สิบห้าค่ำย่ำเยือนเดือนผาดผ่อง
แสงสีทองทาบทาแผ่นฟ้ากว้าง
หมู่เมฆน้อยคล้อยเคลื่อนเลื่อนลอยบาง
เงาสลัวทั่วทางแลรางเลือน
แสงสะท้อนจันทร์ฉายลงสายสินธุ์
ระลอกรินลดเลี้ยวกอดเกลียวเคลื่อน
น้ำกระเพื่อมเลื่อมหลั่นสั่นสะเทือน
ล้อแสงเดือนคงคาพาพลิ้วพราย
แรงลมโลมโน้มไผ่ไหวเอนลู่
สะบัดพรูพราวพร่างกิ่งก้านส่าย
เสียงเสียดสีอี๋อ๋อคลอระบาย
รายรอบกายเย็นเยือนเคลื่อนครอบคลุม
ลมเย็นยามดื่นดึกนั่งนึกเหม่อ
ใจลอยเผลอไผลยาวราวห้าทุ่ม
ความเหงาก่อรอก้าวเข้าเร้ารุม
สอดแขนกุมกายตนทนดายเดียว
ตามเรือกสวนไร่นาพาเวิ้งว้าง
ดูเคว้งคว้างคุ้งแควแลว่างเปลี่ยว
จับฝีพายสายน้ำเรือลำเรียว
คนใจเซียวเซาซบหลบฝูงชน
ลอยกระทงส่งจิตอธิษฐาน
จงนำผ่านล่วงลุอกุศล
สิ่งใดผิดพลั้งพลาดอาจเปื้อนปน
อภัยพ้นสักครา วันทา...มิ
ละอองดิน สิบห้าค่ำ ยุรยาตร ปราศพิสุทธิ์
เปรียบประดุจ นพมาศ ขาดสติ
ให้โอดโอย โหยเหี่ยว เปรี้ยวกะทิ
"ฮานามิ" สิแม่ แท้ยืนยัน
มีข้าวเกรียบ รวยเพื่อน เหมือนมีทรัพย์
พวกคว้าหมับ หนับหนุบ มิหุบหัน
ดั่งมีมนต์ คาถา สารพัน
หนุ่มถลัน แถกแถ แก่ก็มา
หยอดสักถุง ลงกระทง ปลงสังขาร
หากศีลทาน มีทำ กรรมมิหนา
คงได้พบ ประสบพักตร์ สักกระทา(ชาย)
สมอุรา ก่อนเกษียณ เพียรทำฮิ...
...มันอดใจไม่ให้ต่อกลอนสระ "อิ๊" ไม่ได้หน่ะซิ..หึหึ
Soul Searcher
Inspired to write 15/11/2016