Username:
Password:
หน้าแรก
ห้องสนทนา
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..
>>
บทกลอนไพเราะ
>>
กลอนรัก
>>
คนนอกความฝัน
หน้า:
1
...
5
6
[
7
]
8
9
...
22
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: คนนอกความฝัน (อ่าน 265535 ครั้ง)
0 สมาชิก
และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#90 เมื่อ:
07 กุมภาพันธ์, 2566, 12:38:59 AM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
web server gratis
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
msp.
,
ระนาดเอก
,
โซ...เซอะเซอ
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
palawast
เด็กขยันประจำบ้าน
ออฟไลน์
กระทู้: 23
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#91 เมื่อ:
08 กุมภาพันธ์, 2566, 10:17:52 AM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
ขอบคุณที่มาแบ่งปันครับ
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
ผู้เฒ่า..โง่งม
บันทึกการเข้า
abcth
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#92 เมื่อ:
10 กุมภาพันธ์, 2566, 10:27:10 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย วิญญานไทย..* ข้าคือคนไทย *
พุทธศักราช ๑๗๖๑ หลังยึดเมืองสุโขทัย คืนมาได้จากขอม พ่อขุนบางกลางหาว ได้สถาปนาขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์
ต้นราชวงค์พระร่วง..และเปลี่ยนพระนามใหม่เป็น พ่อขุนศรีอินทราทิตย์..อาณาจักรสุโขทัยจึงถือเป็น ..
อาณาจักรแรกของคนไทย..
แต่หนหลังครั้งก่อนเล่าย้อนกลับ
ทวนลำดับชาติไทยเพื่อให้เห็น
แผ่นดินเกิดการสร้างนั้นยากเย็น
ก่อนจะเป็นก่อนจะมาเรียกว่าไทย
บรรพบุรุษปลดแอกเข้าแลกขอม
เลือดเนื้อยอมแลกแผ่นดินถิ่นอาศัย
ก่อกำเนิดอาณาจักรสุโขทัย
ที่ยิ่งใหญ่ชั่วกาลแต่นานมา..
อาณาจักรสุโขทัยรุ่งเรืองที่สุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระโอรสองค์สุดท้องของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์
กับนางเสือง..ซึ่งในยุคสมัยนั้นได้แผ่อาณาจักรไทยกว้างใหญ่ออกไปมาก..ประมาณพุทธศักราช ๑๘๒๖
พระองค์ได้ทรงคิดค้น ประดิษฐ์ ลายสือไทย ให้เป็นแบบอักษรอย่างไทย เป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่ชาวไทย
จวบกระทั่งปัจจุบันนี้ ด้านการปกครอง นับเป็นต้นแบบ ของการปกครองแบบพ่อปกครองลูก..ประชาชนทุกข์ร้อน
สามารถไปสั่นกระดิ่งหน้าประตูวังร้องทุกข์ได้..ไพร่ฟ้าประชาชนมีความสุขแจ่มใส ใครใคร่ค้า..ค้า ใครใคร่ขาย..ขาย
สุโขทัยรุ่งเรืองเป็นเมืองใหญ่
ลายสือไทยกำเนิดเกิดภาษา
พ่อกับลูกแบบปกครองชาวประชา
ด้วยบุญญาสั่งสมราษฎร์ร่มเย็น
พ่อขุนรามคำแหงมหาราช
ผู้สร้างชาติไทยสุขสิ้นทุกข์เข็ญ
พระมหากรุณานั้นควรเป็น
แบบเมื่อเห็นควรตรองสนองงาน
อาณาจักรสุโขทัยสลายความยิ่งใหญ่ลง ในยุคสมัยต่อมา เนื่องจาก หัวเมืองทางล้านนาและทางอยุธยา
มีกำลังกล้าแข็งขึ้น...ทางเดินประวัติศาสตร์ของชาติไทยจึงหันมาทางอยุธยา...
ปีพุทธศักราช...๑๘๙๓ พระเจ้าอู่ทอง ทรงสร้างพระนครขึ้นที่ตำบลหนองโสน แล้วตั้งนามพระนครนี้ว่า กรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดีศรีอยุธยา มหาดิลกบวรรัตนราชธานีบุรีรมย์ ซึ่งก็คือ กรุงศรีอยุธยา..
ในลำดับต่อมาของชนชาวไทย จนถึงปัจจุบัน..
