หัวข้อ: ~*~ ฝากกานต์ ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 07 สิงหาคม, 2562, 07:09:18 PM ~*~ ฝากกานต์ ~*~ *ต่อจากบท ~*~ เพลงชีวิต ~*~ ๐ ลมโชยแผ่วแว่วเสียง จำเรียงคล้าย สื่อความหมายฝากถึง คะนึงหา วอนพระพายพัดหวน อย่าด่วนลา ช่วยนำพาร่ายพร้อง ไปคล้องพัน ๐ แล้วร้อยลักษณ์ถักพจน์กำหนดไว้ ยามห่างไกลนิเวศน์สุดเขตขัณฑ์ แม้มิได้รั้งก้อยเกี่ยวร้อยกัน ด้วยสวรรค์ปั้นวางเพียงร่างเงา ๐ ให้เพลงพาทย์ลอยล่องทำนองเอื้อน ปนป่ายเปื้อนห้วงหนถึงคนเหงา ยามพลบค่ำมืดคลึ้มฟ้าทึมเทา วานสายลมแผ่วเบาคลอเคล้าทรวง ๐ เพื่อคลายความว้าเหว่ เพลงเห่กล่อม- จะตะล่อมล้อมศัพท์สำทับสรวง ลามร่ายรจน์จรดจิต ลิขิตปวง- หมายให้หน่วงเหนี่ยวขวัญพันธนา ๐ เย็นเยียบสายลมร่ำฟ้าฉ่ำฝน แต่ร่วงหล่นคือจินต์ถวิลหา ปนพิรุณรินหลั่งประดังพา พจนาฉ่ำหวานซึมซ่านใจ “๐ อย่ารู้ร้าง รู้วาย สายสวาสดิ์ จงร้อยวาสน์พาดลงอสงไขย อักขระคละมนต์จักวนไป ตราตรึงในนิทราทุกราตรี” ๐ แม้ยามตื่นฝืนข่มอกขมเฝื่อน ทุกสิ่งเลือนรางแฝงกลางแสงสี ฝากภาพฝันแทรกล่วงห้วงฤดี อย่าได้มีวันร้างเจือจางรอย ๐ คีตาแว่วแผ่วเคล้า...........ลมครวญ จันทร์ดับอับแสงนวล..........หลีกเร้น ลมค่ำร่ำสายทวน .............โหมเห่ กล่อมเฮย ราวเกริ่นนัยฝากเน้น...........ว่าละห้อยคอยหา ๐ คิดถึงจึงเกลื่อนห้วง.........คคนางค์ ยังหวั่นจักเจือจาง..............หว่างฟ้า หากพจน์พร่ำอำพราง..........ลางสิ่ง ความสื่ออาจเพราะว้า-.........เหว่เร้ารุมขวัญ ๐ ใจเอยคงแหลกร้าว-..........รานลง ดวงชีพมิยืนยง...................อยู่ได้ รอนรักดั่งปลดปลง..............ปราณดับ เทียวเนอ แลดับทั้งโลกไร้.................ศศิเรื้อง, เลือนสูร วลีลักษณา ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ ที่มา https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=08-2019&date=07&group=26&gblog=137 7H5SfXxmWrQ หัวข้อ: Re: ~*~ ฝากกานต์ ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 14 สิงหาคม, 2562, 12:57:36 PM
หัวข้อ: ~*~ ดวงจำปา ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 18 สิงหาคม, 2562, 01:12:10 PM (https://www.bloggang.com/data/w/waleelaksana/picture/1566101003.jpg) ~*~ ดวงจำปา ~*~ ๐ แว่วเครื่องสายสีเสียดละเมียดเสียง ความจำเรียงยิ่งล้วนให้ชวนฝัน ล่องลอยเอ๋ย ร่ายคำ พร้องรำพัน เฉกเถาวัลย์รัดรั้งภวังค์ตรึง ๐ อ่อนหวานนั้น