กลอักษร เมขลาโยนแก้ว
สายซอขาด
สายซอขาดเหมือนลางพลางนั่งนึก
นั่งนึกคลำรู้สึกลึกใจฝ่อ
ใจฝ่อยิ่งเหงาจังนั่งหน้างอ
หน้างอบ่นจนท้อไยลับตา
ลับตาเราเขานี้มีสาวไหน
สาวไหนเล่าเข้าใกล้ให้อิจฉา
อิจฉาเขาเราหงอยคอยทุกครา
ทุกคราคราวสาวเหว่ว้าพารัญจวน
รัญจวนยามเคล้าลมพร่างพรมหนาว
พรมหนาวกายใจสาวร้าวปั่นป่วน
ปั่นป่วนจิตเหงาจังนั่งทบทวน
ทบทวนหลังยังครวญถึงคนไกล
ละอองดิน❀(◠‿◠)❀
☼☼☼กลอักษร..เมขลาโยนแก้ว.. มีเฉพาะในจารึกวัดพระเชตุพนฯ ไม่มีในกลบทศิริวิบุลกิตติ์
อาจเป็่นเพราะมีลักษณะที่ถอดแล้วเหมือนกลบทม้าเทียมรถ การเขียนเป็นกลบทเมขลาโยนแก้ว
น่าจะเป็นเพราะต้องการให้อ่านซ้ำคำเอง
โดยใช้ ๒คำท้ายวรรคหน้า เป็น ๒ คำต้นวรรคถัดไป วิธีอ่านกลอักษรเมขลาโยนแก้วจึงเป็นดั่งนี้
..ตัวอย่าง..ประชุมจารึกวัดพระเชตุพนฯ
(หลวงนายชาญภูเบศร์ : ผู้ประดิษฐ์กลอักษรชนิดนี้) ๐
โอ้แสนเสน่ห์เหหักรักหักเห
เหหักรานถ้อยคำทำลังเล
ลังเลเทธิบายบ่ายเบี่ยงกระบวน
กระบวนบิดคิดเห็นดอกเช่นคิด
เช่นคิดปิดความควันก็กลั้นสรวล
กลั้นสรวลกันฉันใดไฉนนวล
ไฉนนวลที่มิควรก็ควรตรอง
ควรตรองว่าต้องว่าเพราะคิดหลัง
คิดหลังมั่งเพราะเราเป็นเจ้าของ
เจ้าของคิดถึงไม่มีมิตรจิตจอง
จิตจองปองเชื่อคำก็ทำเนา
♥