คำนำ
พระนลเป็นนิทานเรื่องหนึ่งในคัมภีร์มหาภารตะ ซึ่งกล่าวกันว่า
พระมุนีผู้หนึ่งได้เล่าประทานแก่กษัตริย์ปาณฑพนาถ ผู้สูญเสียราชสมบัติ
ต้องซัดเซ พเนจร อยู่กลางป่า เพื่อเป็นกำลังใจ ให้มั่นในความดีงาม ต่อสู้ชีวิต
ด้วยความอดทน เช่นพระนลและทมยันตี เดิมเป็นโศลกภาษาในภาษาสันสกฤต
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์เป็นภาษาไทยเป็นครั้งแรก
โดยใช้ฉันทลักษณ์ไทยหลากหลาย เช่น
ประเภทร่าย ร่ายสุภาพ, ร่ายยาว, ร่ายโบราณ, กลอนร่าย (อย่างเทศน์มหาชาติ),
ประเภทโคลง โคลง ๒, โคลง ๓, โคล ๓ ดั้น, โคลง ๔ สุภาพ, โคลงวิชชุมาลี,
โคลงสินธุมาลี, โคลงจิตรดา, โคลงมหาจิตรลดา, โคลงนันทะทายี,
โคลงมหาทันทะทายี, และโคลงกลบท,
ประเภทฉันท์ อินทรวิเชียรฉันท์, วสัตตติลกฉันท์, ภุชงคประยาตฉันท์
ประเภทกาพย์ กาพย์ยานี, กาพย์สุรางคนางค์, กาพย์ห่อโคลง,
กาพย์ดึกดำบรรพ์ (ฉบงง)
ประเภทกลอน กลอนเพลงยาว, กลอนบทละคร,กลอนเสภา,
การแต่งนิทานพระนลคำกลอนนี้ มิใช่การแปลงฉันทลักษณ์ต่าง ๆ
ในพระนลคำหลวงมาเป็นกลอนสุภาพแต่อย่างใด หากแต่เป็นการศึกษา
เรื่องราวทั้งหลาย แล้วนำมาเล่านิทานเป็นคำกลอน ส่วนคำพรรณนาความซ้ำ ๆ
เพื่อย้ำให้เกิดอารมณ์ลึกซึ้ง อย่างการเทศน์มหาชาตินั้นได้ตัดออกไปบ้าง
มีการเสริมเติมแต่งในทัศนะของผู้เล่านิทานเองบ้าง ทั้งนี้หมายให้เกิดเป็นสิ่งที่ดี
ด้วยความเทิดทูนบูชา “พระนลคำหลวง” และบูรพกวี ซึ่งพระองค์ทรงใช้พระนาม
ตามปกหนังสือว่า สมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทร มหาวชิราวุธ
พระบาทสมเด็จพระมงกฎเกล้า เจ้ากรุงสยาม ไว้เป็นอย่างสูงยิ่ง
ธนุ เสนสิงห์
นมัสการกถา
๏ มโนประณตน้อม บูรพ์ครู
ทูลเทิดองค์วิญญู พุทธเจ้า
ปวงเทพท่านวิทู จบโลก สวรรค์เฮย
เชิญท่านลงปกเกล้า ก่อเกื้อปัญญา
๏ สักการะพระพุทธ ธ วิสุทธิ์ศาสดา
ประทานพระธรรมมา แลพระสงฆ์ผู้ทรงคุณ
๏ ข้าจะประพนธ์บรรณ เรื่องนิรันดร์เอกอดุลย์
ละโทษโปรดการุณย์ ผิวพลั้งประเด็นใด
๏ นบพระนลคำหลวง บทบวงจากดวงใจ
พระราชนิพนธ์ใน พระมหาวชิราวุธฯ
๏ พระเกียรติยศยง กาลผ่านคงสุวิสุทธิ์