อ้อนเอื้อนยังเคลื่อนไหว ปนลมไล้ ลอบลิด ความคิดถึง จนปลิดปลิวลิ่วลอยคล้ายร้อยดึง ด้วยสายใยล่ามขึงประหนึ่งตรวน ๐ หวั่นวันเดือนเลื่อนล่วงเลือนห่วงหา สร้อยสัจจากลบกลืนไม่คืนหวน ดุจลมเพลมพัดสะบัดทวน เย็นฉ่ำชวนชื่นใจเพียงไม่นาน ๐ ลั่นทมเอย หวั่นจะพรากออกจากช่อ ยามลมคลอหล่นคงน่าสงสาร ดอกรักเล่าหลุบหลู่มิรู้บาน ฤๅเกรงกาลรานเจ้าให้เฉาโรย ๐ แดดพร่างพรายกรายทาบระนาบฟ้า ในวรรษาแล้งร้อนอ่อนระโหย รอเวลาเม็ดฝนจะหล่นโปรย เพียงลำลมโบกโบยแผ่วโชยชาย ๐ จำปาลาวไหวก้านสะท้านสั่น กลิ่นหอมพลันกำจรในตอนสาย หอมเจ้าเอย อวลอยู่อย่ารู้วาย วานกำจายกรายทรวงผู้ห่วงคอย ๐ รับรู้เถิดเมื่อพรากสุดฟากภพ ก็ยิ่งทบทวีเท่าแต่เหงาหงอย เพียงภาพฝันฟูฟ่องอันล่องลอย อาจทยอยลับเลือนตามเดือนปี ๐ แสงวันแผดแวดล้อมโอบห้อมหล้า ปลุกชีวาดิ้นรนบนวิถี จำปาลาวกลั่นกลิ่นอย่างยินดี ก่อนบัดพลีดอกดวงซบห้วงดิน ๐ แต่ดอกรักปักลงยังคงอยู่ ครั้นแสงหวังทอดลู่ลงปูถิ่น เอิบอาบความอบอุ่น หนุนชีวิน ผลัดความเศร้าโศกสิ้นจากจินตนา- ๐ จากนี้จงงดงามทุกยามผ่าน แลเบ่งบานกลางทรวงผู้ห่วงหา ฝากปักปลูกกลางใจคนไกลตา อย่าปล่อยให้โรยราแม้คราใด ๐ ลมพัดหวนเห่ห้อม........หอมเอย อวลกลิ่นกรุ่นรำเพย........ผ่านฟ้า- โชยล่องลัดพาดเกย.......ทรวงหนึ่ง ซึมซ่านคลายอ่อนล้า......ผ่อนว้าเหว่หาย ๐ อาจไกลห่างต่างห้วง.....รอบวาร เพียงลิขิตคำกานท์.........สื่อให้ พรางรูปมิรู้พาน-...........พบพ่วง นาพี่ ยังแต่รักฝากไว้............ประจุห้วง หทัยถวิล วลีลักษณา ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๒ ที่มา https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=08-2019&date=18&group=26&gblog=138 หัวข้อ: Re: ~*~ ฝากกานต์ ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: รอยทรายบนสายลม ที่ 21 สิงหาคม, 2562, 06:41:45 PM จำปาดวง - กลบท งูกระหวัดหาง - สดับเสียงเคียงกานท์สื่อสารรัก เรียงร้อยนักเพลงกลอนอาทรศิลป์ ซ่อนอารมณ์จมจ่อพะนอจินต์ จำปาลาวร่วงริน ห้วงหทัย ทิว..วสันต์ผันผ่านเนิ่นนานเนิ่น น้ำตาเดินเคลิ้มรินถึงอินได้ ด้วยประหวั่นพรั่นพล่านซึมซ่านไป ปล่อยโยงใยคำหวานให้ผ่านมา มากคีตะพาทย์เพลงบรรเลงล่อง ลามร่ายรจน์ จรดจ้อง..