ์ออกตามหา ทั้งวนาเมืองทั้งหลายไม่ประสบ เป็นโชคฉันสมมั่นหมายได้นอบนบ พระธิดาอีกคำรบ ณ ครานี้ ๏ ขอพระราชมารดาอย่าฉงน เหตุและผลแห่งธิดามารศรี หว่างขนงแต่กำเนิดเกิดไฝดี อันพระพรหมปรานีประทานมา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 มกราคม, 2557, 12:12:24 PM หน้า ๘๙ ๏ พระจันทร์เสี้ยวหนึ่งในไฝมงคล คือปิ่นชนประเสริฐล้ำเลิศหล้า เมื่อมีกรรมจำจรซ่อนกายา ผงแป้งทาหนาปิดด้วยจิตจง ๏ หากเอาน้ำมนต์มาชำระพักตร์ จะประจักษ์ด้วยจิตสิทธิ์ประสงค์ นี่คือสัจวาจาข้าพระองค์ สุดแต่ความจำนงประการใด” ๏ พระมารดาฟังวาทีที่เฉลย มิอาจเอ่ยอึ้งอยู่สุชลไหล เผลอยกมือทุบออกชกหทัย เหมือนเสียใจและโกรธโทษตัวตน ๏ สุนันทาหาน้ำขอชำระ จึงเห็นจะแจ้งงามตามนุสนธิ์ พระมารดา สุนันทาซึ้งกมล ความฉงนฉงายสูญหายพลัน ๏ “น้าเสียใจในกาลผ่านไปแล้ว โอ้หลานแก้วทูนหัวของตัวฉัน” พระมารดากล้ำกลืนฝืนรำพัน นัยสำคัญมากกว่าคำพาที หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 มกราคม, 2557, 12:13:46 PM หน้า ๙๐ ๏ “มิฉุกคิดสักนิดหนาว่าเป็นหลาน ห่างกันนานแปลกไปก็ใช่ที่ พระนลนามความนิษัธธานี น้าเองนี้ควรจะเฉลียวใจ ๏ ยังดีมีเมตตาให้มาอยู่ เข้าเป็นคู่สุนันทาแม้นหาไม่ หากปล่อยเป็นทาสีที่ยากไร้ เป็นบาปกรรมตามไปชั่วชีวา ๏ ขอหลานหายฉงนและหม่นหมอง น้าเป็นน้องแท้แท้แม่หลานหนา สุทามันอันนามท้าวพระเจ้าตา ครองธรรมมิกพารามานานปี ๏ พี่สาวน้าวิวาห์ภีมราชเจ้า ครองวิทรรภ์นานเนาชนสุขี ส่วนตัวน้าคู่นราธิปบดี บุตรสุพาหุภูมีคือราชัน ๏ เราว่านเครือเชื้อสายใกล้ชิดแท้ ยามกายแก่ยากไปมาหากันนั่น ครั้งหลานยังเยาว์วัยได้พบกัน พอนานวันนั้นมิน่ามาลืมเลือน” ๏ จำนรรจ์พลางนางเจ้าเฝ้าจุมพิต ด้วยปลื้มจิตปลื้มใจหาใดเหมือน ทมยันตีก็ไม่ได้แชเชือน ค่อยค่อยเคลื่อนบังคมก้มชุลี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 19 มกราคม, 2557, 12:15:12 PM หน้า ๙๑ ๏ สุนันทาซึ้งซาบกราบแทบอก ฐานะยกขึ้นสู่ญาติผู้พี่ ทั้งสามตระกองกอดทอดไมตรี เป็นนาทีอันสดชื่นรื่นฤทัย ๏ ทมยันตีมีความนำปรึกษา ขอท่านน้าโปรดดำริวินิจฉัย บัดนี้องค์พระบิดาราชาชัย ทรงห่วงใยไร้สุขทุกข์ระทม ๏ พระช่วยเหลือเอื้ออวยด้วยเต็มที่ ให้พราหมณ์หาทุกธานียังมิสม ทั้งบุตราบุตรีมีแต่ตรม เคยเชยชมมาร้างห่างมารดร ๏ ขอพระอนุญาตคืนราชฐาน เพื่อตามหาพระภูบาลอดิศร พระองค์ยังห่างหายไกลนาคร ในอกหลานนั้นยังร้อนมิผ่อนคลาย ๏ ทั้งที่พอรู้ความลำดับญาติ ถือโอกาสลากลับใช่ลับหาย ในวันหน้าแม้นว่ายังมิตาย ใจมาดหมายย้อนมาหาพระองค์ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26 มกราคม, 2557, 09:37:35 AM หน้า ๙๒ ๏ พระมารดาสั่งสีวิกามาศ* ประดับปวงบุปผชาติขบวนส่ง จัดพลพฤนท์*ราชพิลาสทรง พร้อมทิวธงสวยสล้างเดินทางไป ๏ แล้วมินานการเดินทางอย่างแข็งขัน บรรลุถึงซึ่งวิทรรภ์บ้านเมืองใหญ่ ทราบข่าวทมยันตีล้วนดีใจ แต่ท้าวไทถึงอาณาประชาชน ๏ จัดพิธีพลีกรรมทำบวงสรวง สิ่งทั้งปวงเกื้อหนุนบุญกุศล พุทธบูชาจาคะวาระมงคล พราหมณ์ไพร่พลพร้อมสรรพรับรางวัล ๏ โดยเฉพาะสุเทพพราหมณ์ตามกล่าวไว้ ราชันให้เกินที่จิตคิดหมายมั่น ทมยันตีกราบบิดร มารดาพลัน แล้วรับขวัญบุตรทั้งสองหายหมองมัว ๏ มีแม่ลูกผูกพันจิตอยู่ชิดใกล้ เมียหมองไหม้เหลือที่มิมีผัว ปลอบประโลมลูกว่า “เจ้าอย่ากลัว พ่อทูนหัวต้องกลับมาพร้อมหน้ากัน” ๏ หนึ่งราตรีที่พักผ่อนนอนวังเก่า ตื่นแต่เช้ากลับเหมือนเดิมเริ่มโศกศัลย์ พระแม่เจ้ารู้ข่าวมาไม่ช้านั้น เมื่อฟังคำรำพันพลันโศกา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26 มกราคม, 2557, 09:38:49 AM หน้า ๙๓ ๏ “โอ้พระแม่ผู้กำเนิดเกิดเกศี ดวงฤดีลูกทุกข์หนักยิ่งนักหนา นลบดีที่สูญไปในพนา ได้ตามหานานมิพบประสบองค์ ๏ มิรู้จะพบปะกันต่อวันไหน กลัวดวงใจลูกจะแยกแตกเป็นผง วอนมาดาขอเมตตาปิตุรงค์ หนุนจำนงค้นหานลราชัย” ๏ ครานั้นพระมารดาอาสาช่วย เอื้ออำนวยทำการประสานให้ ภีมราชรู้เรื่องราวเข้าพระทัย พระองค์ได้เรียกหาทิชาจารย์ ๏ ผู้ดูแลปรางค์ปราสาทราชกิจ ระดมพลรณฤทธิ์ทวยทหาร คัดที่คล่องท่องแคว้นแดนกันดาร และเหล่าพราหมณ์เชี่ยวชาญการเดินทาง ๏ ร่วมผนึกกำลังกันทั้งหลาย ออกกระจายทั่วไปถึงไพรกว้าง ทุกย่านบ้านกันดารใดไม่ละวาง จนถึงกลางพาราทุกธานี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26 มกราคม, 2557, 09:41:40 AM หน้า ๙๔ ๏ ผู้หมายใจไปดั้นด้นสืบค้นหา ยามทูลลาคลาไคลออกไพรศรี รับลำนำคำคมทมยันตี เมื่อจรลีถึงแดนดินถิ่นใดใด ๏ “จงขับร้องท่องกลอนสุนทรว่า (โอ้ยอดรักนักสกาข้าอยู่ไหน แบ่งเอาผ้าคลุมกายแล้วหายไป ช่างกระไรไม่หันมาเมตตากัน ๏ หรือหลงลืมสัญญาว่ารักแท้ มิเปลี่ยนแปรจนชีวาเราอาสัญ เจ้าหงส์เอ๋ยเคยพร่ำเทิดจำนรรจ์ ที่แท้เจ้าหลอกฉันหรือหงส์ทอง ๏ มาทิ้งเมียเสียได้กลางไพรสณฑ์ สุดจะทนหม่นไหม้ฤทัยหมอง เหลือผ้าครึ่งผืนไว้ให้เมียครอง จนร่ำร้องหาผัวทั่วอรัญ ๏ เมียดีต้องร่วมเรียงอยู่เคียงผัว ใกล้ชิดตัวชิดใจไม่แปรผัน ผัวดีรักเมียลูกผูกสัมพันธ์ ทั้งสองนั้นคือคู่ครองครรลองธรรม ๏ ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26 มกราคม, 2557, 09:44:29 AM หน้า ๙๕ ๏ “อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ) ๏ ขับลำนำเพลงชีวีนี้ทุกหน อารมณ์คนที่ฟังคำแล้วร่ำไห้ ขอให้เชื่อไว้ก่อนว่านลราชัย จงเข้าไล่เลียงถามความเป็นมา ๏ อาจปลอมแปลงแต่งตนจนรูปชั่ว หรือหมองมัวยากไร้อนาถา ดูอาการมิใช่หมายกายา เรื่องรูปร่างหน้าตามิสำคัญ ๏ ความแต่ต้นคนทั้งปวงมิล่วงรู้ นอกจากภูวนาถแลตัวฉัน พบผู้ใดมีกิริยาดังว่านั้น สืบความอันเป็นมาสารพัด ๏ แล้วกลับสู่พารามาโดยด่วน เสนอคำสำนวนให้ถนัด ฉันจะคอยวินิจฉัยความให้ชัด” พระนางตรัสสั่งย้ำคำทุกคน หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26 มกราคม, 2557, 09:45:38 AM หน้า ๙๖ ๏ ครานั้นให้นายทหารออกควานหา เหล่าพราหมณ์จาริกไปในทุกหน ทั้งใกล้ไกลนอกในแดนแคว้นมณฑล ออกสืบค้นพ้นพาราสู่อารัญ ๏ ขับลำนำคำกลอนจรทั่วทิศ มิพบองค์ทรงฤทธิ์นลรังสรรค์ ไม่เกิดผลจนผ่านมานานครัน ยังยืนยันพยายามตามต่อไป ๏ ผู้ฟังกลอนวอนกล่าวเขาซึ้งซ่าน เพลงรักหวานกล่อมอารมณ์สมสมัย มิเป็นสิ่งจริงจังแต่อย่างใด ฟังเพลินใจทั่วกันบันเทิงดี ๏ แปลงศัพท์สำเนียงไปหลายภาษา จำนรรจาสื่อนัยไปทุกที่ เสริมสังคีตดีดพิณศิลป์ดนตรี มิเห็นมีใครเศร้าคราวยินกลอน ๏ กาลล่วงมาทิชาจารย์ชาญฉลาด ปรรณาทได้เค้าเรื่องราวก่อน