Username:

Password:


  • หน้าแรก
  • ห้องสนทนา
  • ช่วยเหลือ
  • ค้นหา
  • เข้าสู่ระบบ
  • สมัครสมาชิก
เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ.. >> กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
 21 
 บทกลอนไพเราะ / เรื่องสั้น แนวนิยาย / …ความในใจ (๓/๒)…
 เมื่อ: 14 ธันวาคม, 2568, 09:11:34 PM 
เริ่มโดย โซ...เซอะเซอ - กระทู้ล่าสุด โดย โซ...เซอะเซอ


(…เชิญอ่านต่อครับ…)


เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนเวลาเริ่มงาน
ผมพาตัวเองมายืนอยู่หน้าอาคารพานิชย์สามชั้น
สองคูหา แถวบริเวณ เมืองเก่า เขตพระนคร

“สร้างสรรค์ ฝันกว้าง ย่างก้าวไปมิหยุด“
ผมยืนอ่าน คติพจน์ ที่เขียนด้วยตัวหนังสือ
สีลูกกวาด ด้วยอาการคัน อยากจะเติม
ข้อความต่อให้ ตามสันดานคนชอบ
ชักใบให้เรือเสียของผมว่า
“จะสะดุดเมื่อหมดทุน” …เหอๆ

ภายใต้คำขวัญ มีประกาศรับสมัคร
งานเขียนบทกวี สร้างสรรค์
สำหรับเชิญชวนให้เยาวชน
ให้หันมาสนใจรักการอ่านบทกวี
หากได้รับการตีพิมพ์ จะได้รับค่าตอบแทน
ตามสมควร

…ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร
สองสาวเดินจูงมือกันเดินมา
คนนึงสูงโปร่งผอมเพรียว
หุ่นเหมือนนางแบบ
ส่วนอีกคนหุ่นเหมือน
ดั้มพ์ มัตซูโมโต้ อดีตนักมวยปล้ำหญิง
ชาวญี่ปุ่น ผู้โด่งดังในช่วงปี ‘80

“อากาศเริ่มหนาวแล้วนะ รีย์
จันทร์ชอบอากาศหนาว ลมหนาว
ยามเช้า ทำให้รู้สึกสดชื่นดี”


เสียงหญิงสาวคนสูงเอ่ย

“เอ๊ะ…นั่นมัน…
จันทร์ เธอจำอีตาโรคจิต
ที่พยายามมาจีบเธอที่ร้านกาแฟ
เมื่อสองอาทิตย์ก่อนได้ไหม
อีตาวิญญาณ อะไรนั่นน่ะ”

“รีย์ ไปพูดถึงเขาทำไมน่ะ”

“ก็มันเล่นมายืนอยู่หน้าออฟฟิศเราน่ะสิ”

“ใช่หรือ รีย์ จำผิดคนหรือเปล่า
ไม่น่าจะใช่นะ เพราะออฟฟิศเราอยู่ไกล
จากร้านกาแฟนั้น โชอยู่ ไม่น่าจะบังเอิญ
มาโผล่แถวนี้ได้“

”ใช่แน่นอน เสื้อยังใส่ตัวเดิมเลย
ไอ้เสื้อสัปดน “คิด วิเคราะห์ แยกแยะ”
อะไรนั่นน่ะ

และชั้นว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน
เธออยู่เฉยๆ เดี๋ยวชั้นจัดการเอง
ไอ้พวกโรคจิต แบบนี้ต้องเจอคนอย่างชั้น”


 ขณะที่ผมกำลัง ยื่นอ่านประกาศอยู่นั้น
สั่งดังแหว อย่างไม่เป็นมิตร
ก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง

“นี่นาย…นายมาสะกดรอยตามเพื่อนชั้นรึ
เดี๋ยวเจอดีแน่ ชั้นจะแจ้งตำรวจ“


ผมหันขวับไปตามเสียงข่มขู่นั้นทันที
แต่สายตาผมกลับมองเลยผ่านเจ้าของเสียง
ไปยังใบหน้าหวานหวานที่อยู่ข้างๆ

“สวัสดีครับคุณจูบจันทร์”

“สวัสดีค่ะคุณวิญญูชน ไม่ทราบคุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ”
เธอจำเสียงทุ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี

“เอ่อ ผมนั่งรถเมล์มาครับ”

“คือจันทร์หมายถึงว่า คุณตั้งใจมาที่นี่
หรือบังเอิญผ่านมาคะ”

“ผมตั้งใจครับ”


ผมเป็นคนโกหกไม่ขึ้น ถ้าโกหกทีไร
มักจะโดนจับได้เสมอ จึงเลือกที่จะพูดความจริง

“คือตั้งแต่วันนั้นที่คุณบอกว่า คุณทำงานนิตยสาร
”กวีสีลูกกวาด“ ผมก็เลยสนใจ เลยลองค้นหาข้อมูลดู
เห็นว่า กำลังรับสมัครฟรีแลนซ์
ที่จะส่งงานมาให้พิจารณาลง ผมเลยสนใจ
และอยากจะมาลองดูครับ เพราะช่วงนี้เอง
ผมก็ว่างอยู่ เลยมาครับ“

”อ้อ ค่ะ เรากำลังหา content เอามาลง
เลยเปิดรับให้ผู้ที่สนใจ ส่งบทความหรือบทกวี
มาเสนอค่ะ“

