philoflanguage.files.wordpress.com
oknation.net/blog
พลิกตำนาน ปี่ พระอภัยมณี สำคัญไฉน มีที่มาอย่างไร
โพสต์เมื่อ : 21 พฤษภาคม 2551 เวลา 10:01:01
แกะรอยความรู้ สุจิตต์ วงษ์เทศ ไปดูกันว่า เหตุใด "พระอภัยมณี" ถึงต้อง "เป่าปี่"
และ "ปี่" ที่ได้นั้น มาจากไหน?
พระอภัยมณี ได้ปี่มาจากไหน?
สุจิตต์ วงษ์เทศ ปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ พระราชพงศาวดาร และอื่นๆ
โดยเฉพาะงานนิพนธ์ ซึ่งนิยมชมชื่นการเขียนบทกวี รวมถึงบทเสภา เคยเขียนถึง "สุนทรภู่"
ไว้ในหนังสือหลายเล่ม หลายวาระและหลายโอกาส ในวันนี้ กรณีของสุนทรภู่ ถูกหยิบยกมาเป็นหัวข้อ
คุยลั่นดังไปทั้งเมือง เมื่อ "ปี่ของพระอภัยมณี" ที่ตั้งอยู่กลางสวนสาธารณะในเมือง จังหวัดระยอง
ถูกมือดีฉกไป ชนิดที่คาดไม่ถึง
ปี่ของพระอภัยมณี ทำจากโลหะสำริด ทั้งที่เอาไปแล้วก็ขายไม่ได้ราคา จะเอาไป
เป็นของสะสม ก็ช่างกระไรอยู่ ดังนั้น เพื่อสร้างความเข้าใจมากยิ่งขึ้น สุจิตต์ วงษ์เทศ มีเรื่องเล่า
ของสุนทรภู่ ว่า เหตุใดพระอภัยมณีถึงต้องมีปี่ และปี่นั้นสำคัญไฉน
สุจิตต์ เขียนไว้ในหนังสือชื่อ สุนทรภู่ ครูเสภา และทะเลอันดามันว่า .....ตอนนั้น
พระอภัยมณีอายุ 15 ปี ส่วนศรีสุวรรณ อายุ 13 ปี ถูกพระบิดาสั่งว่า
พระลูกรักจักสืบวงศ์กษัตริย์ จงรีบรัดเสาะแสวงแห่งสถาน
หาทิศาปาโมกข์ชำนาญชาญ เป็นอาจารย์พากเพียรเรียนวิชา
พระอภัยมณีรักวิชาดนตรี เพราะ "หมายว่าเพลงดนตรีนี้ดีจริง"
และเชื่อว่า "ถึงการเล่นเป็นที่ประโลมโลก"
ก็ช่วยให้ ได้ดับโศกสูญหายทั้งชายหญิง
แต่ค่าเรียนดนตรีแพงมาก พราหมณ์ผู้สอนปิดประกาศว่า "ถ้ามีทองแสนตำลึงมาถึงใจ
จึงจะได้ศึกษาวิชาการ" พระอภัยมณีไม่มีทอง จึง "เอาธำมรงค์ทรงนิ้วดัชนี ให้พราหมณ์ตีค่า
แสนตำลึงทอง" แล้วก็ได้เรียนวิชาเป่าปี่กับอาจารย์ชื่อ พินทพราหมณ์รามราช
แล้วพาไปยอดเขาให้เป่าปี่ ที่อย่างดีสิ่งใดก็ได้สิ้น
แต่เสือช้างกลางไพรถ้าได้ยิน ก็ลืมกินน้ำหญ้าเข้ามาฟัง
ประมาณเสร็จเจ็ดเดือนโดยวิตถาร พระกุมารได้สมอารมณ์หวัง
สิ้นความรู้ครูประสิทธิ์ไม่ปิดบัง จึงสอนสั่งอุปเท่ห์เป็นเล่ห์กล
ถ้าแม้นว่าข้าศึกมันโจมจับ จะรบรับสารพัดให้ขัดสน
เอาปี่เป่าเล้าโลมน้ำใจคน ด้วยเล่ห์กลโลกาห้าประการ
คือรูปรสกลิ่นเสียงเคียงสัมผัส เกิดกำหนัดลุ่มหลงในสงสาร
ให้ใจอ่อนนอนหลับดังวายปราณ จึงคิดอ่านเอาชัยเหมือนใจจง
เมื่อสอนวิชาเป่าปี่สำเร็จแล้ว พินทพราหมณ์รามราชมอบปี่ให้พระอภัยว่า