ถวิลหา หากความรักเปรียบม่านกำบังตา ต้องวิญญาเข้าแล้วเป็นแนววาง หว่างหัวใจเคียงร้อยจำรอยชัด ชุ่มชื่นรัดเนื้อใจให้หม่นหมาง เหมือนอดีตรังสรรค์จำนรรจ์จาง จนเคว้งคว้างยินขรมเสียงข่มใจ จากคนไกลใคร่รักสมัครสมาน เสมือนดั่งลาน ไขหมด ปลดลงใส เสียงบรรเลงเพลงซึ่งตรึงทรวงใน นานเท่าใด (ใจ)สะท้านทุกการเยือน ณัฐสุรางค์ Inspired to write : 21/08/2562 ขอบคุณบทกลอนอันไพเราะ จากพี่พี่ ทั้งสองท่านนะคะ อ่านได้อารมณ์สุนทรีย์ มีความสุขมากๆค่ะ พี่ วลีลักษณา และ คุณลุงโซล แวะเข้ามาวางกลอนบ่อยๆนะคะท่าน สวัสดี มีความสุขค่ะ https://www.youtube.com/watch?v=I0C_0XccyqE หัวข้อ: ...ดอกลั่นทม... เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 23 สิงหาคม, 2562, 07:32:45 AM
หัวข้อ: ~*~ สลันทมสุมาลย์ ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 25 สิงหาคม, 2562, 07:21:02 AM tMuL0078B1Q ~*~ สลันทมสุมาลย์ ~*~ “เปรียบรักดนูทะนุถนอม ขณะย้อมประนอมมาน ขออย่าตระบัดสัตยผลาญ นิรกานตรานกลาย” ๐ เม็ดฝนพรมลมพลิ้วเสียงหวิวหวีด ปนสังคีตครวญขับแล้วดับหาย ย่ำค่ำคล้อยภพภูมิยังฟูมฟาย เกลื่อนผกายไฟเต้นฟาดเส้นเรือง ๐ เสียงครวญคร่ำกำสรวลทุกส่วนสรวง ทุกส่วนทรวงหม่นอับอยู่นับเนื่อง ทุกสิ่งหวังพังภินท์ดูสิ้นเปลือง ให้ต้องเปลื้องปลดลงและปลงวาง ๐ ฤๅลิขิตเบื้องบรรพ์ขีดคั่นภพ เกินจะลบเพรงบาปที่ทาบขวาง รอบกาลเหลื่อมเชื่อมชนคนละทาง เพียงร่องรอยเลือนรางหวั่นร้างรา ๐ ให้พบพานสานโศลกในโลกฝัน พร้องรำพันจากทรวงคนห่วงหา ถ้วนถ้อยคำร่ำบทรจนา ก็ตรึงตราใจอยู่มิรู้เลือน ๐ ลมล่องลัดพัดไล้บาดไอ้ชื้น ราวหยิบยื่นคมมีดคอยกรีดเฉือน ฟากฟ้าอับดับราวร้างดาวเดือน คงดับเหมือนทรวงหนึ่งรำพึงครวญ ๐ ขณะยังหนาวเหน็บและเจ็บร้าว ฟ้ากลับพราวดาวดื่นเดือนคืนหวน เพลงพาทย์แผ่วแว่นหวานกอปรกานท์ทวน ฤาเล่ห์ลมเรรวนม่านม้วนลำ ๐ “พจน์นั้น” ลิขิตแล้วจงแน่วแน่ อย่าเชือนแชแปรปรวนให้ครวญคร่ำ จะรอคอยร้อยกานท์บรรสานคำ ผจงพร่ำพร้องพลอดตลอดไป ๐ เรียงร้อยวลีลิขิตกานท์ พจมานยแจงนัย ถ้วนคำแถลงรติพิไล เฉพาะไว้ผสานหวัง ๐ ฝากลงจรดอุระสลัก ดลภักดิจีรัง ผูกพันธนามนภวังค์ และจะรั้งสมานขวัญ ๐ จากนี้ลุกัลปสมัย หฤทัยก็ผูกพัน รอทอนตะกอนบุรพทัณฑ์ ลหุบรรพกรรมสูญ ๐ งามเอยสลันทมสุมาลย์ ผลิบานผอูนพูน ยืนยงนิรันดรจรูญ บริบูรณ์เสมอกาล วลีลักษณา ๒๕ สิงหาคม ๒๕๖๒ บทประพันธ์ วสันตดิลกฉันท์ สลันทมสุมาลย์ อ่านว่า สะ-ลัน-ทะ-มะ-สุ-มาลย์ สลันทม (ดอกลั่นทมในภาษาเขมร) แปลว่า ดอกไม้แห่งความรักที่มั่นคง สุ แปลว่า ดีงาม มาลย์ แปลว่า ดอกไม้ ที่มา https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=08-2019&date=25&group=26&gblog=140 หัวข้อ: ...ดวงจำปา/จำปาลาว... เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 29 สิงหาคม, 2562, 12:17:07 AM