“แต่ชั้นไม่เชื่อนาย ชั้นคิดว่านายมีเจตนาไม่บริสุทธิ์
นายคิดจะมาหาเพื่อนชั้นต่างหาก“

“นั่นก็ใช่ครับ”

“นายไม่ต้องมาปฏิเสธ…อ้าวเอ๊ะ”


คำตอบผมทำเอา ผู้รับบทผู้พิทักษ์นางเอกงง

“ใช่ครับ อีกส่วนนึงคือผมอยากมาพบคุณจันทร์
คือผมคิดว่าคุณเป็นคนน่าสนใจ
และ ผมอยากทำความรู้จักคุณมากขึ้นครับ
ผมคิดว่าเราจะสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ครับ”


คำพูดอันเต็มไปด้วยความจริงใจ ของผม
ทำให้ บรรยากาศทุกอย่างเหมือนหยุดนิ่ง
ไปชั่วขณะ

“แต่ชั้นไม่ไว้ใจคุณ ชั้นว่าคุณมันดูกะล่อนพิกล
คุณแค่เอาเรื่องการส่งบทกวี มาอ้างเพื่อมาจีบ
เพื่อนชั้น“


เสียงผู้พิทักษ์นางเอก พยายามทำหน้าที่ของเธออย่างเต็มที่

“ผมทั้งสนใจเรื่องเขียนบทกวี
และอยากทำความรู้จักกับคุณ
ตั้งแต่วันที่คุณจากมาโดยที่ผม
ไม่รู้เลยว่าจะเจอคุณอีกไหม จะติดต่อคุณอย่างไร
เหมือนชีวิตผมมันโหวงเหวง อย่างไรก็ไม่รู้
นี่เป็นครั้งแรก ในชีวิตที่ แสนจะป๊อดเรื่อง
ผู้หญิงของผม ที่ผมกล้าที่จะออกตามหาคุณ
กล้าที่จะเปิดเผยความรู้สึกที่ผมมี

แม้ว่าผมจะเป็นคนกลัวการถูก ปฏิเสธ
และกลัวความผิดหวังเป็นที่สุด
แต่เพราะผมรู้สึกว่า ผมคงจะเสียใจไปตลอดชีวิต
ถ้าผมไม่ได้ทำความรู้จักกับคุณ
ไม่ว่าผลของมันจะเป็นเช่นไรก็ตาม“


บรรยากาศที่มันสงบนิ่งอยู่แล้ว
กลับสงบนิ่งยิ่งขึ้นไปอีก
เกือบจะห้าวินาที ก่อนที่จะมีเสียงหวานๆ
กังวานขึ้น

”จันทร์ขอขอบคุณนะคะ ที่คุณพูดเปิดเผย
ทุกอย่าง อย่างจริงใจ
จันทร์เองเป็นคนที่มีเพื่อนน้อย
เพราะจันทร์ไม่อยากเป็นภาระของใคร
นอกจากรีย์ แล้วจันทร์ก็ไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหนอีก

จันทร์ไม่รังเกียจที่จะเป็นเพื่อนกับคุณนะคะ
แต่ไม่ใช่ในฐานะแฟน คุณคงเข้าใจดีว่า
คนที่มีสภาพอย่างจันทร์ ไม่สามารถใช้
ชีวิตอย่างคนปกติธรรมดาได้
จึงไม่อยากให้ความหวังกับใคร
และก็ไม่อยากให้ตนเองตั้งความหวังลมๆแล้งๆ
กับใครด้วย“


นั่นแหละ ความที่เธอเป็นเธอนี่แหละ ที่มัน
ทำให้ผมหลงรักเธอตั้งแต่แรกพบ
ความสวยก็ด้วยแหละ

แต่ความที่เป็นคนเข้าใจชีวิต
เข้าใจตนเองและผู้อื่น และมีจิตวิญญาณ
ที่สวยงามของเธอนั้น ที่ทำให้ผมหลงรักเธอ

“ผมเข้าใจดีครับ ผมแค่อยากเป็นส่วนหนึ่ง
ในชีวิตคุณ ไม่ว่าจะเป็นเศษเสี้ยวเล็กน้อย
สักเพียงใด

ไม่ว่ามันจะแค่ 1 วัน 1 เดือน 1 ปี หรือชั่วชีวิต
มันจะทำให้คนที่ยังไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกีบชีวิต
อย่างผมมี เป้าหมายในชีวิต…
เป้าหมายของผมคือ อยากเห็นรอยยิ้มของคุณ
ในทุกๆวัน และแค่อยากเห็นคุณ
มีชีวิตที่มีความสุข“


ผมฟังเสียงตัวเองพูด ไดอะล็อกที่เหมือน
คัดมาจากบทละครน้ำเน่า
ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่า ผมพูดออกไปได้อย่างไร

ผมเหลือบ มองดูดวงตาสวยคู่นั้น
โดยไม่รู้ว่าผมอุปทานคิดเข้าข้าง
ตัวเองไปเองหรือเปล่า
แต่ผมเห็นริ้วเรื่อชมพูบสงๆบนแก้มใสๆนั้น
พร้อมกับรอยยิ้มที่ผมจะไม่มีวันลืม


……เป็นเวลาครบหนึ่งปี ที่โชคชะตาชักพาเรา
ให้มารู้จักกัน
ผมนอนหนุนตักแฟนผม ใต้ร่มจามจุรีใหญ่เขียวครึ้ม
ขณะที่เธอนั่งกุมมือผมอย่างเงียบๆ
เราต่างถ่ายทอดความรู้สึกลึกซึ้ง
ให้กันและกัน โดยที่ไม่ต้องเอ่ยคำพูดใดๆ