สุโขทัยเสื่อมขาดอำนาจสิ้น
ผลัดแผ่นดินพงศาผู้กล้าหาญ
เชื้อชาติไทยดำรงสืบวงศ์วาน
สู่สถานบุรีศรีอยุธยา
เป็นปึกแผ่นแดนด้าวท้าวกษัตริย์
เจิดจำรัสขจรไกลทั่วทิศา
เจ้าอู่ทองครองเมืองเรืองศักดา
ทั่วพาราสันติพระบริบาล
ลุถึงรัชสมัยสมเด็จพระชัยราชาธิราช ทรงรวบรวมหัวเมืองน้อยใหญ่มาอยู่ในอำนาจของ อาณาจักรอยุธยา ทำสงครามกับล้านนายึดเมืองเชียงใหม่ได้ ในเวลาเดียวกันมอญ ได้ถูกพม่ารุกรานจนต้องตกอยู่ในอำนาจของพม่า มีมอญส่วนหนึ่งจากเมืองเชียงกราน หนีพม่าเข้ามาพึ่งไทย..พม่าจึงยกกองทัพเข้ายึดเมืองเชียงกรานไว้ได้ สมเด็จพระชัยราชาธิราช จึงทรงยกกองทัพไปตีเมืองเชียงกรานกลับคืนมา เป็นการเปิดฉากสงครามระหว่างไทยกับพม่านับแต่นั้นมา
สมเด็จพระชัยราชาธิราชเจ้า
ทรงศึกเอาแผ่นดินรวมถิ่นฐาน
ขยายแดนแคว้นไทยป้องภัยพาล
ทรงเชี่ยวชาญการรบสยบริปู
เปิดศึกรบกับพม่าในคราแรก
เมื่อมันแยกปถพีทั้งที่รู้
สายเลือดข้นคนไทยใครศัตรู
ข้าจะสู้กูไม่กลัวจนตัวตาย..
กาลต่อมาในสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ พม่าได้หาเหตุยกกองทัพเข้ามาหมายยึดครองแผ่นดินไทย
ณ สมรภูมิทุ่งภูเขาทอง แม้สามารถจะปกป้องผืนแผ่นดินไทยไว้ได้ แต่ไทยต้องสูญเสียวีรกษัตริย์สตรี
พระองค์หนึ่งไป คือ สมเด็จพระศรีสุริโยทัย..ผู้ซึ่งเสียสละพระองค์ให้กับความรัก และปกป้องศูนย์รวมแห่ง
กำลังใจของเหล่าทหารหาญ ด้วยการไสช้างทรงเข้าช่วยเหลือ องค์สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ..
สายโลหิตหลั่งโลมธรณี
แม้นร่างพลีดับสูญทูลถวาย
สนองคุณแผ่นดินจนสิ้นกาย
ล่มสลายพร้อมรักที่ผูกพัน
ด้วยหนึ่งดวงวิญญาณที่หาญกล้า
ลับขอบฟ้าสู่ห้วงสรวงสวรรค์
ประวัติศาสตร์บอกเล่าให้เท่าทัน
ควรร่วมกันหวงแหนเก็บแผ่นดิน..
จวบถึงพุทธศักราช ๒๑๑๒ ความอ่อนแอของกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากการชิงดีชิงเด่น แย่งชิงอำนาจ ฉ้อราษฏร์บังหลวง ขาดความสามัคคี ..ทำให้ไทยต้องเสียกรุงศรีอยุธยา ให้กับข้าศึกพม่า..ครานั้นคนไทยเรา..ต้องเสียน้ำตาอด กลั้นความอัปยศ ไว้ถึง ๑๕ ปี..