เข้ารายงานทมยันตีที่นคร ตามขั้นตอนต่อเทวีวิลาวัลย์ ๏ “ข้าพระบาทบทจรนครอื่น ชนล้วนชื่นรสกวีที่ร้องนั่น มิมีใครไห้หวนครวญรำพัน ตาหม่อมฉันสังเกตดีมิพบพาน หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26 มกราคม, 2557, 09:46:53 AM หน้า ๙๗ ๏ ถึงมหานครบวรสมัย อโยธยาเวียงชัยอันไพศาล ฤตุบรรณราชันอันเชี่ยวชาญ เลิศทางการสกาลือชาไกล ๏ ขอเมตตาราชาท่านสรรค์สนอง ประกาศก้องท้องพระโรงโอ่โถงใหญ่ ที่ประชุมเหล่าเสนาข้าวังใน หมู่อำมาตย์ทั้งกรุงไกรมากมายครัน ๏ ในดวงจิตคิดว่าน่าได้ผล เพราะมากคนสนใจจึงหมายมั่น เปล่งเสียงดังกังวาน ณ กาลนั้น ท้าวฤตุบรรณนั้นก็พอพระทัย ๏ ลำนำกลอนแห่งท่านรำพันว่า (“โอ้ยอดรักนักสกาข้าอยู่ไหน แบ่งเอาผ้าคลุมกายแล้วหายไป ช่างกระไรไม่หันมาเมตตากัน ๏ หรือหลงลืมสัญญาว่ารักแท้ มิเปลี่ยนแปรจนชีวาเราอาสัญ เจ้าหงส์เอ๋ยเคยพร่ำเทิดจำนรรจ์ ที่แท้เจ้าหลอกฉันหรือหงส์ทอง” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26 มกราคม, 2557, 09:48:22 AM หน้า ๙๘ ๏ “มาทิ้งเมียเสียได้กลางไพรสณฑ์ สุดจะทนหม่นไหม้ฤทัยหมอง เหลือผ้าครึ่งผืนไว้ให้เมียครอง จนร่ำร้องหาผัวทั่วอารัญ ๏ เมียดีต้องร่วมเรียงอยู่เคียงผัว ใกล้ชิดตัวชิดใจไม่แปรผัน ผัวดีรักเมียลูกผูกสัมพันธ์ ทั้งสองนั้นคือคู่ครองครรลองธรรม ๏ ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง ๏ อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ) ๏ จบลำนำกำหนดตาจดจ้อง ทั่ววังทองราชะพระโรงใหญ่ คนดาษดื่นชื่นบานซ่านฤทัย ล้วนยิ้มแย้มแจ่มใสใจเปรมปรีดิ์ ๏ เหล่าเสนาอำมาตย์แออัดอยู่ พิศทุกผู้ซึ้งซ่านเกษมศรี เหลียวแลไปไร้คนหม่นฤดี จึงจรลีทูลลารีบคลาไคล หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26 มกราคม, 2557, 09:49:41 AM หน้า ๙๙ ๏ ครั้นออกมาหน้าโรงราชรถ เห็นกำสรดเพียงผู้หนึ่งจึงสงสัย เข้าไปถามทราบนามว่าวาหุกไซร้ อัศวชาญชัยในธานี ๏ ด้วยปราดเปรื่องเรื่องโภชนาการ ปรุงอาหารพระราชาอีกหน้าที่ แต่รูปชั่วทั่วกายไร้ส่วนดี หน้าตามีแผลเกรอะกรังหนังหย่อนยาน ๏ ห่างลิบลับกับกายาความสามารถ อันฉลาดรอบรู้อยู่หลายด้าน หม่อมฉันพิจารณาอยู่เป็นนาน จึงถามความร้าวรานนั้นฉันใด ๏ (“ข้าเกลียดชังเจ้าผัวที่ชั่วช้า ทิ้งภรรยาง่ายง่ายได้ไฉน โอ้แม่นางช่างระกำช้ำฤทัย แต่ทำไมมิโกรธผัวที่ชั่วนัก ๏ ผ้าเพียงกึ่งซึ่งให้ไว้ต่างหน้า ต้องเอกากลางไพรทุกข์ใจหนัก เมื่อผัวบ้าสการ้ายเหมือนคลายรัก ใจเมียจักมิเคืองจิตนิดฤๅนา ๏ ทั้งที่ตนตกระกำชอกช้ำยิ่ง แม่ยอดหญิงมิมีจิตคิดถือสา ใจแม่นั้นเยี่ยงเทวัญบนชั้นฟ้า ความดีแท้แลมาเป็นเกราะทอง”) หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 26 มกราคม, 2557, 09:50:54 AM หน้า ๑๐๐ ๏ “หม่อมฉันจำคำไว้ไม่แปรผัน ดูโศกศัลย์ทุกข์ทนแสนหม่นหมอง แม้แตกต่างทางกายเป็นก่ายกอง แต่จำต้องถือสารามากราบทูล ๏ อันพระนลรูปงามรู้นามทั่ว มิมีใครพบตัวเหมือนสาบสูญ แต่พระองค์ทรงธรรมเจิดจำรูญ เทพเกื้อกูลต้องรอดชีพปลอดภัย” ๏ ทมยันตีฟังเอ่ยเฉลยพจน์ ครบทั้งหมดก็เชื่อครึ่งกึ่งสงสัย ฤๅวาหุกนี้แหละหนาคือราชัย เกิดมั่นใจขึ้นมาว่าจริงจัง ๏ จึงประทานรางวัลอันสมค่า แก่ทิชาจารย์พราหมณ์ตามที่หวัง แม้นวาหุกคือพระนลนั้นคืนวัง สุขสมดังหมายเดิมเพิ่มรางวัล ๏ ทมยันตีวอนท่านพระมารดร กราบขอพรกระทำตามคาดฝัน ณ การณ์นี้ไม่บอกภีมราชัน มิแม่นมั่นกวนพระทัยไม่บังควร ๏ พระมารดาอนุญาตประกาศหา สุเทพพราหมณ์เข้าพารามาโดยด่วน ต่อหน้าพระมารดามาชี้ชวน ตามกระบวนที่ตั้งจิตร่วมคิดการ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 กุมภาพันธ์, 2557, 11:09:46 AM หน้า ๑๐๑ ๏ “สุเทพพราหมณ์จงนำนัยนี้ไปสู่ ท้าวฤตุบรรณรับรู้ด้วยโวหาร ความว่าข้าร้างคู่อยู่เนิ่นนาน ขอประทานทวิสยมพร* ๏ แลขอเชิญราชันท่านพิเศษ ด้วยมีเหตุนับถือกันแต่กาลก่อน ทำเหมือนว่าส่งข่าวมาทุกนาคร และวิงวอนขออภัยนัยเวลา ๏ เหลืออีกวันอันเดินทางอย่างเร็วยิ่ง รับผิดจริงที่เราส่งข่าวล่า งานลับให้ใช้วาทะเจรจา กรุณารับคำทำดั่งใจ” ๏ สุเทพพราหมณ์รับคำทำตามสั่ง เดินทางยังอโยธยาใหญ่ กราบทูลท้าวฤตุบรรณชาญชัย ความเป็นไปไม่เพี้ยนหรือเปลี่ยนแปลง ๏ เมื่อท่านทราบกราบลามิช้าอยู่ คล้ายมีผู้ต้องส่งข่าวคราวหลายแห่ง บทบาทแบบแยบยลไม่ให้ระแวง เมื่อสำแดงจบปั๊บลากลับพลัน หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 กุมภาพันธ์, 2557, 11:11:51 AM หน้า ๑๐๒ ๏ เมื่อยินข่าวท้าวฤตุบรรณรีบผันผาย มาหานายวาหุกกะทันหัน “ไปเถิดเราเลือกเอาม้ามาด้วยกัน งานสำคัญด่วนมากเราอยากใช้ ๏ ดังที่เจ้าเฝ้าถวายตัวไว้ว่า ขับรถม้าปานลมกรดพูดปดไหม เวลาน้อยเร็วเถิดหนาอย่าช้าไย ร้อยโยชน์ไกลนักจึงถึงวิทรรภ์ ๏ สรรเอาม้าครานี้ดีที่สุด เร่งเร็วรุดวันหนึ่งถึงที่นั่น ซึ่งยากนักที่จักไปได้เช่นนั้น เจ้ายืนยันไว้กับข้าจึงน่าลอง” ๏ วาหุกถามความว่า “ไปการใดหรือ วาระคือ สุข เศร้าเล่าจิตข้อง” จึงท่านท้าวเล่าขยายดังใจปอง “สยมพรครั้งที่สองทมยันตี ๏ ด้วยเหตุผลนลบดีสามีเก่า ทอดทิ้งเขาให้ต้องหม่นหมองศรี เป็นเวลาจะบรรจบครบสามปี แต่งานนี้แจ้งข่าวมาล่าเหลือเกิน ๏ การเดินทางสู่วิทรรภ์วันเดียวถึง ต้องประหนึ่งรถม้าพาเหาะเหิน รู้แล้วเจ้าอย่าช้าเจรจาเพลิน ต้องดำเนินคัดม้าอาชาไนย” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 กุมภาพันธ์, 2557, 11:13:43 AM หน้า ๑๐๓ ๏ พระนลฟังยังอึ้งตะลึงคิด โอ้มิ่งมิตรเป็นฉะนี้ได้ไฉน สุดจะห้ามความวิโยคโศกอาลัย ดวงฤทัยวุ่นวายหลายกังวล ๏ “โอ้จอมนางกลางใจในครานี้ ฤๅความดีสิ้นสายไร้กุศล นาเรศแก้วร้าวเสียแล้วกลางกมล ทำเช่นชนทั่วไปที่ใจทราม ๏ อาจวิโยคโศกศัลย์ฟั่นเฟือนนัก หรือแค้นหนักผัวทิ้งหญิงถูกหยาม ใจหนึ่งมั่นทมยันตียังดีงาม มิเชื่อความตามว่าสัจจาจริง ๏ หรือนารีมีเล่ห์ลวงบ่วงล่อข้า ความหึงหวงเข้าดวงตาลืมทุกสิ่ง ดีหรือร้ายใดใดไม่ประวิง ทั้งมิทิ้งสัญญากับราชัน ๏ จึงนอบน้อมรับคำดำเนินกิจ “พระทรงฤทธิ์โปรดเชื่อใจอย่าไหวหวั่น จักขอนำพระองค์ไปให้จนทัน เพียงหนึ่งวันเร่งบึ่งถึงกรุงไกร” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 กุมภาพันธ์, 2557, 11:15:40 AM หน้า ๑๐๔ ๏ เมื่อตกลงเวลากะทันหัน รีบไปสรรเอาม้ามิช้าได้ ถึงอัศวศาลาของราชัย ซึ่งภายในมีม้าเกินห้าร้อย ๏ วาหุกเข้าไปชิดพินิจหา เดินไปหน้าหยุดยั้งบางครั้งถอย คัดตัวดีได้สี่ม้ามายืนคอย แต่ราชัยเคืองไม่น้อยคิดต่างกัน ๏ “ข้าเห็นว่าอาชาดีมีอยู่หลาย