O ฝนห่มลมเห่..ที่เขลางค์...O
O อัสนีครวญคร่ำ..แสงรำร่าย
เมื่อแววตาเหลือบชายฝ่าสายฝน-
บอกถึงความอ่อนไหวของใจคน-
กลางเสียงครื้นคำรณ..ที่บนฟ้า
O หยาดน้ำหล่นร่วง..กลางห้วงหน-
ก่อนลิ่วหล่นพรากแถนทั้งแสนห่า-
เยี่ยงอาวรณ์หล่นแล้วในแววตา
เสน่หาแสนอบอุ่น..ก็หมุนรอ !
O เจ้าดอกจามจุรี...
เมื่อลมวีวาดผ่าน, ทั้งก้านช่อ-
ก็ไหวรูปรุมเร้าพะเน้าพะนอ-
รับรื่นหล่อเลี้ยงนวล..ให้ชวนชม
O งามกลีบอ่อนเนียนเกลี้ยงจักเบี่ยงรูป-
รับโลมลูบลมล้อมเข้าห้อมห่ม
เนียนรูปปรางรอบล้อม, ที่จ่อมจม-
คืออารมณ์ถวิลชู้..ไม่รู้วาง
O โอภาสเคยรองเรื่อที่เหนือฟ้า
บัดนี้ลาลับถิ่นแต่สิ้นสาง
เหลือหม่นมืดโรยตัวอยู่ทั่วทาง
พร้อมแววอ้างว้างกลั้วอยู่ทั่วตา
O เมื่อเม็ดฝนหล่นลิ่ว..ลมพลิ้วผ่าน-
ความอ่อนหวานทุกรอยก็คอยท่า
มีหัวใจ..มีขวัญ..คอยบัญชา
ปรารถนาซ่อนเร้นก็เค้นใจ
O คลื่นฝนห่มลมเห่..ที่เขลางค์
จนฟ้ากว้างสิ้นบทความสดใส
ธารดาวเคยวาบกระพริบ..ที่ลิบไกล-
กลับสิ้นไร้รูปรอยให้คอยรอ
O ร่วงหล่นเม็ดลงพื้นแล้วตื่นแตก-
เป็นรูปน้ำเหยียดแยกขึ้นแตกช่อ
เมื่อนันย์ตาลอบชาย..เหมือนฉายทอ-
แววออดอ้อนเคลียคลอ..ให้ทรมาน
O โอ..ระทึกสั่นไหว..อกใครหนอ-
ฤๅ - เพียงพอเร้นซ่อนความอ่อนหวาน ?
เสียงกระซิบแทรกทรวง..ในช่วงกาล-
ฤๅ - อาจต้านทานอยู่..แม้ครู่เดียว ?
O อัสนีครวญคร่ำ..แก้มก่ำนั้น-
ก็แทรกขวัญให้ละห้อย..แต่คอยเหลียว
บนผืนฟ้าร้างจันทร์เคยหันเรียว
เมื่อใจเหนี่ยวโน้มงามลงล่ามคา
O อัสนีผาดโผน..แสงโชนช่วง
เมื่อความหวงแหนโฉมนั้นโถมถา-
เวียนระลอกในทรวง..ทุกช่วงวา-
ระที่อาวรณ์ถวิล..ยังดิ้นรน
O หล่นเม็ดลงร่วงแตก..กระแทกพื้น
พร้อมลมรื่นโรยช่วงผ่านห้วงหน
หัวใจอีกดวงหนึ่ง..คล้ายอึงอล-
ภาวะปนปลาบช่วง..อีกดวงตา
O หล่นหยาดร่วงย้อย..ดั่ง-พลอยเพชร-
ร่วงหล่นเม็ดยอแสงสำแดงค่า
เมื่ออาวรณ์อาลัย..วาบไหวมา-
ก็เหมือนว่า..วาบล่วงถึงดวงใจ
O ความอบอุ่น..อ่อนหวาน ก็ปานว่า-
จะเผยออกแก่ตาจนพร่า..ไหว
มีอาทรโอบเอื้อด้วยเยื่อใย-
เริ่มหลั่งไหลหล่อหลอมให้ยอมตน
O ลมเอย..ฝากเสียงกระซิบสั่ง-
ถึงอีกฝั่งโค้งฟ้า..กลางห่าฝน
ช่วยหอบความอาวรณ์สุมซ้อนบน-
ความอึงอลสั่นรัว..อีกหัวใจ
O ฝนเอย..ฝากเสียงกระซิบผ่าน-
แทรกโสตคราญโอบขวัญ..พาสั่นไหว-
ด้วยอาวรณ์ปรารถนา..ด้วยอาลัย
พร้อมอบอุ่นโลมไล้..จนใฝ่คอย
O หยาดน้ำยังหล่นร่วง..กลางห้วงหน-
ฟ้าเบื้องบนเย็นเยียบ, ความเงียบหงอย-
กลับร่วงร้างบริบท..จนหมดรอย
แววชม้อยชม้ายรับ..ก็วับวาว
O ระยิบเอยแววตา..ใต้ฟ้าต่ำ
เปล่งประกายร่ายรำในค่ำหนาว
ข่มโอภาสโชนช่วงทุกดวงดาว-
ยอแสงพราวพร่างสู่..ถึงผู้เดียว !
O ระยิบเอยแววตา..ใต้ฟ้าหม่น
เหมือนคอยปนปลาบรอยให้คอยเหลียว
สายเยื่อใยม้วนพันเอาฟั่นเกลียว-
โอบรัดเหนี่ยวใจกาย..สุดคลายแล้ว !