พุทธศักราช ๒๑๒๗ ..สมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็ทรง กอบกู้เอกราชกลับมาได้ ทรงประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง หลังจากนั้น พระองค์ได้ทรงทำสงคราม เพื่อความเป็นปึกแผ่นของแผ่นดินไทย ตลอดพระชนมายุของพระองค์ ทำให้อาณาจักรกรุงศรีอยุธยาแผ่ไปอย่างกว้างขวาง... เป็นหนึ่งในสุวรรณภูมิ…
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เก่งฉกาจศึกรบสยบสิ้น
เอกราชกู้คืนธรณิน
ประดุจสินพงศ์เผ่าพวกเราไทย
ยอมหลั่งเลือดมิให้ผู้ใดหยาม
ทุกสนามมิถอยศึกน้อยใหญ่
จะเสียเลือดเสียเนื้อสักเท่าไร
มิยอมให้แหว่งวิ่นแผ่นดินทอง
ลุถึงพุทธศักราช ๒๓๐๗ พม่าได้ยกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา เดินทัพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์อีกทาง กลุ่มคนที่รวมกำลังต่อต้านพม่าอยู่ได้นานที่สุด คือ ชาวบ้านบางระจัน...ใช้เวลาต่อสู้กับกองทัพพม่านานถึง ๕ เดือน ต่อสู้ได้รับชัยชนะถึง ๗ ครั้ง..แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถต้านทานกำลังของกองทัพพม่าได้จึงได้แพ้แก่ข้าศึกเมื่อวัน จันทร์เดือน ๘ แรม ๒ ค่ำ ปีจอ พุทธศักราช ๒๓๐๙...
ข้าศึกเหยียบแผ่นพื้นปฐพี
มันย่ำยีดวงใจไทยทั้งผอง
เมื่อเจ้าคิดมิชอบเข้าครอบครอง
เลือดข้านองยอมสาดราดแผ่นดิน
บางระจันเลือดไทยคนใจกล้า
ฆ่าก็ฆ่า..มิยอมให้หยามหมิ่น
แม้น้ำตาความผิดหวังจะหลั่งริน
สู้จนสิ้นลมปราณค่อยผ่านไป
หลังค่ายบางระจันแตก ทัพพม่าได้เข้าโอบล้อมกรุงศรีอยุธยาเป็นเวลา ๑ปี ๑เดือน..ด้วยความอ่อนแอ และขาดความสามัคคีของคนในชาติ..พม่าจึงบุกยึคกรุงศรีอยุธยาได้เป็นผลสำเร็จ เมื่อ วันอังคาร เดือน ๕ ขึ้น ๙ ค่ำ ปีกุน พุทธศักราช ๒๓๑๐..พม่าได้เผาผลาญทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง.. บ้านเมือง วัดวาอาราม ปราสาทราชวัง ถูกทำลายลงสิ้น ผู้คนที่อพยพหนีพม่า เข้ามาอยู่ในเมืองประมาณหนึ่งแสนคนเศษ ถูกพม่าฆ่าตายมากกว่าครึ่ง ที่เหลือก็ถูกกวาดต้อน นำไปเมืองพม่าอย่างทารุณ ได้รับความยากแค้นแสนสาหัส ทรัพย์สินของมีค่าต่าง ๆ ถูกนำกลับไปพม่านับประมาณค่ามิได้...
อยุธยายืนยงยังย่อยยับ
ล่มลงลับทอดทิ้งความยิ่งใหญ่
เพราะต่างเห็นแก่ตัวชั่วที่ใจ
ซากเหลือไว้ให้จำคือตำรา
อนุสรณ์ความวินาศประกาศอยู่
ให้เราดูเป็นตัวอย่างและศึกษา
หมดสิ้นชาติไม่เหลือเชื้อประชา
ก็เพราะว่าคิดแค่เอาแต่ตน
อยุธยาล่มแล้วเป็นแนวสอน
จงสังวรมองข้อความฉ้อฉล
ความกระสันเสพสุขของบุคคล
ตั้งอยู่บนความเจ็บปวดและความตาย
๔๑๗ ปี.กับความยิ่งใหญ่ของกรุงศรีอยุธยาล่มสลายลง..และไม่สามารถฟื้นฟูขึ้นใหม่...หลังจากนั้นพระเจ้าตากสินมหาราชจึงทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทยกลับมาได้อีกครั้ง.และได้ทรงสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่..ชื่อว่า กรุงธนบุรี....
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
ทรงกู้ชาติเชิดชู..ริปูสลาย
เลือดและเหงื่อพลีร่วมอยู่ท่วมกาย
สู้เพื่อความสุขสบายของปวงชน
เก็บแผ่นดินสินทรัพย์รับใช้ชาติ
เอกราชกู้กลับ.คืนอีกหน
สร้างบ้านเมืองเรืองรุ่ง.คือกรุงธน
เคยอับจนทุกข์เข็ญกลับเป็นไทย
พระคุณท่านทำไว้แผ่ไพศาล
รุ่นลูกหลานนานมาอยู่อาศัย
เจ้าตากสินชื่อเสียงท่านเกรียงไกร
ผู้ทำให้ไทยคงดำรงพันธุ์
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชปกครองบ้านเมืองมาจนกระทั่งถึงปีพุทธศักราช ๒๓๒๕ รวมระยะเวลาเวลาที่กรุงธนบุรีเป็นราชธานีนาน ๑๕ ปี ….