อันมีกายอ้วนล่ำกล้ามแข็งขัน แลไฉนไม่เลือกมาเหล่าม้านั้น คัดที่มันผอมเหมือนกะพยาธิกิน ๏ ถ้าเจ้าทำล้อเล่นอยู่เช่นนี้ การพิธีอันข้าหวังคงพังสิ้น อับอายชาวพาราทั่วธานินทร์ เมื่อเจ้ายินแล้วจักต้องตรองจงดี” ๏ วาหุกฟังดังว่ามากล่าวเน้น “การล้อเล่นกับราชาหาใช่ที่ อันกิจซึ่งหม่อมฉันสรรพาชี เหตุผลมีตามทักษะอัศวการ ๏ ม้าเหล่านี้ล้วนเลิศประเสริฐล้ำ เกิดริมน้ำสินธูอู่สถาน มิอ้วนพีแรงดียิ่งวิ่งทนนาน รูนาสิกกว้างบานเปิดรับลม หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 กุมภาพันธ์, 2557, 11:17:24 AM หน้า ๑๐๕ ๏ “ขวัญม้าดีถ้วนหนาหาได้ยาก หนึ่งหน้าผากขวัญอยู่ดูเด่นสม สองขวัญคู่อยู่กลางศีรษะกลม อกซ้ายขวาเหนือราวนมสองขวัญไซร้ ๏ ยังอีกสี่สีข้างฝั่งละสอง โคนหางหนึ่งพึงมองแลเห็นได้ สิบขวัญแห่งอัศวการม้าชาญชัย ที่เหลือใช้ความเชี่ยวชาญการบังคับ ๏ ฤๅพระองค์เห็นว่าอาชาไนย พึงพอใจตัวอื่นมีที่งามสรรพ เชิญพระองค์ทรงสรรหม่อมฉันรับ มาผูกกับราชรถบทจร” ๏ ราชาฟังดังแจงเหตุเป็นเด็ดขาด ยอดวิชาอัศวราชมิอาจค่อน กล่าวเห็นชอบตอบความตามสุนทร มิเกี่ยงงอนแต่ไว้ท่าในพาที ๏ “เจ้ามั่นใจก็ไม่ห้ามตามที่ว่า จักสรรม้าร่วมไว้มิใช่ที่ ถ้าเกิดไปไม่ทันในงานนี้ เจ้าโทษม้าข้าไม่ดีเสียปะไร” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 กุมภาพันธ์, 2557, 11:18:49 AM หน้า ๑๐๖ ๏ ในครานั้นพระนลคนรูปชั่ว เมื่อเตรียมตัวจะผูกม้าหาได้ไม่ สี่ม้าคู้เข่านอนเหมือนอ่อนใจ มิคึกคักเลยไฉนยอดพาชี ๏ วาหุกเดินเข้าไปใกล้ใบหน้า มือสัมผัสกายาม้าทั้งสี่ แล้วเอื้อนเอ่ยสุนทรอ่อนหวานดี จ๊ะจ๋ามีจำนรรจ์ฉันคนรัก ๏ สี่ม้ายืนขึ้นพลันสั่นหางหู ร้องก้องอยู่ด้วยคึกเต้นกึกกัก จึงผูกม้าเสร็จได้ไม่ช้านัก จับสายชักสายขับกระชับพลัน ๏ ขอราชาอนุญาตประกาศหา ซึ่งนายวาร์ษไณยอยู่ใกล้นั่น มาขึ้นรถเร็วไวไปด้วยกัน เผื่อได้ช่วยหม่อมฉันขับรถทรง ๏ รถวิ่งแล่นลิ่วไปดังใจคิด ด้วยมหิทธิเดชาพระนลส่ง ดุจธนูจากแหล่งลำแสงตรง ฝ่ารกพงมิพรั่นพรึงคำนึงใด ๏ วาร์ษไณยใคร่ครวญหวนรำลึก ความรู้สึกกลางจิตคิดสงสัย ดูลีลาวาหุกนี้ที่เป็นไป เหมือนกันในเชิงทักษะของพระนล หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 กุมภาพันธ์, 2557, 11:19:54 AM หน้า ๑๐๗ ๏ ฝีมือม้าคราอยู่กันนั้นบ่งชี้ ละเอียดล้วนถ้วนถี่มีเหตุผล เกิดเหมือนกันฉันใดให้พิกล มิพูดบ่นแต่คิดพลางกลางพนา ๏ ท้าวฤตุบรรณนั้นนั่งนึกกำหนด ราชรถพุ่งไปไวแกล้วกล้า ไม่ผิดคำที่เคยเอ่ยวาจา องค์ราชาเพ่งพิศพินิจเพลิน ๏ “เออจริงนะพจีที่เปรียบไว้ รถพุ่งไปพลิ้วผ่านปานเหาะเหิน ท่วงทีขับขยับกายงามหลายเกิน เหลือประเมินความสามารถอัศจรรย์ ๏ ปรารถนาแห่งข้าวิชานี้ ขอโดยดีเขาจักให้เราไหมนั่น ฤๅต้องใช้วิชามาแลกกัน ดวงจิตแห่งราชันพลันวุ่นวาย” ๏ ราชรถทะยานไปกลางไพรกว้าง ถิ่นแถวทางเถื่อนทุ่งมุ่งที่หมาย ข้ามเขาเขินเนินดินโดยง่ายดาย ตะลุยสายธาราฝ่าพงรก หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 กุมภาพันธ์, 2557, 11:21:06 AM หน้า ๑๐๘ ๏ กำลังม้าพารถมิลดหย่อน สุรีย์รอนอ่อนแสงแรงไม่ตก ราชันนึกตรึกในไวดั่งนก จึงหยิบยกผ้าคลุมปล่อยลอยลมไป ๏ เรียกวาหุกให้สั่ง “รั้งม้าหยุด อย่ารีบรนจนสุดนักก็ได้ ภูษาอันพันอังสาข้าคลุมไว้ หลุดลอยไกลเกินจะกะประมาณ ๏ รถเรารั้งรอไว้ไม่ต้องย้อน พักม้าก่อนกินน้ำหญ้าหน้าละหาน วาร์ษไณยไปเก็บมามิน่านาน” ก็กระทำตามการที่บัญชา ๏ ยามเมื่อวาร์ษไณยคล้อยไปนั้น องค์ราชันพลันเอ่ยเปรยขึ้นว่า “อันปวงชนคนทั่วทั้งโลกา ฤๅประสิทธิ์วิทยาได้มาครบ ๏ บุรุษใดใครเชี่ยวชาญทุกด้านถ้วน บางสิ่งควรดีเด่นเรียนเจนจบ หากศิษย์ครูคู่กันมาน่าเคารพ เพื่อนที่คบรู้แจ้งอาจแบ่งปัน ๏ ต้นสมอพิเภกไพรกลุ่มไกลโน้น จำนวนโคนสิบห้าแน่มิแปรผัน นับเพียงใบแก่ทั้งกอเมื่อรวมกัน สังขยา*ห้าโกฎิสรรเศษมิเอา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 กุมภาพันธ์, 2557, 08:48:19 AM หน้า ๑๐๙ ๏ ผลสมอทั้งกอใหญ่ได้แสนสี่ กิ่งใหญ่นั้นอันข้าชี้สองพันเก้า หัวใจสกาใช้มิได้เดา ใจของเจ้าจักเชื่อความตามนั้นฤๅ” ๏ “ลูกสกาหามากสักเท่าใด ยังทำให้เสียสินจวนสิ้นชื่อ ผลสมออาจขอทายในกำมือ ทั้งกิ่งคือใจมิเหลือที่เชื่อเลย ๏ อยากขอให้ฉันไปฟันกิ่งอันว่า นับต่อหน้าด้วยกันนั้นเฉลย จะตกลงดังจงใจได้ไหมเอย โปรดอย่าเฉยนิ่งช้าพาเสียการ ๏ แม้นตรวจนับผลดูจึงรู้ได้ จักมิใช้เวลาช้าเลยท่าน ม้าได้พักแล้วจักโผนโจนทะยาน มิเนินนานถึงปลายทางโปรดวางใจ” ๏ “ถ้ากระนั้นฟันโดยไวอย่าได้ช้า แล้วตรวจตรานับให้ดีมีเท่าไหร่ หากหล่นลงตรงโคนนั้นคราฟันไม้ จงนับไว้รวมกันตามกติกา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 กุมภาพันธ์, 2557, 08:49:29 AM หน้า ๑๑๐ ๏ ตกลงความตามใจที่หมายมั่น วาหุกรีบไปฟันกิ่งพฤกษา เริ่มนับพลันหวั่นเรื่องเปลืองเวลา กองละห้าร้อยไล่ไปจนครบ ๏ วาหุกถึงตะลึงหลงงงงันอยู่ ฤตุบรรณท่านถามดูผลประสบ วาหุกหันมาระยอบนอบน้อมนบ “ท่านเจนจบจริงถูกต้องมิพร่องเลย ๏ ยอดยิ่งนักจักมีใครในโลกนี้ วิชาดีอยากวานท่านเฉลย หัวใจอาชาไนยให้ชดเชย แลกเปลี่ยนกันท่านจงเอ่ยมาตามตรง” ๏ ใกล้เวลาสายัณห์ตะวันลับ ต่างรีบรับด้วยจิตคิดประสงค์ “เริ่มหัวใจสกาข้าดำรง หากจิตจงสังขยากีฬาคณิต ๏ ก่อนศึกษาวิชาดีมีข้อแม้ ให้แน่วแน่จำนงจงในจิต มิละโมบโลภหลายหมายฆาตมิตร และมีสิทธิ์เพียงคราละหนึ่งครั้ง ๏ เมื่อหัวใจสกาขลังตั้งมั่นแล้ว จักผ่องแผ้วในฤดีดังที่หวัง ตัดสินใจไปตามจิตนิมิตภวังค์ มิพลาดพลั้งเป็นแน่แท้จริงเจียว หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 กุมภาพันธ์, 2557, 08:50:49 AM หน้า ๑๑๑ ๏ ชวนกันนั่งหลังโขดเขินเนินไศล คาดมิให้ใครจ้องมาข้องเกี่ยว ขีดเขียนดินโดยใช้กิ่งไม้เรียว ประเดี๋ยวเดียวเสร็จสมอารมณ์ปอง ๏ ฤตุบรรณคะยั้นคะยอ “ขออย่าช้า สอนให้ข้าเข้าใจไม่เป็นสอง ซึ่งหัวใจอาชาไนยข้าใฝ่ปอง ตามครรลองตรรกะไฉนกัน” ๏ วาหุกทูลราชาว่า “ข้าบาท มิบังอาจโยกโย้มีโมหันธ์ ก็จักหมายขยายนัยใจม้านั้น ความสำคัญแม้สักนิดมิปิดบัง ๏ หัวใจแห่งพาชีเมื่อมีแล้ รู้เที่ยงแท้พิสุทธิ์ดุจมนต์ขลัง อาชาที่ฝีเท้าเลิศเกิดพลัง ความดุจดังมุ่งมั่นสรรม้ามา ๏ หลักสำคัญอันเน้นเป็นเอกอุ คือบรรลุข้ามชาติพันธุ์ภาษา มิคิดเห็นเป็นแต่แค่อาชา ใจเชื่อมกันมิฉันทาพาเลิศแล หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 กุมภาพันธ์, 2557, 08:51:59 AM หน้า ๑๑๒ ๏ จุดประสงค์จำนงใดกล่าวให้แจ้ง ช้าเร็วแรงสำแดงความตามกระแส