สีสิตางศุ์พรางตนอย่างยลแยบ
ซุกซ่อนแอบแนบชิดสนิทสม
แสงระเรื่อเนื้อนวลช่างชวนชม
อภิรมย์พรมพราวหมู่ดาวเดือน
แสงนวลน้อยร่อยริบกระพริบถอย
เวลาคล้อยลอยลวงระล่วงเหมือน
นภาค่ำดำมืดยาวยืดเยือน
เริ่มลางเลือนเดือนดับเมื่อลับวัน
ไร้สำเนียงเสียงสรรพสดับสิ้น
เคยยลยินผินนวลอบอวลฝัน
ไม่มีแล้วแก้วตาสู่หากัน
เธอจำพรากจากฉันนิรันดร
น้ำตาน้อยรอยรางเป็นทางหลาก
อาบสองฟากปากแย้มพวงแก้มช้อน
ไหลรินหล่นล้นหล้าหลากอาทร
ล้านอาลัยอาวรณ์คร่ำครวญใจ
จะขาวดำค่ำเช้าเจ้าเฝ้าหวง
หลงติดบ่วงลวงล่อพนอใช้
จะสถิตย์สถาน ณ ลานใด
เพียงถักใยให้เหมาะเฉพาะตน
สีสิตางศุ์ห่างเร้นไม่เห็นชัด
ขุ่นเคืองขัดปัดป้องหลบล่องหน
ทุกราตรีที่ผันสวรรค์ยล
หลากผู้คนบนบานประสานมือ
สีสิตางศุ์ห่างเร้นไม่เห็นแล้ว
เจ้าดวงแก้วแววฟ้าระอาหรือ
สิ้นแสงส่องยองใยสดใสคือ-
ไม่อาจยื้อถือรอดตลอดเอย
"สิตางศุ์"
จริงๆแล้วผมเขียนสิตางศุ์ก่อน ต่อด้วยพันแสง แล้วต่อด้วยทิ้งถ่วงครับ