หัวข้อ: แต่งอินทรวิเชียร์ฉันท์ 11 เริ่มหัวข้อโดย: Lux ที่ 10 มกราคม, 2561, 03:52:11 PM :26:
หัวข้อ: Re: แต่งอินทรวิเชียร์ฉันท์ 11 เริ่มหัวข้อโดย: < ชายกลาง >(กล้า) ที่ 10 มกราคม, 2561, 05:21:51 PM สวัสดีครับ น้อง Lux
ก่อนอื่น ผมต้องบอกก่อนนะครับว่าผมไม่ใช่ครูกลอนหรือเป็นอะไร แต่จะมานั่งอยู่เป็นเพื่อนครับ ผมก็นักศึกษาคนนึงเท่านั้นเอง เอางี้ในระหว่างรอเรามาค้นหาแผนผังกันดีไหมครับ แล้วมาหัดแกะตามแผนบังคับกัน นี่ได้มาแล้วอินทรวิเชียร์ฉันท์ 11 (https://krupiyarerk.files.wordpress.com/2011/10/004e0b981e0b89ce0b899e0b89ce0b8b1e0b887e0b89ae0b8b1e0b887e0b884e0b8b1e0b89ae0b981e0b8a5e0b8b0e0b895e0b8b1e0b8a7e0b8ade0b8a2e0b988.jpg?w=460) อย่างที่สองหาข้อมูล อ่ะนะเอาตรงนี้ละกัน มาเราตามไปอ่านกันก่อนเลย https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%81 (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%81) หัวข้อ: Re: แต่งอินทรวิเชียร์ฉันท์ 11 เริ่มหัวข้อโดย: Lux ที่ 10 มกราคม, 2561, 05:29:50 PM พระยาพิชัยดาบหักเป็นเจ้าเมืองพิชัย ในสมัยกรุงธนบุรี ได้สร้างวีรกรรมที่ลือเลื่องในปี พ.ศ.๒๓๑๖ เมื่อพม่ายกกองทัพมาตีเมืองพิชัย ซึ่งปรากฎข้อความในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ตอนหนึ่งว่า "....ครั้นถึง ณ เดือนอ้ายข้างขึ้น โปสุพลายกกองทัพมาตีเมืองพิชัยอีก พระยาพิชัยก็ยกพลทหารออกไปต่อรบแต่กลางทางยังไม่ถึงเมือง เจ้าพระยาสุรสีห์ก็ยกกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วย ได้รบกับพม่าเป็นสามารถและพระยาพิชัยถือดาบสองมือคุมพลทหารออกไล่ฟันพม่าจนดาบหัก จึงเลื่องชื่อปรากฎเรียกกว่า พระยาพิชัยดาบหักแต่นั้นมา..."