ถึงจุดใจเชื่อมใจได้จริงแท้ ก็คือแง่แห่งตรรกะอัศวการ ๏ มีเคล็ดหนึ่งซึ่งพระองค์ต้องทรงคิด ด้วยดวงจิตเป็นกุศลบนพื้นฐาน เลี้ยงสมบูรณ์พูนพละอภิบาล เมตตาทานนั่นคือทุนบุญความดี ๏ แล้วจึงชวนฤตุบรรณร่วมผันผาย พากันย้ายจากเนินดินถิ่นไพรศรี ออกดำเนินเดินไปหากลุ่มพาชี วาหุกมีอธิบายขยายนัย ๏ มือสัมผัสผิวกายใช้จิตส่ง เจตน์จำนงสิ่งนั้นเป็นไฉน เคล็ดวิชาดังว่านั้นบรรยายไป โดยมิให้ใครอื่นดูและรู้ความ ๏ เป็นครูศิษย์เสร็จสมหวังกันทั้งสอง คลายหม่นหมองแห่งจินต์สิ้นคำถาม วาร์ษไณยกลับมาเวลางาม ฤตุบรรณนั้นได้ตามน้ำใจจง ๏ แต่วาหุกครานั้นมิทันย่าง กลีออกจากร่างดังประสงค์ ดิ้นเร่าเร่าอยู่บนพื้นมิคืนทรง “ขอเมตตาข้าพระองค์อย่าทำลาย” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 กุมภาพันธ์, 2557, 08:53:07 AM หน้า ๑๑๓ ๏ “ยอมต่อพระเมตตาบารมีท่าน แลข้าแสนทรมานเจ็บปวดหลาย คำสาปทมยันตีมีฤทธิ์ร้าย เข้ากล้ำกลายวิญญาณผลาญย่ำยี ๏ คาบที่สองต้องพิษฤทธิ์แรงร้อน ดังกองฟอนสุมกายไม่อาจหนี นั่นคือพิษรุนแรงแห่งนาคี จนชีวีแทบมลายอยู่หลายครา ๏ และถึงคาบที่สามในยามนี้ พระองค์ได้วิชาดีมากมีค่า คือหัวใจตรรกะแห่งสกา ล้วนนำพาข้าแดดิ้นสิ้นพลัง ๏ บุญฤทธิ์อิทธิสร้างแต่ปางก่อน ถูกลิดรอนมลายพ้นด้วยมนต์ขลัง พระองค์ย่ำซ้ำก็ดิ้นสิ้นเอวัง หากว่ายังเมตตาข้าขอจร” ๏ เมื่อพระนลมิมีจิตคิดจะปราบ กลีกราบกระย่องกระแย่งเรี่ยวแรงอ่อน แล้วลาลับวับไปในดงดอน นลราชามาผ่อนร้อนกายใจ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 กุมภาพันธ์, 2557, 08:54:19 AM หน้า ๑๑๔ ๏ เหลือแต่รูปร่างกายภายนอกแล้ว จิตราชันนั้นดั่งแก้วเปล่งแววใส ดั่งร่างองค์เบาลงเสียกระไร สำนึกได้ไร้อธรรมครอบงำครอง ๏ จึงรีบขึ้นไปนั่งเตรียมตั้งท่า ขับอาชาต่อไปไม่หม่นหมอง เถื่อนวิถีเหมือนมีใจให้สมปอง สนธยาฟ้าทองถึงวิทรรภ์ ๏ นายประตูผู้ใหญ่ครั้นได้พบ เป็นคำรบที่มากะทันหัน รีบกราบทูลองค์ภีมราชัน แล้วเชิญท้าวฤตุบรรณเข้าวังใน ๏ รถทะยานผ่านประตูสู่วังราช กัมปนาทลั่นเลือนสะเทือนไหว มีทั้งเสียงรถม้าที่คลาไคล ม้าต้นของพระนลไซร้ประสานกัน ๏ อยู่ในโรงคงรู้ว่านายมานี่ เหล่าพาชีคะนองเสียงร้องลั่น จากกันคราพาบุตราบุตรีนั้น วาร์ษไณยรับบัญชาธิดา ๏ รถวิ่งตามถนนวนวังใหญ่ ดูแคล่วคล่องว่องไวยิ่งนักหนา ทมยันตียินเสียงนี้ที่คุ้นมา รีบออกไปยังหน้าพระบัญชร หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 กุมภาพันธ์, 2557, 08:55:34 AM หน้า ๑๑๕ ๏ ทั่ววังทองผ่องสีสะท้อนแสง เจิดแจรง*เรืองจรัสประภัสสร แว่วยินเสียงสวรรค์ประทานพร มองอมรรุ่งอร่ามงามพิไล ๏ ที่สวนขวัญนกยูงงามรำแพนหาง ร่ายรำอย่างสนุกสุขสดใส ช้างลำพองร้องเสียงสังข์ดั่งอวยชัย ทมยันตีนั้นมั่นใจในครานี้ ๏ แม้นภัสดามิมาชมให้สมรัก ไม่พบพักตร์ขององค์พระทรงศรี ตัดสินใจไม่ขออยู่สู้ชีวี จะขอพลีร่างให้พระเพลิงมลาน ๏ รำพึงใจใช่พระนลคนพูดปด ทรยศต่อใครให้หักหาญ สิ่งเลวทรามยามจิตดีมิแผ้วพาน จะพิจารณ์ร้ายใครไม่เคยยิน ๏ พระทัยงามตามจิตจริตแท้ พระดูแลเมียดังหวังถวิล ความจงรักมิจางใจไปจากจินต์ ตราบจนสิ้นชีวันจากกันไกล ๏ เทวีพิไรครวญป่วนในจิต จักพบองค์ทรงสิทธิ์ได้ไฉน เป็นจริงจังดังคิดหรือผิดไป ร้อนฤทัยระทมมิสมประดี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 กุมภาพันธ์, 2557, 08:56:55 AM หน้า ๑๑๖ ๏ ท้าวฤตุบรรณครั้นลงราชรถ จุดกำหนดชานชาลาสารถี เสด็จสู่ปราสาทในไม่รอรี จึงท้าวภีมราชามาทักทาย ๏ มิได้รู้เบื้องลึกนึกฉงน ถามเหตุผลที่แท้แก่สหาย “ท่านรีบมาฉะนี้เหตุดีร้าย ขอขยายให้แจ้งประจักษ์ใจ” ๏ ครานั้นฤตุบรรณอันมีศักดิ์ ทรงฉลาดยิ่งนักด้วยรู้ได้ หากมีการสยมพรแน่นอนไซร้ เจ้ากษัตริย์น้อยใหญ่เต็มพารา ๏ พราหมณ์ทุกหมู่ผู้ชาญการพิธี มาร่วมงานวันนี้มิพบหน้า นึกคำนึงจึงเจ้าอโยธยา เอ่ยความว่า “มาเยี่ยมองค์พระทรงธรรม์” ๏ ภีมราชก็รู้นัยว่าใช่ที่ อยู่ดีดีจะมาหาดังว่านั่น ร้อยโยชน์ไกลมิใช่ว่ามาเยี่ยมกัน โดยไร้เหตุสำคัญอันบ่งชี้ ๏ ชวนให้พักผ่อนกายหลายวันก่อน นัยแฝงอยู่รู้แน่นอนมิอาจหนี จึงเชิญเจ้าอโยธยาจอมธานี “ขอจงมีสำราญพระหฤทัย” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 กุมภาพันธ์, 2557, 11:35:22 AM หน้า ๑๑๗ ๏ ครานั้นหนาวาหุกสารถี นำพาชีสู่โถงโรงม้าใหญ่ ปลอบม้าเดิมที่พรากจากกันไกล และม้าใหม่ให้ชินคุ้นกลิ่นกัน ๏ แล้วทำความสะอาดราชรถ โศกกำสรดถึงเทวีฤดีสั่น สยมพรที่ว่ามาก่อนนั้น ดูการณ์อันเป็นไปไม่น่ามี ๏ ทมยันตีมีใจดั่งร้อน จะพักผ่อนนอนหลับใหลก็ใช่ที่ แสนสงสัยใช่ไหมหนอนลบดี มีวิธีให้เผยร่างได้อย่างไร ๏ รับสั่งเรียกเกศินีสาวพี่เลี้ยง มานั่งเคียงปรึกษาฟังปราศรัย เมื่อตกลงกันได้จึงให้ไป เริ่มซักไซ้เค้าความตามกระบวน ๏ เกศินีพี่เลี้ยงผู้ฉลาด ไปสัมภาษณ์วาหุกสิ้นทุกส่วน ด้วยลีลาคารมอันสมควร เรื่องมาด่วนอยากรู้เหตุเจตนา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 กุมภาพันธ์, 2557, 11:36:59 AM หน้า ๑๑๘ ๏ “สยมพรพิธีที่กล่าวขาน ท้าวอโยธยาต้องการขนิษฐา ด้วยพระองค์ทรงฤทธิ์คิดเมตตา ช่วยธิดาพ้นโศกวิโยคใจ ๏ รู้ข่าวดีที่เวลากะทันหัน มาเร็วพลันมิแวะวนแห่งหนไหน วันเดียวบึ่งถึงวิทรรภ์พร้อมท้าวไท ความเป็นไปทุกส่วนล้วนสัจจริง” ๏ ครานั้นนางเกศินีฟังที่เล่า เริ่มซักเค้าความทั้งหลายไปทุกสิ่ง “สารถีที่ตามมาน่าติติง เขาเคยทิ้งพระนลเหตุผลใด” ๏ “พระนลแท้แลผิดติดสกา จะสนใจอาชาก็หาไม่ เขามีนามว่านายวาร์ษไณย เคยรับใช้การอัศวพระนล” ๏ “เขารู้แหล่งแห่งหนพระนลหาย หลีกเร้นกายจากไปกลางไพรสณฑ์ หรือรู้ที่แอบแฝงแหล่งตำบล พระทรงพลซ่อนกายได้เนานาน” ๏ “เขามิรู้ความใดในสิ่งนี้ เมื่อพระนลมิมีการประสาน คงอัดอั้นตันใจในการงาน ฉะนั้นถึงไปพึ่งท่านฤตุบรรณ” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 กุมภาพันธ์, 2557, 11:37:59 AM หน้า ๑๑๙ ๏ “อยากจะถามความท่านเป็นกาลย้อน เคยพบพราหมณ์ร้องกลอนก่อนไหมนั่น เนื้อเพลงกลอนซ่อนนัยไว้สำคัญ เคยยินคำรำพันว่าฉันใด” ๏ ด้วยหม่นหมองวาหุกร้องกลอนขึ้นว่า (“พ่อยอดรักนักสกาข้าอยู่ไหน แบ่งเอาผ้าคลุมกายแล้วหายไป ช่างกระไรไม่หันมาเมตตากัน ๏ หรือหลงลืมสัญญาว่ารักแท้ มิเปลี่ยนแปรจนชีวาเราอาสัญ เจ้าหงส์เอ๋ยเคยพร่ำเทิดจำนรรจ์ ที่แท้เจ้าหลอกฉันหรือหงส์ทอง ๏ มาทิ้งเมียเสียได้กลางไพรสณฑ์ สุดจะทนหม่นไหม้ฤทัยหมอง เหลือผ้าครึ่งผืนไว้ให้เมียครอง เฝ้าร่ำร้องหาผัวทั่วอรัญ ๏ เมียดีต้องร่วมเรียงอยู่เคียงผัว