โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
Re: ~* อาทิตย์อับแสง *~
ระลอกลมลิ่วคว้างหว่างความคิด โรมรันทั่วสารทิศไร้ปิดกั้น พิมานเมฆฟุ้งฟ้าวิลาวัณย์ สารพันสารพัดปรัดปรารมภ์
เรื้อจันทร์แรมร้างหาราตรีหม่น ดาวร่วงหล่นสู่พื้นรื้นรานข่ม เยื้อนกลอนเก่าพร้อยพร่ำรำพันพรม เพียงชื่นชมชูช่อหล่อเลี้ยงใจ...
ลอยลมระลอกริ้ว.................รำเพย หวานแว่วอาบคุ้นเคย...........ออดอ้อน กลิ่นแก้มกรุ่นหอมเชย..........ชิดชื่น สุดจะฝืนดับร้อน...................ผากแผ้งคะนึงหา
จำปาลาวทัดเกล้า................แซมผม เริงรื่นหอมชื่นฉม..................แช่มช้อย ไออุ่นอาบผสม.....................อิ่มเอิบ นวลเอย ครวญคร่ำเรียงคำร้อย..........ฝากเจ้าจอมขวัญ
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Soul Searcher Inspired to write 20/10/2017
|
จำนรรจ์ขวัญฝากไว้ บทกวี ละลิ่วล่องวิถี หลับคล้าย เรียงอุระวจี มาเพื่อ ตอบนา ใจมิเคยโยกย้าย เกี่ยวคล้อยตามใคร สุขใดจะเท่านี้ ที่รัก วิสุทธิ์สามิภักดิ์ ถักร้อย ถนอมความประจักษ์ วิเศษ นี้นา โคลงนี้คือคำถ้อย เผื่อร้างห่างหาย สิริวตี ปล. คนเล่นเปียโน กะสีไวโอลิน รุ่นพี่วตีเอง ลุงชอบเหรอ มิคลายจางเจตสิ้น..........ระบิลรัก คงว่ายเวียนวนวรรค........กระหวัดซ้ำ เวิ้งกาลเนิ่นนานนัก..........หาหน่าย กอบเก็บรานบอบช้ำ........เชื่อมร้อยอักษร
เชลงกลอนปลดเปลื้อง......อารมณ์ สัมผัสผิวพรายพรม..........แผ่วพลิ้ว สดับคลื่นระทม................ขมขื่น ละล่องลอยตามริ้ว...........โศกสร้อยเสกสรร
จำนรรจ์ฤาอาจเพี้ยง.........เพลงวลี เก่งกาจแกล้วกวี...............กล่อมเกื้อ เสมือนมากฤทธี...............โน้มเหนี่ยว น้าวหนักคล้อยอ่อนเอื้อ....เคลิบเคลิ้มขับขาน
วันวานพ้นผ่านแล้ว..........มิไย หวนคิดโหยอาลัย............เกี่ยวคล้อง จำพรากห่างเหินไกล........เกินกู่ ยังมิหยุดร่ำร้อง...............อดีตรั้งคืนถนอม
Soul Searcher Inspired to write 21/10/2017
ป.ล. ช่าย เสียงไวโอลินเสียดซึ้งจับขั้วหัวใจยิ่งนัก
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
~* จันทร์ *~
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
Re: โปรยปราย
คืนจันทร์แรมบั่นเสี้ยว........เปลี่ยวเหงา ชวนจิตแห้งเหี่ยวเฉา..........เหว่ว้า ทะเลหม่นขุนเขา................เวิ้งหวั่น มัวแต่เหม่อหมองฟ้า...........พร่ำเพ้อรำบาย
Soul
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
Re: โปรยปราย
ไอแดดเวิ้งฟ้าล้าลม ไหวอ่อนอารมณ์ห่วงหา หว่างวุ้งวงศ์วรรณมรรคา พัดพาคลาคล่ำร่ำครวญ
มากครั้งจิตตกหมกมุ่น คิดครุ่นสำนึกลึกส่วน ครั้นคราภาพฝันรัญจวน เย้ายวนหวนใคร่คะนึง
กระหวัดกระวนกวี พาทีถักถ้อยร้อยถึง ราตรีเปลี่ยวเศร้าเหงาจึง รำพึงรำเพยเปรยนวล
Soul Searcher Inspired to write 3/10/2017
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
