เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..

คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน => คุยได้ทุกเรื่อง => ข้อความที่เริ่มโดย: ๋Jonathan Faust ที่ 06 มิถุนายน, 2561, 05:35:36 PM



หัวข้อ: พารูอินรณฤทธิ์
เริ่มหัวข้อโดย: ๋Jonathan Faust ที่ 06 มิถุนายน, 2561, 05:35:36 PM
  เดิมทีเรื่องนี้เป็นนิยายที่ผมเคยเขียนประกวดเมื่อสัก 7-8 ปีที่แล้ว
สืบเนื่องจากไปค้นเจอไฟล์ต้นฉบับเดิมก่อนที่จะรีไรต์เนื้อหาใหม่
เลยนึกสนุกแปลงจากร้อยแก้วเป็นร้อยกรอง
หากว่ามีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ


อารัมภบทแห่งการปฐมรณยุทธ์
   ๏ ศรีสวัสดิ์ปรีดารมย์ ประนมนิ้วประณต ขอยอยศยอเดช นคเรศเลื่องฤาชา
กาจแก้วกล้ากระเดื่องนาม  ด้วยเรื่องความรณยุทธ์ เทวามนุษย์อสุเรศ ทั่วทุกเขตแดนดิน
ทั่วทุกถิ่นแดนด้าว จักขานกล่าวตำนาน เรื่องโบราณปรากฏ  ยินยศทั่วทุกทิศา
จรผ่านพิภพลีลา จรผ่านนภาลีลาศ องอาจคร้ามการศึก มะนะนึกบ่มิกลัว อริชั่วราญรอน
แม้นม้วยมรชีวาวาตม์ ธ องอาจเกริกเกียรติไกร ขจรไปทั่วทั้งสิ้น พารูอินข้าเล่าแล้ว ต่อแผ้วไปนา

                                             ๏  แต่ปางหลังก่อนเก่าได้เล่าขาน
   เรื่องลิขิตจาริกแต่บุราณ             จำเนียรกาลพ้นผ่านเนิ่นนานมา
   ปรากฏความตามแผ่นพื้นนคเรศ     ทั่วทุกเขตแผ่ไปทุกทิศา
   ล้วนไพร่ฟ้าอยู่เย็นทั่วหล้า             ทั้งมตาอมตะประชากร
   ด้วยเทพไท้บดีศรีเบลเลก             ธ เป็นเอกอัครเรศอดิศร
   ทั่วทุกทิศเลื่องชื่อลือขจร             ทวยนาครแซ่ซ้องก้องเกริกไกร

   ๏  จะกล่าวถึงรัตติกาลเทวเรศ       ธ คิดเหตุทำเข็ญเป็นศึกใหญ่
   ด้วยท้าวเธอหมายมาตรประกาศชัย     ต่อเบลเลกเทพไท้ธิบดี
   จึ่งลอบจัดแต่งกลรณยุทธ์             มายังโลกมนุษย์บุรีศรี
   แล้วจึงตั้งราชธานี                     เกณฑ์ไพรีผีร้ายมาด้วยกัน
   ยังทิศประจิมเขตคาม             ขนามนามนิเควียนดอร์เขตขันฑ์
   ผีร้ายล้วนดารดาษฉกาจฉกรรจ์     สะพรึงพรั่นหวาดหวั่นถึงโลมา
   ครั้นเมื่อเสร็จสิ้นสรรพการ             ขุนมารเฟริอานอสไม่รอช้า
   ยกทัพอสุรีกรีฑามา                     หมายว่าเข่นฆ่าให้บรรลัย
   เกิดเป็นการมหารณยุทธ์             โลกมนุษย์ปั่นป่วนครั้งใหญ่
   สรรพเสียงหวีดหวีดกรีดก้องไกล     สุราลัยป่วนปั่นกระชั้นตาม
   เทพบดีแจ้งเหตุแล้วจึงตรัส             ให้อึดอัดฤทัยใจสะท้าน
   อนุชาอวดศักดาทำสามานย์             แม้นปล่อยผ่านเนิ่นนานจะช้าที
   จึงตรัสสั่งการเทพรณยุทธ์             จงรีบรุดยาตราร่วมสู้ศึกนี้
   เทพออร์ธาร์สนิ่งสดับรับวจี             ธ จรลีผันสู่พารูอิน