หัวข้อ: ~*~ หนี้รัก ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 04 กันยายน, 2562, 09:18:50 PM ~*~ หนี้รัก ~*~ ๐ ร้อยเรียงเผดียงพิเราะพิไล เฉพาะให้หทัยเดียว อื่นใดมิหมายมนจะเกี่ยว รติเหนี่ยวสมานฝัน ๐ สบรักประจักษนยะแจ้ง สิแถลงแสดงบรรณ แจงคำนิยามบทอนันต์ ฤจะพรรณนาไหว ๐ ลมล่องลัดพัดเอื่อยโชยเฉื่อยช้า โรยลำผ่อนสายมาจากฟ้าไหน หอบรำพึงจากแดนอันแสนไกล ปนมาบ้างหรือไม่นะสายลม ๐ ฤาพัดเพเรรวนแล้วด่วนพราก ทิ้งเพียงซากเศษทรามมิงามสม พยางค์รักทักทายยามวายชม คงเหลือเพียงระทมห้อมห่มทรวง ๐ ฤดูมรสุมอันชุ่มชื่น ม่านเมฆกลืนดวงวันกลบชั้นสรวง ฝนสร่างเม็ดเก็จแก้วก็แพรวดวง เกาะแกมพวงลั่นทมกลางลมโชย ๐ หอมอ่อนอ่อนผ่อนสายกำจายกลิ่น ปนปรุงจรุงถิ่นรวยรินโผย วันพรุ่งคงถึงช่วงการร่วงโรย ปลิดกลีบหมองหม่นโปรยแต่โดยดี ๐ แต่ดอกหนึ่งเบ่งบานแม้กาลล่วง อยู่แนบทรวงนิ่งนานตระการสี จะปักปลูกเอาไว้ด้วยไมตรี โดยไม่มีวันร่วงจากห้วงใจ ~*~~*~~*~~*~~*~~*~ xe47c1q-YVU "๐ อย่าถามหานิยามของความรัก หากประจักษ์ด้วยใจใสพิสุทธิ์ คุณค่าในอารมณ์ เกินสมมุติ ยากหาจุดกำหนดพจนา ๐ สัมผัสได้ทีในหัวใจนั่น บ้างสุขสันต์สมวาดปรารถนา บ้างโดดเดี่ยวดุ่มดั้นกลางมรรคา ท่องเวลาเดียวดายสุดปลายทาง ๐ หากมิก่อเงื่อนไขใดใดแล้ว แม้ต้องแคล้วคลาดกันพรากผันห่าง สักกี่ร้อยเขตคั่นที่กั้นกลาง มิอาจขวางคำนึงส่งถึงกัน" วลีลักษณา ๔ กันยายน ๒๕๖๒ ที่มา https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=09-2019&date=04&group=26&gblog=141 หัวข้อ: ...ปลดหนี้รัก... เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 09 กันยายน, 2562, 07:18:50 AM
หัวข้อ: ~*~ เพราะรัก ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 29 กันยายน, 2562, 07:36:15 PM ~*~ เพราะรัก ~*~ ๐ เนิ่นนานเกินนับวันที่ฝันร้าง เพียงม่านพรางกลางกมลอันป่นปรัก ดุจเก็จแก้วแวววามแสนงามนัก มาแตกหักแหลกลาญลงหว่านดิน ๐ ทนอยู่อย่างเดียวดายเมื่อคลายเศร้า ยังเงียบเหงาทรวงอยู่มิรู้สิ้น แม้ไม่มีน้ำตาไหลบ่าริน ยามชีวินร้าวรานจนด้านชา ๐ ทิ้งซากขมซมซานฝ่ากาลล่วง ตัดขาดบ่วงกลเล่ห์เสน่หา ค่อยค่อยฝืนชีวันท่องมรรคา ด้วยอุราย่อยยับอับปราชัย ๐ แล้วคล้ายสรวงทอดทางลงวางเทียบ ให้ย่างเหยียบเดินฝ่าผ่านฟ้าใส