วิญญาณท่านวิมุติ พระนามยงคงคู้ฟ้า
๏ แม้นลูกอับจนคำ โปรดน้อมนำประทานมา
เพิ่มพจน์รจนา ตรา ตรึงจิตมิตรกวี
๏ ขอเกิดเป็นกุศล แก่ปวงชนทั่วธานี
ศาสน์มั่นสรรค์ความดี ชาติราชาสถาวร
หน้าที่ ๑
ณ ธานีนามนิษัธสถาน
ปรางค์ปราสาทราชวังอลังการ
ชาวประชาเกษมศานต์เนิ่นนานมา
๏ กษัตริย์วีรเสนครองกรุงศรี
นานหลายปีผ่านผันพระชันษา
จึงสละราชบัลลังก์หลังชรา
ให้ลูกยาพระนลวิมลนาม
๏ ผู้ทรงบุญญาธิการปานเทพไท้
ฤทธิไกรเกริกสกลชนเกรงขาม
ทั้งรูปลักษณ์ล้ำเลิศประเสริฐงาม
เกินนิยามใดใดในมนุษย์
๏ เชี่ยวชาญด้านวิทยะธนูศาสตร์
ทรงสามารถสำแดงเดชวิเศษสุด
เป็นอัศวโกวิทฤทธิรุทร
ซึ้งถึงจุดจินตนาอาชาไนย
๏ อันอิทธิวิชาพระนลราช
เฉียบฉกาจทุกสิ่งล้วนยิ่งใหญ่
พร่องก็เพียงแต่ว่าองค์ราชัย
พระยังไร้คู่บุญญาราชินี
หน้า ๒
๏ แม้มากมายหลายนารีพลีใจรัก
สวามิภักดิ์แก่องค์พระทรงศรี
แต่ดวงมานพระมิมอบตอบไมตรี
สักนารีธิดาเมืองใดใด
๏ พระบิดามารดรอ้อนวอนว่า
จะได้อุ้มนัดดาสักคราไหม
ล่วงเลยกาลวารเวลาพาห่วงใย
สั่งข้าไทช่วยสืบหาพะงางอน
๏ กามเทพยังไม่ทำหน้าที่
เนินนานปีผ่านไปไม่แผลงศร
พระทรงศักดิ์มักออกนอกนคร
คเนจรหลายเพลาพนาลี
๏ แลโปรดปรานสกากีฬาคณิต
พอเพลินจิตเหงาคลายได้สุขี
หรือเยี่ยมเยียนชาวไร่นาคหบดี
ด้วยทรงมีพระเมตตาประชาชน
๏ ทรงบำรุงสวนขวัญพันธุ์สถาน
ประดุจป่าหิมพานต์ตระการผล
เทียมสระอโนดาตพิลาสล้น
งามอุบลเกินคณาจาระไน
...............................
หน้า ๓
๏ อีกธานีมีนามว่าวิทรรภ์
องค์ราชันรันทดมิสดใส
บวงสรวงสิ้นดินฟ้าเทวาลัย
ด้วยอยากได้รัชทายาทมาดจำนง
๏ มิสุขสมอารมณ์หมายหลายปีผ่าน
กลัวเลยกาลจนชราพาเลือนหลง
ขาดราชันสืบสันตติวงศ์
เพื่อดำรงเชื้อชาติกษัตรา
๏ วันหนึ่งพรหมฤษีวิเศษสรรค์
จรจรัลลัดดงตรงมาหา
เมื่อเข้าเฝ้าท้าวภีมะราชา
พจนามุนีท่านประทานพร
๏ “ขอพระองค์จงสมหวังดังถวิล
ด้วยพรแห่งพรหมินทร์อดิศร
ได้ราชบุตราครองนาคร
เป็นมิ่งขวัญราษฎรสืบต่อไป
๏ แลเอกองค์ธิดาบุญญาล้น
เป็นขวัญชนชื่นสุขแห่งยุคสมัย
ยอดปิยบุตรีศรีกรุงไกร
มิว่าใครพบอนงค์พึงหลงรัก
หน้า ๔
๏ จิตงามดีมีฤทัยใฝ่กุศล