เดือนเพ็ญ : คืนเหงากระทงครวญ
เดือนเพ็ญ : คืนเหงากระทงครวญ
คืนเดือนเพ็ญเด่นฟ้าราตรีเลื่อม เกินสุดเอื้อมไขว่ค้นท้นกำสรวล มิวายปลอบขวัญคล้อยคอยรัญจวน ยามเซซวนจำพรากผันจากลา
กระทงคลาด ปลาตเสียงจำเรียงหมาย หนาวลมลู่สู่กายพัดป่ายหน้า เคยซบเอื้อไออุ่นกรุณพา จำเหว่ว้าล่องเลี้ยวกร่างเชี่ยวชล
ทั้งคลื่มลมโถมถั่งหยั่งกระทบ ขับพระลบหลีกร้างหว่างเวหน พลันโดดเดี่ยวเพ้อพร่ำด้วยจำนน ในเวิ้งวนเวียนว่ายแห่งสายธาร
หวั่นจันทร์เจ้าเพลินหลงอสงไขย ทิ้งเยื่อใยเฝ้าปลูกผูกผสาน คราต้องร้างห่างเหินไกลเนิ่นนาน ฤาคำหวานรักนั้นคงมั่นยืน
หนาวลมระเรื่อยเย้า.........ยวนเพ็ญ หนาวอกยะเยียบเย็น........ยอกย้อน หนาวใจบ่ มิเห็น...............ขวัญอยู่ ฤาสุขใดทุกข์ร้อน.............ห่วงไห้พะวงถึง
รำพึงร่ำพจน์เคล้า............คลอจันทร์ นวลแจ่มหากสัมพันธ์........ต่างต้อง จำหายห่างเหินกัน............พิสูจน์ คำมั่นคงจิตคล้อง.............ใช่เพี้ยงภวังค์หลง
Soul Searcher Inspired to write 4/10/2017
ป.ล. แม้ว่าเดือนเพ็ญ เวอร์ชั่น อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ นี้ได้ถูกนำมาลงหลายครั้ง แต่ขณะแต่งกลอนไป ใจก็หวนคิดถึง จึงขอนำมาลงอีกครั้งครับ
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
~* หากฉันรู้สักนิด *~
~* หากฉันรู้สักนิด *~
“...หากฉันรู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน บอกกันวันนั้นให้รู้สักหน่อย ว่าดวงใจที่ฉันเฝ้าคอย คงไม่เลื่อนลอย เป็นของใคร...”
หากว่าเพียงหยั่งรู้..........สักนิด สัมผัสดื่มด่ำคิด..............หนึ่งได้ แม้มิอาจเชยชิด.............โฉมอย่าง ใจเนอ ดอกรักร้อยส่งให้............ค่ำเช้าเสมอเหมือน
คราเยือนเหย้าทุกข์ร้อน....รานใด แหนรักห่วงอาลัย.............โอบล้อม เสมือนกอดอุ่นไอ..............อกพี่ คอยปลอบน้าวจิตน้อม......คราบน้ำตาสลาย
หมายใจมอบส่งเจ้า..........จันทร์งาม แม้อาจเพี้ยงฝันความ........หยั่งรู้ ลิขิตรักลุกลาม..................ล้นหลั่ง ฉมชื่นอวลชิดชู้.................อาบเยื้อนอักษร
หากว่าเพียงหยั่งรู้อยู่สักนิด หากว่าเพียงล่วงคิดลิขิตมั่น หากว่าเพียงนิดนัยหนึ่งใจนั้น หากว่าเพียงคือฉัน หายหวั่นวน
หากใช่เพียงครวญคร่ำรำพันเพ้อ หากใช่เพียงกริ่งเก้อเผลอสับสน หากใช่เพียงไหวอ่อนเร่าร้อนรน หากใช่เพียงกลอนกลดลจิตน้อม
หากว่าใจล่วงรู้คู่เคียงแล้ว มิเคลื่อนแคล้วคลาไคลใคร่ถนอม ปลูกต้นรักสวยสมไว้ดมดอม มิหน่ายตรอมแม้กาลเนิ่นนานรอ
ดอกรักเอยเบ่งบานโชยหวานชื่น หอมกลิ่นรื่นยวนภมรเย้ายอนช่อ หากว่าดาษดื่นใดไล้โลมคลอ พึงละออเด็ดเดี่ยวยั้งเกี่ยวคล้อง
ฝากบทกลอนบทนี้ถึงที่รัก ผู้พิทักษ์ล้อมใจในทุกห้อง เพียงหนึ่งนี้ปรีดิ์เปรมเกษมปอง เป็นคู่ครองเคียงขวัญนิรันดร์กาล
“...หากฉันรู้ สักนิดว่าเธอรักฉัน บอกกันวันนั้นว่ารักสักหน่อย ยอดดวงใจที่ฉัน เฝ้าคอย คงไม่เลื่อนลอย จากสุดที่รักเอย...”
