ชะตากรรมกระจอกน้อย
(ถูกนกเอี้ยงพาลแย่งรัง)
๑.
เกกมะเหรกคู่เอี้ยง โมเม
คิดแย่งรังฉลเล่ห์ เบ่งท้า
กระจอกพล่านเร่าเกร่ สร้องแซ่ ท่านนา
จึงค่อยปลงก้มหน้า ปริ่มน้ำตาคลอฯ
๒.
กระจอกรังแต่งน้อย พอตัว
เอี้ยงชั่วคิดพันพัว แย่งยื้อ
ถือตัวใหญ่บ่กลัว กรรโชกขู่
ผิว่าสู้แพ่งดื้อ จิกเจ้าม้วยวายฯ
๓.
จิ๊บจิ๊บจิ๊บแผ่วเศร้า เสียงกระจอก
คบกิ่งเขียวมะกอก เจ่าร้อง
พาลเอี้ยงข่มตะคอก กรีดเร่ง เจ้านา
ผิร่ำไรช้าต้อง เซ่นเท้าสังเวยฯ
๔.
นกเมืองไร้หมู่ไม้ แปงรัง
มวลหมู่มนุษย์คลั่ง วัตถุบ้า
ไม้เมืองโค่นบ่ยั้ง ผลาญคร่า เหี้ยนแฮ
พงศ์แซ่สกุณต่างล้า ป่าร้างไร้รังเรือนฯ
๕.
กระจอกเอี้ยงแย่งต้น เสาไฟ
เกาะเจ่าคอนไฟสาย ต่างก้าน
กระจอกวุ่นรังใย ฟ้อนว่อน ถักนา
เอี้ยงน่าชังเกียจคร้าน แก่งเจ้าแย่งครองฯ
๖.
ดูสกุณเฝ้าอยู่เหย้า เงียบงัน
นึกแต่กระจอกนั้น จ่อมเศร้า
เพียรอุตส่าห์แข่งขยัน แท้นั่น ท่านเฮย
เอี้ยงแย่งรังเย้ยเจ้า หม่นร้าวโศกาลัยฯ
สนอง เสาทอง
11 พ.ค. 56
***เสียงนกจิกตีกันวุ่นวายเมื่อเช้า ลุกออกมาดูหน้าระเบียงบ้าน เห็นนกเอี้ยงคู่หนึ่งบินไล่จิกตีผัวเมียนกกระจอกที่สร้างรังอยู่ต้นเสาไฟฟ้าหน้าบ้าน (ทำรังระหว่างสายไฟที่ร้อยมายังเสาเป็นสามทาง) นกกระจอกสู้ไม่ได้หนีไปเจ่าต้นมะกอกข้างบ้านส่งเสียงโวยวายลั่น
***ปกตินกกระจอกจะทำรังที่เสาไฟนี้แบบถาวร แต่พอใกล้ฤดูฝน นกเอี้ยงซึ่งปกติไม่สร้างรังนอน ก็จะมาไล่นกกระจอกเพื่ออาศัยรังออกลูก เมื่อลูกโตก็จะบินหนีไปจากรังทั้งหมด นกกระจอกก็จะกลับมาอาศัยที่รังเดิม เป็นเช่นนี้ทุกๆ ปี (อาจเป็นนิสัยเฉพาะตัวของนกเอี้ยงสุรินทร์)
(แต่งในห้วงเวลาเดียวกันที่บ้านในสุรินทร์ แต่บทนี้แต่งก่อน)โกลาหลแต่เช้า วุ่นวาย
จิกไล่โฉบฉวัดไฉว แกลบเอี้ยง
กระจอกทุ่มเถียงใส่ บ่เกี่ยง รุ่นนา
ครู่ใหญ่สลายเกลี้ยง มุ่งหน้าหากินฯ
ได้สงบเสียงอยู่บ้าง บ่ายสบาย
รีบเยี่ยมบ้านกลอนไทย บ่ช้า
เงียบเหงาอยู่เป็นไฉน พ้องเพื่อน
ฤาว่าสิ้นเดือนลัลล้า เที่ยวร้านยาดองฯ
ใกล้หกโมงค่ำแล้ว ทำใจ
ยินแว่วเกี่ยงโวยวาย พี่เอี้ยง
กระจอกแย่งเสาไฟ ฟ้าอยู่ คอนแล
เอี้ยงบ่ยอมฟาดเปรี้ยง ต่างเข้าโรมรันฯ
สงสารสองคู่เจ้า สกุณา
เถียงแย่งเสาไฟฟ้า แค่ต้น
ทำรังแต่หลบฝน วสันต์ล่วง ผ่านนา
สิเผื่อเลี้ยงลูกพ้น ปีกกล้าขาแข็งฯ