ใกล้ชิดตัวชิดใจไม่แปรผัน ผัวดีรักเมียลูกผูกสัมพันธ์ ทั้งสองนั้นคือคู่ครองครรลองธรรม” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 กุมภาพันธ์, 2557, 11:39:11 AM หน้า ๑๒๐ ๏ “ขอมีจิตคิดเมตตาถ้ายังรัก เมียผู้ภักดิ์ไห้หวนคอยครวญคร่ำ แม้กินข้าวลงคอได้ไม่เต็มคำ ยามกินน้ำก็ยังแค้นแน่นในทรวง ๏ อันสมบัติพัสถานพิมานแก้ว ล่มลงแล้วดวงจิตมิคิดหวง สวามีที่บูชากว่าทั้งปวง อย่าลาล่วงโปรดจงคืนให้ชื่นใจ”) ๏ ยามวาหุกร้องกลอนในตอนนั้น อกตื้นตันอัสสุชนล้นรินไหล จำสะอื้นฝืนว่าด้วยอาลัย เกศินีเข้าใกล้จ้องไม่วาง ๏ เห็นโศกศัลย์นั้นยิ่งเหมือนจริงนัก ใจประจักษ์มิเสแสร้งแกล้งหมองหมาง จึงถามย้ำคำที่ว่าอย่าอำพราง “อันความอย่างตอบพราหมณ์มาว่าฉันใด” ๏(“ฉันเกลียดชังเจ้าผัวที่ชั่วช้า ทิ้งภรรยาง่ายง่ายได้ไฉน โอ้แม่นางช่างระกำช้ำฤทัย แต่ทำไมมิโกรธผัวที่ชั่วนัก” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 กุมภาพันธ์, 2557, 11:40:08 AM หน้า ๑๒๑ ๏ “ผ้าเพียงกึ่งซึ่งให้ไว้ต่างหน้า ต้องเอกากลางไพรทุกข์ใจหนัก เมื่อผัวบ้าสการ้ายเหมือนคลายรัก ใจเมียจักมิเคืองจิตนิดฤๅนา ๏ ทั้งที่ตกระกำชอกช้ำยิ่ง แม่ยอดหญิงมิมีจิตคิดถือสา ใจแม่นั้นเยี่ยงเทวัญบนชั้นฟ้า ความดีแท้แลมาเป็นเกราะทอง”) ๏ ย้อนคิดย้ำซ้ำกล่าวเล่าหลายหน เหมือนเร้ารุกทุกข์ทนเพิ่มหม่นหมอง ผินหน้าพ้นชลนัยน์หลั่งไหลนอง การจับจ้องเกศินีมิละตา ๏ น่าสงสัยใช่สะท้อนเพียงกลอนนั้น ความจาบัลย์จากกมลตนมากกว่า เหมือนพระนลตัวตนแท้แค่วาจา แต่กายาต่างกันจนเกินการ ๏ ก่อนกลับหลังสั่งความคำยั่วเย้า “จะโศกเศร้าเกินไปฉันใดท่าน ตัวพระนลยังทนได้หายไปนาน มิสงสารทมยันตีนี่กระไร ๏ ท่านหยุดยั้งรอฟังข่าวคราวตรงนี้ ฉันจักทูลทมยันตีที่ถามไถ่ หากพระนางยังต้องการความอันใด รบกวนท่านขานไขให้อีกครา” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 กุมภาพันธ์, 2557, 11:41:03 AM หน้า ๑๒๒ ๏ ก่อนจะลาครานั้นนางเกศินี ดูถ้วนถี่ไปทั้งปวงทุกท่วงท่า ครบถ้วนคำจำจดพจนา ทุกลีลาอารมณ์จะชมชัง ๏ เมื่อมาถึงจึงบังคมก้มเกศี กราบทูลทมยันตีตามที่สั่ง เป็นความจริงทุกสิ่งไปไม่ปิดบัง จึงสมดังพระนางไว้วางใจ ๏ เล่าความนั้นอันวาหุกตอบทุกถ้อย “ช่างเรียงร้อยมิสะดุดหยุดตรงไหน ราวราชาพระนลภูวไนย หม่อมฉันเคลิบเคลิ้มไปใช่จริงจัง ๏ ครั้นตอบความตามที่ให้พราหมณ์ไว้นั้น มิผิดผันไปจากจิตที่คิดหวัง อักขระวลีมิมีพลั้ง แม้กระทั่งวรรคตอนแห่งกลอนเพลง ๏ เห็นหม่นหมองต้องหลบหน้ากลบเกลื่อน หม่อมฉันเตือนด้วยคำถามความเร้าเร่ง จี้ตอกย้ำว่าโศกคำร่ำบรรเลง เพื่อตนเองหรือโศกแสนแทนพระนล ๏ เขามิได้ตอบคำอ้ำอึ้งอยู่ หม่อมฉันดูแล้วเห็นน่าเป็นผล ผิดแปลกแท้แต่กายีที่พิกล สิ่งอื่นใดไม่น่าพ้นพระภูมินทร์ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 กุมภาพันธ์, 2557, 11:42:15 AM หน้า ๑๒๓ ๏ ยังสำทับก่อนกลับหลังสั่งความไว้ สิ่งพะวงสงสัยยังไม่สิ้น จะย้อนมาถ้ายังหมองข้องใจจินต์ ขออย่าลาจากธานินทร์สู่ถิ่นใด” ๏ ใคร่ครวญความตามเกศินีกล่าว หลายเรื่องราวพอคลายหายสงสัย แต่หลายข้อที่ยังข้องหมองดวงใจ จักชำระกระไรต่อไปดี ๏ คิดขึ้นได้อย่างหนึ่งจึงเอ่ยว่า “เกศินีช่วยเถิดหนาอย่าหน่ายหนี ไปอีกครั้งตั้งตาในครานี้ จ้องดูไว้ให้ดีใกล้ที่นั้น ๏ แค่เพียงมองจ้องไว้ไม่ช่วยเหลือ เรื่องโอบเอื้อทั้งหมดงดแข็งขัน ให้ช่วยตนเองจริงทุกสิ่งอัน การสำคัญนี้ย้ำเรื่องน้ำไฟ ๏ เจ้าจงมองให้มั่นมิหันห่าง ทุกท่าทางกระทำต้องจำได้ เห็นพิกลต่างจากคนอื่นทั่วไป ดุจเทพไทรีบมุ่งหน้ามารายงาน หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 15 กุมภาพันธ์, 2557, 11:45:08 AM หน้า ๑๒๔ ๏ ครานั้นนางเกศินีหน้าที่อยู่ คอยเป็นผู้เฝ้าระวังดั่งบรรหาร ตากำหนดจดจ้องมองอาการ ระยะก็พอประมาณมิกวนใจ ๏ เห็นกระทำสิ่งสำคัญอันชอบกล ต่างจากคนสามัญนั้นทำได้ รีบกลับมารายงานอย่างทันใด ตามเป็นไปเห็นกับตากล้ายืนยัน ๏ “หม่อมฉันมองอยู่ไกลไม่ใกล้นัก จิตหมายจักมิให้ใครเห็นฉัน จนได้สบภาวะอัศจรรย์ ดุจเทวัญท่านดลด้วยมนตรา ๏ เขาทำการโภชนาอีกหน้าที่ ฝีมือดีปรุงเครื่องต้นรสเลิศหล้า ต้องพระทัยเจ้ากรุงอโยธยา เมื่อทำการโภชนาพาตะลึง ๏ ทั้งเนื้อปลาเนื้อสัตว์ที่คัดสรร ใส่หม้อนั้นเหมาะสมแกงต้มนึ่ง แค่ตาจ้องมองหม้อนึกคำนึง ไยน้ำจึงเต็มหม้อขึ้นมาพลัน ๏ หยิบฟางแห้งกรอบแดงอยู่ชูขึ้นฟ้า ไฟลุกมาให้เห็นกะทันหัน ยื่นใส่เตาเป่าเปลวไฟจนไร้ควัน ทำการนั้นดังอัคคีเย็นดีจริง หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 กุมภาพันธ์, 2557, 09:38:07 AM หน้า ๑๒๕ ๏ กองดอกไม้ใช้เก่าเฉาแห้งอยู่ เขาผ่านดูพลันดีสีสดยิ่ง กลิ่นโชยฉมชวนดมมากจากที่ทิ้ง เห็นหลายสิ่งอัศจรรย์พันลึกดี ๏ กระทำการอันใดฉับไวแสน มิคลอนแคลนมั่นคงตรงหน้าที่ อันกิริยาทั้งหลายได้กล่าวนี้ ถ้วนวจีเป็นสัจจังดังรายงาน ๏ ทมยันตียินคำพร่ำเฉลย สิ่งที่คิดมิผิดเลยกับเล่าขาน ยินคำพรเทวะแปดประการ ที่ถวายให้ภูบาลกาลก่อนมา ๏ คือองค์อัคนีเทพนั้น ให้พรแห่งเทวัญอันเลิศหล้า ตรัสเรียกไฟได้ดังตั้งจินดา ทัณฑธรเทวาให้รสล้ำ ๏ ผู้ใดกินอาหารท่านปรุงแล้ว มิคลาดแคล้วปลาบปลื้มใจดื่มด่ำ พระวรุณมอบพรให้ไว้เรียกน้ำ แลอีกคำใกล้มาลีมิโรยรา” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 กุมภาพันธ์, 2557, 09:39:15 AM หน้า ๑๒๖ ๏ คิดข้อที่พิสูจน์ได้หวังให้ชัด เกศินีรับปฏิบัติเหมือนดังว่า ให้ไปจ้องมองจังหวะพระเผลอตา หยิบชิ้นเนื้อหรือปลาหลังปรุงดี ๏ รีบเอามาข้าจักชิมลองลิ้มรส เคยชินนอยู่รู้หมดรสกลิ่นสี ในครานั้นแลนางเกศินี เริ่มทำงานทันทีไม่รอช้า ๏ พระเผลอไผลจึงได้ฉวยเนื้อชิ้นน้อย แล้วค่อยค่อยย่องหนีมิพบหน้า อย่างเร็วไวไปถวายพระธิดา ยังอุ่นอุ่นจึงชายาเสวยพลัน ๏ เผลอองค์ทรงกรีดร้องก้องปราสาท ใช่แน่พระนลนาถผู้เสกสรร รสชาตินี้คุ้นนักหนามานานวัน มิผิดผันเที่ยงแท้แน่จริงเจียว ๏ หลายหลายสิ่งจริงจังสมดังคิด ค่อยทอนจิตเรรวนชวนเฉลียว พระรักบุตรสุดชมอย่างกลมเกลียว อีกสิ่งเดียวจักเกิดการณ์เป็นฉันใด ๏ ให้เรียกหาบุตราบุตรีเฝ้า “เกศินีพาสองเจ้าทำงานใหญ่ นิ่งเฉยนะเขาจะว่ามาอย่างไร ฤๅล่วงเกินกายใจให้พึงทน” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 กุมภาพันธ์, 2557, 09:40:28 AM หน้า ๑๒๗ ๏ “พร้อมแล้วนำลูกเราเจ้าทั้งสอง ไปเพื่อลองใจดูคงรู้ผล ถ้ารักลูกผูกพันนั้นพระนล ใจดำจนหมางเมินก็เกินการ” ๏ เกศินีจึงนำราชนัดดา ไปถึงหน้าวาหุกพลันตามบรรหาร