@..ผลัดใบ..@(กลอนกลบทเทพชุมนุม)
ร่วงหล่นปลิวพลิ้วไหวใบไม้ว่อน
เมฆกลุ่มก้อนผ่อนเบาเขาตระหง่าน
สูงเหยียดฟ้าอากาศวาดเวียนกาล
หมุนเวียนผ่านวานร้อนผ่อนเบาลง
สายลมพัดผลัดใบไร้ข้อแม้
สิ่งนั้นแท้แลเห็นเป็นประสงค์
ร่วงโรยราลาหายกายมิคง
หยัดยืนยงจงอยู่รู้ไม่มี
เมื่อคราวอยู่รู้ให้ได้ประโยชน์
บางรับโทษโหดร้ายหมายจัดหนี
พายุโหมโถมถั่งดั่งชีวี
ต้องคดีที่ไม่อภัยวาง
ชีวิตหวังตั้งมั่นหวั่นใดเล่า
ร้อนไฟเผาเขาสุมรุมถากถาง
ก็มิเห็นเป็นสิ่งจริงเจือจาง
มุ่งมั่นทางสร้างดีมีที่เดิน
ฝันสูงสุดจุดหมายกายใจน้อม
ตั้งยินยอมล้อมรั้วทั่วสรรเสริญ
แม้ตัวตายวายวอดทอดพะเนิน
ปลิดปลิวเทินเหินฟ้าลาลับไป
สะบัดพลิ้วลิ่วล้อทอแสงอ่อน
ขอลาก่อนจรลับดับไสว
คงเหลือแต่แลร่องผ่องอำไพ
ฝากเอาไว้ให้เกษมเปรมปรีด์ภมูิ
พิณจันทร์
๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๒
………………………………..
“เทพชุมนุม” (XXA AB BXX)
กฏเกณฑ์บังคับ
เขียนเป็น “กลอนแปดหรือเก้า” โดยใช้จังหวะแบ่งวรรค ๓/ ๒(๓) / ๓
เน้นสัมผัสเสียงสระสองคู่ คือ ๓ ๔ กับ ๕ ๖ หรือ ๖ ๗ หรือ ๖ ๘ อย่างเป็นระบบ
ต้องใช้ตัวสะกดในมาตราเดียวกันตลอดทั้งบท (เช่นแม่ “กน” ก็ต้อง “กน”ทุกคำ) ยกเว้นคำสุดท้ายของบท ที่ต้องส่งไปยังมาตราเดียวกับบทถัดไป
สามารถใช้มาตราก.กา ที่เป็นสระเสียงสั้น (รัสสระ) หรือคำลหุ (คำเสียงสั้น) หรือ “สระอำ” แทนหรือแทรกได้
(ร้อยกรองคนองเพลงยาวโดยเจ้าคุณอู๋)