ความอดทนสัตย์ซื่อถือแน่นหนัก
เลิศจรรยานารีมีใจภักดิ์
ศุภลักษณ์นางฟ้าหางามแม้น
๏ อภิไธย “ทมยันตี” ศรีสวัสดิ์
นารีรัตน์มิ่งกมลชนหวงแหน
นามหอมฟุ้งจรุงใจไปทุกแคว้น
ล้วนสุดแสนรักหลงยอดนงคราญ”
๏ คุณวิเศษแห่งธิดามารศรี
มั่นภักดีสัตยาธิษฐาน
วาจาขลังสั่งสาปกำราบมาร
ดวงกมลทนทานทุกข์ลงทัณฑ์
๏ ชาวพาราจะผาสุกเกษมศานต์
เกียรติตระการเกริกไกรไกลเขตขัณฑ์”
จบวจีมุนีลาองค์ราชัน
ในฉับพลันหายวับกลับแดนดง
๏ ด้วยพรพรหมสมใจในครานี้
ทรงได้ราชบุตรีที่ประสงค์
เสริมศักดิ์กษัตริย์ขัตติยวงศ์
พักตร์รูปทรงงามล้ำดั่งคำมุนี
หน้า ๕
๏ และยังได้ราชบุตรสุดคาดฝัน
ดังราชันมั่นหมายใจสุขี
สืบสันตติวงศ์ครองบุรี
มินานปีมีติดตามสามบุตรา
๏ จึงราชาภีมราชปราศกังวล
เป็นกุศลบุญหนักยิ่งนักหนา
แม้พระชนม์ราชันถึงวันชรา
ชาวประชามีหลักชัยในชีวี
๏ ทมยันตีเจริญวัยในวังราช
นุชนาฏพี่เลี้ยงล้อมพร้อมทุกที่
นิรทุกข์สุขเกษมแสนเปรมปรีดิ์
มิได้มีเรื่องข้องหมองฤทัย
๏ ปิตุรงค์และองค์พระมารดา
ทรงสุดแสนเสน่หากว่าสิ่งไหน
เว้นตะวันจันทราถ้าพึงใจ
แม้นหาได้หมายให้ชมสมดังปอง
๏ พระโฉมงามทรามวัยเลิศในหล้า
เลื่องลือชายิ่งล้นเหนือชนผอง
ทวยเทวายุวราชมาดเคียงครอง
เกียรติเกริกก้องโลกาถึงฟ้าไกล
................................
หน้า ๖
๏ ฝ่ายพระนลหนุ่มแน่นแสนอึดอัด
อยู่นิษัธธานีมิสดใส
เฝ้าใฝ่หาราชินีอยู่ที่ใด
คอยหวนไห้หม่นหมองครองโศกี
๏ จนยินข่าวเล่าลือระบือแสน
สาวหนึ่งแม้นนางฟ้ามารศรี
เฉิดโฉมงามนามทมยันตี
ปฏิพัทธ์รัดฤดีอยากดมดอม
๏ เที่ยวชมปวงมาลีที่แดนป่า
พบบุปผารวยรินประทิ่นหอม
หมายเด็ดดมดอกดวงพวงพะยอม
มือน้าวน้อมมาชมสมฤทัย
๏ จักชื่นชมนารีที่ปองหมาย
แล้วนี่ชายจักไขว่คว้ามาไฉน
หากพานพบประสบพักตร์จักเผยใจ
ทำอย่างไรเด็ดดอกรักหนักอารมณ์
๏ โอ้รักเขาข้างเดียวเสียวใจยิ่ง
ถ้าหากหญิงมิรับรักจักขื่นขม
สุขที่ฝันพลันสลายกลายเป็นลม
ต้องโศกตรมวิญญาณ์ด้วยปราชัย
หน้า ๗
๏ จะอ้างเหตุผลใดเพื่อไปหา
เพียงได้พบสบตาสักคราไหม
ปรารถนาอาวรณ์ร้อนดั่งไฟ
ทำฉันใดจักได้ชมสมฤดี
๏ อยู่วังในใจเหงาด้วยเปล่าเปลี่ยว