มิให้ทันเตรียมตนกมลมาน ดันสองหลานเข้าไปหามิช้าที ๏ พระนลในร่างร้ายได้เห็นหน้า ของบุตราอินทรเสนพระโฉมศรี และอินทรเสนากุมารี เกิดปรีดีปลาบปลื้มถึงลืมตน ๏ เข้าโอบกอดจุมพิตด้วยคิดถึง สุชลจึงนองหน้ามาอีกหน “โอ้ลูกจ๋าพ่อทำตัวชั่วเกินคน หมางกมลลูกไกลแต่วัยเยาว์” ๏ เกศินีถาม “ความนั้นเป็นไฉน” จึงตกใจว่า “โศกซึ้งถึงกาลเก่า จำพรากบุตรธิดามานานเนา ขอโทษเราเผลอใจไปจริงจริง” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 กุมภาพันธ์, 2557, 09:41:27 AM หน้า ๑๒๘ ๏ เกศินีจึงพานัดดากลับ ทูลความกับทมยันตีสิ้นทุกสิ่ง เกล็ดเล็กเกล็ดน้อยใดไม่มีทิ้ง เหมือนกันยิ่งกิริยาทุกท่าที ๏ การณ์ทั้งหลายได้กำหนดบทพิสูจน์ ทุกคำพูดกระทำใดไม่หลีกหนี ตระหนักแน่แท้ตัวตนนลบดี นำเรื่องนี้ทูลท่านพระมารดร ๏ ลำดับความตามเดิมแต่เริ่มต้น วาหุกหรือคือพระนลอดิศร พิสูจน์ได้ไม่คิดผิดแน่นอน วานวิงวอนพระบิดาโปรดปรานี ๏ ขอพระอนุญาตให้ไปหา หรือบัญชานำเขาเข้ามานี่ หม่อมฉันจะเจรจาวอนวจี ขอภูมีเฉลยเผยพระองค์ ๏ พระมารดาทูลราชาภีมราช ทรงประกาศให้เข้าวังดังประสงค์ กองวังทำตามนั้นเป็นมั่นคง เชิญดำรัสปิตุรงค์มุ่งตรงไป ๏ ให้วาหุกเข้ามายังเขตวังรัตน์ อันจะข้องจะขัดย่อมมิได้ ครานั้นนลราชาจึงคลาไคล ต่อเยื่อใยอนงค์องค์ชายา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 กุมภาพันธ์, 2557, 09:42:21 AM หน้า ๑๒๙ ๏ ครั้นพระนลผู้ร่างร้ายได้มานั่ง เหมือนจังงังเมื่อราชันประจันหน้า พระพักตร์แม่หมองหมางอย่างผิดตา ห่มผ้ากาษายวัสตร์ตัดฤทัย ๏ ให้รู้เห็นเป็นหญิงหม้ายผัวหายสูญ ดูอาดูรทุกข์ทนเหลือหม่นไหม้ คำนึงครวญหวนโศกวิโยคใจ ชลนัยน์ไหลหลั่งลงพรั่งพรู ๏ ทมยันตีมีใจในส่วนลึก ยิ่งรู้สึกกำสรดแสนหดหู่ เมื่อได้จ้องมองนัยนาดู เหมือนหยั่งรู้วูบวาบปลาบฤดี ๏ โอ้พระองค์จำนงใดไม่เผยร่าง เคืองระคางสยมพรก่อนมานี่ หรือมีเรื่องเคืองใดอยู่ในที หรือกรรมมีให้กายร้ายทั้งปวง ๏ สุดจะกลั้นสุชลหล่นรินไหล หัวอกสั่นหวั่นไหวอย่างใหญ่หลวง ต่างคนต่างตื้นตันอัดอั้นทรวง ทั้งสองดวงฤดีสิ้นปรีดา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 กุมภาพันธ์, 2557, 09:43:18 AM หน้า ๑๓๐ ๏ ครั้นเมื่อทมยันตีมีสติ นางดำริเริ่มตัดพ้อพร้อมต่อว่า “ขอเถิดนะสารถีมีปัญญา ตอบวาจาตามสัจจะอย่าประวิง ๏ อันชายใดได้ชื่อว่าซื่อนัก ยึดถือหลักเที่ยงธรรมล้ำเลิศยิ่ง สัญญาไว้ให้ประจักษ์ว่ารักจริง แล้วทอดทิ้งเมียอ้างว้างอยู่กลางไพร ๏ คงเป็นคนใจดำทำเช่นนี้ ฤๅเมียที่อยู่ชิดผิดตรงไหน ปล่อยเมียทุกข์ระทมตรมฤทัย พร่ำเรียกผัวทั่วไพรพนาวัน ๏ เชื่อหรือไม่ชายใจดำที่พร่ำหา คือพระนลราชาฟ้ารังสรรค์ พระลืมเลือนเหมือนไม่ใช่คู่กัน เสียแรงฉันจงรักมั่นภักดี ๏ ต่อหน้าองค์เทวาสัญญาไว้ จะรักมั่นมิให้เมียเสียศรี จะรักกันตราบวันสิ้นชีวี พระมิมีสัจจาดังว่าเลย” ๏ จะตัดพ้อต่อไปมิไหวแน่ ปวดดวงแดทุกวจีที่เอื้อนเอ่ย ชลนัยน์ไม่หยุดสุดเปรียบเปรย จึงทรามเชยนิ่งสงบหลบสายตา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 กุมภาพันธ์, 2557, 09:44:24 AM หน้า ๑๓๑ ๏ พระฟังคำรำพันอัดอั้นจิต ขืนปกปิดบังกายคล้ายมุสา จึงกล่าวคำพร่ำเฉลยเผยวาจา “ใจร้ายจริงทิ้งชายาทมยันตี ๏ เพราะมิรู้ตัวตนจนทำผิด กลีร้ายแรงฤทธิ์สิงจิตพี่ ตั้งแต่การคลั่งสกาเสียธานี สิ้นราศีสูญทรัพย์แทบอับปาง ๏ มันหมายให้เราสิ้นรักหักสวาท จนตัดขาดแยกไกลใจหมองหมาง ทมยันตีมีใจไม่ราร้าง ตามมากลางพนาวันมันยิ่งแค้น ๏ คราเมื่อทมยันตีมีคำแช่ง กลีเริ่มอ่อนแรงไม่โลดแล่น พอนาคีกัดพี่ที่ดงแดน พิษร้ายเผากลีแทนร้อนสุดทน ๏ ครั้นพี่ได้หัวใจสกาขลัง สิ้นพลังออกจากกายบุญให้ผล แต่กลางทางที่มานี้พี่จึงพ้น เป็นตัวตนเหมือนเกิดใหม่ได้อีกครา” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 23 กุมภาพันธ์, 2557, 09:46:35 AM หน้า ๑๓๒ ๏ “อย่าคิดไปว่าใจพี่นี้มิช้ำ แสนระกำคลั่งแค้นแน่นนักหนา มิเคยจะลืมอนงค์องค์ชายา ยิ่งแก้วตารักหวงดวงฤทัย ๏ และช้ำหนักยิ่งกว่าในครานี้ เมื่อทมยันตีคิดมีใหม่ ป่าวร้องให้ต้องอายกระจายไกล ช่างกระไรสองหรือสมสยมพร ๏ พระมารดาแลราชาภีมราช มิบังอาจต่อว่าแต่น่าสอน มิให้น้องหมองมัวทั่วนาคร ใดจะร้อนเท่าอกผัวผู้ชั่วช้า” ๏ ครานั้นทมยันตีฤดีร้าว ฟังคำกล่าวขื่นขมนั่งก้มหน้า เมื่อยินความตามพระพจนา คำพ้อพากายสั่นสะท้านไป ๏ จำกล้ำกลืนยืนยันเสียงสั่นเครือ “ฤๅพี่เชื่อว่าน้องชั่วเช่นนั้นได้ มิมีจิตคิดคดกบฏใจ ตราบบรรลัยก็อย่าหวังเป็นดังนั้น ๏ อนาถเหลือพี่มาเชื่อว่าน้องชั่ว กระทำตัวปานว่าหญิงก๋ากั่น เสียแรงที่มิเลือกองค์วงศ์เทวัญ มารักมั่นทุ่มใจให้พระนล" หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 มีนาคม, 2557, 11:01:48 AM หน้า ๑๓๓ ๏ “ที่ส่งพราหมณ์ความหมายให้ไปหา ภัสดาที่หายกลางไพรสณฑ์ ฝากลำนำความนัยให้ทุกคน เฝ้ารอจนพราหมณ์ปรรณาทมา ๏ แล้วเล่าความตามนัยสารถี โศกโศกีตอบคำที่พร่ำว่า เมื่อน้องได้ครวญคิดพิจารณา ความนั้นพาเชื่อถือคือพระองค์ ๏ ออกอุบายให้เน้นเป็นความลับ พระบิดามิสดับกับเสริมส่ง ทั้งสิ้นนี้ที่ทำเจตจำนง มุ่งประสงค์พบหน้านลราชัย ๏ ซักซ้อมพราหมณ์ยามแสดงต้องแข็งขัน มิให้ท้าวฤตุบรรณนั้นสงสัย สุเทพพราหมณ์ทำดังที่ตั้งใจ คิดตามกลคนทั่วไปได้รู้กัน ๏ ด้วยสำแดงว่าแจ้งข่าวเล่าขานทั่ว มาบอกให้รู้ตัวกะทันหัน รู้ร้อยโยชน์ระยะทางที่ห่างนั้น ชั่วหนึ่งวันมาทันเพียงพระทรงพล” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 มีนาคม, 2557, 11:03:57 AM หน้า ๑๓๔ ๏ “ด้วยรักยิ่งจริงใจในความคิด มิมีจิตกักขฬะอกุศล ไม่จริงจังดังแถลงแจ้งยุบล ขอให้กายมลายป่นในพริบตา ๏ ไหว้วิงวอนปวงเทวัญอันสูงส่ง ขอโปรดจงเป็นพยานเถิดท่านขา หากคิดคดกบฏรักภัสดา ขอสายฟ้าฟาดลงปลงชีวัน ๏ ขอวอนองค์เทวินทร์พระอินทร์ท่าน เป็นพยานวาจากระหม่อมฉัน โอมสาธุถ้ามุสาใจอาธรรม์ จงสาปให้อาสัญเทพบันดล” ๏ เมื่อยลยินถึงอินทราเทวราช คำประกาศทมยันตีก็มีผล เสียงแห่งฟ้าเทวาพร้องก้องสกล จากเวหนบรรหารกังวานไกล ๏ “ดูราพระนลวิมลรัตน์ เป็นคำสัจทุกอย่างนางขานไข คงจงรักภักดีมิปันใจ มิเคยได้ทำตนเปื้อนมลทิน ๏ ทั้งสามปีที่กาลผ่านมานี้ กรรมอันมีทุกบทจบหมดสิ้น เลิกกังขาอย่าสับสนนลบดินทร์ วางชีวินสุขสราญสืบสานไป” หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 มีนาคม, 2557, 11:05:06 AM หน้า ๑๓๕ ๏ ครั้นกระแสวาจาเทวาสิ้น พรองค์อินทราธิราชประสาทให้ ครานั้นแลเทพทั่วฟ้าเทวาลัย