รวยรินกลิ่นหอมอวลเย้ายวนใจ กลางอุ่นไอแสงสูรจำรูญดวง ๐ ฤาพลัดพรากครานั้นเพื่อวันนี้ เพื่อวันที่ฤทัยอันใหญ่หลวง เผยให้เห็นนัยงามเนื้อความปวง ว่าหมายพ่วงคล้องขวัญสู่วันไกล ๐ อยากยินถ้อยกล่าวย้ำด้วยคำนั้น พร้องรำพันวันนี้จะมีไหม หรือวันวานเลยล่วงสิ้นห่วงใย หมดอาลัยอาวรณ์เช่นก่อนเคย ๐ ภาพถวิลจินตนายังปรากฏ มธุรสบทสร้อยที่ร้อยเผย ยังซาบซึ้งตรึงทรวงไม่ล่วงเลย ทุกคำเปรยฤาจะหายตามสายลม ๐ วอนเพรงบุญหนุนพาแล้วอย่าผ่าน อย่าบั่นรานเลือนหายให้กลายขม ปองใจแล้วแคล้วคลาดมิอาจชม คงสุดข่มทุกข์เข็ญไม่เว้นวัน ๐ หากเป็นเพียงเล่ห์กลแห่งมนต์สรวง แต่งภาพลวงหลอกจิตให้คิดฝัน ยามตื่นตามาร้างอ้างว้างครัน ดวงชีวันจะเหลือไว้เพื่อใคร ๐ ลิขิตแล้วแนวทางปูวางลาด อย่าแคล้วคลาดทุกวงอสงไขย ทอนเพรงบาปสาปทัณฑ์สะบั้นไป หลอมรวมสองดวงใจด้วยนัยเดียว วลีลักษณา ๒๙ กันยายน ๒๕๖๒ ที่มา https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=09-2019&date=29&group=26&gblog=142 g4RbF9_74oU หัวข้อ: “...ฉันจะฝันถึงเธอ...” เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 30 กันยายน, 2562, 06:30:41 AM
หัวข้อ: Re: ~*~ ฉันจะฝันถึงเธอ ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 07 ตุลาคม, 2562, 01:58:04 PM คำหวานอ้อนออดซึ้ง.........ตรึงทรวง หวานอื่นหมื่นแสนปวง...ไป่สู้ หวานจากฤดีดวง-.........จิตกลั่น- กรองร่ายออกให้รู้........รติถ้อยแทนถวิล เพลงนั้นแว่วแผ่วพรมปนลมเหนือ สื่อถึงเนื้อความนัยชวนใจเผลอ หากเป็นเพียงรำพันฝันละเมอ จะแก้เก้ออย่างไรนะใจเอย วันนี้บอกคิดถึงคะนึงหา หากวันหน้าเงียบงำทำเมินเฉย ลืมหมดสิ้นคำหวานเมื่อกาลเลย ที่เฉลยเอ่ยย้ำความคร่ำครวญ- เพียงขณะหนึ่งล่วงสู่ห้วงฝัน พอตื่นพลันผันพรากมิอยากหวน หวั่นเหมือนลมห้อมเห่พัดเรรวน ผ่านแล้วล้วนเลือนหายมิกรายเยือน วลีลักษณา ๕ ตุลาคม ๒๕๖๒ หัวข้อ: ...บุพเพสันนิวาส... เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 16 ตุลาคม, 2562, 08:28:41 PM
หัวข้อ: ~*~ บัญชารัก ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 22 ตุลาคม, 2562, 08:37:29 PM ~*~ บัญชารัก ~*~ ๐ ปลายคาบกาลวรรษาท้องฟ้าหม่น คลับคล้ายกับอกคนกมลหมอง ลมหนาวเริ่มโชยกลับเข้าจับจอง กลืนห้วงห้องฟ้าฝั่งอีกครั้งคราว ๐ เมฆลอยเลื่อนเคลื่อนครอบสุดขอบสรวง พระลบหลบเร้นดวงจากห้วงหาว ร้างไร้แสงพราวแพรวจากแววดาว โลกดับราวห้อมห่มด้วยพรมดำ ๐ เย็นยะเยียบเพียบอกสะทกสั่น