จะเห็นได้ว่าชื่อ พระยาพิชัยดาบหัก ก็เรียกขานกันมานานถึง ๒๐๐ กว่าปีแล้ว จนกระทั่งทางจังหวัดอุตรดิตถ์ได้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นที่หน้าศาลากลางจังหวัดและทางอำเภอพิชัยก็ได้ปั้นรูปพระยาพิชัยดาบหัก ประดิษฐานอยู่ในศาลเจ้าพ่อพระยาพิชัยดาหักอีกด้วย สำหรับประวัติพระยาพิชัยดาบหักนี้ พระยาศรีสัชนาลัยบดี (เลี้ยง ศิริปาละกะ) ซึ่งเป็นชาวพิชัยโดยกำเนิด ได้รวบรวมเรียบเรียงขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ และได้นำเผยแพร่ในหนังสือเสนาศึกษา และเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๖๗ นำมาเรียบเรียงใหม่ดังนี้ พระยาพิชัยดาบหักเดิมชื่อ "จ้อย" เกิดที่บ้านห้วยคา หลังเมืองพิชัยไปทางตะวันออกประมาณ ๑๐๐ เส้นเศษ บิดามารดาตั้งบ้านเรือนไถนาหาเลี้ยงชีพมีบุตรด้วยกัน ๔ คน แต่เป็นไข้ทรพิษตายความเดียวกัน ๓ คน เหลือจ้อยคนเดียว เมื่อจ้อยออายุได้ ๘ ขวบ บิดาให้เลี้ยงควายและชอบชกมวยมาก บิดาจึงนำไปฝากท่านพระครูวัดมหาธาตุเมืองพิชัย เพื่อเรียนหนังสือจนอายุย่างเข้า ๑๔ ขวบ ก็อ่านออกเขียนได้ ในขณะที่อยู่ที่วัดมหาธาตุนั้น จ้อยชอบดูการชกมวยมากและเมื่อมีเรื่องชกต่อยกับเด็กวัดด้วยกัน จ้อยก็สามารถเอาชนะได้ทุกคน ต่อมาเจ้าเมืองพิชัยได้นำบุตรชายชื่อ "เจิด" กับเด็กคนใช้อีก ๓ คนมาฝากท่านพระครูเรียนหนังสือ ต่อมาเกิดวิวาทชกต่อยกัน จ้อยเกรงว่าจะไม่ได้รีบความเป็นธรรม เพราะเจิดเป็นบูตรชายเจ้าเมืองพิชัย จึงหนีไปบ้านท่าเสาเพื่อไปหัดมวยที่นั่น ระหว่างที่เดินทางมาถึงวัดบ้านแก่งเห็นครูเที่ยงกำลังสอนมวยอยู่จึงสมัครเป็นศิษย์ เนื่องจากเกรงจะมีคนจำชื่อได้ จึงเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "ทองดี" เมื่อหัดมวยจนฝีมือเป็นเลิศกว่าทุกคนแล้ว ครูเที่ยงจึงตั้งชื่อให่ใหม่ว่า "ทองดีฟันขาว" ต่อมาศิษย์ครูเที่ยงอีก ๔ คนเกิดอิจฉาจนเกิดเรื่องชกต่อยกัน นายทองดีเห็นว่าอยู่ไปก็ไม่มีความสุขจึงขอลาครูเที่ยง เดินทางติดตามพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งจะไปนมัสการพระแแท่นศิลาอาสน์ โดยไปพักอยู่ที่วัดบางเตาหม้อ (วัดท่าถนนปัจจุบัน) กับพระภิกษุรูปนั้น เมื่อพระภิกษุรูปนั้นกลับจึงฝากนายทองดีอยู่กับพระภิกษุที่วัดบางเตาหม้อ ไม่นานนักก็ลาพระภิกษุไปหาครูที่ท่าเสาชื่อครูเมฆ เพื่อขอเป็นศิษย์ฝึกมวยจนสำเร็จการมวย ในระหว่างนั้นนายทองดีอายุได้ ๑๘ ปี ได้แสดงความสามารถติดตามผู้ร้ายที่เข้ามาลักควายครูเมฆ โดยฆ่าคนร้ายตาย ๑ คน และจับคนร้ายที่ยังไม่ตายไดอีก ๒ คน โดยนำมามอบให้กรมการตำบล บางโพท่าอิฐ นายทองดีได้รับการชมเชย และได้บำเหน็จรางวัลจากกรมตำบลท่าอิฐ ถึง ๕ ตำลึง นายทองดีได้มีโอกาสแสดงฝีมืออีกครั้งหนึ่งด้วยการชกมวยในงานมหรสพฉลองพระแท่นศิลาอาสน์ โดยชกชนะนายถึก (ศิษย์ครูนิล) และยังชนะครูนิลอีกด้วย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีนักมวยคนใดแขวงเมืองพิชัย เมืองทุ่งยั้ง เมืองลับแล และเมืองฝาง มาขันสู้กับนายทองดีเลย ต่อมาอีก ๓ เดือนพระสงฆ์สวรรคโลกชวนนายทองดีไปเมืองสวรรคโลกและได้ฝากนายทองดีกับครูฟันดาบผู้ฝึกบุตรเจ้าเมืองสวรรคโลก ได้ฝึกหัดอยู่ประมาณ ๓ เดือน ก็ทำได้คล่องแคล่วทุกท่าทุกท่างจนจบหลักสูตร ทั้งยังได้ซ้อมฟันดาบกับบุตรชายเจ้าเมืองสวรรคโลกด้วย นายทองดีได้ลาครูฟันดาบเดินทางไปยังสุโขทัย ขอสมัครเป็นศิษย์กับครูจีนแต้จิ๋วคนหนึ่งเพื่อฝึกมวยจีน และฝึกอยู่จนสำเร็จทั้งยังมีลูกศิษย์คนหนึ่งช่ือ บุญเกิดด้วย ตอนนี้นายทองดีและบุญเกิดอาศัยอยู่ที่วัดธานี อยู่วัดนี้ได้ประมาณ ๖ เดือน ก็มีชาวจีนคนหนึ่งมาจากเมืองตากเห็นฝีมือของนายทองดีจึงชวนไปเมืองตากโดยเล่าว่า พระยาตากเจ้าเมืองมีความสนใจและชอบคนมีฝีมือ แต่ความจริงต้องการชวนนายทองดีไปเป็นเพื่อนเพราะกลางทางมีเสือดุ นายทองดีตกลงไปเมืองตาก โดยชวนบุญเกิดไปด้วยระหว่างทางตอนกลางคืนเสือได้เข้ามาคาบบุญเกิดไป นายทองดีเข้าช่วยต่อสู้กับเสือจนบาดเจ็บหนีไป และได้บุญเกิดคืนมาแต่บาดเจ็บมาก ต้องไปรักษาที่วัดใหญ่เมืองตาก อยู่ถึง ๒ เดือนจึงหาย วันหนึ่งพระเจ้าตากมาถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาที่วัดใหญ่ และมีมวยฉลองด้วย นายทองดีได้ชกกับครูมวยชื่อห้าว และสามารถเอาชนะได้ พระเจ้าตากอยากดูฝีมือนายทองดีอีก และให้ชกกับครูมวยชื่อหมึก นายทองดีก็สามารถชนะได้อีก พระเจ้าตากชอบใจฝีมือนายทองดีมาก ได้มอบรางวัลให้ ๕ ตำลึง และรับตัวเข้าทำงานด้วย พระเจ้าตากโปรดปรานนายทองดีมาก พอนายทองดีอายุ ๒๑ ปี พระเจ้าตากก็จัดการบวชให้เป็นพระภิกษุสงฆ์บวชอยู่ ๑ พรรษาก็สึกออกมาอยู่กับพระเจ้าตากต่อไป พระเจ้าตากตั้งให้เป็นหลวงพิชัยอาสา และยังได้นางสาวรำยงสาวใช้ของคุณหญิงเป็นภริยาด้วย