Unseen in India.....ปืนใหญ่พลัดถิ่น จาก กรุงศรีอยุธยา
ผมว่าทางรัฐบาลไทยน่าจะขอซื้อคืนมานะครับเพราะเป็นสมบัติของไทยเราแต่ก็ไม่ง่ายเพราะต้องพิสูจน์อะไรอีกเยอะ
Tag:
ประเภท: อื่นๆ ชนิด: บทความ
บทวิจารณ์: 38 คนอ่าน: 5,385



upic.me/i/lf/1_display1
.

เมื่อครั้งไปท่องเที่ยวจาริกอยู่ที่อินเดีย เพื่อนคนนึงของผมได้เล่าเรื่อง "สมบัติจากกรุงศรีอยุธยา" ที่พลัดบ้านเมืองมาไกลถึงชมพูทวีปอยู่อย่างนึง นั่นคือ "ปืนใหญ่" สภาพสมบูรณ์และงดงามหลายกระบอก....ผมเลยขอให้เขาพาไปดู พอได้เห็นก็ตื่นเต้นเป็นยิ่งนัก เพราะลวดลายอันแสนวิจิตรที่อยู่บนปืนเหล่านั้น บ่งบอกว่า....ครั้งหนึ่ง น่าจะเคยประจำอยู่ ณ พระราชวังหลวงกรุงศรีอยุธยา....ด้วยชะตากรรมของบ้านเมือง สมบัติชิ้นนี้จึงพลัดพรากจากมาตุภูมิ ตกไปอยู่ ณ ที่ห่างไกล.....จนวันหนึ่งจึงได้มาพบเข้า......

จากคุณ : ออกญาศรีราชเดโชชัย - [ 22 ส.ค. 47 01:18:42 A:202.57.158.122 X: TicketID:056819 ]
.


upic.me/i/em/1_display2
 ความคิดเห็นที่ 2  
ลวดลายที่ท้ายปืน งามสมกับที่เป็นปืนหลวงคู่พระนคร...
จากคุณ : ออกญาศรีราชเดโชชัย (NMkrung)  - [ 22 ส.ค. 47 01:22:30
.



/upic.me/i/lb/01_display4

ปากกระบอกปืน ก็มีลายอันงดงามไม่แพ้สวยท้าย....
จากคุณ : ออกญาศรีราชเดโชชัย (NMkrung)  - [ 22 ส.ค. 47 01:24:02

คาดว่า....ปืนกระบอกนี้ คงจะถูกกวาดต้อนในฐานะเช่นเดียวกับ "เชลยศึก" หลายครั้งหลายครา....ตั้งแต่จากกรุงศรีอยุธยา...จากกรุงรัตนปุระอังวะ...จนท้ายที่สุด ได้มาตั้งเป็นเครื่องประดับบารมีจักรวรรดิอังกฤษ ณ Fort St.George บนแผ่นดินชมพูทวีป.....ซึ่งไกลแสนไกลจากที่ที่เคยเป็น "มาตุภูมิ" ของมัน...
ไฟล์รูปภาพ
จากคุณ : ออกญาศรีราชเดโชชัย (NMkrung)  - [ 22 ส.ค. 47 01:30:23 ]
 
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
เสียดาย.............
จากคุณ : ทหารหลวงอโยธยา (Achills)  - [ 22 ส.ค. 47 14:28:39 ]
 
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
ผมไม่เคยเห็นลวดลายบนปืนละเอียดวิจิตรขนาดนี้มาก่อนเลย มิน่าพม่าถึงยอมลงทุนแบกไปตั้งไกล
โหย... แล้วมันเอาไปวางให้สนิมจับอย่างนี้ ไม่กี่ปีก็พังหมดแล้ว ขอคืนมาดีกว่ามั๊งครับ ผมว่าเค้าไม่ค่อยเห็นค่าของ ๆ เราหรอก
จากคุณ : เตยทะเล  - [ 22 ส.ค. 47 18:02:58 ]
 
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
ปืนใหญ่อันนี้น่าจะเป็น " ปืนใหญ่ปราบหงสา " กระมัง
จากคุณ : ขุนนางอยุธยา(ขุนพลของเอกทัศน์) - [ 22 ส.ค. 47 19:11:21 A:203.209.107.95 X: TicketID:032642 ]
 
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
โอ้ มาย หลอด บุดด้า
จากคุณ : natthaset  - [ 22 ส.ค. 47 19:40:29 ]
 
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
แบบนี้น่าเรี่ยรายเงินซื้อคืนได้ไหมนี่ ผมว่า เขาไม่น่าขายแพง ว่าแต่ เอามาตั้งหน้ากลาโหม ก็กลัว ออกพระกลาโหมปี 2004 จะว่า ไม่ถูกต้องกับดวงบ้านเมืองต้องหันทิศทางกันให้วุ่นเหมือนปืนใหญ่ พญาตานี อีกแหละครับ
จากคุณ : จมื่นไวกว่า  - [ 22 ส.ค. 47 19:48:45 ]
 
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
ติดตามผลงานค่ะ
ถ้ามีรายละเอียดให้ด้วยจะเป็นความกรุณามากเลยค่ะ
จากคุณ : ผู้ชม - [ 22 ส.ค. 47 22:15:02 A:203.113.37.9 X:203.150.217.27 TicketID:008786 ]
 
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
ผมว่าปืนกระบอกนี้มันดูเหงาๆนะ
จากคุณ : สงสารมัน (DigiTaL-KRASH!!!)  - [ 23 ส.ค. 47 08:07:29 ]
 