Soul Searcher Inspired to write 11/11/2017
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
~* ขอพบในฝัน *~
~* ขอพบในฝัน *~
หวาน ใดหวานจับขั้ว..........ดวงมาน หวาน ผ่องแผ้วพบพาน........พากย์พริ้ง หวาน ผลักทุกข์ร้าวราน.......พ้นโศก หวาน ถกวิโยคทิ้ง...............สยบเศร้าสราญหวน
ยวน ใจยามหยดย้อย..........เยือนยล ยวน อาบซึ้งกมล.................ยากยั้ง ยวน หยั่งรุ่มร้อนจน..............มิอาจ ยวน หยุดยื้อฉุดรั้ง................ถักถ้อยระวิงไหว
ใจ เอยเคยหนักน้อม............มั่นคง ใจ รักแหนงหน่ายปลง..........ปลดเปลื้อง ใจ ย้อนห่วงพะวง.................หลงอยู่ ใจ ผูกเย้าโยงเบื้อง..............บ่วงสร้อยอักษร
ยามต้องเขียนกลอนรักให้หนักจิต หวั่นลิขิต ท่วมทุกข์น้อยสุขสาน หากพจน์กลอนนั้นเป็นเช่นสะพาน จักพาดผ่านเชื่อมสู่ประตูใจ
ยามแสงทองรองเรือง ค้างเคืองขุ่น- แหลกเป็นจุณ รายร้างพลางสดใส เยื้อนอุษาสวาสดิ์เย้า เบียดเหงาไกล คลอขับไพร แย้มรับกับตะวัน
คล้อยยามบ่ายพ่ายแรงแสงแผดล้า เรื้องเจิดจ้ารังสีรพีบั่น ฝืนกลอน กลับคลับคล้ายหน่ายประพันธ์ ท่ามกลางเปลวสุริยัน พาดพรั่นพรึง
ครั้นเคลื่อนครบตะวันยันยอแสง ส้มแสดแดงเหลืองเหลือบไปเกือบครึ่ง เพ้อตัดพ้อรำเพยเปรยรำพึง ดังอื้ออึงข้างหูอู้ลมพลัน
พอตกดึกพระลบจบผืนฟ้า เยื้องจันทราหยั่งแม้นถึงแดนฝัน ดุจเงียบเหงาเศร้าส่งมาลงทัณฑ์ คร่ำครวญหันหารัก ปรัก*คืน
ทุกคำกลอนสื่อให้จากใจนี้ มิได้มีหมายมุ่งยุ่งโยงอื่น อกสะท้อนอ่อนไหวใจกลัดกลืน ก็ปรุงชื่น, ขื่น ถ้อยมาร้อยเรียง
ยั้งสดับยกพร่ำรำพันแล้ว วอนกานท์แก้วอย่าหายคิดบ่ายเบี่ยง แม้คำรักมิหวานเทียบขานเคียง ทุกสุ้มเสียงจริงใจส่งให้กัน
เปรียบคำหวานมิอิงสิ่งแอบแฝง กลัดกินแหนงแคลงใจให้ป่วนปั่น ฝากลมเคล้าเคลียคลอพะนอจันทร์ แนบเนาขวัญเคียงหมอนก่อนนิทรา
Soul Searcher Inspired to write 15/11/2017
ประภาษประพจน์พร้อย..ประพนธ์ ประดิดประดอยยล........ประดุจได้ ประสูตประสิทธิ์ดล.........ประเสริฐ ประสงค์แล ประลุประลุงไล้..............ประเล้าประโลมหมาย
ป.ล. *ปรัก : [ออกเสียง ปะหรัก] หัก ประภาษ : บอก, พูด ประพจน์ : ข้อเสนอ, ข้อความที่กล่าว ประพนธ์ : ผูก, แต่ง, เรียบเรียง ประดิดประดอย : บรรจงทำให้งดงามละเอียดลออยิ่งขึ้น ประดุจ : เช่น, คล้าย, เหมือน, ดัง ประสูต : ขวนขวาย ประสิทธิ์ : ความสำเร็จ ประเสริฐ : วิเศษ, ดีเลิศ ประสงค์ : มุ่งหมาย ประลุ : บรรลุ ประลุง : ปลาบปลื้ม, ยินดี ประเล้าประโลม : เล้าโลม, ปลอบโยนเอาอกเอาใจ
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
~* โลกมายา *~
~* โลกมายา *~
“...รุ่งสุริยาขอบฟ้าขลิบทอง วิหคเร่าร้องเสียงก้องพงไพร ม่านฟ้าเรืองแสงทองยองใย โลกตื่นจากหลับไหล สู่ความโสภา
รุ่งแจ้งแสงทองแซ่ซ้องปักษิน บ้างก็ผกผินเหินบินเมฆา โลกสวยด้วยแสงสุริยา มองสุขสันต์หรรษา ดูน่าภิรมย์
โลกเรานี้ ล้วนมีมายา เฮฮาหัวร่อ แล้วก็ระทม มัวเศร้าอยู่ใย ร้องไห้ ร้องห่ม ทำไมให้เสียน้ำตา
รุ่งสุริยาม่านฟ้าตระการ วิหคขับขานก้องดานดงป่า โลกฝันมายิ้มกันดีกว่า ลืมโลกแห่งมายา มาร่าเริงกัน...”
