หัวข้อ: นิทานคำกลอนพื้นบ้านเรื่อง “ตายมดึง” เริ่มหัวข้อโดย: มนตรี ประทุม(2) ที่ 18 พฤษภาคม, 2561, 08:28:46 AM นิทานคำกลอนพื้นบ้านเรื่อง
“ตายมดึง” (ตอนที่ ๑) ____________ ตายมดึงอยู่ “กะรอน” นานแล้วหนา แกทำนาทำไร่ได้มากโข ปลูกต้นกล้วยทำกินเป็นกิโล ชื่อเรียกโก้ “ป่าตอง” จองกรีดใบ ที่ปลูกกล้วยยังมีที่ชนเห็น ตั้งอยู่เป็นสักขีอ้วนพีใหญ่ เรียก “เขากล้วย” ยังเห็นความเป็นไป ทั้งเล็กใหญ่ตำนานเรียกขานมา อาศัยอยู่ภูเก็ตดีเจ็ดอย่าง ครั้งเมื่อทางใช้เพลินเดินด้วยขา แผ่นดินนี้ไม่เป็นเกาะจะบอกนา มีดินฟ้าผืนเดียวเกี่ยวข้องกัน ส่วนตางุ้มถิ่นฐานบ้านพังงา เลี้ยงช้างมาหวงห่วงดั่งดวงขวัญ อยู่ทำกินกับช้างแสนนานครัน ช้างก็พลันเดินหาอาหารกิน มาวันหนึ่งช้างมาพบป่ากล้วย งามเสียด้วยลงลุยคุ้ยอาสิน เป็นอาหารอย่างดีที่เคยชิน ของถูกลิ้นช้างเปรมอิ่มเอมพุง ตายมดึงเดินทางมาสวนกล้วย แกแทบม้วยสวนแหลกดูแปลกยุ่ง เป็นเพราะช้างบุกบ่อยมีรอยพุง ต้องตามพุ่งฆ่าฟันมันแค้นเคือง ___________ มนตรี ประทุม “มันแกว” ๑๘ พ.ค.๖๑ หัวข้อ: Re: นิทานคำกลอนพื้นบ้านเรื่อง “ตายมดึง” เริ่มหัวข้อโดย: มนตรี ประทุม(2) ที่ 18 พฤษภาคม, 2561, 08:38:04 AM นิทานคำกลอนพื้นบ้าน เรื่อง
“ตายมดึง” (ตอนที่ ๒) __________ ช้างอิ่มแปร่เดินกลับลับทิวเขา แล้วอ้อมเข้าพักผ่อนตอนฟ้าเหลือง ตะวันรอนแสงสุริยามารอมเรือง นอนเคี้ยวเอื้องสำราญบานฤทัย ตายมดึงลากหอกออกตามหา ช้างที่มากินกล้วยด้วยอยู่ไหน ออกเดินทางมุ่งหน้ามาเสียไกล ร้อนเหงื่อไหลหยุดพักจักหายเพลีย ที่หยุดพักปักหอกตอกเป็นบ่อ เมื่อไปต่อมีรอยดินพลอยสิ้นเสีย ครั้นหายเหนื่อยเดินต่อมิรอเมีย ลากหอกเขี่ยดินขาดบาดเป็นคลอง เกิดเป็นบ่อยังมีที่ให้เห็น คนเรียกเป็น “เขาบ่อ” พอสยอง ทุกวันนี้ยังมีมิเป็นรอง ยังตั้งกองอยู่นาเตยเกยพังงา ที่ลากหอกผ่านไปได้ให้ชื่อ คนเขาลือ “บางลากหอก” บอกให้หนา ทุกวันนี้ยังถือชื่อบอกมา เป็นตำราแดนดินถิ่นบ้านเรา เขาที่หอกลากผ่านพลานขาดสิ้น เรียกแดนดิน “เขาขาด” ขาดตามเขา ที่เป็นคลองต่อมาชื่อตามเอา ให้นามเล่า “คลองตาดึง” พึงเรียกตาม __________ มนตรี ประทุม “มันแกว” ๑๘ พ.ค.๖๑ หัวข้อ: Re: นิทานคำกลอนพื้นบ้านเรื่อง “ตายมดึง” เริ่มหัวข้อโดย: มนตรี ประทุม(2) ที่ 18 พฤษภาคม, 2561, 08:56:36 AM นิทานคำกลอนพื้นบ้าน เรื่อง