เมื่อฟ้ากลั่นน้ำตาเพลาค่ำ ความเงียบเหงาเลาะลอบเข้าครอบงำ พิรุณร่ำพรำหลั่งประดังประเด ๐ ปนเสียงแผ่วแว่วคีตประณีตสาส์น ความอ่านหวานหว่านล้อมเหมือนกล่อมเห่ พิเราะร่ายบรรเลงเพลงบุเพ ทอนว้าเหว่กลางทรวงจนล่วงรอย ๐ แต่กลับแทรกแซมพิษความคิดถึง ลอบตอกตรึงลงแล้วอย่างแผ่วค่อย จากนี้คงเฝ้าฝันทุกวันคอย รอร่วมร้อยไมตรีไว้ที่เดียว วลีลักษณา ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๒ 1iac61-1K_I หัวข้อ: ...มันคงเป็นความรัก... เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 25 ตุลาคม, 2562, 01:18:57 PM
หัวข้อ: ~*~ ในลมหนาว ~*~ เริ่มหัวข้อโดย: วลีลักษณา ที่ 13 พฤศจิกายน, 2562, 03:28:02 PM ~*~ ในลมหนาว ~*~ ๐ เมื่อแสงรุ้งพุ่งพรายเริ่มวายสี ดวงสุรีย์เรืองระยับมาลับหาว อีกสักพักฟ้าจะพรายประกายดาว กระพริบพราวพร่างพร้อยขึ้นลอยดวง- ๐ หากเอื้อมหยิบดาวน้อยมาร้อยได้ จะร้อยเป็นมาลัยโยงใยสรวง ปล่อยสองปลายจรดยังสองฝั่งทรวง แล้วมัดพ่วงมิให้เคลื่อนด้วยเงื่อนตาย ๐ แต่สุดเอื้อมเชื่อมต่อเป็นข้อสร้อย จึงเรียงร้อยถ้อยโศลกให้โบกสาย ไปกับลมหนาวล่องยามต้องกาย เพื่อผ่อนคลายแรงคะนึงส่งถึงกัน ๐ ทุกอณูอากาศยามวาดไหว หวังแทรกนัยซ่านล่วงสู่ห้วงขวัญ คลายความหนาวว้าเหว่ในเหมันต์ ผ่านคืนผันวันเปลี่ยวกลางเกลียวลม ๐ แม้โลกแห้งแล้งฝนเปรอปรนพฤกษ์ แต่ยามดึกน้ำค้างก่อร่างห่ม ล้านหยดน้ำใสวางหยาดพร่างพรม กลั่นผสมน้ำใจคนไกลตา ๐ วานเดือนเพ็ญเด่นดวงกลางสรวงนั่น อย่าด่วนผันพรากพ้นให้ค้นหา ช่วยผ่อนแสงลงสู่วสุธา แทนนัยนาจากแดนอันแสนไกล ๐ ด้วยแววเอื้ออาทรอันอ่อนหวาน ปนผสานผ่านสู่แม้อยู่ไหน โปรดรับรู้จำนงค์ที่ส่งนัย ทอดอาลัยลงแล้วทุกแนวทาง ๐ ลมหนาวโชยโบยโบกโลมโลกล้อม ไอเย็นย้อมทุกอณู กว่าตรู่สาง- อาจเหน็บหนาวเกินเปลื้องเคืองระคาง คงไม่ต่างกับอีกหนึ่งซีกแดน ๐ แผ่วพลิ้วหอมระเหยรำเพยผ่าน ให้หอมซ่านลาน รั้งถึงฝั่งแถน เมื่อดอกปีบโปรยกลิ่นสุดถิ่นแมน คือหมื่นแสนคะนึงหาที่ปร่าโปรย ๐ สู่ทิศทางที่ซึ่งคนหนึ่งนั้น ในคืนวันโลกแล้งอันแห้งโหย ลมเหนือผ่อนสายเอื่อยพัดเฉื่อยโชย จะร่ำโรยพาทย์ผสมตามลมครวญ วลีลักษณา ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ที่มาhttps://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=11-2019&date=13&group=26&gblog=155 W_jjLaRaa9w หัวข้อ: ...ไม่บอกเธอ... เริ่มหัวข้อโดย: โซ...เซอะเซอ ที่ 20 พฤศจิกายน, 2562, 08:30:45 AM
|