สายลมพัดโชยเอื่อยๆ พร้อมกับเสียงเพลงคุ้นหู
ที่ล่องลอยมาตามลม
พอได้ยินเสียงเพลงนี้ พลันรอยยิ้มก็ปรากฏ
บนใบหน้าของเราทั้งสองคนโดยมิได้นัดหมายกัน…




“...หากฉันเพ่งมองตาเธอให้ลึกหน่อย
อย่างน้อยอาจทำให้ต้องเฉลียวใจ
ว่ามีความหมายใดซ่อนในดวงฤทัย
บ่งบอกความในใจ ที่ดวงตา

หากรู้ว่ารักเจ้ายังหลีกเร้นหลบ
ถ้าพบจะพาดวงใจเปี่ยมรักมา
แอบอารมณ์ละมุนอุ่นไอรักชักพา
ให้วิญญาสองเรารื่นสราญ

โอ้ ความรักนั่นอยู่ไหนไยจึงไม่เห็น
มองหาเช้าเย็น มิพบพาน
ใจเอ๋ยใจเรารักเขาหรือนั่น
ปล่อยรักนั้นให้เดินผ่านไป

หากฉันเพ่งมองตาเธอให้ลึกหน่อย
อย่างน้อยอาจทำให้ต้องเฉลียวใจ
ว่ามีความรักซ้อนซ่อนในดวงฤทัย
อาบอุ่นใจ สองเราเรื่อยมา...”


...ความในใจ...(เพลงประกอบละคร ปริศนา)
[ คำร้อง ทำนอง โดย อ.วิรัช อยู่ถาวร ]



…วันนี้ขึ้นมาทำงานที่ต่างจังหวัด
จึงมีช่วงเวลาที่ได้ มีโอกาสนั่งนิ่งๆสงบๆ
ปราศจากความวุ่นวาย ของโลกภายนอก
เขียนนิยายเรื่องแรกของ
ตัวเองให้จบเสียที หลังจากเขียนค้างเติ่งมานาน…

เชิญติติงได้โดยไม่ต้องเกรงใจนะครับ
จะได้นำไปพัฒนาการเขียนของตัวเองครับ

ในอนาคต อาจจะได้ไปมีอาชีพนักเขียน
จริงๆในช่วงวัยเกษียณ กับเขาบ้างก็ได้
…ใครจะไปรู้ จริงไหมครับ

…ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สู้อุตส่าห์
อดทนอ่านจนจบครับ…



     ...เธอเป็นเสมือนแดดอบอุ่นในยามเช้า
   ที่ปลุกฉันให้ตื่นขึ้นมายิ้มรับกับชีวิต

   และเป็นสายลมโชยอ่อนยามค่ำคืน
   ที่คอยปลอบประโลมยามที่ฉันเหนื่อยล้า
   และเห่กล่อมให้ฉันนอนหลับฝันดี…


วิญญูชน
14 ธันวาคม 2568



 22 
 บทกลอนไพเราะ / เรื่องสั้น แนวนิยาย / …ความในใจ (๓/๑)…
 เมื่อ: 14 ธันวาคม, 2568, 09:10:18 PM 
เริ่มโดย โซ...เซอะเซอ - กระทู้ล่าสุด โดย โซ...เซอะเซอ



“เดี๋ยวครับ แล้วผมจะติดต่อคุณได้อย่างไร
 ล่ะ…เอ่อ ครับ..”
เสียงประตูร้านปิดดังปัง ก่อนที่ผมจะพูดจบประโยค



(ภาคต่อจากตอนที่ ๒)
*** ถ้าท่านบังเอิญหลงเข้ามาอ่าน
กรุณาย้อนกลับไปอ่าน …ความในใจ…
ตอนที่ ๑ และตอนที่ ๒ ก่อนครับ***



…ความในใจ (๓)…


…เสียงปังของประตูนั้นเหมือนจะดังก้องอยู่ในหัวผม
ราวเกือบสิบวินาที พร้อมกับความรู้สึกแปลบๆ
ที่หัวใจ

ผมควรจะรีบก้าวตามไปขอคอนแทคจากเธอ
แต่ในความเป็นจริง ผมกลับยืนนิ่งงงอยู่
ปล่อยให้เธอเดินออกไปจากชีวิตของผม
ต่อหน้าต่อตา

เหมือนหลายๆครั้งที่ผมปล่อยให้โอกาสทั้งหลาย
ในชีวิต ผมหลุดลอยไป เพราะผมไม่กล้าพอที่จะ
เอื้อมมือไปไขว่คว้ามัน ในขณะที่โอกาสมาถึง

ตลอดทั้งอาทิตย์นั้น ผมเฝ้าวนเวียนกลับไปนั่ง
ที่ร้านกาแฟร้านเดิมนั้นทุกวัน
โดยพยายามบอกตัวเองว่า แค่ไปหาที่สงบๆ
นั่งจิบกาแฟ แต่ในใจลึกๆนั้น
ก็หวังว่าจะมีโอกาสได้พบเจอเธออีกครั้ง