พระมักเที่ยวจรไปถิ่นไพรศรี
หัวเมืองไกลเยือนไพร่ฟ้าประชาชี
บารมีชนประจักษ์รักเกลียวกลม
๏ วันหนึ่งท่องวโนทยานใหญ่
พบฝูงหงส์ลงสระใสว่ายสุขสม
ตัวหนึ่งขนแถบทองชวนมองชม
ก่อนเหินลมใช้วิชากระหวัดไว้
๏ ยินวาทะพญาหงส์ส่งภาษา
เจรจาเช่นมนุษย์ด้วยพูดได้
แม้หวานถ้อยสุนทรแต่ซ่อนนัย
แถลงไขกล่าวย้ำขอทำงาน
๏ “ข้าแต่ผู้ผ่านฟ้ามาพิภพ
ทรงคุณครบพระบุญญามหาศาล
มิพิฆาตอาตม์จะสนองการ
แทนคุณท่านสมประสงค์จำนงใจ
หน้า ๘
๏ ท่านมีจิตพิศวาสและมาดหมาย
ชมโฉมฉายทมยันตีศรีสมัย
ข้าจะเข้าเฝ้านางกลางเวียงชัย
กล่าววาทีเทิดไท้ให้นางซึ้ง
๏ เอกอ่าองค์ทรงคุณบุญศักดิ์
เทพลักษณ์งามมิเปรียบใครเทียบถึง
ในโลกนี้นารีล้วนหวนคำนึง
จิตตราตรึงมอบกายถวายรัก
๏ แต่พระนลมิสนใจหญิงใดแท้
นอกจากแม่ทมยันตีที่สมัคร
พระเฝ้าเพ้อเฝ้าฝันมานานนัก
มีจิตภักดิ์เหนือกว่าใครไปทั้งปวง
๏ ข้าจะพร่ำรำพันสรรค์สนิท
จนฝังจิตทมยันตีที่ใหญ่หลวง
คิดมอบกายถวายใจให้ทั้งดวง
แลรักหวงเพียงท่านนั้นผู้เดียว”
๏ ฟังจำนงหงส์ฟ้ามาเป็นมิตร
พรหมลิขิตหรือไฉนใจเฉลียว
ทั้งมิหมายทำร้ายแน่แท้จริงเจียว
เลิกเกาะเกี่ยวหงส์ลาเหินฟ้าไป
หน้า ๙
๏ หงส์ตระหนักรักษาสัญญามั่น
บินมุ่งสู่กรุงวิทรรภ์มิเหลวไหล
ร่อนลง ณ อุทยานนั้นทันใด
ความงามได้โจษขานกันอื้ออึง
๏ ครานั้นทมยันตีธิดาราช
ใจหมายมาดเห็นรูปลักษณ์สักน้อยหนึ่ง
เมื่อมายังอุทยานตะลานตะลึง
ฝูงหงส์ซึ่งงามสีสันพรรณราย
๏ เหล่าข้าราชบริพารทำการต้อน
หงส์ค่อยร่อนยั่วข้าไทไปหลายฝ่าย
เมื่อองค์ราชธิดาอยู่เดียวดาย
จึงหงส์ฟ้ามาถวายซึ่งความนัย
๏ “ข้าแต่องค์ทมยันตีธิดาเจ้า
คราพวกเราผ่านนิษัธธานีใหญ่
พานพบหน้านลราชะรู้พระทัย
เลิศพิไลเปี่ยมเมตตาบารมี
๏ รูปพระองค์ทรงฤทธิ์พิศแล้วหลง
งามกว่าองค์เทวินทร์ปิ่นโกสีย์
ปฏิพัทธ์ปรารถนายอดนารี
รักองค์ทมยันตีเปี่ยมดวงใจ
หน้า ๑๐
๏ ทั้งสองท่านนั้นประเสริฐเลิศในหล้า
เหมาะสมกันปานฟ้าดลมาให้
สยมพรขจรภพนบอวยชัย
ครองรักไปข้ามภาวะมรณานต์”
๏ ทมยันตีธิดาตราตรึงจิต
คำหงส์ติดทรวงในใฝ่สมาน
จึงฝากความหงส์นำสู่พระภูบาล
“เคยยินนามพระองค์นานเช่นกันนา
๏ แลหมายใจจะได้พบประสบพักตร์