   ๏  เมื่อนั้น                             เทพยุทธ์ออร์ธาร์สเรืองศรี
   พรั่งพร้อมไพร่พลโยธี             เสด็จรี่บนหลังวราห์มา
   ทรงเกราะเก็จแก้วผ่องพรรณ     ล้วนสุวรรณแต่งทั่วภูษา
   รัศมีเรืองรองดั่งทองทา             พระแสงหอกศาสตราพร้อมที
   ตวาดก้องดั่งเสียงกัมปนาท             ฝูงผีร้ายล้วนหวาดเผ่นหนี
   บ้างแย่งวิ่งชิงกันไม่สมประดี         อสุรีป่วนปั่นวุ่นวาย

   ๏  จะกล่าวฝ่ายขุนมารชาญศึก     ธ ตรองนึกไม่สมมาตรดั่งใจหมาย
   เห็นไพร่พลเหยียบล้มกันวุ่นวาย     โหงพรายยุรยาตตามทางมา
   ว่าอุเหม่ดูดู๋เทพยุทธา             ทำอวดศักดากำแหงหนัก
   หากมาตรแม้นมึงไม่แปรพักตร์     กูจะหักฟาดฟันให้บรรลัย
   พูดพลางเงื้อง่าศาสตรวุธ             ยื้อยุดสำแดงกำแหงใหญ่
   เผ่นโผนโจนเข้าหวังเอาชัย             ด้วยเทพไทหมายให้มรณา

   ๏  บัดนั้น                             เอลดารอนจอมพรายใจหาญ
   เห็นเทพไทองอาจอหังการ             บัญชาการเอื้อนเอ่ยวจี
   ดูราไพร่พลรณยุทธ์                     ที่จะหยุดโจมจู่อยู่แค่นี้
   ที่ไหนเล่าอ้ายไพรี                     อสุรีจะอัปราชัย
   บัดนี้เทพยุทธ์ฤทธิรอน             เข้าต่อกรขุนมารอย่าสงสัย
   จงฉวยจังหวะเข้าเอาชัย             อ้ายไพร่ผีร้ายนี้ทั้งสิ้นกัน
   แม้นว่าสิ้นชีพชีวาลัย                     องค์เทพไทจะโปรดเกษมสันต์
   แลจะรับดวงชีพชีวัน                     เข้าสู่เขตขัณฑ์สวรรยา
   หากว่าได้ชัยอสุเรศ                     ทั่วทุกเขตเกริกก้องทุกทิศา
   จะเลื่องชื่อลือไกลในเมืองฟ้า     ด้วยว่าได้พิชิตอสุรี
   สิ้นเสียงวจีจอมพราย                     อันมนุษย์ชาวพรายทั้งสิ้นนี้
   ต่างฉกฉวยศาตราเข้าราวี             อสุรีล้วนปลิดปลงไป
   ทั้งโล่หอกเกาฑัณฑ์ประจัญป้อง     พลม้าจ้องหอกง้าวฟาดไม่หวาดไหว
   คีตธรร่ายเวทร้องทำนองใน             ผีร้ายบรรลัยวายปราน


หัวข้อ: Re: พารูอินรณฤทธิ์
เริ่มหัวข้อโดย: ๋Jonathan Faust ที่ 06 มิถุนายน, 2561, 05:57:11 PM
      ๏  จะกล่าวฝ่ายรัตติกาลอสุเรศ   เห็นปัจจาคะนองเดชทำหาญหัก
   ให้โกรธขึ้งหน้าขมึงทึงนัก                   แล้วผินพักตร์ตบหัตถ์ทำศักดา
   ว่าโอ้โอ๋ดูราอิงโกลาร์น                   ข้าศึกราญหาญหักเป็นหนักหนา
   เอ็งจงสำแดงเดชอย่าได้ช้า                   กษัตรารับคำแล้วทำการ
   ธ ทรงเดชร่ายเวทแล้วเถือหัตถ์           โลหิตคัดกลิ่นคลุ้งทั่วสถาน
   ชโลมลงไหลหลั่งดังท้องธาร           เสนามารหัวร่อร่าด้วยยินดี
   บัดเดียวบังเกิดเป็นอาเพศ                   ให้ทุเรศพุพองเป็นหนองฝี
   ทั้งมนุษย์ชาวพรายไม่สมประดี           ขุนมารยินดีปรีดา
   แล้วกล่าวว่าดูหรือเทพยุทธ์                   ไม่ยอมหยุดทำการที่อาสา
   เหตุฉะนั้นจงพิศดูทั้งสองตา                  ถึงชีวาทแกล้วกล้าที่ปลิดปลง