.ถึงยุครัตนโกสินทร์ ต้นยุคไทยเราได้ทำการศึกสงครามอยู่ตลอดกับเพื่อนบ้านข้างเคียงอยู่บ้าง
จนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จครองราชย์เมื่อปี พ.ศ.๒๔๔๑
พระราชกรณียกิจที่ทรงกระทำ ล้วนเป็นการนำประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ด้วยพระปรีชาสามารถ ปวงประชาราษฎร์จึงพร้อมกันถวายพระนามว่า พระปิยมหาราช ทรงมีพระราชกรณีกิจที่สำคัญอาทิเช่น
ทรงแบ่งการปกครองออกเป็นมณฑล จังหวัด อำเภอ ตำบล และหมู่บ้าน ทรงตั้งกรมตำรวจภูธร ตั้งโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ทรงตั้งกระทรวงธรรมการ ตั้งโรงเรียนฝึกหัดครู โปรดฯให้คัดเลือกนักเรียนที่เรียนดี และข้าราชการไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ หรือดูงานในต่างประเทศมากขึ้น..
ทรงโปรดให้มีการเดินรถไฟ เริ่มใช้รถราง สร้างถนนราชดำเนิน ถนนเยาวราช เริ่มมีการใช้รถยนต์โดยเฉพาะรถที่ขับเคลื่อนด้วยจักรกล
ทรงเริ่มกิจการไฟฟ้า ประปา และกิจการไปรษณีย์โทรเลข โทรศัพท์
ทรงตั้งกรมธนบัตร ประกาศใช้ธนบัตร และทรงจัดทำงบประมาณแผ่นดิน เมื่อพ.ศ.๒๔๓๙
ทรงจัดตั้งสภากาชาด ทรงก่อตั้งโรงพยาบาลศิริราช ..ฯลฯ..
ทรงดำเนินการนโยบายผ่อนสั้นผ่อนยาว ยอมเสียน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ ทรงประพาสยุโรป ๒ ครั้ง เพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีกับประเทศมหาอำนาจ และเพื่อนำความเจริญกลับมาสู่ประเทศไทย
พระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์คือ การเลิกทาส ในปี พ.ศ. ๒๔๔๘
สมเด็จพระปิยะมหาราช
ผู้เลิกทาสขจัดทุกข์ให้สุขสันต์
เพิ่มศักดิ์ศรีคนเราให้เท่ากัน
คำและขั้นทาส-นายจึงหมดไป
บิดาแห่งสาธารณูปโภค
ก้าวทันโลกเจริญงามตามสมัย
ไปรษณีย์ไฟฟ้าประปาไทย
ทั้งรถไฟรถยนต์และหนทาง
ทรงริเริ่มจัดสร้างวางแบบแผน
เยือนต่างแดนตรองกลับมาจัดสร้าง
ความเจริญนานาจับมาวาง
เพื่อแผ้วถางทางให้ไทยเจริญ
พระเกียรติคุณขจรไกลแผ่ไพศาล
คำกล่าวขานถ้วนถ้อยสรรเสริญ
พระปรีชายิ่งใหญ่ผู้ใดเกิน
ไทยก้าวเดินสู่โลกพัฒนา
สมเด็จพระปิยมหาราช ทรงสวรรคตเมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๓ ขณะนั้นทรงมีพระชนมายุ ๕๘ พรรษา ทรงครองราชย์ยาวนานถึง ๔๒ ปี
ยุคสมัยต่อมา ประเทศไทย ยังมีเหตุการณ์ที่สำคัญต่างๆ ทั้งในสมัยสงครามโลกครั้งที่๑ สงครามอินโดจีน สงครามโลกครั้งที่ ๒ ข้อพิพาทกรณีต่างๆ..
ทุกครั้งไทยผ่านเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆ มาได้..ด้วยความสามารถของเหล่าบรรพบุรุษ ที่ปกป้องพื้นแผ่นดินไทยเอาไว้ ด้วยร่างกาย-วิญญาณ เลือดและน้ำตา..ความสูญเสียประเมินค่ามิได้ แต่สิ่งที่เหลือส่งผ่านมาถึงลูกหลานไทยในยุคปัจจุบัน คือ..แผ่นดินไทย..และความภาคภูมืใจ ที่เกิดมาเป็น..คนไทย
เสียงดังแว่วเก็บงำในสำนึก
ความรู้สึกคล้ายเงื่อนคอยเตือนว่า
อย่าได้ลืมเหตุการณ์ที่ผ่านมา
ผู้รักษาเผ่าพงศ์ดำรงไทย
กี่ร่างแข็งเป็นศพดินกลบหน้า
กี่รอยคราบน้ำตาบนหน้าไหล
กี่เลือดพรั่งท่วมนองสยองใจ
เขาเป็นใคร เสียเลือดเนื้อ..นั้นเพื่อใคร. ?
ประวัติศาสตร์ชาติไทย ผ่านอดีตที่เจ็บช้ำ ผ่านการพัฒนา ผ่านหลายสิ่งหลายอย่างอันเป็นสัจธรรมในวิถีมนุษย์ แต่บรรพบุรุษของเราก้าวผ่านสิ่งเหล่านั้น และรักษาความเป็นไทยเอาไว้ได้..จวบจนปัจจุบัน.
ธรณีโอดโอยดังโหยหวน
เสียงคร่ำครวญแผดร้องดังก้องหู
อย่าแบ่งแยกทำลายมาขายกู
จะขออยู่สืบสานตำนานไทย
อนาคตถ้าไม่อายเอาขายหมด
น่าสลดเผ่าพงศ์อยู่ตรงไหน
ลูกหลานเหลน.โหลนนั้น อยู่ฉันท์ใด
หรืออาศัยคอยเช่าเขาอีกที..
ร่างที่แฝงแร้งสุมเข้ารุมซาก
จำต้องพรากเพื่อนพ้องและน้องพี่
ในอ้อมกอดแม่พระธรณี
เลือดเนื้อพลีเซ่นสรวงเพื่อปวงชน
กี่แสนดวงวิญญาณทหารกล้า
ยากจะมาตัดพ้อผู้ฉ้อฉล
แต่ลูกหลานไทยทั้งผองหรือต้องทน
ยอมรับคนเดนตายขายแผ่นดิน
หรือต้องคอยกระดูกบรรพบุรุษ
โดนเขาขุดขึ้นขายขยายสิน
มาเรียกร้องเปิดโปงเขาโกงกิน
เมือยลยินสมองคืนค่อยตื่นตัว.
ตื่นเถิด ชาวไทย
หลับใหล หมดสิ้น
ยับยั้ง การกิน
แผ่นดิน เราเอย.......
บรรพบุรุษไทยเอาเนื้อ.เหงื่อ.เลือดแลกไว้..ซึ่งเอกราชของชาติไทย ..หลายสมัยผ่านมา...
น้ำตาทุกหยาดที่หยดลงริน..รักษาแผ่นดิน.เพื่อลูกหลานไทย...
สละชีพเพื่อชาติศาสน์กษัตริย์
เป็นบรรญัติชายไทยหัวใจแกร่ง
การรักชาติบัดซบตลบตะแลง
คือเสแสร้งแถลงคำว่าทำดี
แต่เบื้องหลังหวังผลทำกลซ่อน
โผล่สลอนเห็นชัดความบัดสี
ผลประโยชน์ซ่อนกลบ.ทบทวี
รอวันที่ชนขยับเพื่อขับมัน @
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
โซ...เซอะเซอ
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#93 เมื่อ:
14 กุมภาพันธ์, 2566, 07:16:24 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
โซ...เซอะเซอ
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#94 เมื่อ:
18 กุมภาพันธ์, 2566, 01:04:47 AM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
why us images for website
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
โซ...เซอะเซอ
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#95 เมื่อ:
21 กุมภาพันธ์, 2566, 10:10:44 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
upload
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
โซ...เซอะเซอ
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#96 เมื่อ:
24 กุมภาพันธ์, 2566, 09:20:19 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
โซ...เซอะเซอ
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#97 เมื่อ:
28 กุมภาพันธ์, 2566, 12:22:41 AM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
โซ...เซอะเซอ
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#98 เมื่อ:
03 มีนาคม, 2566, 10:27:01 AM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
โซ...เซอะเซอ
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#99 เมื่อ:
06 มีนาคม, 2566, 09:25:52 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
โซ...เซอะเซอ
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#100 เมื่อ:
09 มีนาคม, 2566, 09:07:21 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
free pic hosting
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
โซ...เซอะเซอ
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#101 เมื่อ:
12 มีนาคม, 2566, 12:40:41 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
โซ...เซอะเซอ
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#102 เมื่อ:
15 มีนาคม, 2566, 11:21:40 AM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
๏ ฝันถึงเจ้าคนไกล ห่วงใยอยู่
เคยเคล้าคู่เคียงกายมิหน่ายแหนง
กลางสายลมชมชื่นรับคลื่นแรง
ภาพเก่าเก่าผุดแสดง แสลงใจ
๏ เสียงลมกรีดคร่ำครวญ ดั่งนวลเรียก
ขาดสำเหนียกรับรู้เจ้าอยู่ไหน
แสงจันทร์พาดหาดสีทองผ่องอำไพ
เย้ยบอกนัยได้โอบกอดนที
๏ สงสารเจ้าจอมใจคงใฝ่หา
ถึงพี่มาเป็นทุกข์ไม่สุขี
ยามฟ้ากอด ออดอ้อนสายวารี
เจ้าจะคิดถึงพี่ บ้างไหมเอย ๚ะ๛
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#103 เมื่อ:
18 มีนาคม, 2566, 10:02:12 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
..ยามชัง..
๏ ยามเกลียดโกรธชังพี่เจ้าหนีหน้า
ช้ำอุราแต่เช้าจนเข้าสาย
ตอนเที่ยงยิ่งสับสน กระวนกระวาย
ถึงยามบ่าย ยังคอยจนคล้อยเย็น
๏ อย่าชังให้ พี่ช้ำต้องกำสรด
ทำจนหมดสิ้นสุขต้องทุกข์เข็ญ
ทิ้งให้พี่คอยเจ้า เฝ้าลำเค็ญ
ไม่สามารถมองเห็น หนทางครอง
๏ ค่ำลงแล้วเดือนงามอร่ามสรวง
ดาวลอยดวง ดูทรามเมื่อยามจ้อง
ฟังเพลงรักเหมือนลาน้ำตานอง
สวาทหวามยามน้อง ไม่มองเอย ๚ะ๛
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
ผู้เฒ่า..โง่งม
นักกลอนผู้มีผลงาน
ออฟไลน์
กระทู้: 293
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: คนนอกความฝัน
«
ตอบ
#104 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2566, 10:30:37 PM »
หน้าแรก
Re: คนนอกความฝัน
บันทึกการเข้า
~๏รวมทุกสำนวนของ"ผู้เฒ่า..โง่งม"ครับ๚ะ๛
หน้า:
1
...
5
6
[
7
]
8
9
...
22
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
บทกลอนไพเราะ
-----------------------------
=> กลอนรัก
=> กลอนเศร้า
=> กลอนคิดถึง
=> กลอนงอนง้อ
=> กลอนคลายเครียด
=> กลอนให้แง่คิด
=> กลอนอวยพร
=> บทประพันธ์อันน่าประทับใจ
=> กลอนเปล่า
=> เรื่องสั้น แนวนิยาย
-----------------------------
อารมณ์กลอน
-----------------------------
=> การใช้งานบอร์ด-แจ้งปัญหา
=> สมาชิกแนะนำตัว
=> สารบัญกลอน สมาชิกกลอน
=> ห้องเรียนรู้คำประพันธ์
=> โคลง
=> ฉันท์ กาพย์ ร่าย
=> กลบท
=> คำคมอารมณ์กลอน
===> หมวดความรัก
===> หมวดเศร้า - อกหัก
===> หมวดการให้แง่คิด
===> หมวดคลายเครียด
-----------------------------
คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน
-----------------------------
=> ห้องศิลปวัฒนธรรม
===> หมวดการท่องเที่ยว
===> หมวดอาหาร
===> หมวดศิลปกรรม
=> กระดานประชาสัมพันธ์สำหรับสมาชิก
=> คุยได้ทุกเรื่อง
=> ดูหนัง-ฟังเพลง-คลิปความบันเทิง
=> ขอความช่วยเหลือในการแต่งคำประพันธ์
-----------------------------
กฎระเบียบและการจัดการประกวดคำประพันธ์
-----------------------------
=> ห้องประกวดคำประพันธ์
กำลังโหลด...