หัวข้อ: บทความ...คนจรหลงถิ่น นกขมิ้นหลงรัง เริ่มหัวข้อโดย: พิกุลแก้ว ที่ 08 ธันวาคม, 2567, 10:20:20 AM (https://www.isranews.org/images/stories/2013/comm/may311.jpg)
(https://www.bloggang.com/data/w/walking-in-the-rain/picture/1490188222.gif)(https://www.bloggang.com/data/w/walking-in-the-rain/picture/1490188222.gif) บทความ...คนจรหลงถิ่น นกขมิ้นหลงรัง การเดินทางรอนแรมจากเหนือลงสู่ใต้ในหลายๆทริป ทำให้ตัวเราเองเปิดประสบการณ์ความคิด ความเข้าใจใหม่ๆแก่สังคมเสมอ ในหลายๆเรื่องที่เราเคยเข้าใจ ว่าเป็นเช่นนั้น เป็นเช่นนี้ ก็เกือบจะคิดแบบคนยึดติดในความเข้าใจตนเองไป แบบนี้ก็มี(เกือบไปแล้วนะเนี่ยะ!) นี่คงเป็นสิ่งที่เรียกว่า "รสชาติ" ของชีวิต "ความคิด"ของปุถุชนกระมัง แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะมันคงเป็นเรื่องธรรมดามากๆ ที่คนๆหนึ่งอาจจะเข้าใจผิดคิดไปเองได้ ถือเสียว่า มันก็แค่ร่างความคิดก็แล้วกัน(อื้ม...ฟังดูดี) เรื่องเกิดขึ้นเมื่อครั้งอพยพครอบครัวเดินทางไปปากช่อง เนื่องในโอกาส ลูกๆปิดเทอมใหญ่ช่วงหน้าร้อน และจะพำนักกันอยู่ที่ บ้านไร่ตลอดจนกว่าจะเปิดเทอม ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงบรรยากาศครอบครัว และสภาพแวดล้อมทางสังคม และเด็กๆก็เหมือนได้ไปเที่ยวด้วย ในระหว่างที่พวกเราเดินทางนั้น ก็เป็นลักษณะ กองทัพนกขมิ้นที่บินเหมือนไม่ค่อยจะมีเรี่ยวแรง ด้วยเพราะ แวะทุกปั้มที่ชอบ และแวะทุกจุดที่ต้องการ ฟังดูแล้วการเดินทางครั้งนี้ชิลมากๆ (ความเป็นจริงก็ชิลทุกทริปนั่นแหละ) ในหลายๆจุดที่พวกเราแวะนั้น เรามักจะพบกับ ผู้คนที่มีความหลากหลาย และก็มีหลายครั้งเราก็ได้รับไมตรีจากพวกเขาเหล่านั้น จนกลายมาเป็น พวกพ้องพี่น้องพี่คบหากันเป็นระยะเวลายาวนาน และรวมไปถึง เหล่าคนที่เราเรียกเขาว่า "คนจร" ที่อาจจะนั่งอยู่ริมทางบ้าง ปั้มน้ำมันบ้าง หน้าเซเว่นบ้าง จุดพักรถบ้าง และสิ่งที่มักจะได้ยินลูกคนโตกล่าวอยู่เสมอนั่นก็คือ ลูกสาวที่โตแล้ว: มะม๊า....เค้าดูน่าสงสารจัง / หนูรู้ว่าเค้าน่าจะหิว / หนูสงสารเค้า สิ่งที่เบี่ยงเบนจุดสนใจของลูกสาวนั้น ก็เพราะ ปะป๊า เดินออกมาจากเซเว่นแล้ว ซื้อขนมปังแผ่น และน้ำเย็นๆ เข้าไปให้ "คนจร" ผู้นั้น พร้อมกับนั่งคุย และก่อนจาก สามีจะมอบเงินไว้ให้ 100-200 บาท เสมอ จึงทำให้ลูกสาวได้พิจารณาอย่างละเอียดถึงองค์ประกอบต่างๆ ทั้ง ลักษณะ การแต่งกาย ความเป็นอยู่ และคงจะมีจินตนาการทางความคิดในสมองของเขาอีกมาก มะม๊าอย่างเราก็ถือเสียว่า นี่คือการ พัฒนาความคิดความเข้าใจทางด้านสังคมของลูกให้มีมุมมองที่ละเอียดและมีความลึกซึ้งขึ้น และมะม๊าอย่างเราไม่ทันพูดสิ่งใดได้ทัน ปะป๊าก็กลับมาขึ้นรถเสียแล้ว และข้อมูลที่นำมาเล่าสู่กันฟังนั้น มันช่างเปลี่ยนบริบททางความคิดต่อผู้อื่นไปอีกหลายทิศทางเลยทีเดียว "ชายจร" ผู้นี้ เดิมที ทำงานอยู่ในตำแหน่งระดับสูงอยู่หลายองค์กร ฟังแล้วชีวิตเขาดูดีนะ ทำไมล่ะ? จึงมาอยู่สภาพเช่นนี้ ล้มละลายหรือ? หรือชีวิตผิดพลาดสิ่งใดอาจทำให้สติไม่สมประกอบหรือไม่? ...คำตอบที่ได้มา มันไม่เลย ไม่ใช่เลย ......