      ๏ เมื่อนั้น                           ท้าวเทพยุทธ์นาถา
   เห็นขุนมารองอาจศักดา                   ด้วยเวทวิทยาไม่อาทร
   แล้วจึ่งเปล่งวจีสีหนาท                   กัมปนาทกึกก้องทั่วสิงขร
   ว่ากาลก่อนเคยเคียงเรียงอุทร           อดิศรรับสั่งให้กูมา
   หากแม้นมึงไม่หยุดทันที                   องค์ภูมีไม่ปล่อยไว้ให้เนิ่นช้า
   แม้นไม่ได้ด้วยการเจรจา                   อาจต้องฉุดคร่าชีวี
   ปางหนึ่งเจ้าเป็นถึงไอสตาร์                   ทั่วทุกทิศาเปี่ยมราศี
   เหตุใดจึ่งทำเยี่ยงนี้                           จงเล่ามาทีเราจะฟัง

      ๏ ครานั้นเฟริอานอสอสุรา           ได้ฟังวาจาทำโอหัง
   แล้วว่าโอ้ออร์ธาร์สเจ้ายัง                   ไม่แจ้งในความชิงชังที่กูมี
   อันว่าองค์เบลเลกพระเชษฐ์                   ผู้ทรงเดชเกริกไปในราศี
   แม้นสรรพความรู้บรรดามี                   อันกูนี้มิได้หย่อนไปกว่ากัน
   ซึ่งตั้งตนเป็นองค์อัคเรศ                   ที่ปกเกศแผ่ไปทุกเขตขัณฑ์
   ทั้งชาวพรายชาวมนุษย์ทุกชีวัน           บังคมคัลว่าเป็นองค์พระภูมี
   ถือดีว่าทรงราชรถ                           ปรากฏเป็นพระสุรีย์ศรี
   มาตรแม้นหากว่ากูได้มี                   บรรดาศักดิ์นี้เท่าเท่ากัน
   จะปกครองทุกเขตนคเรศ                   ทุกขอบเขตทั่วไปในไอศวรรย์
   แล้วปราบปรามปัจจามิตรที่ติดพัน           แต่ครั้งต่อเมื่อโบราณมา
   หากแม้นใครกล้าต่อกร                   บดินทรอย่างกูจะไม่ช้า
   จะตามล้างผลาญสิ้นทั้งวิญญาณ์           และล้างล่าเข่นโคตรให้วายปราน

      ๏ บัดนั้น                           อิงโกลาร์นใจเหี้ยมหาญ
   ถือศาสตราเที่ยวล่ารอนราญ                   คร่าผลาญชายชาญทำฤทธี
   ธ ทรงเชี่ยวชาญพระเวท                   สยองเกศสยองเกล้าเกศี
   เจนพระเวทมรณาบาลี                   อสุรีรุกไล่โรมรัน
   เมื่อหลั่งโลหิตชโลมลง                   หลายชีพปลิดปลงลงอาสัญ
   ต่างกำสรดโศกาจาบัลย์                   ทั้งขวัญกล้าเลื่อนหลุดลอย
   ฝ่ายทแกล้วโยธาพลาฤทธิ์                   แม้ชีวิตปลิดปลงไม่ท้อถอย
   ทั้งเกาฑัณฑ์หอกซัดตวัดลอย           ดาวเคลื่อนเดือนคล้อยสู่ทิวา
   ครั้งรุ่งแจ้งแสงสูรย์จำรัสรอน           ทินกรพ้นเหลี่ยมภูผา
   ปรากฏเป็นองค์พระสุริยา                   เบลเลกเทวาธิบดี
   ทรงราชรถแก้วสุรกานต์                   อลังการสุวรรณรัศมี
   เรืองจำรัสเจิดจ้าทั้งธาตรี                   องค์ภูมีแย้มสรวลด้วยเมตตา
   ฝ่ายอิงโกลาร์นทรราช                   เกรี้ยวกราดขุ่นข้องเป็นหนักหนา
   แล้วว่าท่านเป็นเทวัญในชั้นฟ้า           ใยข้าจะให้จับไปด้วยดี
   อ้าองค์เบลเบกเทวเรศ                   ปกเกศปกเกล้าเกศี
   ข้ารับบัญชาองค์ภูมี                           ทำการครั้งนี้ให้เสร็จครัน
   แม้นท่านไม่หลีกทางไป                   ต่อให้ชีวาข้าต้องอาสัญ
   จะต่อตีต่อโต้โรมรัน                           พลางเงื้อขรรค์ชี้พักตร์องค์ธิบดี