เมื่อพระเจ้าตากจะไปไหนก็ให้หลวงพิชัยอาสาติดตามไปด้วยทุกครั้ง ต่อมาพระเจ้าตากได้รับท้องตรากระแสร์พระบรมราชโองกการโปรดเกล้าให้พระเจ้าตากไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรุงศรีอยุธยาจะโปรดเกล้าให้เป็นพระยาวชิรปราการครองเมืองกำแพงเพชร หลวงพิชัยอาสาตามพระเจ้าตากไปด้วยก็มีพม่าข้าศึกษายกกองทัพมาล้อมกรุงศรีอยุธยา พระยาวชิรปราการและหลวงพิชัยอาสาเข้าช่วยรบพม่าภายในกรุงศรีอยุธยา แต่เนื่องด้วยมิได้รับความยุติธรรมและขาดความอิสระในการรบพุ่ง พระยาวชิรปราการพร้อมด้วยหลวงพิชัยอาสาและพรรคพวก ซึ่งมีพระเชียงเงิน หลวงพรหมเสนาหลวงราชเสน่หา ขุนอภัยภักดี หมื่นราชเสน่หาและพลทหาร ตีฝ่ายพม่าออกจากกรุงศรีอยุธยาเดินทางผ่านเมืองปราจีนบุรี ระยอง จนถึงเมืองจันทบุรี รวบรวมผู้คนเสบียงอาหารและอาวุธยุธภัณฑ์ไว้พร้อมแล้ว จึงยกทัพเรือลงมาตีเมืองธนบุรี ได้รบกับนายทองอินซึ่งพม่าตั้งให้รักษาเมือง จับนายทองอินประหารชีวิตเสีย สุกี้พระนายกองพม่าผู้รักษากรุงศรีอยุธยาซึ่งตั้งค่ายอยู่ที่โพธิ์สามต้นได้ทราบข่าวจึงให้มองหย่าเป็นนายทัพคุมทหารมอญและทหารไทยมาตั้งรับอยู่ที่บ้านพะเนียด พระเจ้าตากจึงสั่งให้หลวงพิชัยอาสาเป็นนายทัพหน้ายกเข้าตีมองหย่า มีความเกรงกลัวฝีมือของหลวงพิชัยอาสาจึงถอยทัพหนีไปมิได้ต่อสู้ พระเจ้าตากจึงสั่งให้หลวงพิชัยอาสาบุกเลยไปเข้าตีค่ายโพธิ์สามต้น ล้อมค่ายสุกี้พระนายกองและรบกันอยู่ถึง ๒ วันก็ตีค่ายโพธิ์สามต้นแตก ตัวสุกี้พระนายกองตายในที่รบ เมื่อพระเจ้าตากได้รับชัยชนะแล้วได้เข้าไปตั้งพลับพลาประทับอยู่ในพระนคร และได้เห็นปราสาทรวมทั้งตำหนักถูกเพลิงไหม้เสียมากต่อมาก จะซ่อมแซมใหม่ก็ยากจึงชวนกันไปสร้างเมืองธนบุรีเป็นราชธานี และทำพิธีปราบดาพิเษก เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๑ ทรงพระนามว่า "พระบรมราชาธิราชที่ ๔" แต่มักเรียกกันว่า "สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี" บ้าง "พระเจ้าตากสิน" บ้าง และโปรดให้หลวงพิชัยอาสาเป็นเจ้าหมื่นไวยวรนาถ มีตำแหน่งเป็นนายทหารเอกองครักษ์ในพระองค์ เมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีสร้างเมืองธนบุรีเป็นราชธานีแล้ว จึงทรงดำเนินการปราบก๊กต่าง ๆ ที่ตั้งตัวเป็นใหญ่ ทางภาคตะวันออกปราบได้ก๊กของกรมหมื่นเทพพิพิธซึ่งตั้งตัวใหญ่ที่เมืองพิมาย และโปรด ฯ แต่งตั้งเจ้าหมื่นไวยวรนาถเป็นพระยาสีหราชเดโช แล้วเสด็จยกทัพไปปราบก๊กฝ่ายเหนือปราบได้ก๊กเจ้าพระฝางเมื่อ พ.