เห้ย!!!!! จริงเหรอเนี่ยะ....ตกใจเยอะไปแล้ว กลับมาสู่ เนื้อหากันเถิด.... และเรื่องเล่าของเขาก็ถูกจำกัดความมาแบบรวบรัดจากผู้ที่เราเรียกขานเขา ว่า ปะป๊า ดังนี้ เดิมที ชายผู้นี้ ทำงานอยู่ในตำแหน่งที่มีหน้ามีตาในสังคม (จำตำแหน่งไม่ได้แล้วจ้า) สิ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจมาอยู่ในสภาพคนจร เช่นนี้ ก็เพราะว่า "เบื่อ" มันคือคำเดียวเท่านั้น โดยลำดับความสำคัญในชีวิต คือ หน้าที่ ที่เขาต้องทำให้ครบ เมื่อครบแล้ว เขาจึงคิดว่า มันถึงเวลา ที่จะต้องปลดปล่อยความอึดอัดใจออกไป โหยหาคำว่า "อิสรภาพ" ที่เขาคิดเสมอว่า ...มันไม่มีอยู่จริงหากเขายังอยู่ที่เดิม ทำทุกอย่างแบบเดิมๆ คำว่าหน้าที่ ที่ต้องทำให้ครบสำหรับชายผู้นั้น สรุปมาได้ว่า เรื่องแรก คือ "เป็นลูกที่ดี เชื่อฟังพ่อแม่ทุกอย่าง" เพราะมันคือ ความหวังดีที่บิดามารดามอบให้เพื่ออนาคตที่ดี การงานที่มั่นคง ไม่ลำบาก แต่หลายๆอย่างที่ต้องทำตามนั้น ก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องการ มันจึงทำอย่าง ไม่เต็มใจ และทำแบบเสียไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียน อาชีพ หรือแม้กระทั่งการแต่งงาน การใช้ชีวิตถูกกำหนดมาโดย บิดา มารดา แทบทั้งสิ้น .....แน่นอนว่า การอบรมบ่มนิสัยจากครอบครัวที่เข้มงวดมันเติมเต็มคำว่า "วินัย" และ "ความรับผิดชอบ" แบบที่ ผู้นำคนหนึ่งควรจะเป็น ถึงแม้กาลเวลาจะนำพา บิดามารดา จากไปอย่างสงบแล้ว แต่ด้วยภาระหน้าที่ ในฐานะ สามี และบิดาของลูก ก็ยังต้องทำให้เขาประคับประคองให้ทุกอย่าง เดินทางไปถึงฝั่งยังจุดหมายที่วางไว้เสียก่อน จึงถึงเวลาที่จะต้องมาพูดคุยกับภรรยาถึงความต้องการของตัวเองพร้อมสละทุกอย่างออกมาเพียงแค่ ตัวเท่านั้น ส่วนตัวคิดว่า รายละเอียดคงไม่ง่ายดายปานนี้ แต่คงไม่ใช่เรื่องอะไรที่เค้าจะเจาะจงเล่าให้เราฟัง แต่สิ่งที่ ชายจร คนนี้เอ่ยออกมาประโยคสุดท้าย นั่นก็คือ มันเหมือนยกทุกอย่างออกจากอก มันมีความสุข ถึงแม้อาจจะอดมื้อกินมื้อ แต่สำหรับเค้าแล้วสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ บางวันน้ำเย็นเพียงขวดเดียวก็รู้สึกว่ามันมีความสุขมากแล้ว และน้ำขวดนั้นก็พาเขาผ่านวันนั้นไปได้ และหากจะให้กลับไป เขาเองก็ไม่ต้องการเช่นนั้นเหมือนกัน จากนั้นก็คุยสัพเพเหระทั่วไป เมื่อได้ฟังแล้ว....เราควรรู้สึกสงสารเค้าหรือไม่ เรากำลังสงสารคนที่ สุดแสนจะพอใจชีวิตที่เรียบง่ายเช่นนั้น แต่เรื่องความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ นั้นมันคือน้ำใจที่สมควรจะมอบให้แก่กันในฐานะ เพื่อนมนุษย์ ที่อยู่ร่วมกันในสังคม เค้ามีความสุข นั่นก็ดีแล้ว เรื่องราวเหล่านี้เป็นสะพานส่งต่อความคิดไปถึงเรื่อง อื่นๆ ที่รายล้อมรอบตัวเราเอง และก็ถึงเวลาของพวกเราเหล่านกขมิ้นต้องออกเดินทางต่อไป....แล้วคุณผู้อ่านละคะ มีประสบการการเดินทางอะไรมาแลกเล่าสู่กันฟังบ้าง? (เล่ามาเดี๋ยวนี้นะ บีบคอๆๆ ...อ่ะ หยอกๆจ้ะ^_^) เดินทางจากเหนือลงสู่ทางใต้ บรรยากาศพาไปให้สุขสม มองทางไหนใจดำริอภิรมย์ เหลียวชื่นชมแมกไม้สุดสายตา. ปล.ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ตนะจ๊ะ |