แต่…ผมก็ไม่ได้พบเห็นเธออีกเลย
แม้แต่เงา

พอครบอาทิตย์ ผมก็เริ่มรู้สึกทุรนทุราย
ใจผมมีแต่ความเศร้าเหงาลึกๆ
เหมือนคนอกหัก ทั้งๆที่
ผมเคยเจอเธอแค่เพียงครั้งเดียว
และแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย

“…ไอ้บ้าเอ้ย…เอ็งเป็นอะไรไปวะ
เจอเขาแค่ครั้งเดียว ไม่รู้จักมักจี่
อะไรกับเขาด้วย ทำท่าจะเป็นจะตาย…
ไอ้อ่อนเอ้ย…เสียงในหัวเจ้าเก่าของผมดังขึ้น”


แต่ความปากแข็งแต่ใจอ่อน ซึ่งเป็นคุณสมบัติ
เด่นประจำตัวของผม…
…จึงมีอีกเสียงที่แอบ พูดเบาๆแทรกขึ้นมา
เบาๆว่า

“จงเชื่อในความรู้สึกของตัวเองสิ
เคยรู้สึกแบบนี้ กับใครที่พึ่งรู้จัก
มาก่อนรึ?”

“…ไอ้บ้าเอ้ย ต่อให้เอ็ง ค้นหาเขาจนเจอ
แล้วเขากลับทำเป็นไม่รู้จัก หรือจำเอ็งไม่ได้ล่ะ
หน้าแตกละเอียดเลยนะเว้ย
แล้วยังมี ยัยเพื่อนนางยักษ์ของเธออีก
เอ็งคงเจอเสียงหัวเราะเยาะ คำดูถูก ทับถม
เหยียบย่ำ จมธรณีเลยน่ะเว้ย

เอ็งทำเฉยๆ ไว้ดีกว่าจะได้ไม่ต้องเจ็บใจ
เอ็งจำไว้
…อะไรที่เป็นของเรา ก็ย่อมเป็นของเรา…
ไม่ต้องไปดิ้นรนหรอก
ถ้าเอ็งกับเขาเป็นเนื้อคู่กันจริง
เดี๋ยวก็ต้องมีเหตุให้มาพบเจอกันอีกเองล่ะ
หรือถ้าเขารู้สึกกับเอ็ง อย่างที่เอ็งรู้สึกนี้
เค้าก็ต้องแวะกลับมาที่ร้านนี้เพื่อหวัง
จะเจอเอ็งบ้างแหละ… เชื่อข้า
เอ็งจะได้ไม่ต้องเสียหน้า เสียฟอร์ม…“


ผมนั่งฟังเสียงในหัวของผมโต้เถียงกันไปมา
สักพัก
แต่แล้ว…เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่เจ้าเสียงเบาๆ
นิ่มๅ ในหัวของผมสามารถเอาชนะ ไอ้เสียงห้าว
ผู้ที่เคยเป็นฝ่ายชนะมาตลอดได้

ผมจึงรวบรวมความกล้า ตั้งปณิธานว่า
ผมจะค้นหาเธอให้เจอ

   คุณสมบัติหนึ่งที่ผมมี ที่พอจะเป็นประโยชน์
ในชีวิตที่ไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพายของผมบ้าง
คือการเป็นคนชอบ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ
เพราะตอนเด็กๆ ชอบอ่านนิยาย ลึกลับ
สืบสวนการฆาตกรรม อะไรทำนองนี้
(ซึ่งผมก็แอบภูมิใจเล็กๆ กระทั่งไปหาซื้อ
เสื้อทีเชิร์ต ที่มีตัวพิมพ์ ว่า คิด วิเคราะห์ แยกแยะ
ขนาดตัวเขื่องๆ อยู่กลางเสื้อ)

ผมจึงนั่งลำดับข้อมูลที่ผมรู้เกี่ยวกับตัวเธอ
- เธอชื่อ จูบจันทร์ (แต่ไม่รู้นามสกุล)
- จบอักษรศาสตร์ (แต่ไม่รู้สถาบันไหน)
- อายุประมาณ 28-30 ปี
- เป็นผู้พิการทางสายตา
- มีเพื่อนสนิทชื่อ สัตยสุรีย์
- ทำงานนิตยสารที่ชื่อ“กวีสีลูกกวาด” อะฮ้า…ผมอุทานอย่างตื่นเต้น

เริ่มจากจุดนี้แหละ ผม Google คำว่า “กวีสีลูกกวาด“ ทันที

“…ฮัลโหล…สวัสดีครับ นั่น นิตยสารกวีสีลูกกวาด“ใช่ไหมครับ
 ผมขอเรียนสายคุณจูบจันทร์ครับ”

“…เอ้อ วันนี้คุณจูบจันทร์ลาค่ะ มาทำงานพรุ่งนี้ค่ะ
จะฝากข้อความอะไรไว้ไหมคะ”

“…เอ่อ ไม่เป็นไรครับ”



…พอดีข้อความเกิน 2,000 คำ เลยต้องแยกเป็น2 ตอน
เชิญอ่านต่อ ที่ …ความในใจ (๓/๒)…ครับ


 23 
 บทกลอนไพเราะ / เรื่องสั้น แนวนิยาย / เสียงปืนจากดงไพร..กับเสียงหัวใจใครบางคน
 เมื่อ: 14 ธันวาคม, 2568, 08:40:03 PM 
เริ่มโดย Msp. - กระทู้ล่าสุด โดย Msp.
.
.
หลายวันแล้ว ที่พีรดามาอาศัยอยู่บ้านญาติ
จุดที่น้ำท่วมไม่ถึง
ฝนหยุดตกแล้ว
และระดับน้ำก็เริ่มลดลงเรื่อย ๆ
เหลือไว้แต่ร่องรอยของซากข้าวของเสียหาย
ที่ถูกน้ำพัดพากระจัดกระจาย

 และ..

“คราบน้ำตา..”

พีรดายังออกไปช่วยกู้ภัยอยู่บ้าง
ตามแต่จังหวะที่สถานที่และบริบทของงาน

ภาพจำในหัวของพีรดา มักวนเวียนซ้ำๆ
เหมือนกลัวเหตุการณ์ต่าง ๆ
มันจะถูกลืมไปเสียอย่างนั้น

-ความทรงจำยังฟุ้งเต็มหัวของพีรดา-


พีรดายืนอยู่หน้าฐานกู้ภัยชั่วคราว
รองเท้าบูทเปื้อนโคลน
กางเกงขายาวเหนียวติดขา
เสื้อผ้ายังมีคราบน้ำขุ่นเป็นวง ๆ
ผมที่เคยรวบเป็นมวยหลวม ๆ ตอนเช้า
คลายตัวรุ่ยลงมาปิดต้นคอบางส่วน

หัวใจของเธอยังเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
ไม่ใช่เพราะความเหนื่อยจากภารกิจที่ผ่านมาเพียงอย่างเดียว
ภาพบ้านชั้นสองหลังเล็กซึ่งเคยเป็นที่ปลอดภัยที่สุดในชีวิต
ผุดขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“พีรดา”

เสียงเรียกทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง
ดังชัดเหนือเสียงฝนเล็กน้อย
เหมือนมีใครปรับระดับไมค์
ให้พอดีกับโสตประสาทของเธอ
เธอหันไปมองตามเสียงนั้น

ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา
เขาสวมเสื้อกันฝนสีหม่น
ลากขอบเสื้อคลุมไปกับพื้นซีเมนต์เปียก ๆ
หมวกกันน็อกแบบครึ่งใบสีดำสนิทถูกดึงต่ำ
หมวกเสื้อกันฝนคลุมทับลงไปอีกชั้น

แถมยังมีผ้าปิดจมูกแบบสนามลงพื้นที่ปิดครึ่งล่างของหน้า
ไฟจากดวงสลัวด้านบนส่องย้อนเข้าหาเขาพอดี
ทำให้ใบหน้าของเขากลายเป็นเพียงเงามืด
เห็นได้แค่แนวกรามราง ๆ
และแสงสะท้อนที่กระทบดวงตาเป็นจุดเล็ก ๆ เท่านั้น

เขา?..คนบนเรือ

“จะกลับเข้าพื้นที่เหรอ” เขาถาม
เสียงไม่ดังมาก แต่มั่นคง

เหมือนคนที่ชินกับการพูด
ในสถานการณ์เสียงดังและวุ่นวาย

“บ้านฉันอยู่ในโซนที่น้ำยังขึ้นค่ะ”  พีรดา ตอบเขา
“และ…มีแมวอยู่ในนั้นหกตัว”

ชายคนนั้นนิ่งไปครู่หนึ่ง
เขาหันไปมองแผนที่สถานการณ์น้ำ
ที่ถูกติดอยู่บนผนังภารกิจเล็ก ๆ
แล้วก็พูดขึ้น ขณะที่ตายังมองแผนที่สถานการณ์

“เธอไปคนเดียวไม่ได้”
พอสิ้นเสียงเขาก็หันหน้ามาทางพีรดา
ที่จ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว

เหมือนเห็นคำถามในสายตาของพีรดา
ก่อนที่เธอจะเอ่ยอะไร เขาก็พูดต่อทันที

“มีเวลาไม่น่าจะเกินครึ่งชั่วโมง ขึ้นเรือ จับให้แน่น
เราจะอ้อมไปอีกทาง แล้วเดินเข้าไป”

พีรดา มองเขาด้วยความงุนงงประหลาดใจ

“เร็วเข้าสิ ยืนรอน้ำรึไง!  พีรดา ละล่ำละลัก
รีบขึ้นเรือทำตามที่เขาบอกอย่างงงๆ

……

เขาช่วยเอาแมวใส่ตะกร้าออกมาได้อย่างปลอดภัย..
พีรดาขอบคุณเขาด้วยเสียงเบา ๆ ที่
เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า

กริ๊ง.......  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พีรดาตกใจ
จนภวังค์หลุดจากความคิดเหล่านั้น

“วันนี้ไปช่วยคนที่ติดค้าง ไหวไหมดา”  

เพื่อนในทีมถามาเพื่อขอความความช่วยเหลืออีก

“ไหวจ้ะ”  
“ไหวนะดา แค่เวียนหัวนิดหน่อย
คนอื่นลำบากหนักมากกว่าเราเยอะ” พีรดาบอกกับตัวเอง

....

“วันนี้น้ำลดลง แต่ยังต้องใช้เรืออยู่
บางจุดอาจได้ลุยน้ำนะ เตรียมตัวให้พร้อม!