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
กินข้าวขอส่งเสริมและสนับสุนให้พี่ๆเริ่มงานกันเลยเจ้าค่ะ
ในการขอซื้อคืนมา
ทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองกันจริงๆจังๆกันได้แล้วเจ้าค่ะ
คนจะได้ไม่ดูถูกเอา
ว่าเราเป็นแค่ชุมชนพูดไปใบตองแห้ง
ก็ได้แต่พูดแต่แสดงความเห็นและด่ากันไปด่ากันมา
เล่นเน็ทสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติ
จะให้กินข้าวทำหน้าที่อะไร
ตำแหน่งไหนบอกมาเลยนะเจ้าคะ
จะ"อาสาเจ้าจนตัวตาย รับใช้นายแต่พอตัว"
ถ้าต้องมีการควักเงินควักทองก็ยินดีมีส่วนร่วมนะเจ้าคะ
จากคุณ : กินข้าว (กินข้าว)  - [ 23 ส.ค. 47 09:31:41 ]
 
 
  ความคิดเห็นที่ 15  
ร่วมด้วยช่วยกันครับ ผมว่าอย่างน้อยก็มีคุณค่าทางจิตใจของชาวไทยมากกว่าเจ้าของสถานที่ที่ตั้งอยู่ครับ
จากคุณ : ทับศานต์ใจ  - [ 23 ส.ค. 47 09:39:27 ]
 

น่าดีใจครับ ที่ทุกท่านรักสมบัติพลัดถิ่นจากกรุงศรีอยุธยาชิ้นนี้....จะเสียดายก็ตรงที่ รัฐบาลอินเดียไม่เคย
ทราบว่าปืนใหญ่บอกนี้ (และอีก 2-3 กระบอก) ที่ Fort St.George เป็นปืนจากกรุงศรีอยุธยา.....
เพราะป้ายแสดงที่มาของปืนดันระบุว่า "from BURMA" ซึ่งคงจะเป็นเพราะสมัยนั้น กองทัพอังกฤษยึดปืน
เหล่านี้มาแต่เมื่อครั้งชนะสงครามกับพม่า เลยพลอยเข้าใจไปว่าเป็น "ปืนพม่า"

ถ้าจะขอคืนหรือขอซื้อคืน น่าจะมีกระบวนการพิสูจน์หลักฐานให้แน่ชัดเสียก่อนว่าปืนเหล่านี้เป็นของไทย
 แล้วส่งหลักฐานไปให้รัฐบาลอินเดีย พร้อมกับยื่นข้อเสนอขอคืนหรือซื้นคืน...กระบวนการนี้รัฐบาลไทย
ต้องเป็นคนทำ....

แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่อย่างนึงคือ ปืนใหญ่เหล่านี้ พม่ายึดไปจากกรุงศรีอยุธยาตั้งแต่เมื่อ 200 กว่าปีก่อน
ไปเป็นสมบัติของเขานานเป็นร้อยปี อังกฤษพิชิตพม่าได้ก็ยึดเอามาตั้งที่อินเดีย (สมัยเป็นอาณานิคม)
พออินเดียได้เอกราช ปืนเหล่านี้ก็ตกเป็นสมบัติในความดูแลของกระทรวงกลาโหมอินเดีย ซึ่งเป็น
เจ้าของพื้นที่ Fort St.George ในปัจจุบัน....แม้ว่าลักษณะทางกายภาพของปืนจะบ่งบอกว่าเป็นของ
อยุธยา แต่เนื่องจากการเปลี่ยน "เจ้าของ" หลายครั้งในรอบ 200 ปี ทำให้เรื่องอ้างความเป็นเจ้าของนี้
เป็นสิ่งที่ยากพอสมควรครับ....

(รูปนี้ก็ที่ Fort St.George เช่นกัน....เป็นปืนใหญ่อยุธยาอีกกระบอกนึงครับ...)
จากคุณ : ออกญาศรีราชเดโชชัย (NMkrung)  - [ 23 ส.ค. 47 10:43:33 ]

"ปืนใหญ่ปราบหงสา."ปืนใหญ่ทวาราวดีหนะรึ
ปืนใหญ่ปราบหงสาเป็นปืนที่รักษาพระนครมาแต่โบราณเป็นปืนศักดิ์สิทธิ ไม่ใช่ปืนประจำป้อมหรือประจำการ
ต้องมีขนาดใหญ่เก่าแก่และงามมากเลยมันคงจะไม่ใช่กระบอกนี้กระมัง
คห19 ตอนกรุงแตกพม่าขนเอาปืนใหญ่กลับไปตั้ง1200กระบอก ...เฮอ
สำหรับปืนพระพิรุณแสนห่า เมื่อตอนกรุงใกล้แตกหมดความหวังที่จะชนะพม่าแล้วปืนกระบอกนี้ถูกทิ้งลงในสระแก้วในพระราชวัง ภายหลังพม่าทราบจึงได้นำขึ้นมาครั้งเห็นว่าปืนกระบอกนี้หนักนักเหลือกำลัง จึงเอาดินดำบรรจุเต็มกระบอกจุดเพลิงระเบิดเสีย ยังครับเท่านั้นยังไม่พอใจ พม่ายังขนส่วนที่เป็นทองสำริดกลับไปยังอังวะบุรี

จากคุณ : ทหารหลวงอโยธยา (Achills)  - [ 24 ส.ค. 47 19:34:44 ]