ทรงประจักษ์อยู่ในจิตขนิษฐา
หากบุญมีที่ร่วมสร้างมิร้างรา
คงสมมาดปรารถนาแห่งดวงมาน
๏ ขอเชื่อในใจรักภักดีมั่น
คำนี้นั้นเป็นสัตยาธิษฐาน
คงสร้างบุญร่วมกันแต่บรรพกาล
มิพบพานแต่จิตคิดผูกพัน
๏ เมื่อใจตรงคงมั่นกันฉะนี้
ก็มิมีสิ่งใดต้องไหวหวั่น
รอเวลานำพาให้ได้พบกัน
คำจำนรรจ์เป็นสัจจะฝากพระนล”
หน้า ๑๑
๏ หงส์รับคำอำลาเหินฟ้ากว้าง
เร่งเดินทางเมื่อทำงานตระการผล
แล้วร่อนลงตรงสระน้ำงามอุบล
คำมงคลตอบรักฝากภูมินทร์
๏ พระนลรู้ข่าวหงส์ลงมาหา
เจรจาปราศรัยใจถวิล
หงส์ทูลการณ์ทั้งหลายในนครินทร์
ให้ยลยินทุกอย่างที่ตั้งใจ
๏ แล้วมอบสื่อสารรักจากทรวงสาว
ท้ายคำกล่าวชี้แจงแถลงไข
ว่ารักท่านนั้นต้องสองหทัย
มีสายใยสวาทมิคลาดคลา
๏ ทมยันตีมีใจภักดิ์ตอบรักท่าน
ดั่งคู่กันบรรพกาลเสน่หา
เป็นบุพเพสันนิวาสชาติมาลา*
เหมือนผูกพันกันมาในนิยาม
๏ ฟังคำคมทมยันตีที่ฝากถึง
พระนลซึ้งทรวงในให้วาบหวาม
ซักไซ้หงส์ตรงข้องจินต์สิ้นทุกความ
กระจ่างตามจำนงหงส์ทูลลา
................................
ชาติมาลา* โครงแห่งตระกูล
หน้า ๑๒
๏ ฝ่ายทมยันตีศรีสมร
หลังหงส์อ้อนนัยแฝงแห่งภาษา
จึงย้อนคิดจิตย้ำคำพรรณา
ปรารถนาคลั่งไคล้ในพระนล
๏ ใจลอยล่องท่องฝันกระสันถึง
วันละหนึ่งเพิ่มเป็นวันละพันหน
ยิ่งห่วงหาอาลัยให้กังวล
มีกุศลสุขสมหวังหรืออย่างไร
๏ คำพูดหงส์ตรงตามสื่อความหมาย
ฤดีชายนั้นแน่แท้แค่ไหน
วลีหวานจากมานซื่อหรือเพ้อไป
จักเชื่อใจได้มั่นหรือผันแปร
๏ ยิ่งเนิ่นนานกาลเวลาพาจิตวุ่น
อกเคยอุ่นกลับร้าวหนาวเจียนแย่
ผ้าคุมองค์คงมิคลายได้จริงแท้
หนาวดวงแดสิ้นภูษามาบรรเทา
๏ แม้พี่เลี้ยงเคียงข้างยังมากล้น
แต่กมลรู้สึกวังยังหงอยเหงา
กระสับกระส่ายไร้สุขทุกค่ำเช้า
แล้วใครเล่าจะซึ้งถึงฤทัย
หน้า ๑๓
๏ บางครั้งปลื้มลืมผลากระยาหาร
แต่มินานกลับกังวลจิตหม่นไหม้
จนผิวพรรณซีดเลือดเผือดผุดไคล
ห่วงอาลัยไม่ชื่นเลยเหมือนเคยมา
๏ นางกำนัลบริวารพานพลอยเศร้า
จึงเงียบเหงาทั้งวังดังราวป่า
เหล่าข้าไทจึงไปทูลองค์ราชา
พิจารณาทางช่วยด้วยดุษฎี
๏ ภีมราชจอมไผทได้สดับ
จนสิ้นสรรพวาจาแห่งทาสี