โปรยดอกไม้บุปผาสุมามาลย์ ๏ เสียงบรรเลงเพลงสวรรค์สนั่นก้อง ท่วงทำนองเสนาะไพเราะหวาน ชาวประชาพาชื่นรื่นสราญ จัดพุ่มพานสักการะถวายพระพร ๏ ทั้งสององค์ก้มลงกราบปลาบปลื้มจิต องค์มหินท์มหิทธิอดิศร องค์ชายามาก้มพนมกร ขอวิงวอนพระนลพ้นจำแลง ๏ “มิเห็นหน้าว่าแท้แน่ไฉน มิหนำใจไฉนกันยังกลั่นแกล้ง ให้น้องรอจนระโหยราโรยแรง จักสำแดงกายาเมื่อคราใด” ๏ พระนลยินผินพักตร์มาว่า “เมียพี่ ต่อแต่นี้สิ้นทุกข์สุขสดใส” แล้วนำผ้าทิพย์นุ่มคลุมองค์ไว้ หวนฤทัยนบน้อมจอมนาคี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 มีนาคม, 2557, 11:06:15 AM หน้า ๑๓๖ ๏ ผ้าทิพย์หายกลายเห็นเป็นนลราช พักตร์ผุดผาดผิวพรรณวรรณฉวี มิผิดเพี้ยนเปลี่ยนใดสดใสดี ทมยันตีตื่นตาผวาไป ๏ สิ้นระกำพร่ำพรอดกอดพระบาท นารีนาถคร่ำครวญหวนร่ำไห้ สุดปลาบปลื้มดื่มด่ำพร่ำพิไร ตระกองกอดแน่นไว้ไม่ห่างกัน ๏ พระจุมพิตสนิทแนบเสน่หา ขวัญจงมาจูบประทับขอรับขวัญ เอ่ยวาจาตาช้อนอ้อนรำพัน แล้วผายผันสู่ห้องสองลูกยา ๏ “สองลูกเราเจ้าพระคุณผู้บุญปลูก พ่อแม่ลูกชิดใกล้ได้พร้อมหน้า แต่นี้ไปจะไม่พรากจากไกลตา” กอดบุตราบุตรีมิเว้นวาง ๏ ทมยันตีชวนพระองค์สรงสนาน ให้ชื่นบานหัวใจใสสว่าง พระพิศมองกันและรำพันพลาง “โอ้น้องนางพี่ซูบหม่นจนเหลือใจ” ๏ พระระทมซมซบลงตรงกลางทรวง สุดาดวงผิวเคยผ่องดูหมองไหม้ ช่วยต่อตอบปลอบประคองสองฤทัย คลายโศกาอาลัยไร้กังวล หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 มีนาคม, 2557, 11:07:19 AM หน้า ๑๓๗ ๏ สองพระนางต่างพลอดหยอดคำหวาน รอมานานการได้กอดกันอีกหน พระแนบชิดสนิทเนื้อนิรมล สวาทล้นหลั่งหลากจากหทัย ๏ ดั่งโลกแล้งแห้งเหือดมหรรณพ โศกซมซบสิ้นสีมิสดใส พระพิรุณโรยรายโปรยปรายไป ชุ่มชื่นใจทั่วทั้งปฐพี ๏ คนยามสิ้นเสน่หาคราร้างรัก ทรวงแล้งหนักร้อนในไร้สุขี เมื่อรักคืนจึงชมสมชีวี สุขฤดีทรวงชิดสนิททรวง ๏ ภิรมย์รื่นคืนวันมิหันห่าง พร่ำพลอดพลางถามตอบมอบรักหวง ผลัดกันเล่าความหลังไปทั้งปวง ครั้งลาล่วงแรมร้างอยู่กลางดง ๏ คนห่างไกลไร้คู่อยู่เคียงชิด กลับสนิทต่างสนองปองประสงค์ สวรรค์สวาทสดใสสมใจจง แนบสนิทชิดอนงค์ทั้งราตรี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 มีนาคม, 2557, 11:13:00 AM หน้า ๑๓๘ ๏ ครั้นรุ่งสางสว่างแสงแห่งตะวัน นลราชันชวนชายามารศรี ขึ้นวังราชกราบบาทบุพการี เอกองค์ภีมราชะพระมารดร ๏ พระนลลงกราบก้มบังคมบาท พร้อมนุชนาฏทมยันตีศรีสมร สารภาพทำหยาบช้าลือนาคร พร้อมรับพรจากภีมะราชา ๏ “พระเมตตาปรานีที่ยิ่งแล้ว มิคลาดแคล้วกลับมาพบประสบหน้า ขอประทานอภัยพระบิดา ที่แล้วมาความผิดนั้นมหันต์นัก ๏ สยมพรธิดาแก้วตาราช แลบังอาจทำนางทุกข์อย่างหนัก ทอดทิ้งไปคล้ายตัดสลัดรัก มิได้ภักดิ์ดังสัจจาที่ว่าไว้ ๏ พระบิดาและพระมารดานั้น พลอยโศกศัลย์อันมิน่าอภัยให้ เสนาพราหมณ์ตามหาพาราไกล ทั้งข้าไทใหญ่น้อยพลอยเดือดร้อน” ๏ ภีมราชยินคำพร่ำรำพัน พระจึงพลันตรัสว่า “จงช้าก่อน ความเป็นมาข้าเข้าใจไม่อุทธรณ์ เมื่อตัดรอนกรรมเก่าสิ้นยินดีแล้ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 มีนาคม, 2557, 11:14:15 AM หน้า ๑๓๙ ๏ ต่อภายหน้าอย่าทุกข์สุขสมสอง รักเคียงครองนานเนาจนเฒ่าแก่ เธอคือปิยบุตรสุดดีแท้ เทพดูแลพิทักษ์ปกปักกาย ๏ จะจัดงานรับขวัญอันอะคร้าว ร่วมกับชาวเวียงชัยดังใจหมาย ทำบุญทานการพลีมิเว้นวาย เทิดถวายเทวาสิบห้าวัน” ๏ งานมหามงคลดลสดใส ฉลองใหญ่ในธานีศรีเขตขัณฑ์ ปวงประชาทั่วไปในวิทรรภ์ ร่วมมือกันแต่งปรับประดับประดา ๏ ทั้งเรือนบ้านร้านถนนทุกหนแห่ง ร่วมตกแต่งธวัชจัดจีบผ้า อุบะสีมาลีสายรายชายคา กลิ่นบุปผารวยรื่นชวนชื่นใจ ๏ ชาวเวียงวังทั้งหลายได้ฉลอง ข่าวแซ่ซ้องลือเลื่องเมืองไหนไหน ร่วมฉลองกันขยายกระจายไป สุดบ้านไร่ปลายนาสุขทุกคุ้งแคว หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 02 มีนาคม, 2557, 11:15:34 AM หน้า ๑๔๐ ๏ ในครานั้นท่านท้าวอโยธยา ได้ทราบความตามเป็นมาที่แน่วแน่ สารถีคนดีนั้นที่แท้ ราชศักดิ์ประจักษ์แดเท่าเทียมกัน ๏ คือราชาพระนลวิมลรัตน์ ผู้จำพรากจากสมบัติพลัดเขตขัณฑ์ ดีเหลือใจได้ปลูกผูกสัมพันธ์ แลกแบ่งปันสิ่งประเสริฐเลิศวิชา ๏ ทมยันตีมีคู่ชมได้สมศักดิ์ ยินดีด้วยยิ่งนักเป็นหนักหนา ได้มาร่วมงานฉลองปองปรีดา ทั้งสององค์ทรงเข้าหาถวายพระพร ๏ สนทนาวิสาสะปิยมิตร ใครทำผิดพลาดพลั้งครั้งเก่าก่อน ขออภัยกันและกันโทษบั่นทอน สองพระกรคล้องกันมิฉันทา ๏ ท้าวฤตุบรรณว่าจะลากลับ วันพรุ่งนี้สุรีย์จับขึ้นขอบหล้า คงต้องถึงซึ่งกาลอันควรลา คืนพาราแห่งเราราษฎร์เฝ้ารอ ๏ เป็นแน่แท้เทียวว่าวาร์ษไณย มิหมายใจสู่อโยธยาต่อ นายเดิมคืนมาเป็นคนเคยถูกคอ ใจจดจ่อเช่นกันเรานั้นรู้ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 มีนาคม, 2557, 09:40:15 AM หน้า ๑๔๑ ๏ “กลับอโยธยาในครานี้ แผนงานที่ตั้งไว้ในใจอยู่ การเรียนใดได้หัดปฏิบัติดู จึงเป็นผู้สำเร็จจริงยิ่งสมใจ ๏ ความคิดท่านนั้นดีที่ปรารถนา จะสรรหาสารถีดีให้ใหม่ แต่ขอขัดตัดประเด็นมิเป็นไร หมายเพียงได้ผู้ร่วมทางอย่างเดียวพอ ๏ เมื่อเป็นที่ตกลงจำนงหมาย สิ่งทั้งหลายมิบกพร่องดังร้องขอ สุริยาจะมาเยือนเตรียมเลื่อนล้อ รถพร้อมรอตะวันมาเปิดฟ้าราง ๏ ท่านท้าวฤตบรรณมั่นใจว่า การได้ลาจากจรตอนรุ่งสาง ร้อยโยชน์นั้นมั่นไปไม่ละวาง ถึงปลายทางก่อนประลุสุริยน ๏ ทั้งพระนลทมยันตีภีมราช ส่งเสด็จแล้วรถปราดดังคาดผล เมื่อหัวใจแห่งอาชามาเปี่ยมล้น ปลื้มกมลปฏิบัติอัศวการ หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 มีนาคม, 2557, 09:41:06 AM หน้า ๑๔๒ ๏ พระนลพักวิทรรภ์ครั้นครบเดือน ช่างไวเหมือนไม่รู้ว่าเวลาผ่าน รู้สึกคล้ายได้พบกันแค่วันวาน ยามสราญเร็วกว่าระทมฤทัย ๏ สมควรแก่เวลาแล้วครานี้ เหมือนไปตีพาราคืนมาใหม่ เมื่อตัวตนพ้นชั่วตัวจัญไร มิมีใครมาขวางทางเราแท้ ๏ จะสู้กันด้านเชิงฤทธิรุทร ก็จักกุดหัวมันบรรลัยแน่ แต่ขอเข้าเป้าหมายเคยพ่ายแพ้ จักย้อนแก้กลับชนะการสกา ๏ แล้วขอเฝ้าทูลท้าวภีมราช ขอทรงพระอนุญาตจัดทัพกล้า พร้อมพหลพลพยุหเสนา ทัพกรีธาสู่นิษัธในบัดนั้น ๏ พร้อมสิบหกช้างศึกห้าวฮึกหาญ ทแกล้วชาญการรบครบแข็งขัน ห้าสิบกองอัศวะพร้อมประจัญ รถนำนลราชัน วาร์ษไณย ๏ ทัพมาถึงซึ่งแผ่นดินถิ่นนิษัธ ปวงชนรู้ถนัดว่าทัพใหญ่ เป็นทัพของพระนลพลไกร ต่างดีใจไชโยโห่ร้องกัน หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 มีนาคม, 2557, 09:43:19 AM หน้า ๑๔๓ ๏ ถึงวาระอนุชาบุษกร