ลงรถไฟไปรถบัสพาลัดเลาะ ร้านที่เจาะจงทานอาหารก่อนอิ่มเสร็จสรรพกลับขึ้นรถพาตะลอน ฝ่าหมอกอ่อนบางเบาขึ้นเขาวง สู่ “วัดเส้าหลิน” ถิ่นวิทยายุทธ์ “ตักม้อ”สืบศาสน์พุทธให้สูงส่งเสริมฝึกจิตและกายให้มั่นคง ร่วมดำรงคนดีใจมีธรรม วัดกว้างใหญ่วนเวียนไปหลายหลายจุด เด่นที่สุดคือโรงเรียนที่เพียรพร่ำฝึกเด็กให้ออกลีลาท่าร่ายรำ เหมือนการเล่นกายกรรมไม่ต่างกัน จนเที่ยงถึงเวลาทานอาหาร เขาก็มีภัตตาคารอยู่ที่นั่นอาหารดีกินอิ่มหมีพีมัน ใกล้ใกล้นั้นเข้าไปดูการแสดง
วัดกว้างใหญ่วนเวียนไปหลายหลายจุด เด่นที่สุดคือโรงเรียนที่เพียรพร่ำฝึกเด็กให้ออกลีลาท่าร่ายรำ เหมือนการเล่นกายกรรมไม่ต่างกัน จนเที่ยงถึงเวลาทานอาหาร เขาก็มีภัตตาคารอยู่ที่นั่นอาหารดีกินอิ่มหมีพีมัน ใกล้ใกล้นั้นเข้าไปดูการแสดง “โชว์วัดเส้าหลิน”แห่งถิ่นฐาน วิชาการฝึกกายหลายแขนงฝึกจิตล้ำฝ่ายธรรมะพลังแรง พร้อมสีแสงเสียงเจิดจ้าหน้าเวที กายกรรมตีลังกาท่าเดี่ยว หมู่ เอาแผ่นเหล็กมาให้ดูถึงเก้าอี้ขึ้นข้างบนฟาดกบาลหักพอดี “น่าให้เราลองตีพิสูจน์ดู” เพราะเหล็กไม่ใช่อย่างเดียวเหนียว แข็ง เปราะ เขาคัดนำมาจำเพาะ “หักหมูหมู”อีกรายการผู้เชี่ยวชาญขว้างตะปู กระจกอยู่หน้าลูกโป่งผูกโยงไว้ สองสามครั้งขว้างก่อนกระดอนกลับ พอเอาจริงเสร็จสรรพทะลุได้ กระจกบางขว้างตะปูทะลุไป คิดว่าใครที่ฝึกมาก็น่าเป็น เบ็ดเตล็ดโน่นนี่มีมากมาย บ้างหัวร่องอหายเมื่อได้เห็นการจับผิดแม้มิคิดเป็นประเด็น แต่ยากเข็นให้เชื่อความไปตามนั้น
ดูโชว์จบรวมครบคนเดินวนต่อ ถึงที่จอดรถรอของที่นั่นขึ้นบันไดไหว้พระที่ละชั้น เหน็ดเหนื่อยหันกลับมาหาจุดเดิม ต่อรถไปไหว้พระเจดีย์หมู่ จุกระดูกเจ้าอาวาสอยู่แต่องค์เริ่มทุกองค์สร้างเตรียมไว้ใส่เพิ่มเติม พันปีเพิ่มมากจนว่า..”ป่าเจดีย์” เกือบเต็มวันวนเวียนไปอยู่ในวัด มีรถบัสบริการในสถานที่อาจนึกไปใจเขาเยี่ยมเปี่ยมไมตรี แต่ของฟรีจีนหายากลำบากจริง ก่อนจะเข้าประตูต้องซื้อตั๋ว เป็นรายหัวเขาขายทั้งชายหญิงทุกชาติชนคนรุ่นไหนไม่ละทิ้ง เดี๋ยวนี้อิงบริษัทเรื่องจัดการ หาเงินได้ก็ส่งให้ประเทศชาติ เจ้าอาวาสเป็นเพียงผู้บริหารกินเงินเดือนเหมือนทุกคนที่ทำงาน คงมินาน“วัด”อาจแปรแค่“สำนัก..”
วันนี้พบของจริงสิ่งที่ไกด์ เล่าเอาไว้หมายตลกเสียเป็นหลักว่า “ชาวจีนรุ่นก่อนนี้มีเอกลักษณ์ เดินเยื้องยักขากถุยชุ่ยชุ่ยไป มิมองดูจะถูกผู้คนเขาอื่น อีกเรื่องยืนต่อคิวหาเป็นไม่คอยแต่แย่งแซงหน้าข้าตีนไว” อ้างเมืองใหญ่คนมากไม่อยากฟัง ทั้งเข้าห้องสุขาถ้าขับถ่าย เรื่องราดน้ำมอบหมายให้คนหลังวันนี้เจอกับตัวเองเข้าอย่างจัง ปิดประตูดังปังแล้วคลาไคล งูเขียวงูเหลืองเห็นเช่นไกด์กล่าว มีทั้งสั้นทั้งยาวเหม็นมิไหวช่างลามกสกปรกจริงหนอใจ มิมีใครสอนจรรยาน่าเกลียดนัก
เดินทางกลับ “ลั่วหยาง” ย้อนทางเก่า แล้วแวะเข้ากินอาหารทานมื้อหนักจัดวันเกิดให้ลูกค้าแบบน่ารัก แล้วเข้าพักโรงแรมใหญ่ใจกลางเมือง ได้นอนยืดเหยียดกายคลายเมื่อยล้า กลัวน่องขาเจ้ากรรมจะทำเรื่องอาหารเช้าในโรงแรมมีนองเนือง มิหมดเปลืองเพราะเลือกเอาที่เราคุ้น พวกเข้าผัด ไส้กรอก แฮม และไข่ อีกผัดผักสดใหม่กำลังอุ่นต่อกาแฟ ผลไม้ ไม่เสียดุล ต้องขอบคุณหมวยคอยชงส่งน้ำชา โปรแกรมเช้าวันนี้ไปที่วัด รถพาลัดชมเพลินแนวเนินผาวัดนี้เก่าเท่าลั่วหยางสร้างพร้อมมา คือ “วัดม้าขาว”นามงามวิไล
มีพระพุทธ เจ้าแม่กวนอิม เหมือนทั้งหลาย เพิ่ม “พระสังกัจจายน์” นั่งยิ้มใหญ่ทั้ง “พระจีน” สารพัดหลัดหลั่นไป แสดงให้เห็นชัดถึงศรัทธา ทุกองค์หุ้มด้วยทองผิวผ่องพรรณ กลิ่นธูปเทียนละอองควันปะทะหน้าพอช่วยให้คลายหนาวร้าวอุรา ขอชีวาเราได้มีสิ่งดีงาม ตามแต่จิตแต่ใจใครจะขอ เอาให้พอสมใจมิใครห้ามพรที่ขอใช่นั่งรอให้เป็นตาม ความมานะพยายามยังต้องมี