เพียงคำร้อยแต่งแต้ม.....เติมความ ดูง่ายแต่งดงาม.............มิ่งแม้ มายาโลกนิยาม.............เหมือนดั่ง สุขทุกข์ปนเปแท้............โศกเศร้าเสสรวล
โชยหอมอวลอบฟุ้ง.........มาลี เยื้องหยั่งเย้าสตรี............อยู่ใกล้ ชวนแช่มชื่นฤดี...............ประดุจ น้ำทิพย์ชโลมไล้............ดับแห้งกระหายโหย
คำโปรยปรายอาบซึ้ง......ปานใจ จะหลุดร่วงตามไป...........ฉะนี้ เอ๋ยรักห่วงอาลัย.............ว้าวุ่น ทรวงแล หาญหักหายหลีกลี้..........ยิ่งร้าวรานถวิล
“รุ่งสุริยาขอบฟ้าขลิบทอง” เสียงเร่าร้องวิหคพ้องผกผิน ขยับปีกป้ายหางหว่างเมฆินทร์ ล้อปักษินแกร่งกล้าท้าแดดลม
อันโลกแห่งมายาพายวนเย้า มีสุขเคล้าทุกข์โศกวิโยคห่ม มีเงียบเหงาฟูมฟายหน่ายระทม ตามอารมณ์คลื่นพัดซัดสาดเท
“รุ่งสุริยาม่านฟ้าตระการ” สดับขานเจื้อยแจ้วแล้วหันเห เหมือนหลงทิศหลงทางกลางทะเล กับมายาเสน่ห์เล่ห์ลวงพราย
ดุจชะงักชะงันในวันฟ้า แม้ฉาบทาทึมเทา พริ้งเพราฉาย แสงตะวันลอดช่องส่องประกาย คงความหมายหนึ่งนี้ในชีวิน
Soul Searcher Inspired to write 16/11/2017
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
~* ยามเมื่อลมพัดหวน *~
~* ยามเมื่อลมพัดหวน *~
“...จากคนละฟ้า จากคนละแผ่นดิน กลับมาโบยบิน ข้ามไปสุดฟ้า จน ได้พบ กัน อาจเป็นเพียงลม ที่พาเรา พบพาน ให้เราได้รัก กัน และให้ฉัน ต้อง ฝืนใจ ลา
อาจเป็นเพราะรัก ที่ผ่านมากับลม ผ่านมาเชยชม เพียงแผ่วพริ้ว แล้วมันก็จาง ไป เก็บความทรงจำ เก็บงำ ใน หัวใจ อยู่เพียงเดียวดาย ในเมื่อรัก จากไปพร้อมสาย ลม
เมื่อเป็นความ รัก ที่ไม่อาจ เผยใจ เก็บมันเอา ไว้ เก็บมันเอา ไว้ ไม่อาจยอม ให้เธอรู้ เมื่อใดที่ลม พัด ให้ผ่านมาหน่อยได้ ไหม อยากให้คืนวัน ที่ดี เหล่านั้น ได้หวนมา เมื่อใดที่ลม หวน ที่เธอจะกลับมา หา เฝ้ารอเวลา ที่ลมแห่งรัก นั้น จะพัดพา มาอีกครั้ง...”
จากคนละฟากฟ้า...........ฝั่งฝัน พานพบสร้างเสกสรร......สุขซ้อง แม้เพียงช่วงเธอฉัน.........เผลอเปิด ใจเนอ ความรักยังเรียกร้อง.......จากห้วงหทัยสงวน
หวนลมพัดห่มย้อน........โยงพา ผิวแผ่วชื่นอุรา................ผูกรั้ง แม้อดีตล่วงลา...............มิอาจ หวนกลับคืนอีกครั้ง........หักห้ามเลือนไฉน
อาลัยในรักเย้า...............ยวนเคียง คืนห่อนยินสำเนียง..........สุขล้ำ กลอนรัก บ่ หวานเรียง.....เหมือนเก่า พกแต่ความชอกช้ำ.........ฉาบไล้ลมหวน
จากคนละ ฟากฟ้าสุธาถิ่น ใจรวยรินโบกโบยโชยมาถึง ผ่านลมพัดหวนหาคราคะนึง แล้วปักตรึงกลางทรวงก่อนล่วงลา
ทิ้งเพียงความทรงจำคำหวานชื่น กับรสรื่นอุ่นอวลชวนหรรษา ปานสลักภาพสวยด้วยวิญญาณ์ ให้รักตราตราบไว้...ในนิรันดร์
Soul Searcher Inspired to write 25/11/2017
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|