"แล้วให้ปี่ที่เพราะเสนาะเสียง ยินสำเนียบถึงไหนก็ไหลหลง" พร้อมกับคืนค่าสอนวิชา
ดนตรีคือ "อวยพรพลางทางหยิบธำมรงค์ คืนให้องค์กุมาราแล้วว่าพลัน" แล้วอธิบายว่า
ซึ่งดนตรีตีค่าไว้ถึงแสน เพราะหวงแหนกำชับไว้ขับขัน
ใช่ประสงค์ตรงทรัพย์สิ่งสุวรรณ จะป้องกันมิให้ไพร่ได้วิชา
ต่อกษัตริย์เศรษฐีที่มีทรัพย์ มาคำนับจึงได้ดังปรารถนา
จึงคืนเข้าบุรีรักษ์นครา ให้ชื่นจิตพระบิดาและมารดร
ฝ่ายศรีสุวรรณเมื่อเรียนวิชากระบี่กระบองสำเร็จก็ได้สิ่งของคืนเช่นเดียวกัน แล้วพากัน
กลับบ้านเมือง เมื่อกราบทูลพระบิดาให้ทรงทราบจึงถูกกริ้วว่า
อันดนตรีปี่พาทย์ตะโพนเพลง เป็นนักเลงเหล่าโลนเล่นโขนหนัง
แต่พวกกูผู้หญิงที่ในวัง มันก็ยังเรียนร่ำได้ชำนาญ
อันวิชาอาวุธแลโล่เขน ชอบแต่เกณฑ์ศึกเสือเชื้อทหาร
เป็นกษัตริย์จักรพรรดิพิสดาร มาเรียนการเช่นนั้นด้วยอันใด
ว่าแล้วก็ขับไล่ไสส่งว่า "จะให้อยู่เวียงวังก็จังไร ชอบแต่ไสคอส่งเสียจากเมือง"
พระอภัยมณีกับศรีสุวรรณเมื่อถูกขับออกจากเมืองแล้ว แต่เดินทางกลางเถื่อนได้เดือนเศษ
ออกพ้นเขตเขาไม้ไพรสิงขร ถึงเนินทรายชายทะเลชโลทร ในสาครคลื่นลั่นสนั่นดัง
ต่อมาได้พบกับสามพราหมณ์ชื่อ โมรา สานน และ วิเชียร เมื่อไต่ถามความรู้กันแล้ว
สามพราหมณ์สงสัยวิชาของพระอภัยมณีว่า "ดนตรีมีคุณที่ข้อไหน หรือใช้ได้แต่ข้างเที่ยว
เกี้ยวผู้หญิง" พระอภัยมณีอธิบายว่า
พระฟังความพราหมณ์น้อยสนองถาม จึงเล่าความจะแจ้งแถลงไข
อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไร ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์
ถึงมนุษย์ครุฑาเทวราช จตุบาทกลางป่าพนาสิณฑ์
แม้นปี่เราเป่าไปให้ได้ยิน ก็สุดสิ้นโทโสที่โกรธา
ให้ใจอ่อนนอนหลับลืมสติ อันลัทธิดนตรีดีนักหนา
ซึ่งสงสัยไม่สิ้นในวิญญาณ์ จงนิทราเถิดจะเป่าให้เจ้าฟัง
เมื่อพระอภัยมณีอธิบายเสร็จ แล้วหยิบปี่ที่ท่านอาจารย์ให้ เข้าพิงพฤกษาไทรดังใจหวัง
พระเป่าเปิดนิ้วเอกวิเวกดัง สำเนียงวังเวงแว่วแจ้วจับใจ เพลงปี่ที่พระอภัยมณีเป่าให้สามพราหมณ์ฟัง
มีเนื้อความว่า
ในเพลงปี่ว่าสามพี่พราหมณ์เอ๋ย ยังไม่เคยชมชิดพิสมัย
ถึงร้อยรสบุปผาสุมาลัย จะชื่นใจเหมือนสตรีไม่มีเลย
พระจันทรจรสว่างกลางโพยม ไม่เทียมโฉมนางงามเจ้าพราหมณ์เอ๋ย
แม้นได้แก้วแล้วจะค่อยประคองเคย ถนอมเชยชมโฉมประโลมลาน
(มีต่อ โพสท์ 2 # ครับ)
ขอบคุณครับ
ศิลาสีรุ้ง
๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๗
mgr.manager.co.th/asp-bin
ขอบคุณภาพจาก Internet ครับ
[/color]