ศ. ๒๓๑๓ แล้วโปรด ฯ แต่งตั้งให้พระยาสีหราชเดโชเป็นพระยาพิชัย ให้ครองเมืองพิชัยต่างพระเนตรพระกรรณให้มีไพร่พล ๙,๐๐๐ คน ทั้งทรงกรุณาโปรด ฯ พระราชทานเครื่องยศให้เสมอด้วยเจ้าพระยาสุรสีห์ และทรงแต่งตั้งนายบุญเกิดคนสนิทของพระยาพิชัยเป็นหมื่นหาญณรงค์ เป็นนายทหารคนสนิทของพระยาพิชัยอีกด้วย เมื่อพระยาพิชัยครองเมืองนั้นได้ทราบว่าบิดาถึงแก่กรรมเสียแล้วยังอยู่แต่มาดา จึงใช้ให้ทหารไปตามตัวมาหา พอมารดามาถึงก็หมอบกราบไม่เงยหน้าดูเพราะความกลัวด้วยยังไม่ทราบว่าเป็นบุตรของตัว พระยาพิชัยรีบลุกไปจับมือมารดาไว้ห้ามไม่ให้กราบไหว้ พลางกราบลงกับเท้ามารดาแล้วเล่าเหตุการณ์ที่ได้ซัดเซพเนจรให้มารดาฟังแต่ต้นจนได้มาครองเมืองพิชัย เมื่อมารดาทราบว่าท่านเป็นบุตรก็ร้องไห้ด้วยความดีใจอย่างสุดปลื้ม แต่ก่อนชาวบ้านเรียกมารดาท่านว่านางนั่นยายนี่ ต้องกลับเรียนว่าคุณแม่ใหญ่ในจวนไปตามกัน ส่วนครูเที่ยงที่บ้านแก่งและครูเมฆที่บ้านท่าเสา พระยาพิชัยก็ตั้งให้เป็นกำนันทั้งสองคนเพื่อสนองพระคุณคนทั้งสองนั่นเอง ในปลายปี พ.ศ. ๒๓๑๓ นี้เอง โปมะยุง่วนซึ่งพม่าตั้งให้รักษาเมืองเชียงใหม่ได้ยกทัพชาวพม่าและชาวลานนาลงมาตีเมืองสวรรคโลก พระยาพิชัยก็ยกทัพเมืองพิชัยไปช่วยรบร่วมกับกองทัพเมืองพิษณุโลก ตีทัพพม่าพ่ายหนีไป ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๓๑๕ โปสุพลาซึ่งมาอยู่ช่วยราชการรักษาเมืองเชียงใหม่นั้น ยกกองทัพตีเมืองลับแลแตกแล้วยกลงมาตีเมืองพิชัย ตั้งค่ายอยู่ ณ วัดเอกา(วัดขวางชัยภูมิปัจจุบัน) พระยาพิชัยก็จัดแจงการป้องกันเมืองเป็นสามารถ เจ้าพระยาสุรสีห์ก็ยกกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วยเมืองพิชัย และเจ้าพระยาสุรสีห์ กับพระยาพิชัยยกพลทหารเข้าตีค่ายพม่า พม่าออกต่อรบ ๆ กันถึงอาวุธสั้น พลทัพไทยไล่ตะลุมบอนฟันแทงพลพม่าล้มตายเป็นอันมาก พม่าต้านทานมิได้ก็แตกพ่ายหนีเลิกทัพกลับไปเมืองเชียงใหม่ รุ่งขึ้นอีกปีหนึ่งโปสุพลายกกองทัพมาตีพิชัยอีก พระยาพิชัยก็ยกพลทหารออกไปรบแต่กลางทางยังไม่ถึงเมือง เจ้าพระยาสุรสีห์ก็ยกกองทัพเมืองพิษณุโลกขึ้นไปช่วยได้รบกับพม่าเป็นสามารถ และพระยาพิชัยถือดาบสองมือคุมทหารออกไล่ฟันพม่าจนดาบหัก จึงลือชื่อปรากฎเรียกว่า "พระยาพิชัยดาบหัก"แต่นั้นมา ตอนที่พระยาพิชัยคุมพลทหารออกไล่ฟันแทงพม่านั้น เนื่องจากกำลังชุลมุนฟันแทงกันอยู่เท้าของพระยาพิชัยเหยียบดินลื่นเซจะล้มจึงเอาดาบยันดินไว้เพื่อมิให้ล้ม ดาบจึงหักไป ๑ เล่ม พม่าเห็นพระยาพิชัยเสียเชิงเช่นนั้นจึงกลับหน้าปราดเข้ามาจะฟัน หมื่นหาญณรงค์นายทหารคู่ชีพของพระยาพิชัยก็ทลึ่งเข้ารับพม่าผู้นั้น มิทันทำร้ายพระยาพิชัยได้ พม่าผู้นั้นเสียท่าหม่ืนหาญณรงค์ฟันตาย แต่แล้วกระสุนปืนพม่ายิงมาถูกหมื่นหาญณรงค์ตรงอกทะลุหลัง ล้มพับลงขาดใจตาย ในขณะนั้นพระยาพิชัยเห็นหมื่นหาญรณงค์ถูกกระสุนปปืนข้าศึกตาย ก็เสียใจอาลัยหมื่นหาญณรงค์ผู้เพื่อนยากยิ่งนัก เลยบันดาลโทษะเข้าไล่ตลุมบอนฟันแทงพม่ามิได้คิดแก่ชีวิต พม่าต้านทานไม่ไหวก็แตกพ่ายไป พระยาพิชัยดาบหักได้ร่วมรบกับพม่าอีกหลายครั้ง จนกระทั่งสิ้นแผ่นดินพระเจ้ากรุงธนบุรี พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จขึ้นเถลิงถวัลราชสมบัติ ณ กรุงเทพมหานคร โปรดเกล้าให้เรียกตัวพระยาพิชัยดาบหักลงไปถามว่าจะยอมอยู่ทำราชการต่อปหรือไม่ ถ้ายอมอยู่จะเลี้ยงเพราะหาความผิดมิได้ พระยาพิชัยดาบหักตรองเห็นว่าขืนอยู่ไปคงได้รับภัยมิวันใดก็วันหนึ่ง เพราะตัวท่านเป็นข้าหลวงเดิมอันสนิทของพระเจ้าตาก ย่อมเป็นที่ระแวงท่านผู้จะเป็นประมุขแผ่นดินต่อไปทั้งประกอบด้วยความเศร้าโศกอาลัยในพระเจ้ากรุงธนบุรี เข้ากลัดกลุ้มในหทัยสิ้นความอาลัยในชีวิตของตน จึงตอบไม่ยอมอยู่จะขอตายตามเสด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ขอฝากแต่บุตรชายให้ได้ทำราชการสนองพระเดชพระคุณสืบสกุลต่อไปภายหน้า ฉะนั้นจึงโปรดเกล้า ฯ ให้ประหารชีวิตเสีย เมื่อพระยาพิชัยดาบหักสิ้นอายุได้ ๔๑ ปี จึงโปรดเกล้า ฯ ให้เสนาบดีท้องตราถึงผู้ครองเมืองเชียงใหม่ ให้รับบุตรชายพระยาพิชัยดาบหักเข้ารับราชการต่อไปตามควรแก่ความสามารถ ฉะนี้บุตรหลานพระยาพิชัยดาบหักจึงเป็นข้าราชการตามลำดับมาจนถึงทุกวันนี้ และในสมัยรัชกาลที่ ๖ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ผู้สืบตระกูลได้รับพระราชทานนามสกุลว่า "วิชัยขัทคะ" นามนี้ถ้าแปลอนุโลมตามความเข้าใจก็คือ ดาบวิเศษของพระยาพิชัยดาบหัก นั่นเอง หัวข้อ: Re: แต่งอินทรวิเชียร์ฉันท์ 11 เริ่มหัวข้อโดย: < ชายกลาง >(กล้า) ที่ 10 มกราคม, 2561, 05:33:53 PM แหล่ม
