.. 7
๘
O จนแสงวันแรกสาง .. ทอพร่างพร้อย
งามรูปแพงอ่อนน้อย .. จึงค่อยเผย
ยิ่งกว่าความรื่นล้ำ .. ลมรำเพย
คืองามนั้นล้ำเลย .. ที่เคยรู้ !
O ด้วยมือเอื้อมจับจูงผ่านสูงต่ำ
พาเท้าย่ำเหยียบทางเพื่อย่างสู่-
จุดปลาย, ก้อยกอดเกี่ยวเมื่อเหลียวดู-
ยังเกี่ยวอยู่คู่ข้างไม่ห่างเลย..
O มองรูปหน้า .. จนเขิน-ต้องเมินหลบ
แล้วเวียนสบเวียนชม้อยจนค่อยเผย-
ความอ่อนหวานในจริตให้ชิดเชย
หอมก็เย้ยหยามยั่วทั้งหัวใจ
O แผ่วพลิ้วสายลมร่ำเสียงคร่ำครวญ-
ฝ่าม่านหมอกอบอวลทั้งมวลให้-
ค่อยค่อยเจือจางขุ่น-ด้วยอุ่นไอ-
ของแสงวันขับไขโลมไล้กาล
O มือรูปเรียวเกาะแน่น, อีกแขนหนึ่ง-
ค่อยจับจูงเหนี่ยวดึง, ความซึ้งหวาน-
ก็เผยออกแอบ-ออกลีบช่อมาลย์
เมื่อลมผ่านพลิ้วหอมเข้าล้อมทรวง
O ก้าวผ่านพื้นลาดเท, ลมเพพัด
ไม้ระบัดรูปเต้นอยู่เป็นช่วง
แววอ่อนโยนเหลือบชม้อยก็คอยทวง-
รอบความห่วงใยล้น-อีกคนนั้น
O มือเรียววางบนแขนเกาะแน่นอยู่
เหลือบตาดูครั้งไหน, ที่ไหวสั่น-
คือหัวใจเร้นแฝง-ลอบแบ่งปัน-
ความผูกพันทุกช่วงของดวงใจ
O ละก้าวย่างเหยียดช่วง-พาล่วงสู่-
ความรับรู้เร้นซ่อนแสนอ่อนไหว
หลังหมอกหม่นลับล่วง, ความห่วงใย-
คล้ายขับไขออกแล้วทั่วแววตา
O จนสบเพื่อน, แม่, พ่อ .. ที่รออยู่
ความรับรู้แวดล้อมก็พร้อมหน้า
เอ็นดูด้วยอ่อนน้อย .. อ่อนช้อยคา-
รวะ - ด้วยอิริยา .. งามท่าที
O งามรูปลักษณ์ศักดิ์สกุลดรุณแก้ว
เช่นพร่างแพร้วรังสิมาเปล่งราศี
บริบททั้งสิ้นย่อมยินดี-
กับงามที่อยู่ล้อมให้ยอมใจ
O พ่อแม่ทั้งเพื่อนผอง .. เห็นพ้องอยู่
ว่างามผู้ล้ำงาม .. เนตรวามไหว
รูปเรียวร่างงามสง่าเกินหน้าใคร
สมกับร่างแกร่งไกร .. ของชายชาญ
O ผู้เป็นแม่เอื้อมกุมมือนุ่มนั้น
ว่าโศกศัลย์ทุกข์ทนจักพ้นผ่าน
รับรองผู้ชาติหงส์ร่วมวงศ์วาน
ปลุกปลอบคราญเร่งรัดให้หยัดยืน
O ข่าว-ทัพพระยาวชิรปราการ
ทะลุทะลวงทัพม่านออกด้านอื่น
หมู่แกล้วกล้าย่างย่ำ .. ฝ่าค่ำคืน
ร่วมกำลังแข็งขืนแต่คืนนั้น
O อัมพวาไกลห่างจากทางศึก
ห้วงจิตใจส่วนลึก .. ก็นึกหวั่น
ห่วง-พ่อ, แม่, รูปงาม .. ทั้งสาม, พลัน-
พาเลี่ยงอันตรายปวงด้วยห่วงใย
O ให้-พ่อ, แม่, รูปคราญอยู่บ้านย่า
คอยเถิดว่าเมื่อกลับ .. คือขับไล่-
ข้าศึกเสียจนสิ้นจากถิ่นไทย
ด้วยหัวใจหวงแหนในแผ่นดิน
O จนพ่อแม่ .. ผองเพื่อนขึ้นเรือนแล้ว
เหลือรูปหน้าผ่องแผ้วไม่แล้วสิ้น
พร้อมลมอ่อยเอื่อยโชย .. เริ่มโรยริน
คือรอบวิญญาณชู้ .. ตั้งอยู่พร้อม !
O ใต้พุ่มพฤกษ์ม้านั่ง .. นั้นตั้งอยู่
อารมณ์ชู้ก็พร้อมสรรพ .. รอขับกล่อม
เมื่ออาวรณ์แห่งชายเข้ารายล้อม
งามก็น้อมแนบหวานแต่กาลนั้น !
