..... เอกภพ สบนารี .....
.
จักรวาลผ่านพบเป็นภพชาติ
เวียนไม่ขาดเวียนวนสับสนยิ่ง
คอยหมุนเปลี่ยนแปรไปไม่ประวิง
จนเกิดสิ่งเรียกโลกโยกหมุนไป
.
มีพื้นน้ำท้องฟ้าและอากาศ
ธุลีธาตุสายลมห่มพลิ้วไหว
มีเมฆาผืนป่าโรยหน้าไว้
จึงเกิดได้เป็นสัตว์และชาวชน
.
ฤดูกาลผ่านพบประสบรู้
ฝนร้อนอยู่หนาวเติมให้เพิ่มผล
สัตว์มนุษย์ร่างน้อยคอยผจญ
สุขทุกข์ทนเคล้าคลุกปะปนกัน
.
ยามสว่างเรียกอุษาในฟ้ากว้าง
ทิวาจางมืดเยือนเขยื้อนผัน
เรียกราตรีมีดาวสีขาวนั้น
และมีจันทร์คอยประดับรับโลกา
.
จันทร์ส่องเมฆเสกรดเป็นหยดน้ำ
คอยหนุนนำหยาดลงตรงพื้นหนา
ให้ชุ่มฉ่ำชุ่มชื่นพื้นดินมา
มีแรงท้า ทายสุรีย์ไม่หนีเลย
.
เมื่อยามพบนวลปรางหนึ่งนางนั้น
สิ่งเสกสรรเรียงรายกลับหายเฉย
นวลโสภางามงอนสมรเอย
อยากชิดเชยสนิทกันทุกวันจริง
.
เธอร่างเรียวเหลียวมองหมายปองนั้น
หน้าดุจจันทร์ฉายเฉิดเลอเลิศหญิง
หากได้นุชมาคบ ไม่คบทิ้ง
จะแนบอิงเคียงเขนยเชยกลิ่นเธอ
.
เอวเอี่ยมองค์แช่มช้อยหยดย้อยนัก
งามรูปลักษณ์มองไปจิตใจเผลอ
ให้ทุกสิ่งบนโลกมาเจอะเจอ
ไม่เสมอเนื้อเย็นให้เป็นไป
.
แววตาวาวหวานฉ่ำถลำแล้
ปากจมูกแลคิ้วโก่งโค้งไสว
ผมเงางามยามยลชมชื่นใจ
ดมดอมใกล้อยากพิศนิจนิรันดร์
.
หมาป่าเดียวดาย
.