ผู้ครอบงำนครเกิดไหวหวั่น มิชาญศึกฮึกโหมการโรมรัน กำลังพรั่นพระนลมาหน้าบัลลังก์ ๏ กลับมาพบสบตากันประจันหน้า นลราชาแข็งขันพลันรับสั่ง “สบายใจไหมน้องครองเวียงวัง ความหนหลังหมองหมางขอล้างไป ๏ อย่าคิดหวั่นอันมลานด้วยการรบ รู้ดีเจ้าเจนจบก็หาไม่ ยิงธนูดอกเดียวมิเหลียวใด พุ่งทะลวงดวงใจเจ้าตายพลัน ๏ หรือจักโหมโรมรันการฟันฟาด คอเจ้าแน่แท้ขาดด้วยพระขรรค์ ผิว์ข้าแพ้สกามานานวัน ท้าพนันครั้งนี้ด้วยชีวิต ๏ หากข้าแพ้แดดิ้นสิ้นสลาย อันเจ้าหมายทมยันตีอาจมีสิทธิ์ จะเลือกสู้ประตูใดตามใจคิด อย่าเบือนบิดต้องตอบพลันในทันที หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 มีนาคม, 2557, 09:44:18 AM หน้า ๑๔๔ ๏ บุษกรคลายวิตกอกระรื่น กลับชมชื่นฉับพลันเลิกฝันหนี คิดการณ์ไกลไปได้ชมทมยันตี ยิ่งยินดีในการทอดสกา ๏ ยังหลงเริงเหลิงในชัยชนะ เรานี้จะแพ้พ่ายไร้ทีท่า ดีเกินการณ์นานปีที่ผ่านมา นลราชาไม่ตายมิวายเกรง ๏ “โอ้มาเถิดพี่ยามาต่อสู้ ฉันรออยู่ทอดสกากับคนเก่ง มินึกพรั่นอันใดใจนักเลง” ทำครื้นเครงกล่าวความด้วยย่ามใจ ๏ “การพนันกันถึงปลิดชีวิตนี้ จักมากมายหลายทีย่อมมิได้ ย้ำวาจาว่าพร้อมยอมชิงชัย ต้องการให้ยืนยันเป็นมั่นคง” ๏ แล้วเมื่อการสกาคราเริ่มต้น แลพระนลเกิดนิมิตฤทธิ์เสริมส่ง จนหัวใจสกามาดำรง ดังจำนงแห่งราชาฤตุบรรณ ๏ จึงทอดได้ดั่งหวังครั้งเดียวแท้ บุษกรต้องพ่ายแพ้นั่งตัวสั่น แล้วหมอบราบกราบก้มบังคมคัล เมื่อรู้ว่าชีวันต้องบรรลัย หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 มีนาคม, 2557, 09:45:37 AM หน้า ๑๔๕ ๏ “น้องข้าเอ๋ยจะเฉลยเรื่องความหลัง ให้เจ้าฟังเสียให้คลายสงสัย สกาก่อนทวาบรนั้นสิงใน กลีงำข้าไว้ได้เช่นกัน ๏ เจ้านั้นจึงเป็นฝ่ายได้ทุกครั้ง ใช่ลำพังฝีมือเจ้าดีเข้าขั้น หากบัดนี้การณ์มิเป็นไปเช่นนั้น แต่มิเอ่ยเย้ยหยันสรรวาจา ๏ ซึ่งการจะประหารเจ้านั้นไซร้ ถ้าตั้งใจทำได้นานการเข่นฆ่า แต่คิดตัดเวรกรรมมินำพา เว้นชีวาให้เจ้ายืนยาวนาน ๏ จักให้เจ้าเข้าดำรงรัชบุรี ครองธานีแดนดินถิ่นสถาน จัดทรัพย์ให้ไปเสริมต่อพอประมาณ ด้วยสงสารแลมีจิตคิดอภัย” ๏ บุษกรครานั้นตื้นตันจิต อันความผิดมิน่าอภัยให้ ยังได้รับกรุณาจากราชัย อภิวาทลงไปแทบบาทา ๏ “ขอพระเกียรติพระนลวิมลสรรค์ เรืองจรัลแผ่ไปในโลกหล้า ขอบคุณพระวรเดชผู้เมตตา แล้วทูลลาจากนครจรเมืองไกล หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 มีนาคม, 2557, 09:46:50 AM หน้า ๑๔๖ ๏ ปางนั้นเหล่าเสนามหาอำมาตย์ ประชาชาติรับขวัญกันยิ่งใหญ่ ละลานแลแห่แหนแน่นกรุงไกร ล้วนหมายใจร่วมวาระฉลองการ ๏ หากพระนลยินดีมีดำรัส รอฉลองตั้งกองจัดทวยทหาร เป็นทัพใหญ่แต่มิใช่ไปรอนราญ บรรทัดฐานยิ่งระดับทัพเทวา ๏ ทัพช้างแต่งกายช้างอย่างสวยสด ทัพม้าทรงราชรถงามสง่า แต่งเต็มยศหมดพหลพลเสนา ออกยาตราสู่วิทรรภ์ขวัญธานี ๏ รับชายายอดฤทัยสายสวาท ผู้นิราศแรมร้างห่างกรุงศรี เพื่อเป็นการปลอบขวัญทมยันตี จากชีวีตกต่ำสุดดุจเดนคน ๏ รับคืนวังดังหมายให้ปรากฏ สมพระยศมเหสีทวีผล ให้ลือเลื่องเฟื่องไกลในสากล ประชาชนกล่าวถึงอื้ออึงไป ๏ ณ วิทรรภ์ทมยันตีดีใจล้น รู้พระนลทวงพารากลับมาได้ ยกทัพรับชายาคืนเวียงชัย อย่างเกริกไกรลือเลื่องเฟื่องอาณา หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 มีนาคม, 2557, 09:48:02 AM หน้า ๑๔๗ ๏ ราชบุตรและราชบุตรี ก็เปรมปรีดิ์เปี่ยมสุขทุกถ้วนหน้า เมื่อพระนลเสด็จยังวังราชา ขึ้นกราบลาองค์ภีมราชัน ๏ รับพรว่า "ภายหน้าไปให้สมหวัง ทุกอย่างดังดวงใจที่ใฝ่ฝัน กุมารากุมารีสองศรีนั้น สอนให้มั่นคงซึ้งถึงความดี ๏ อันขันตีมีผลงามในยามทุกข์ เมื่อผ่านพ้นจึงดลสุขเกษมศรี อย่างพระนลและทมยันตี ผ่านชีวีระทมแล้วสมปอง ๏ ชีวิตนั้นสู้ฟันฝ่าอุปสรรค โลกมีหลักแห่งสุขทุกข์ทั้งสอง ดังทิวาราตรีที่ปรองดอง อันจักต้องคงกาลยืนนานไป ๏ หากมิมีดีงามความอดทน จักผจญทุกข์ใจอย่างไรได้" พระปรารภจบยุบลนลราชัย ก็กราบลาคลาไคลไม่ชักช้า หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 มีนาคม, 2557, 09:49:02 AM หน้า ๑๔๘ ๏ ตลอดทางหว่างนิษัธราชธานี ประชาชีเรียงรายทั้งซ้ายขวา โบกธงทิวปลิวไสววิไลตา รับราชาราชินีด้วยดีใจ ๏ เมื่อไปถึงซึ่งยังเวียงวังราช ออกประกาศฉลองขวัญเป็นงานใหญ่ เพื่อปวงชนสุขสำราญกันทั่วไป มหรสพจัดให้หลายมุมเมือง ๏ วางระเบียบเวียงวังทั้งวัดวา งามสง่าขึ้นชื่อชนลือเลื่อง ราชาสรรค์มั่นผดุงให้รุ่งเรือง บุญประเทืองทั่วแคว้นทั้งแดนดิน ๏ กษัตริย์สองครองสุขเกษมศานต์ ทั้งกุมารกุมารีมีสุขิน สองพระองค์เจริญวัยดังใจจินต์ ไร้ราคินทรงโสภาสง่างาม ๏ มิผิดพระบิดรพระมารดา ลักขณาเลิศล้นชนเกรงขาม เพิ่มพระเกียรติพระยศกำหนดนาม เป็นไปตามขนบพระราชพิธี หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 มีนาคม, 2557, 09:49:56 AM หน้า ๑๔๙ ๏ กษัตริย์สองครองราชย์นานพระพรรษา จวบชรานิรทุกข์แสนสุขี พระครองใจอาณาประชาชี ตราบมิมีอายุไขในปางบรรพ์ ๏ ดวงวิญญาณอันวิศุทธิ์กษัตริย์สอง กลับไปครองเทวาลัยในสวรรค์ เสวยสุขทุกข์ระงับชั่วกับกัลป์ มุ่งสู่ขั้นพระนิพพานกาลต่อไป ๏ จากธนุ เสนสิงห์จริงใจมั่น หมายสร้างสรรค์วรรณศิลป์ปิ่นสมัย การกวีวัฒนาคู่ฟ้าไทย น้อมดวงใจเทิดไท้พระกษัตรา ๏ สมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ถ้วนทุกตัวอักษรไทยได้ศึกษา บรรณ“พระนลคำหลวง”ทรวงบูชา นบวิญญาบรมครู บูรพกวี ๏ ยอพระเกียรติ พระยศ ปรากฏยิ่ง พระเป็นมิ่งวรรณลักษณ์ทรงศักดิ์ศรี จบนิทานคำกลอนบวรมณี ขอความดีนำสุขทุกท่านเอย หัวข้อ: Re: นิทานพระนลคำกลอน(ฉบับร่าง) เริ่มหัวข้อโดย: ธนุ เสนสิงห์ ที่ 09 มีนาคม, 2557, 09:50:43 AM พระนลฉบับร่างได้จบเรื่องลงแล้วนะครับ ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า ตลอดเวลาที่ลงฉบับร่าง ได้รับการตรวจแก้ และคำแนะนำจากหลายท่าน ซึ่งกระผมต้องขอขอบพระคุณทุกท่านไว้เป็นอย่างสูง อนึ่งการปรับแก้ ทั้งจากการตรวจ และให้ข้อสังเกต จากท่านที่ช่วยดูให้ดังกล่าว และกระผมปรับ เพิ่มเติม เก็บตกเนื้อหา เพิ่มสำนวนต่าง ๆ ถือว่ามีการปรับปรุงไปมาก แต่เป็นการปรับปรุงในต้นฉบับ ไม่มีเวลาแก้ไขในเว็บฯ หลังจากนี้สักระยะหนึ่งจะนำ "ฉบับปรับปรุงแก้ไข" มาลงอีกรอบหนึ่ง ในช่วงเวลาระหว่างปรับปรุงแก้ไขพระนลในรอบนี้ จะได้ นำผลงานนิราศ ๒ เรื่องคือ นิราศวัดสองแผ่นดิน รัตนโกสินทร์- อยุธยา และ นิราศซีอาน-ลั่วหยาง มาลงเว็บฯขั้นเวลาไว้ ตามวัน เวลาเดิม ขอแสดงความขอบคุณและสวัสดีครับ ธนุ เสนสิงห์ |