เสียงคุ้นคนบนเรือ  จนพีรดาต้องหันไปมอง
เขาสวมโม่งกับหมวกใบเดิม

“ใส่อะไรนักหนาวะ”  พีรดาหงุดหงิด
เหมือนอยากเห็นหน้าเขาเล็กน้อย

“อย่าบอกนะว่าต้องไปกับทีมตานี่อีก ดุชิปหาย”  
พีรดานึกในใจพลางเดินขึ้นเรือ

และสายตาก็เหลือบไปเห็นบัตรประจำตัวเขา “ปภาวิน”
“ปภาวิน งั้นเหรอ” พีรดาเอ่ยชื่อเขาเบาๆ

วันนี้ทั้งวันไม่มีแดดเลย
ฝนไม่ได้หยุดตกเสียทีเดียวแต่มันปรอย ๆ
สลับกับแดดออกจางๆ
ฝนตกในฤดูหนาว ก็ยิ่งหนาว  

เสร็จภาระกิจ
คืนนั้นพีรดา
ไข้ขึ้นสูง
หัวหนัก
ตัวร้อน
ลมหายใจติดขัด
เหมือนร่างกายกำลังพังทลายลงเงียบ ๆ
ในที่ที่ไม่มีใครเห็น
และในคืนนั้นเอง…

“ปัง!”  เสียงปืนดัง
ฉีกผ่าอากาศอย่างรุนแรง
พื้นดินสะเทือน
แรงสั่นสะเทือนแล่นขึ้นมาตามฝ่าเท้า
จนหัวใจสะดุดวูบ
กลิ่นดินไหม้
กลิ่นควัน
และกลิ่นโลหะร้อน
ลอยคลุ้ง บีบลมหายใจจนแทบหายใจไม่ออก
พีรดายืนอยู่ท่ามกลางสนามรบ
ไม่ใช่ภาพข่าว
ไม่ใช่หน้าจอโทรทัศน์
แต่เป็นความจริงที่อยู่ตรงหน้า
ผู้คนในชุดลายพรางเคลื่อนไหวรวดเร็ว
เสียงสั่งการตะโกนแข่งกับเสียงปืน
ฝุ่นควันบดบังท้องฟ้า
โลกทั้งใบหม่นเทา
ราวกับถูกกลืนกินด้วยความโกลาหล
เธอไม่รู้ว่ามาที่นี่ได้อย่างไร
รู้เพียงว่า
หัวใจเต้นแรง
และสัญชาตญาณบางอย่างในร่างกาย
กำลังตื่นขึ้น
รุนแรง
ชัดเจน

“หมอบ!”

เสียงตะโกนดังขึ้นใกล้ตัว
ก่อนที่แขนแข็งแรงจะดึงเธอเข้าไป
หลบหลังแนวกำบังอย่างรวดเร็ว
แรงนั้นมั่นคง
เด็ดขาด
และคุ้นเคยอย่างประหลาด
พีรดาเงยหน้าขึ้น
ชายในชุดทหารยืนบังเธอไว้
หมวกเหล็กบดบังใบหน้า
แต่ดวงตาคมเข้มคู่นั้น—
เธอจำได้ทันที
เป็นเขาแน่นอน “ปภาวิน”
แม้ไม่เคยเห็นหน้า
แต่หัวใจกลับรู้จักเขาดีเหลือเกิน

“อยู่นี่ อย่าขยับ”

น้ำเสียงดุ ลดต่ำลง
แทบจะกระซิบ แต่หนักแน่นราวกับคำสัญญา

มือของเขากกระชับหัวไหล่
กดนิ้วโป้งลงแนบหลังอย่างเผลอไผล
เหมือนเป็นสัญญาณว่า ยังอยู่ปกป้องเธอ

ในวินาทีนั้น
พีรดารับรู้ถึงกลิ่นบางอย่าง
ไม่ใช่ควัน
ไม่ใช่ดิน
เป็นกลิ่นอุ่น ลึก และหนักแน่น
กลิ่นที่ทำให้หัวใจสั่น
ร่างกายอ่อนยวบโดยไม่รู้ตัว

อัลฟ่า…

คำนี้ผุดขึ้นมาในหัว
ทั้งที่เธอไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้จริงจัง
ที่นี่ที่ไหน..ฝันเหรอ “เรากำลังฝันเหรอ”
แต่มันชัดเจนเกินจะปฏิเสธ

“โอเมก้าไม่ควรอยู่แนวหน้า”

เขาพูดเสียงต่ำ
เหมือนตำหนิ
เหมือนห่วงใย
และเหมือนกำลังย้ำกับตัวเอง

พีรดาเริ่มรู้สึกถึงร่างกายตัวเองที่ไม่ได้เป็นเธอ
เธอคือโอเมก้า!
เธออยากเถียงเขา
อยากบอกว่าเธอไม่อ่อนแอ
อยากยืนหยัดด้วยตัวเอง

ปัง!