พระกำสรดแต่กดไว้อยู่ในที
องค์ภูมีใคร่ครวญหวนคำนึง
๏ “โอ้คนดีธิดาของข้าเอ๋ย
ก่อนมิเคยโศกศัลย์หรือปั้นปึ่ง
ลูกขัดเคืองเรื่องใดไม่รู้ซึ้ง
ไฉนจึงเป็นไปได้เพียงนี้
๏ หรือนงคราญผ่านวัยควรได้คู่
ร่วมชื่นชู้ภิรมย์รักเป็นสักขี
จะจัดการสยมพรพิธี
ทมยันตีเลือกคู่เคียงกมล”
หน้า ๑๔
๏ เมื่อท่านท้าวเข้าพระทัยให้อำมาตย์
เตรียมการราชพิธีเพื่อมีผล
ออกหมายกำหนดการงานมงคล
แล้วป่าวร้องก้องทุกหนทั้งใกล้ไกล
๏ เชิญปิ่นเกล้าเจ้าฟ้ามหากษัตริย์
มิข้องขัดชาติภาษาฐานะไหน
ต่อเมื่อทมยันตีมีหทัย
มอบรักให้จึงจักสมสยมพร
๏ ใกล้วันดีพิธีใหญ่ในครานั้น
ปวงเทวัญเรืองฤทธิ์อดิศร
ลูกกษัตริย์ผู้ครองรัฐเจ้านคร
ต่างรีบจรกันไปให้อื้ออึง
๏ พสุธาสะเทือนสั่นสะท้าน
จากฝีเท้าช้างสารเร่งให้ถึง
ราชรถเทียมอาชาฝ่าตะบึง
อึงคะนึงเหมือนจะประชันกัน
๏ แต่ละองค์ทรงอาภรณ์ประดับเพชร
มงกุฎเกศรุ่งราวชาวสวรรค์
ถึงธานีองค์ภีมราชัน
ต้อนรับอันสมฐานะประมุขชน
...............................
หน้า ๑๕
๏ ณ มัฆวานสมาคมบรมราช
วโรกาสประชุมใหญ่ในเวหน
ขัตติยะเทวาเคยมาล้น
แต่ครานี้ลดลงจนน่าแปลกใจ
๏ องค์อินทร์ถามความเทพมุนีท่าน
ชาวโลกทุกข์ สุขสราญ การณ์ไฉน
เกิดโรคาอาเพศเหตุอันใด
พิบัติภัยฤๅภาวะรณรงค์”
๏ เทพมุนีมีคำพร่ำแถลง
ทูลชี้แจงเค้าความตามประสงค์
“มนุษย์ไร้ทุกข์ภัยยุทธพงศ์
ขอท่านจงฟังแจ้งแถลงนัย
๏ สมมุติเทพทั้งหลายภายในหล้า
ต่างไคลคลาสู่วิทรรภ์ธานีใหญ่
ซึ่งการณ์นี้ท้าวภีมราชัย
ทูลเชิญให้ร่วมวาระสยมพร
๏ ขององค์ราชธิดามารศรี
ทมยันตีเลื่องชื่อลือกระฉ่อน
ศุภลักษณ์เลิศกว่าชาวนาคร
ฟ้าอมรก็ยากหามาเปรียบปาน”
หน้า ๑๖
๏ ในขณะเทพมุนีชี้แจงเหตุ
จอมเทเวศฤทธิไกรศักดิ์ไพศาล
อีกสามองค์ตรงมานั่งทันฟังการณ์
ร่วมอุทานพร้อมว่า “ข้าจะไป”
๏ มีองค์อัมรินทร์ปิ่นโกสีย์
ทั้งพระอัคนีที่ยิ่งใหญ่
พระยมท้าวเจ้านรกปรกโลกัย
พระวรุณผู้ให้สายนที
๏ ในครานั้นจตุรเทวราช
ยุรยาตรแหวกฟ้ามาเร็วรี่
ดั่งแสงตรงลงสู่หล้าฝ่าเมฆี
พบสิ่งที่พระทัยสงสัยล้น
๏ สั่งสุรพาหนะชะงักไว้
มิเคลื่อนไหวอยู่ระหว่างกลางเวหน
เมื่อเห็นราชพาหนะแห่งพระนล
