~“สงคราม..ที่ไร้เงา?”~
๐
๐ ผ้าห่มเคลื่อนจากซ้ายย้ายไปขวา
เธอแกล้งขำเริงร่าคราฉันหนาว
เกยคางมองกระหยิ่มยิ้มแพรวพราว
ยามเธอน้าวผ้าไปใคร่ห่มเธอ
๐ ฉันแกล้งหลับ!รับมุกหล่อนทุกครั้ง
ทำทั้งทั้งใจเต้นเป็นเสมอ
พอสักครู่ความเงียบเชียบปรนเปรอ
ฉันน่ะเหรอ!ดึงผ้ามาทุกครั้ง
๐ ห่มแล้วนอนหันหลังทั้งอมยิ้ม
รู้ใจสาวจิ้มลิ้มพิมพ์ด้านหลัง
รับรู้เธอขยับรับขันจัง
เหมือนเธอนั่งวางแผนแทนการนอน
๐ ผ้าห่มเพียงหนึ่งผืนของคืนนี้
คือผืนที่เธอนั้นยืนยันก่อน
ใช้แค่เราสองคนปนอาทร
ห้ามซุกซ่อนผืนไหนไว้บนเตียง
๐ เธอนั้นจึงชอบแหย่และก็รู้
พอเห็นฉันนอนอยู่ดูไร้เสียง
จึงมักดึงมักเล่นเป็นเลียบเคียง
ดูไร้เดียง-สาเสมอเธอคนดี
๐ เมื่อผ้าห่มถูกรั้งอย่างตั้งอก
เธอเย้ายกดึงหมอนอ้อนฉันนี่
เอาหมอนฟาดประสาคนท้าตี
มาไม้นี้อีกแล้ว!แววสงคราม
๐ หมอนต่อหมอนปะทะขณะยิ้ม
มือนิ่มนิ่มรั้งมือสื่อหวิวหวาม
ตาต่อตาประจันสรรนิยาม
พร้อมคุกคามแก้มปรางอย่างแผ่วเบา
๐ จุดหมายมือต่างฝั่งรั้งผ้าห่ม
ทั้งระดมยิ้มรื่นคืนวันเสาร์
"การปะทะสิ้นสุด!จุดไร้เงา
เมื่อสองเราใต้ผ้าห่ม..ร่างกลมกลืน?"
ระนาดเอก
แม้เมื่อได้ถูกรั้งอย่างตั้งอก
ลืมตระหนกยิ่งให้ไม่อยากตื่น
ต่อสงครามลามปะทุลุอีกคืน
ก่อเกลียวคลื่นลุ่มหลงแห่งดงรัก
หอมกลิ่นทิพย์จากกมลสุคนธรส
เกิดปรากฏสัจจาค่าสูงศักดิ์
กายและใจแลกพร้อมถนอมนัก
แจ้งประจักษ์ความวิเศษด้วยเหตุนี้
สงครามย่อมมีความสันติสุข
และปลอบปลุกพลังฝากมิอยากหนี
ผ้าห่มผืนเดียวกันปันฝันมี
จากสงครามฤดีที่รักเอย
สิริวตี