เสียงปืนดังขึ้นอีกครั้ง
แรงอัดกระแทกจนร่างเธอเซ
เขาคว้าเธอไว้ทัน
แขนแข็งแรงรัดรอบเอว
กอดแน่น
ราวกับไม่ยอมให้โลกแยกเธอออกไป

“อย่าเสี่ยง”


เขากระซิบ
ใกล้จนลมหายใจร้อนผ่าวข้างหู
ท่ามกลางเสียงปืน
เสียงระเบิด
เสียงร้องของผู้คน
อ้อมแขนของเขา
กลับเป็นที่เดียว
ที่พีรดารู้สึกปลอดภัย

เมื่อเสียงปืนเงียบลง
เขาค่อย ๆ คลายแรงกอด
ช้าๆ
ราวกับกำลังชั่งใจ
มือที่ควรปล่อย
กลับค้างอยู่ อีกเพียงวินาที
พอร่างเธอเป็นอิสระ
ความหนาวก็ไหลกลับเข้ามาแทนที่
อย่างรวดเร็ว
พีรดาเพิ่งรู้ตัวว่า
เธอขาดอะไรไป

เขาถอยออก
หมวกกันฝนบังใบหน้า
เห็นเพียงดวงตาคมเข้ม
นิ่ง
ระวัง
และอบอุ่นอย่างไม่น่าเชื่อ

“โอเคไหม”

คำถามสั้น ๆ
แต่สายตานั้นตรวจสอบทุกอณู
เหมือนจะไม่ยอมให้เธอแตกสลายตรงหน้า
พีรดาพยักหน้า
ทั้งที่หัวใจยังเต้นแรง
ร่างกายยังจดจำอ้อมแขนนั้นได้ชัดเจน
และในวินาทีนั้นเอง

เธอก็รู้ว่า—
ต่อให้เสียงปืนจะดังอีกกี่ครั้ง
หัวใจของเธอ
ได้เลือก จำสัมผัสนี้
ไว้ก่อนความกลัวทั้งหมดแล้ว

ดินแดนแห่งสรามนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่าย
เธอเห็นทหารบาดเจ็บ
เห็นผู้คนล้มลง
เห็นความสูญเสียที่ไม่มีฝ่ายใดชนะจริง ๆ
เหมือนภาพข่าวชายแดน
ที่เธอเพิ่งอ่านผ่านตา
ทำไมเธอต้องมาอยู่ในสถานการณ์นี้
อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงไปได้
หัวใจเธอหนักอึ้ง
เหมือนน้ำที่ยังไม่แห้ง
เหมือนโลกทั้งใบ
กำลังแบกรับความเจ็บปวดไว้พร้อมกัน

“พอแล้ว…”

เธอพึมพำ
เสียงเบาจนแทบไม่ใช่คำพูด
แสงสว่างวาบขึ้นรอบตัว
เสียงปืนค่อย ๆ เลือนหาย
ภาพสนามรบแตกสลาย
ราวกับหมอกถูกลมพัดพาเลือนหายไป

—
พีรดาสะดุ้งตื่น
เหงื่อชุ่มทั้งตัว
หัวใจเต้นแรง
จนรู้สึกเจ็บแน่นอก
เสียงฝนยังดังอยู่ข้างนอก
เพดานห้องนิ่งสงบ
ไม่มีควัน
ไม่มีเสียงปืน
มีเพียงร่างกายที่อ่อนแรง
และหัวใจที่ยังไม่หายสั่น

“ฝันบ้าอะไรเนี่ย!…”

เธอพึมพำ
ก่อนจะหัวเราะแผ่ว ๆ อย่างขำตัวเอง
คงเป็นเพราะดูซีรีส์วายมากไป
หรือไม่ก็เพราะข่าวสถานการณ์ชายแดน
ที่เธอเปิดฟังทั้งวัน
ภาพเหล่านั้นเลยหลอมรวม
เข้ากับความอ่อนล้า
จนกลายเป็นฝันประหลาด

แต่ถึงจะบอกตัวเองแบบนั้น
ดวงตาคมคู่นั้น
และเสียงดุแต่ห่วงใย
กลับยังชัดเจนในความทรงจำ

“ทำไมต้องมายุ่ง แม้กระทั่งในฝันของฉันได้วะเนี่ย!
พีรดา บ่นกับตัวเองบนที่นอนก่อนลุกจากเตียง

เช้าวันใหม่
พีรดายังมีภารกิจต้องออกไปช่วยเหลือผู้คน
ยังมีน้ำท่วม
ยังมีข่าวการสู้รบ
ที่ทำให้หัวใจหดหู่
เธอลุกขึ้นนั่ง
สูดลมหายใจลึก
แล้วบอกตัวเองเบา ๆ

“โลกมันโหดร้ายก็จริง…

แต่ตราบใดที่เรายังเลือกจะยืนอยู่ข้างกัน
เราก็ยังไม่แพ้”


masapaer




 24 
 บทกลอนไพเราะ / กลอนคลายเครียด / Re: 4 คำกำหนด เป็นกลอน 1 บท
 เมื่อ: 14 ธันวาคม, 2568, 08:37:53 PM 
เริ่มโดย จั่นเจา - กระทู้ล่าสุด โดย พิกุลแก้ว
เลือกเดินทางอ้างแรมในวันหยุด
มือปักหมุดคาเฟ่ไร้แสงสี
มีของว่างทางร้านแถมให้ฟรี
บรรยากาศก็แสนดี..ในนิยาย.

นกกระยาง ห่านดุ แมวน้อย กบอ้วน

 25 
 บทกลอนไพเราะ / กลอนให้แง่คิด / นาฬิกาที่เดินช้า
 เมื่อ: 14 ธันวาคม, 2568, 08:31:19 PM 
เริ่มโดย พิกุลแก้ว - กระทู้ล่าสุด โดย พิกุลแก้ว


การรอคอยสิ่งใดด้วยความหวัง
เหมือนเวลาถูกตั้งสั่งเดินหน้า
อยากให้ถึงวันนั้นเสมอมา
แต่กลายกลับเชื่องช้าหรือห่างไกล

ทั้ง-ทั้งที่เวลาไม่เคยหยุด
และไร้แนวสิ้นสุดหยุดตรงไหน
ไม่เคยแม้เพียงแตะถึงซึ่งเส้นชัย
ปล่อยเวลาเดินไปคนละทาง

ความหวังจึงเชื่องช้าพาแห้งโหย
ความอ่อนล้าลาโรยทุกก้าวย่าง
กาลเวลาเลื่อนหา"การปล่อยวาง"
อยู่ ณ เส้นสายกลางหว่างเวลา.


