กบในกะลาครอบ
ผูกเรื่องเป็นนิทาน ขอเล่าขานพอจดจำ
คืนแรมสิบห้าค่ำ ผืนดิน น้ำ ฟ้า มืดมน
มีบ้านของคุณยาย เป็นแม่ม่ายจอมขี้บ่น
ลูกหลานเบื่อเหลือทน แกล้งซุกซนเที่ยวเล่นไป
เมื่อบ่ายยายบอกหลาน ฝากฝังงานแล้วเข้าไร่
วานขูดมะพร้าวไว้ หลานเหลวไหลลืมทันที
ตกเย็นยายกลับมา โมโหด่าหลานรีบหนี
ยายฉวยไม้ไล่ตี หลานเร่งลี้หลบเร็วไว
เหน็ดเหนื่อยค่อยหยุดยั้ง ปวดเมื่อยหลัง ขา บ่า ไหล่
ค่อยจุดคบจุดไต้ เป็นแสงไฟพอทำงาน
ยายหยิบกระต่ายตั้ง แล้วลงนั่งอยู่หน้าชาน
ขูดถูอยู่เนิ่นนาน พอเสร็จงานพักถอนใจ
หลังบ้านยายมีบึง กบตัวหนึ่งเพิ่งมาใหม่
เมื่อวานอยู่ธารใส บัดนี้ไซร้ได้เปลี่ยนแปลง
เจ้ากบกระโดดเหยง มิกลัวเกรงไม่คลางแคลง
เดือนดับจันทร์อับแสง ยายแก่แฝงความมืดมา
ยายยกย่องเยื้องย่าง เดินตามทางถึงปลายนา
ยายโยนแรงหนักหนา ทิ้งกะลาแล้วจากจร
ด้วยแรงยายโยนแรง กะลาแหว่งเด้งกระดอน
ละลิ่วพลิกยอกย้อน แล้วก็ล่อนครอบกบไว้
กบอยู่ในกะลา มิรู้ว่าคืออะไร
มันคิดว่าโลกใหม่ แคบลงไปจริงแท้เชียว
กบหลงสำรวจโลก แสนเศร้าโศกอยู่เปล่าเปลี่ยว
ถูกครอบอยู่ตัวเดียว โดดท่องเที่ยวทั่วกะลา
อ๊บ อบ เสียงกบร้อง มันเมียงมองทั้งซ้ายขวา
วนเวียนอยู่ไปมา อนิจจาเบื่อโลกจริง
มนุษย์อยู่อย่างไร เหมือนฉันไหมทั้งชายหญิง
ไม่พูดไม่สุงสิง เรไรหริ่งร้องระงม
พอเช้าเจ้าไก่ขัน ดวงตะวันส่องแสงสม
รำไรดูน่าชม พอมีลมลอดผ่านมา
เสียงเด็กร้องเกรี๊ยวกร๊าว เสียงหนุ่มสาวเขาพูดจา
กบตื่นฟื้นวิญญาณ์ เห็นโลกาผิดแปลกไป
หลานยายวิ่งเล่นมา เห็นกะลากองทิ้งไว้
เสียดายของทันใด คิดทำใช้ "เดินกะลา"
นี่แน่ะ ยังใช้ได้ ประดิษฐ์ใหม่คงหรรษา
เอาเชือกมะนิลา ร้อยลงมาสองข้างครบ
คิดแล้วก็หยิบไป โลกทั้งใบของเจ้ากบ
เปิดกว้างทั้งระบบ มันได้พบกับความจริง
กบมองทั้งซ้ายขวา เห็น น้ำ หญ้า ไม้ไหวกิ่ง
โลกกว้างขวางอย่างยิ่ง เข้าใจสิ่งใหม่ทันใด
โลกนี้ไม่แคบเลย กบเอื้อนเอ่ยอย่างสุขใจ
ท้องฟ้าสีสดใส เมฆคล้อยไปตามเวลา
สายลมพลิ้วพัดผ่าน บัวเบ่งบานบึงโสภา
กบมองเหล่าฝูงปลา แล้วเริงร่าร้องยินดี
กบ คิดโลกแคบผิด ตีความ ไปเอง
ใน ความมืดมิดตาม เข้าข้าง
กะลา ครอบไว้ยาม ดึกดื่น นาพ่อ
ครอบ ไว้ตัวเดียวร้าง ยิ่งหลงโง่งง