วิ่งมาบนพื้นดินถิ่นไผท
๏ ความเร็วเท่าเรามาจากฟ้านั่น
ปวงเทวัญแคลงจิตคิดสงสัย
ราชรถเทียมม้าอาชาไนย
แล้วไฉนเทียบกะทิพยยาน
หน้า ๑๗
๏ อัศวลีลาสง่ายิ่ง
พร้อมทุกสิ่งแลวิไลเกินไขขาน
เห็นฉะนั้นพลันเทวะโลกบาล
จึงปฏิสันถารสานไมตรี
๏ “ดูก่อนขัตติยะนามพระนล
หยุดร้อนรนหน่อยหนึ่งอย่าพึ่งหนี
จงตั้งใจจดจำคำพาที
จักได้มีเทวราชโองการ
๏ เราจักใช้ให้เป็นทูตแห่งเทวะ
สำเร็จจะอวยชัยให้ไพศาล
กิจเทวายากให้ใครทำงาน
จึงเลือกท่านผู้ที่มีบุญแล”
๏ “ขอเดชะองค์พระเทวราช
ข้าพระบาทจะรับใช้ผู้ใดแน่
เป็นทูตนั้นสำคัญยิ่งที่จริงแท้
ต้องรู้แง่งานนั้นฉันใดนา”
๏ “ตัวข้านามอัมรินทร์ปิ่นโกสีย์
นั่นเทพอัคคีพลังกล้า
อีกวรุณผู้ให้สายธารา
และยมราชผู้พร่าชีวาชน”
หน้า ๑๘
๏ “ศักรินทร์ปิ่นเทวาเลิศหล้าโลก
ผู้สรรค์โศกเสริมสุขทุกแห่งหน
ฉันยินดีที่จะถวายตน
แต่กังวลอย่าเนิ่นนานกาลเวลา”
๏ “เรื่องเวลาข้าช่วยเอื้ออวยให้
ชั่วอึดใจจรดังคิดทุกทิศา
เมื่อตกลงจงตั้งใจจำวาจา
นำความพาสู่จอมขวัญทมยันตี
๏ จตุระโลกบาลนั้นมาพร้อม
แลหมายน้อมสู่ภาวะมเหสี
เชิญไปแมนแดนเทวาเหนือธาตรี
จักได้มีสุขสันต์นิรันดร์กาล
๏ เลือกเอาเถิดเทวินทร์มหินท์ชาติ
ผู้หมายมาดมอบรักสมัครสมาน
หรือเทวะอัคนีมีดวงมาน
พร้อมประทานรักจอมขวัญกัลยา
๏ หรือเลือกพระวรุณผู้พูนโลก
จะร้างโศกสิ้นทุกข์สุขนักหนา
หรือเลือกพระยมราชฆาตโลกา
จักพ้นภัยบีฑาสุขอานันท์
หน้า ๑๙
๏ ขอให้ทมยันตีนารีรัตน์
ปฏิพัทธ์เทวะจากสวรรค์
สมยศฐานารีศรีวิทรรภ์
จงเลือกสรรตามจำนงสักองค์เทอญ”
๏ จบคำฝากจากองค์อินทร์ปิ่นพิภพ
พระนลนบเทวัญสรรเสริญ
แต่ใจนั้นพลันโศกวิโยคเกิน
ฤๅเผชิญวิบากกรรมช้ำอุรา
๏ อัดอั้นจิตคิดไปให้ทดท้อ
จึงวอนขอเทวัญเหล่านั้นว่า
“ยากจะทำตามประสงค์องค์เทวา
เพราะต่างมาด้วยปองน้องนางเดียว
๏ เมื่อฝ่ายท่านวานให้ไปเป็นทูต
กลัวจะพูดพลั้งพลาดขาดเฉลียว
มิทำได้ดั่งใจท่านนั้นจริงเจียว
อย่าฉุนเฉียวนะหม่อมฉันวานปรานี”
๏ “ดูดู๋เจ้ามิจำคำทำสับปลับ
ตะกี้รับกลับตระบัดสัจหรือนี่
อันกษัตริย์ตรัสแล้วไม่กลายวจี
ไยทำทีเหมือนตระหนกอกระทึก”
[/color][/size][/font]