ต้องงี้สิ เรานักศึกษาต้องค้นหาเอาเองก่อน เดี๋ยวผิดพลาดอะไรพี่ครูกลอนคงลงมาแก้ไขให้ นะครับ :12: มาเรามาเริ่มต้นร้อยกรองกันเลยดีไหม ---------------------------------- เริ่มในสมัยกรุงธน อริด้นปะเมืองไทย --------------------------- สวัสดีขอรับคุณตาเนิน ช่วยน้อง กันเถิดนะครับ หัวข้อ: Re: แต่งอินทรวิเชียร์ฉันท์ 11 เริ่มหัวข้อโดย: เนิน จำราย ที่ 10 มกราคม, 2561, 06:02:24 PM ขุนนางอยุธยา สละมากระทำดี (ขุน นาง อะ ยุด ยา สะ หละ มา กระ ทำ ดี) เกียรติก้องลุธานี ปรปักษ์สิคร้ามครัน (เกียด ก้อง ลุ ทา นี ปะ ระ ปัก สิ คร้าม ครัน) ป้องเมืองพิชัยรอด อริมอดสลายพลัน (ป้อง เมือง พิ ไช รอด อะหริ มอด สะ หลาย พลัน) นามกรขนานนั้น ณ พระยาพิชัยฯ เทอญ (นาม กอน ขะ หนาน นั้น นะ พระ ยา พิไช เทิน) ตาก็หัดเขียนตามแผนผัง ลองดูนะหลาน ผิดเป็นครู (กาพย์ โคลง กลอน พอกล้อมแกล้ม แต่ฉันท์ไม่ถนัดเลยครับ หัวข้อ: Re: แต่งอินทรวิเชียร์ฉันท์ 11 เริ่มหัวข้อโดย: < ชายกลาง >(กล้า) ที่ 10 มกราคม, 2561, 06:14:54 PM โหยยยยสุโค่ยแล้วขอรับท่านตา
กล้าลักจำไปหัดบ้างนะขอครับ ขอบพระคุณแทนน้องและตัวกระผมเองด้วยครับผม ขอได้รับการคารวะ จากกล้า ครับผม :aab15: :aab15: :aab15: ป.ล. แล้วน้องเข้ามาบ่อยๆนะครับ ในบ้านนี้ทุกท่านใจดีมากๆนะครับน้อง แต่ก่อนพี่ไม่เป็นอะไรเลย ต้องมาหัดเขียนกลอนแปดที่นี่แหละ :12: ผิดเป็นครู ผิดบ่อยๆเป็นอาจารย์ ผิดทุกๆงานเป็นท่านอธิบดี เล้ย..5555 :34: หัวข้อ: Re: แต่งอินทรวิเชียร์ฉันท์ 11 เริ่มหัวข้อโดย: กิติราช ทับทิม ที่ 10 มกราคม, 2561, 09:59:40 PM (http://www.goosiam.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87/imgupload/q009861-1.jpg)
พระยาพิชัยฯ ๐ เชิงชั้นประจันรุด..ปะทะยุทธศาสตรา มวยหมัดถนัดพา..พละลั่นประหวั่นยิน ๐ มอบกายถวายงาน..นฤบาลพระตากสิน แกร่งดุจพยัคฆินทร์...คฤโฆษลุเกียรติไกล ๐ ศึกโปสุพลารับ...ชนะทัพชโยไทย ดาบหักกระเด็นไหว..รณรงค์เผชิญมาร ๐ สมแล้วทแกล้วกล้า..สุพระยาพิชัยฯหาญ เทิดไว้ตลอดกาล..มิละบรรพชนชู ฯะ อินทรวิเชียรฉันท์๑๑ โดย :letter: กิติราช ทับทิม หัวข้อ: Re: แต่งอินทรวิเชียร์ฉันท์ 11 เริ่มหัวข้อโดย: Lux ที่ 10 มกราคม, 2561, 10:57:50 PM ขอบคุณค่าา ขอบคุณทุกคนนะค่ะ
|