 26 
 คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน / หมวดศิลปกรรม / Re: "ลายไทย" คุณค่าศิลปะที่ไม่ควรลืม
 เมื่อ: 14 ธันวาคม, 2568, 08:19:29 PM 
เริ่มโดย พิกุลแก้ว - กระทู้ล่าสุด โดย Msp.
แหม

มาทีนะลีลาว่าเตือนตัก
เล่นซะหักมุมหมุนวุ่นหัวหัน
หลบลูกดอกศอกตีหนีไม่ทัน
เหมือนกำปั้นฟันหน้าพี่บ้าเอ๊ย!

ปากยังดีเดี๋ยวสักปักสักเข็ม
เอาให้เต็มสยิวเต็มผิวเผย
จะให้เนียนเขียนกริบเลือดซิบเลย
ใครอย่าเย้ยฝีสักจากเราเชียว

เป็นช่างสักสักแต่ว่านะคุณพี่
ลองหน่อยซีดีนะอย่าพึ่งเสียว
ระดับจั่นยาชาทานิดเดียว
เข็มเท่าเคียวเต็มเนื้อเผื่อชอบใจ


msp.

ค่าาาา  น้องเป็นช่างสักนี่คะ สะอาดปลอดภัย
ช่างสัก สักแต่ว่า ทำไปเรื่อย 555

 27 
 คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน / หมวดศิลปกรรม / Re: "ลายไทย" คุณค่าศิลปะที่ไม่ควรลืม
 เมื่อ: 14 ธันวาคม, 2568, 06:31:03 PM 
เริ่มโดย พิกุลแก้ว - กระทู้ล่าสุด โดย จั่นเจา



เที่ยวทึกทักสักเถื่อนเกลื่อนตลาด
เรียนงานวาดอิงแอบออกแบบผ้า
โปรสักกายขายแรงแทงกายา
ท้วงเตือนว่าหากเชื่อมิเหลือดี

ด้วยรู้ทันวันก่อนเกิดตอนสัก
กดเข็มหักเห็นมาฝังคาที่
ลูกค้าน๊อคช๊อคกระจายหลายนาที
หมอคนนี้วิ่งกรูเรียกกู้ภัย

จุกเจ็บจบทบทวนชักชวนเชื่อ
เสี่ยงพร่ำเพรื่ออย่าลองจงมองใหม่
"หมอตระกร้า"ยาดีหลบหนีไกล
ระวังไว้หากแย่เกินแก้ทัน


เตือนแล้วนะ

Jannjao

 28 
 บทกลอนไพเราะ / กลอนคลายเครียด / Re: ว่างครับ
 เมื่อ: 14 ธันวาคม, 2568, 12:30:19 PM 
เริ่มโดย กวินพัฒน์ - กระทู้ล่าสุด โดย ยูริน
วันอาทิตย์แม่ปลุกลุกมาถาม
หาคนงามสะใภ้แม่ไม่ขำ
รีบตอบไวไปหานะรีบทำ
เจ็บซ้ำซ้ำอย่ากลัวหนอเดี๋ยวก็ชิน


ยูริน


  เขียนเมื้อกี้สองบท ไปกดอะไรไม่รู้ไม่โพสเลย 55

งานเข้าพอดีมาอีกทีได้บทเดียว

 29 
 คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน / คุยได้ทุกเรื่อง / Re: แอบมาบ่น
 เมื่อ: 14 ธันวาคม, 2568, 11:52:24 AM 
เริ่มโดย Msp. - กระทู้ล่าสุด โดย ยูริน
พลอยรู้สึกดีไปด้วยนะคะ อยากมีเวลาเหมือนเมื่อก่อนออนได้ทั้งวัน
ภาระกิจครอบครัวมันเยอะ ก็ห่างไปบ้าง แต่คิดถึงที่นี่เสมอค่ะ

 

ยูริน

 30 
 คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน / คุยได้ทุกเรื่อง / Re: แอบมาบ่น
 เมื่อ: 14 ธันวาคม, 2568, 11:21:19 AM 
เริ่มโดย Msp. - กระทู้ล่าสุด โดย กวินพัฒน์
 วันนี้เป็นวันที่ผมสบายใจแปลก ๆ รู้สึกเขียนกลอนมันสนุกและผ่อนคลาย
ถึงจะมีงานและเรื่องวุ่น ๆ ให้ไปทำ แต่กลับรู้สึกสบาย ๆ รู้สึกใจอยู่ที่กลอน
หายใจเป็นกลอน เหมือนคำในหัวมันมาเรื่อย ๆ อยากขอบคุณที่ผ่านมาเจอนะครับ

หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 10
Powered by SMF 1.1.15 | SMF © 2006-2009, Simple Machines LLC
Simple Audio Video Embedder
| Sitemap
NT Sun by Nati

หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.141 วินาที กับ 29 คำสั่ง
กำลังโหลด...