
ที่มา ราชแพตเทิร์น-แบบหลวง (Raj-Pattern)
อาจไม่คุ้นคำนัก"ราชแพตเทิร์น"
เริ่มจากการดำเนินต่างประเทศ
รัชกาลที่ ๕ ทรงสังเกตุ
ชุดสากลเป็นเหตุไม่เหมาะสม
ด้วยอากาศร้อนอบกระทบร่าง
ทุกก้าวย่างเสื้อหลายชั้นพลันหุ้มห่ม
จึ่งเฟ้นหาชุดลำลองร้องหาชม
ให้ช่างตัดมาแก้ปมตามจินตนา
จึ่งเพื้ยนเป็นชุดราชปะแตน
กระดุม๕เม็ดแทนไม่กังขา
ส่วนคอปิดยกตั้งบังกายา
สวมกับผ้านุ่งโจงหรือกางเกงแพร
จวบมาถึงการผลัดเปลี่ยนยุคสมัย
นายกไทยพลเอกเปรมมาช่วยแก้
ด้วยแนวคิด"เครื่องแบบ"มาปรับแปร
ลักษณะเฉพาะแต่..คงสากล
ท่านทูลเกล้าฯขอประราชทานแบบ
รัชกาลที่๙ยลแยบแนบส่งผล
เป็นเสื้อตามยามทรงบ่อยสู่ผองชน
๓ แบบดลเป็นชุดพระราชทาน
ตามมติคณะรัฐมนตรี
ประกาศนี้ใช้เนื้อผ้าตามถิ่นฐาน
วัฒนธรรมนำร่องมาช้านาน
ข้าราชการขานน้อมรับอย่างเปรมปรีดิ์.
หมายเหตุ
เจ้าพระยาภาสกรวงศ์ (พร บุนนาค) ซึ่งขณะนั้นยังเป็นนายราชานัตยานุหาร ในฐานะราชเลขานุการ ได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตคิดชื่อถวายว่า ราชแพตเทิร์น (Raj pattern) แต่ต่อมาเพี้ยนมาเป็น ราชปะแตน
เหตุการณ์นี้มีกล่าวไว้ในหนังสือประวัติเจ้าคุณพระประยูรวงศ์ ที่ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงบันทึกไว้ว่า…
“เสื้อชนิดนี้เกิดเมื่อมีการเสด็จประพาสต่างประเทศครั้งที่ 2 ในปี พ.ศ. 2114-2415 ที่อินเดียและพม่า เสด็จไปถึงเมืองกัลกัตตา ทรงปรารภว่า เสื้อเปิดอกอย่างฝรั่งต้องมีเสื้อเชิ้ตชั้นใน และต้องมีผ้าผูกคอ ถ้าหากใช้ยามมีงานก็พอทน แต่ถ้าใส่ลำลองเที่ยวเล่นก็คงทนร้อนไม่ไหว จึงตรัสสั่งให้ช่างตัดฉลองพระองค์คอปิดมีกระดุมตลอดอก ไม่ต้องสวมเสื้อชั้นในอีกเพราะปิดคอแล้ว