O ผ่านมา .. ให้อบอุ่นและคุณค่า
แทรกลงพาอารมณ์ .. ถึง-ซมสั่น
ผ่านมา .. ให้งดงามคอยล่ามพัน-
รัดรึงขวัญ .. ยั่วล้อให้ทรมา
O ยิ้มรับความสดใสแห่งวัยเยาว์
เช่นยามเช้าสุมาลย์ช้อยช่อคอยท่า-
ภุมรินผึ้งภู่ .. ย่อมรู้มา-
ตฤปรสผาณิตหอม .. อย่างยอมตน
O ยิ้มรับความอ่อนไหว .. ของใครนั้น
กับแวววามไหวสั่นนับพันหน
เอ็นดูความขัดเขินหยอกเอินคน-
ผู้เอ่อล้นหวานแล้ว .. ทั่วแววตา !
O เหมือนว่างามลามรุกไปทุกบท
ชี้, กำหนด .. รูปรอยให้คอยหา
และเหมือนงามลามรุกไปทุกครา-
กับท่วงท่าเหลือบค้อน .. ตาซ่อนยิ้ม
O หวังเช่นหวังกุสุมาลย์ .. โน้มก้านค้อม-
ให้เสพหอมรื่นอยู่ .. ไม่รู้อิ่ม
ดูเถิดรูปรมยา .. เปลือกตาพริ้ม-
ดั่งรอพิมพ์พักตร์ละม่อม .. รายล้อมใจ
O เหมือนว่าเนตรเหลือบค้อน, อย่างซ่อนเร้น-
คอยตอบเต้นเวียนวก .. พาอกไหว-
ด้วยอบอุ่นวาบหวาม .. กับความนัย-
ที่เผยให้แรงถวิล .. พลอยดิ้นรน
O คืนนี้ - จันทร์แสงวามดูงามเด่น
พร้อมลมเย็นกล่อมเห่ห้วงเวหน
แรงอาวรณ์โผนผกในอกคน
เมื่อ-งามวนวกช่วง .. ล้อมห้วงใจ
O ริ้วคลื่นหนาวลามแผ่..กระแสลม
หนาวทั้งเนื้อ, อารมณ์ .. ฤๅ-ข่มไหว ?
ถวิลเนียนเนื้อกรุ่น .. พร้อมอุ่นไอ-
ล้อมห่มให้หนาวร้ายได้คลายตัว
O จึงในตาไหววาบ .. เป็นภาพพิมพ์
หน้าผากเนียนแก้มอิ่ม .. รอยยิ้มยั่ว
เผยผ่านเป็นรูปหน้า .. กลางพร่ามัว
ความสั่นรัว .. ก็วาบไหวทั้งใจกาย
O ความอบอุ่น..อ่อนไหว..แห่งวัยสาว
จึงพาหนาวคล้อยเคลื่อนจนเลือนหาย
เมื่อเนื้ออ่อนเนียนละมุน .. พร้อมอุ่นอาย-
โอบห่มหมายทอนหนาวอีกคราวครั้ง
O หน้าผากเนียน .. แก้มอิ่มเนตรพริ้มหลบ
รับบรรจบปากชาย .. ที่คล้ายดั่ง-
เฝ้ารอคอยจนถวิล .. แว่ว-ยินดัง
รอจบฝังฝากรสให้จดจำ
O แนบนิ่งอยู่ .. ตราบระทดระทวยร่าง
หล่นลิ่วกลางเย้ายวน .. เสียงครวญคร่ำ
ครั้งแล้วและครั้งเล่า .. รสเจ้ากรรม-
ก็ซาบซ้ำหวานซึ้ง .. ติดตรึงทรวง
O อ่อนหวานด้วยหวานอุ่นของกรุ่นเนื้อ
ที่โชนเชื้อขับหนาว .. จนหนาวล่วง
หอมนวลสาวเร้ารุม .. นวลพุ่มพวง-
ก็พาร้อนโชนช่วง .. โหมห้วงใจ
O โผยแผ่วผิวพรรณสาว .. อะคร้าวรูป
ต้องจบจูบแผ่วพลัน .. พลิ้ว-สั่นไหว
อย่างแผ่วเบาผ่านอุ่น .. ละมุนละไม
ก็แว่วครวญโหยไห้ .. อยู่ในยาม
O ตื่นตอบรอบอารมณ์เกินข่มขับ
พ้องลำดับมนต์สาป .. รสวาบหวาม
เนื้อเสียดเนื้อ, เนตรใคร-หนอ .. ไหววาม ?
จนเกินห้ามรุมร้อนแห่งฟอนไฟ
O อ้อยอิ่งเบียดเสียดซุกไปทุกส่วน
ที่นิ่มเนื้อเนียนนวล .. แต่ล้วน .. ไหว
ครั้งแล้วและครั้งเล่า .. อย่างเข้าใจ-
กับเสียงไห้หวนพร้อม .. ใต้อ้อมทรวง
O ครั้งแล้วและครั้งเล่า .. ใช่เท่านั้น
ที่โหยสั่น .. ยินแว่วไม่แล้วล่วง
ก่อนหวิวหวีดกรีดประดัง .. ใจทั้งดวง
เพื่อผ่านช่วงแนบกระชับ .. แล้วกลับย้อน
O แทรกระลอกลมแผ่ว – เสียงแว่วหวีด-
ดังก้องกรีดรัวสั่น .. แล้วผัน .. ผ่อน
กระซิบความรุมเร้าแสนเว้าวอน-
นั้นออดอ้อน .. อยู่พร้อมอย่างยอมใจ !