“ตายมดึง” (ตอนที่ ๓) —————— ตายมดึงเดินทางตามช้างทัน เอาหอกหันพุ่งใส่ไม่เกรงขาม ช้างถูกหอกพุ่งใส่ไม่ถึงยาม เลือดล้นหลามไหลนองต้องตายไง ช้างก็ตายท่าหมอบเป็นขอบขันธ์ เรียกนามกัน “เข้าช้าง” วางหวั่นไหว ตรงที่แผลพุงช้างต่างเหวอะไป ยกชื่อให้ “ถ้ำพุงช้าง” วางนามมา เมื่อช้างสิ้นหมดลมจมสิ้นแล้ว วงก็แจวตกลงตรงปลายขา เกิดเป็นเขาตามตำนานกาลเวลา ให้ชื่อว่า “เขาวง” ยังคงมี ด้วยโกรธาตาได้ใช้หอกฟัน เอางานั้นพิงไว้มิให้หนี “เขาพิงงา”เรียกขานมานานปี ซึ่งยังดีท่องเที่ยวชวนเกี่ยวพัน หอกที่ฆ่าช้างแก้วแล้วเปื้อนเปลอะ เลือดก็เลอะพาไปเดี๋ยวใครหยัน ล้างในสระหมดจดดูสดพลัน “สระบัว”นั้นคือชื่อยังลือไกล ตายมดึงได้ครบจบการฆ่า ช้างก็มามลายหายสงสัย อันความแค้นสะสมจมทรวงใน หมดสิ้นไปยืนรันทดต้องปลดปลง __________ มนตรี ประทุม “มันแกว” ๑๘ พ.ค.๖๑ หัวข้อ: Re: นิทานคำกลอนพื้นบ้านเรื่อง “ตายมดึง” เริ่มหัวข้อโดย: มนตรี ประทุม(2) ที่ 18 พฤษภาคม, 2561, 09:11:27 AM นิทานคำกลอนพื้นบ้าน เรื่อง
“ตายมดึง” (ตอนที่ ๔) __________ ฝ่ายตางุ้มเหลียวมองจ้องตามหา ไม่รู้ว่าช้างเกลอเธอพลัดหลง เตรียมห่อข้าวขึ้นสะพายกายยืนตรง จิตมั่นคงออกตามหามาทันใด แต่เหตุการณ์ช้าเกินด้วยเดินหนา ด้วยพบว่าช้างถูกเชือดจนเลือดไหล แสนรันทดหดหู่ดูแต่ไกล เพื่อนเกลอไปลาจากลำบากดู ก้มหน้างุ้มหลีกไกลมิให้เห็น เลือดกระเด็นไหลรินจนสิ้นหรู โศกเสียใจน้ำตาพาร่วงพรู กว่าจะรู้ร้องไห้ขาดใจตาย ที่ตางุ้มนั่งงุ้มคลุมเป็นเขา เรียกชื่อเอา “เข้างุ้ม” ยังมิหาย หลังตางุ้มข้าวห่อก่อมิคลาย ก็กลับกลายปุ่มเป็นเช่นเขามา เป็นตำนานเล่าขานมานานนัก คนรู้จักดินแดนแคว้นเสน่หา สัญลักษณ์คู่เฟื้องเมืองพังงา ปรัมปรานิทานตามคำกลอน ต้องขอจบนิทาน “ตายมดึง” ถ้าคิดถึงเปิดอ่านงานคำสอน บรรจงร้อยสร้างสรรค์วันละตอน ขอจากจรจบแล้วแก้วตาเอย __________ มนตรี ประทุม “มันแกว” ๑๘ พ.ค.๖๑ |